‘รองโฆษกพรรคกล้า’ ห่วงบรรทัดฐาน ‘คดีธรรมนัส’ คนต้องคำพิพากษาคดียาเสพติดต่างประเทศเป็น ส.ส.-รัฐมนตรีได้ ชี้ช่องยื่น ป.ป.ช. วินิจฉัยจริยธรรมร้ายแรงต่อ
นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม รองโฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ กรณีต้องคำพิพากษาศาล ออสเตรเลียในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดว่า แม้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สุดในเรื่องคุณสมบัติแล้ว แต่การให้เหตุผลคำวินิจฉัยในทำนองว่าคำพิพากษาของต่างประเทศ ไม่มีผลผูกพันต่อกฎหมายไทย เกิดเป็นคำถามถึงบรรทัดฐานกระบวนการยุติธรรมไทย
"ผมไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับบุคคลในคดี แต่สงสัยว่า ถ้ามีคนก่อคดีคล้าย ๆ มันคือแป้ง ในต่างประเทศ หมายความว่าบุคคลนั้น สามารถสมัครรับเลือกตั้ง เป็น ส.ส. หรือเป็นรัฐมนตรี ได้หรือไม่ เชื่อว่าประชาชนอีกหลาย ๆ คน ก็คงรู้สึกสงสัยไม่ต่างกัน จึงหวังว่าคำวินิจฉัยฉบับเต็มที่จะออกมาภายหลัง จะมีการอธิบายถึงบรรทัดฐานในอนาคตที่ชัดเจนด้วย" นายแสนยากรณ์ กล่าว
รองโฆษกพรรคกล้า กล่าวว่า เรื่องคุณสมบัติคงจะจบไปด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ยังคงมีประเด็นว่า ขัดต่อมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงตามหมวด 1 ของมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 ซึ่งกำหนดให้บังคับใช้แก่ ส.ส., ส.ว. และคณะรัฐมนตรี ด้วยหรือไม่โดยสามารถยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อชี้มูลว่าฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ และส่งต่อให้ศาลฎีกาตัดสินต่อไป
นายแสนยากรณ์ ยังกล่าวถึง พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 5 กำหนดด้วยว่า ผู้ใดกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด แม้จะกระทำนอกราชอาณาจักร ผู้นั้นจะต้องรับโทษในราชอาณาจักรด้วย รวมถึงความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมายคณะที่ 5 ) เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2525 ก็ระบุถึงเจตนารมณ์ส่วนหนึ่งว่า ถ้าต้องห้ามเฉพาะการกระทำผิดในประเทศ ไม่เกี่ยวกับการกระทำผิดในต่างประเทศ ก็จะเกิดการลักลั่นไม่เป็นธรรม ซึ่ง 2 ประเด็นนี้ น่าจะเป็นข้อกฎหมายและความเห็นที่มีนัยยะสำคัญ หากมีการวินิจฉัยต่อว่าขัดต่อจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่
ขณะที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ ‘Withawatt Cozy Tansuhaj’ ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า
เรื่องคุณธรรมนัสวันนี้ ขอยกตัวอย่างที่ฮ่องกง
เหตุจลาจลที่ฮ่องกงเกิดจากอะไรแต่แรก
คือมีชายฮ่องกงพาเพื่อนหญิงของเขาไปใต้หวันและฆ่าเธอตายที่นั่น พอหนีกลับมาฮ่องกง ทางใต้หวันแจ้งไปเรื่องฆาตกรรม แต่เนื่องจากไม่มีกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน เขาจึงรับโทษที่ฮ่องกงแค่ข้อหาขโมยโทรศัพท์มาขายเท่านั้น
จีนจึงออกกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน พวกโจซัว หว่องเลยออกมาประท้วงเพราะกลัวจะหนีไม่ได้อีกต่อไป จะถูกจับส่งไปด้วย แล้วเรื่องมันก็ลุกลามอย่างที่เห็นกัน
ศาลฮ่องกงไม่มีสิทธิลงโทษชายผู้นั้นข้อหาฆาตกรรม ทั้งๆที่เขาก็ยอมรับว่าเป็นฆาตกร เพราะเขาไปฆ่าที่ใต้หวัน มันเป็นหลักสากลที่ว่า เหตุที่เกิดในประเทศหนึ่งจะไม่มีผลทางกฎหมายใดใดในอีกประเทศหนึ่ง
คุณธรรมนัสที่รอดก็ด้วยหลักสากลนี้ จะค้ายาจริงหรือไม่นั่นไม่ใช่ประเด็น แต่เขาติดคุกที่ออสเตรเลียไม่ใช่ที่ไทย ผลการตัดสินผมว่ามันก็ต้องเป็นไปอย่างนั้่นตามหลักอธิปไตยทางกฎหมาย
อันนี้ไม่ได้ชอบหรือเกลียดคุณธรรมนัสนะ เฉยๆมาก ครั้งเลือกตั้งล่าสุดก็ไม่ได้เลือกพรรค พปชร. แต่ผมเห็นด้วยกับการตัดสิน
การทำผิดกฏหมายที่ต่างประเทศ ไม่ควรมีผลสำหรับคุณสมบัติที่บังคับใช้ในประเทศไทย ถือว่าถูกแล้วครับ สำหรับประเทศที่ยังเป็นเอกราช
จะต่อว่าก็ต่อว่าคุณธรรมนัสได้ครับ ที่ไม่ยอมพิจารณาตัวเอง ไม่มีสปิริต
แต่จะมากล่าวหาว่าร้ายให้ศาลหรือเลยเถิดไปถึงไหนก็ตาม อันนี้ไม่ใช้สติละ ไม่ถูกเลยครับ ผิดและอคติอย่างมาก
https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10226662436727835&id=1255629295