พร้อมแล้วฉีดเลย! กระทรวงสาธารณสุข สั่งปูพรมฉีดวัคซีนโควิดคนกทม. และพื้นที่ระบาด ไม่ต้องรอดีเดย์ พร้อมแล้วฉีดเลย ด้าน ‘อนุทิน’ ลั่นองค์การเภสัชกรรม ไม่มีค่าหัวคิวซื้อวัคซีนทางเลือก 

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. เวลา 16.30 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด-19 ว่า เบื้องต้นที่ประชุมจะมีการปูพรมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในพื้นที่ กทม. และพื้นที่มีการระบาด ไม่ต้องรอดีเดย์ พร้อมแล้วฉีดเลย และล่าสุด นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม จะสนับสนุนพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่ มีระบบระบายอากาศดี มีที่จอดรถ และการคมนาคมสะดวก ให้เป็นสถานที่ฉีดวัคซีน ตรงนี้ สธ.ก็จะมีการพิจารณา ส่วนการฉีดวัคซีนในพื้นที่อื่นสามารถลงทะเบียนผ่านไลน์และแอพพลิเคชั่น ‘หมอพร้อม’ หรือติดต่อผ่าน อสม. หรือโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาลเพื่อจองคิวรับวัคซีนได้ ทั้งนี้ วันที่ 13 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะไปตรวจเยี่ยมสถานที่ฉีดวัคซีนที่อาคารจามจุรี สแควร์ ด้วย

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีมีผู้กล่าวอ้างว่าองค์การเภสัชกรรมหักค่าหัวคิววัคซีนทางเลือก 10% นั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจาก กลไกซื้อขายวัคซีนตามปกติจะต้องมีค่าดำเนินการ ตรวจแล็บ ตรวจคุณภาพวัคซีน ค่าจัดส่ง รวมถึงค่าแวต (vat) เป็นเรื่องปกติ เหมือนกับที่กรมควบคุมโรค สั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคจากองค์การเภสัชฯ ก็ต้องจ่ายค่าดำเนินการส่วนนี้ ยืนยันว่าเป็นระเบียบการซื้อขายตามปกติ ไม่มีการคิดค่าหัวคิว และอันที่จริง องค์การเภสัชฯ เพียงเข้ามาเป็นสะพานเชื่อมระหว่างผู้ผลิตวัคซีนกับรพ.เอกชน เท่านั้น เป็นไปตามคำขอที่ภาคเอกชนระบุว่า ไม่สามารถจัดซื้อได้เอง องค์การเภสัชฯ จึงเข้ามาช่วยซื้อ ซึ่งไม่ใช่ภารกิจหลักขององค์การฯ ทั้งนี้ จัดซื้อวัคซีน จะสั่งซื้อตามจำนวน ตามความต้องการของเอกชนทั้งหมด
.
วันเดียวกันนี้ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวถึงการลงทะเบียนฉีดวัคซีนว่า ขอเวลา 2 สัปดาห์ ให้ร่วมกันช่วยลงทะเบียนหมอพร้อมให้กับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเพื่อเข้าถึงการรับวัคซีน โควิด-19 ใช้ในการป้องกันโรคเนื่องจากขณะนี้พบว่า ส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องการลงทะเบียนเพื่อคนสูงอายุอาจไม่ถนัดเทคโนโลยี หรือพาไปลงทะเบียนผ่าน รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.ชุมชนที่เป็นเจ้าของไข้

ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วย รมต.สาธารณสุข ประธานอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด-19 กล่าวว่า วัคซีนคือเครื่องมือสำคัญที่ลดการสูญเสียและการนอน รพ. วัคซีนแอสตราฯ ซึ่งเป็นวัคซีนหลักนั้นข้อมูลการศึกษาพบว่า ป้องกันการป่วยได้ถึง 76% ในเข็มแรก ลดความเสี่ยงเสียชีวิตได้ถึง 80% และลดการแพร่เชื้อในครอบครัวได้ 50% จึงต้องเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด รวมถึงวัคซีนของซิโนแวคด้วย แม้จะมีผลข้างเคียงบ้าง แต่น้อยกว่าประโยชน์ที่ได้รับจากการฉีดวัคซีน คือการป่วยหนัก ลดการเสียชีวิตลดการแพร่โรค จะช่วยให้เรากลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ และทำให้ประเทศขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/politics/842789