“จตุพร”ระบุไล่ “ประยุทธ์” ยก 3 จัดเต็ม ร่วมทุกฝ่ายทั้งการเมือง-ปชช.-นักวิชาการ เผย 1-2 พ.ค.นี้ มี ส.ส. มาร่วมส่งเสียงไล่ประยุทธ์ออกไป “เสรีพิศุทธ์-วิโรจน์-วันมูหะหมัด-ชลน่าน” เชื่อ ปชป.-ภท.ถูกถีบออกก่อนยุบสภา แขวะนายกฯ รวบอำนาจ กม. 31 ฉบับ ยังไม่รู้สึก?

เมื่อ 29 เมษายน 2564 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ peace talk โดยกล่าวถึงการจัดอภิปรายของคณะสามัคคีประชาชนในช่วงยก 3 วันที่ 1-2 พ.ค.นี้ จะมีนักวิชาการ ส.ส.หลายคนมาร่วมอภิปรายชำแหละระบอบประยุทธ์ ที่ปกครองประเทสไทยมากว่า 7 ปี แต่ไม่มีผลงานสำเร็จให้คนไทยได้ชื่นชมสักชิ้นงาน 

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ขอรวบอำนาจจากกฎหมายทั้ง 31 ฉบับมาไว้ที่คนเดียว เท่ากับเป็นการยึดอำนาจจาก ครม.และไม่มี รมต.คนใดคัดค้าน เปรียบเหมือนเป็นการรัฐประหารรูปแบบใหม่  

ดังนั้น การรวบอำนาจเช่นนี้ จึงแสดงถึงประยุทธ์ มีความคิดแยบยลในการยึดรวบอำนาจ จึงดูแคลนคนนี้ไม่ได้ เพราะหากไม่แน่จริงเขาคงจะไม่อยู่มาได้ถึง 7 ปี ทั้งที่การทำงานไม่ได้เรื่องสำเร็จสักเรื่องเลย 

ถึงที่สุดแล้ว การรวบอำนาจล่าสุดของประยุทธ์ เท่ากับทำให้สถานการณ์ของประเทศในขณะนี้ไม่มีอะไรแตกต่างจากการรัฐประหารเมื่อ 22 พ.ค. 2557 แม้ไม่มีทหารออกมาบนถนนก็ตาม โดยสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการปกครองของ “ระบอบประยุทธ์” ได้ชัดเจน ว่า ต้องการให้อำนาจทั้งปวงอยู่ที่คน ๆ เดียว คือ ประยุทธ์ เปรียบเหมือนการเป็นองค์รัฎฐาธิปัตย์อีกแบบหนึ่งที่ได้อำนาจต่อเนื่องมาจากการรัฐประหาร 

"มีผู้ใหญ่สงสัยว่า เมื่อประยุทธ์ ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้แล้ว ทำไมจึงไม่เข้าเฝ้าในหลวงเพื่อถวายรายงานโควิด และขอคำปรึกษาจากพระเจ้าแผ่นดิน เพราะบริหารแผ่นดินมา 7 ปี ทำเอาประชาชนย่อยยับในทางเศรษฐกิจ แต่ผู้ใหญ่ฝากมาว่า ทำไมจึงไม่ขอเข้าเฝ้าอีก" 

พร้อมกล่าวว่า การบริหารที่ดีนั้น ไม่จำเป็นต้องรวบอำนาจมาอยู่ที่คนเดียว ต้องเฉลี่ยอำนาจไปอยู่ที่ ครม.รับผิดชอบ ดังนั้น จะเชื่อมั่นในระบบคนๆเดียวได้อย่างไร เพราะเมื่อรัฐประหารมีอำนาจคนเดียวแล้ว ยังไม่มีความสามารถในการบริหารและตระบัดสัตย์คำมั่นสัญญา โดยสิ่งที่รับปากจะปฏิรูปทั้งหลายมาเคยทำได้สักเรื่องเดียว สัญญาจะแก้ รธน.ก็ตระบัดสัตย์ แล้วสุดท้ายกลับไปลงที่ต้องการสืบทอดอำนาจให้ยาวนานอีกตามเดิม 

"ผมขอบอกไปยังพรรคประชาธิปัตย์ว่า วันหนึ่งต้องถูกเขี่ยทิ้งแน่นอนอยู่แล้ว การยึดอำนาจในกฎหมาย 31 ฉบับบอกได้อย่างดีและชัดเจนแล้ว อีกทั้งพรรคภูมิใจไทยที่กลุ่มหมอไม่ทนออกมาไล่นั้น ไม่รู้หรือใครอยู่เบื้องหลัง ดังนั้น สองพรรคการเมืองนี้ต้องถูกถีบออกก่อนยุบสภาอยู่แล้ว” 

