รัฐบาลเคาะเงินกู้อีก 3,210 ล. ให้สธ.สู้โควิด-บริหารจัดการน้ำ พร้อม เคาะอีก 505 โครงการพัฒนาภาค วงเงิน 6.3 หมื่นล้าน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. อนุมัติ 7 โครงการ ภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เพิ่มเติมอีก 3,210 ล้านบาท คือ

1.) โครงการยกระดับการให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินจากการระบาดของโควิด-19 ของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข 101 ล้านบาท

2.) โครงการยกระดับหน่วยบริการกรมอนามัยรองรับการระบาดของโควิด-19 ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข 128 ล้านบาท

3.) โครงการจัดหาวัสดุครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข 54 ล้านบาท

4.) ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการจัดหาวัคซีน สำหรับบริการประชาชนในประทศไทย เพิ่มเติมจำนวน 35 ล้านโดส จากเดิม 5 เดือน (เดือนพ.ค.-ก.ย. 2564) เป็นระยะเวลา 7 เดือน (เดือนมิ.ย.-ธ.ค.2564) ของกรมควบคุมโรค เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในการจัดซื้อจัดหาและส่งมอบวัคซีน

5.) โครงการปรับปรุงพัฒนาแหล่งน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค และการเกษตร ของกรมทรัพยากรน้ำ 1,826 ล้านบาท

6.) โครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรแปลงใหญ่ 601 ล้านบาท และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบกระจายน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ 497 ล้านบาท ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล รวมทั้งหมด 1,099 ล้านบาท 

7.) ให้จังหวัดยโสธรเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการส่งเสริมการเกษตรแบบผสมผสานโดยจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในไร่นา โดยเพิ่มพื้นที่หมู่บ้านดำเนินการจากเดิมทั้งหมด 12 หมู่บ้าน เป็น 13 หมู่บ้าน และยกเลิกกิจกรรมย่อยแปรรูปข้าว เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตและจำหน่ายข้าวเม่า ตำบลสามัคคี อำเภอเลิงนกทา วงเงิน 200,000 บาท ภายใต้โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและแปรรูปสินค้าเกษตร ทำให้กรอบวงเงินโครงการปรับลดจาก 3.98 ล้านบาท เป็น 3.78 ล้านบาท ทั้งนี้การดำเนินโครงการทั้งหมดจะทำให้วงเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เหลือกรอบวงเงิน 15,961 ล้านบาท

นอกจากนี้ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. เห็นชอบแผนปฏิบัติการภาค ประจำปีงบประมาณ 65 ทั้ง 6 ภาค รวมทั้งหมด 505 โครงการ คิดเป็นวงเงินงบประมาณ 63,595 ล้านบาท ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค หรือ ก.บ.ภ เป็นผู้นำเสนอ หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เป็นประธานการประชุม ก.บ.ภ เพื่อพิจารณาแผนฉบับนี้ไปแล้วเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

สำหรับแผนปฏิบัติการภาค ทั้ง 6 ภาค แยกเป็น แผนปฏิบัติการ ภาคเหนือ จำนวน 62 โครงการ วงเงิน 13,688.47 ล้านบาท แผนปฏิบัติการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 154 โครงการ วงเงิน 22,278.40 ล้านบาท แผนปฏิบัติการภาคกลางและพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 90 โครงการ วงเงิน 9,684.14 ล้านบาท แผนปฏิบัติการภาคตะวันออก จำนวน 61 โครงการ วงเงิน 4,866.81 ล้านบาท แผนปฏิบัติการภาคใต้ จำนวน 87 โครงการ วงเงิน 10,226.53 ล้านบาท แผนปฏิบัติการภาคใต้ชายแดน จำนวน 51 โครงการ วงเงิน 2,851.41 ล้านบาท

นายอนุชา กล่าวว่า ที่ประชุมครม. ยังเห็นชอบแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ 65 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด จำนวน 76 จังหวัด และ 18 กลุ่มจังหวัด รวมทั้งสิ้น 1,757 โครงการ งบประมาณรวม 42,882.33 ล้านบาท ทั้งในส่วนของงบจังหวัดและงบกลุ่มจังหวัด เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพที่เป็นความต้องการและแก้ไขปัญหาประเด็นร่วมของกลุ่มจังหวัด และเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาในลักษณะคลัสเตอร์ หรือตอบสนองนโยบายเชิงพื้นที่ด้วย

ขณะเดียวกันที่ประชุมยังเห็นชอบแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ.2561-2565 ฉบับทบทวนจำนวน 76 จังหวัด และ 18 กลุ่มจังหวัด โดยขอให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัด จัดลำดับความสำคัญของปัญหาและความต้องการของประชาชนพร้อมทั้งระบุพื้นที่เป้าหมายและกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน กำหนดตัวชี้วัดให้สอดคล้องกับเป้าหมายและประเด็นการพัฒนา ปรับข้อมูลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยให้มีความสอดคล้องกับข้อมูลปัจจุบันมากที่สุดด้วย