‘สัณหพจน์’ จี้ ‘พาณิชย์’ เร่งรับซื้อ ‘พริกเขียว’ เท่าเทียม หลังพบไปซื้อแต่ที่ ‘สงขลา’ แต่ไม่แวะมา ‘นครศรีฯ’
ส.ส.พปชร. นครศรีฯ ติงกระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายใน วางกรอบการรับซื้อ ‘พริกเขียว’ อย่างเป็นรูปธรรม มีมาตรการที่ชัดเจน เป็นมาตรฐานเดียวกัน หลังเกษตรกรพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ยังคงเดือดร้อนหนัก ขายพริกราคาขาดทุน แนะหน่วยงานรัฐเกษตรฯ-พาณิชย์ บูรณาการทำงานร่วมกัน
นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต2 จ.นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ กระทรวงพาณิชย์โดย กรมการค้าภายใน ออกมาตรการสนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือรับซื้อพริกขี้หนูดวงมณี หรือ พริกเขียวหัวไทร ราคากก.ละ 5 บาท จำนวนเป้าหมาย 3,000 ตัน ว่า วานนี้ (5 พ.ค.64) ตนได้ทราบข้อมูลจาก ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี ส.ส.เขต 4 จ.สงขลา พรรคพลังประชารัฐ ถึงกระบวนการรับซื้อพริกเขียวในพื้นที่จ.สงขลา
ทั้งนี้พบว่า กรมการค้าภายใน โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสงขลา ได้ประสานให้ผู้รับซื้อพริกเขียว จากเกษตรกรในพื้นที่ในพื้นที่ อ.ระโนด และอ.สทิงพระ จ.สงขลา ในราคา กก.ละ 10 บาท แล้ว พร้อมทั้งบันทึกหลักฐานการรับซื้อจากเกษตรกรแต่ละราย เพื่อจะได้สนับสนุนงบช่วยเหลือ 5 บาท/กก.ให้กับเกษตรกร โดยมีจำนวนการรับซื้อที่ 1,000 ตัน
ขณะที่ จ.นครศรีธรรมราช ปัจจุบัน เกษตรกรผู้ปลูกพริกในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง จำนวน 1,072 ราย พื้นที่ปลูกกว่า 2,000 ไร่ ใน 6 อำเภอคือ อ.เชียรใหญ่ อ.ชะอวด อ.หัวไทร อ.ปากพนัง อ.เฉลิมพระเกียรติ และอ.เมือง ผลผลิตรวมประมาณ 10,117 ตัน/ฤดูกาล ยังคงประสบปัญหาดังกล่าวอยู่ เนื่องจากผู้รับซื้อได้รับซื้อผลผลิตในราคา กก.ละ 7-8 บาท จากที่ก่อนหน้านี้ 2-3 วันที่ผ่านมา ราคาพริกเขียวตกต่ำจนถึง กก.ละ 6 บาท โดยผู้รับซื้อแจ้งว่ายังไม่ได้รับการประสานงานจากหน่วยงานราชการใด ๆ
“จากปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าวของพี่น้องเกษตรกร ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่เก็บผลผลิต เนื่องจากกำลังรอการอนุมัติงบช่วยเหลือจากกรมการค้าภายในก่อน ซึ่งในช่วงนี้มีฝนตกหนักในพื้นที่ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคกุ้งแห้ง ซึ่งจะทำให้พริกยืนต้นตาย ยิ่งจะทำให้เกษตรกรขาดทุนมากยิ่งขึ้น
เบื้องต้นทราบแต่เพียงการกำหนดจำนวนรับซื้อที่ 1,000 ตันนั้น ซึ่งเท่ากันทั้ง 2 จังหวัดคือ จ.สงขลา และจ.นครศรีฯ หากเปรียบเทียบจำนวนผลผลิตแล้ว จ.สงขลาผลิตได้วันละ 20 ตัน ขณะที่จ.นครศรีฯ มีผลผลิตพริกออกสู่ตลาดมากถึงวันละ 80-100 ตัน ผลผลิตรวมต่อฤดูกาลถึง 10,117 ตัน/ฤดูกาล ซึ่งตนมองว่า มีสัดส่วนที่ไม่เหมาะสม” นายสัณหพจน์ กล่าว
ดังนั้นตนจึงอยากให้ กรมการค้าภายในได้กำหนดกรอบการรับซื้อพริกเขียวจากเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม ชัดเจน และเป็นมาตรฐานเดียวกัน ที่สำคัญต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน ทั้งนี้เนื่องจากผลผลิตพริกของเกษตรกรมีการเก็บเกี่ยวและออกสู่ตลาดทุกวัน หากปล่อยไว้นาน จะทำให้เกษตรกรเดือดร้อน ประสบกับปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จำเป็นจะต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันในพื้นที่ ทั้งหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ขณะที่ภาคประชาชนสังคม และ ส.ส.หรือผู้แทนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ พร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ วันนี้จำเป็นที่จะต้องทำงานแข่งกับเวลา เพราะพี่น้องประชาชนกำลังเดือดร้อน