อีกอย่าง ภายใต้ระบอบประยุทธ์นั้น พรรคการเมืองเข้ามาร่วมรัฐบาลทั้งหลายแทบไม่ได้อะไรเลย ทั้งที่พรรคเหล่านี้ตระบัดสัตย์ต่อประชาชนไปเข้าร่วม แล้วการยึดอำนาจด้วยกฎหมาย 31 ฉบับ ยังไม่รู้สึกอะไรอีกหรือ และยังต้องการอยู่เพื่ออำนาจรัฐบาลเท่านั้นหรืออย่างไร 

“คณะสามัคคีประชาชนจึงต้องขับเคลื่อนไม่ให้ประยุทธ์ ทำงานอีก เพราะทำอะไรสำเร็จไม่ได้สักเรื่องตลอด 7 ปี แล้วการรวบอำนาจ 31 ฉบับจะอ้างว่า ไม่มีอำนาจอย่างนั้นหรือจึงแก้ปัญหาไม่ได้ แล้วเมื่อยึดอำนาจ 22 พ.ค. 2557 มีอำนาจเต็มยังทำอะไรไม่ได้เลย ดังนั้น จึงต้องไล่ประยุทธ์ ให้ออกไป เพราะไม่สมควรให้เป็นนายกฯ ในประเทศไทยอีกต่อไปแม้แต้เพียงวันเดียว” 

นายจตุพร กล่าวว่า การไล่ประยุทธ์ ในวันเสาร์-อาทิตย์ (1-2 พ.ค.) ที่จะถึงนี้ แบ่งเป็น 2 ภาค โดยภาคเริ่มแรกบ่ายโมงถึงสี่โมงเย็น จะมีหมู่มิตรคณะสามัคคีประชาชน ไทยไม่ทน เปิดเวทีปราศรัย ส่วนภาคสองเป็นช่วงสี่โมงเย็นเป็นต้นไป จะเป็นเวทีแขกรับเชิญทั้งนักการเมืองและนักวิชาการการเข้ามาร่วมด้วย 

โดยสัปดาห์นี้ (1-2 พ.ค.) มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ศ.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าเพื่อไทยฝ่ายเศรษฐกิจ นายประพัฒน์ จงสงวน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมทั้งนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ เต้ พระรามเจ็ด ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และมีอีกหลายคนต้องคิดตาม 

"ผมเชื่อว่าวันนี้ในซีกการเมือง กับฝ่ายประชาชนต่างส่งเสียงเหมือนกัน ว่า ประยุทธ์ ออกไป การมาร่วมของทุกฝ่ายนั้นล้วนจำเป็นอย่างยิ่ง หากไม่สามัคคีกันก็ถูกแบ่งแยกแล้วปกครอง อยู่ในสภาพสังคมไร้อนาคตเหมือนเดิม จึงขอบอกว่า เจตนารมณ์ของคณะสามัคคีประชาชน คือ เปิดประตูทุกบาน ใช้หลักแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง ต้อนรับทุกคนในฐานะปัจเจกมาร่วมกันมาไล่ประยุทธ์ ออกไป ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของคนไทยในชาติ” 

ส่วนการประกันตัวเพนกวินและแกนนำราษฎรนั้น นายจตุพร ยืนยันว่า เป็นสิทธิของผู้ต้องหาและทุกคนต้องเคารพในสิทธินี้ด้วย พร้อมกับหวังว่า ทุกคนจะต้องได้ประกันตัวกลับไปสู่อ้อมอก พ่อ แม่ พี่น้อง สิ่งนี้เป็นความรู้สึกของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ขณะเดียวกันตนก็เคารพสิทธิของผู้พิพากษาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตนย้ำเสมอว่า การแสดงความคิดแตกต่างทางการเมืองนั้น ไม่ควรต้องมีใครไปถูกขังคุกแม้แต่รายเดียว 

"ผมหวังว่า เมื่อประชาชนทุกฝ่ายส่งเสียงเหมือนกัน นั่นคือเสียงไล่ประยุทธ์ ออกไป วันนั้นความสามัคคีของประชาชนคือจุดเปลี่ยนที่แท้จริงของประเทศนี้ จึงชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมส่งเสียงในวันเสาร์-อาทิตย์นี้ และต่อเนื่อง”