‘บิ๊กป้อม’ เร่งแก้น้ำเค็ม ลดผลกระทบผู้ใช้น้ำ หลังพบน้ำประปาเค็มสุดในรอบ 10 ปี ลงพื้นที่ตรวจเขื่อนพระรามหก จ.อยุธยา สั่งคุมเข้มแม่น้ำสายหลัก เจ้าพระยา/บางปะกง ยกระดับรับมือน้ำทะเลหนุน

เมื่อ 3 มี.ค.พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองในฐานะ ผู้อำนวยการ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.),นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพย์กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้ม (ทส.) พร้อมคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำเค็ม ในแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำบางปะกง ที่เขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายภานุ แย้มศรี ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ร่วมให้การต้อนรับ

พล.อ.ประวิตร ได้รับทราบรายงานสถานการณ์น้ำ และมาตรการสำหรับการจัดการปัญหาน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำบางปะกง จาก สทนช. รวมถึงรับทราบ แนวทางการแก้ไขปัญหาความเค็มของน้ำ จากหน่วยงานต่าง ๆ ที่รับผิดชอบ อาทิ กรมชลประทาน ,การประปานครหลวงและการประปาส่วนภูมิภาค ซึ่งปีนี้มีค่าความเค็มสูงถึง 2.53 กรัม/ลิตร นับว่าเป็นค่าความเค็มที่สูงสุดในรอบ10 ปี

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวมอบนโยบายโดยสรุปคือ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยอย่างยิ่ง ต่อปัญหาความเค็มของน้ำที่เกินมาตรฐาน (0.5 กรัม/ลิตร) ในการผลิตน้ำประปา ซึ่งส่งผลกระทบกับภาคการใช้น้ำของประชาชน จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆเร่งแก้ไขปัญหา อย่างเร่งด่วน โดยกำชับให้กรมชลประทาน ร่วมกับ การประปานครหลวง เร่งควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ให้เกินเกณฑ์คุณภาพน้ำ เพื่อการอุปโภคบริโภค และการเกษตร, มอบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับกระทรวงมหาดไทยเร่งสร้างการรับรู้ เพื่อควบคุมการเพาะปลูกพืช ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา และกำหนดมาตรการชดเชย/เยี่ยวยาให้แก่เกษตรกร ที่ไม่สามารถเพาะปลูกพืช ได้ เนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอ, ให้จังหวัด ควบคุมน้ำในพื้นที่ไม่ให้สูบไปใช้ระหว่างทาง เพื่อลดปริมาณน้ำสูญเสีย ที่จะนำไปช่วยผลักดันน้ำเค็ม และให้การประปานครหลวง เร่งรัดแผนงานระยะยาว เพื่อป้องกันความเสี่ยง กรณีค่าความเค็มบริเวณสถานีสูบน้ำสำแล สูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน

จากนั้น พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้ไปตรวจสภาพพื้นที่บริเวณ เขื่อนพระรามหก เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ สำหรับเขื่อนพระรามหก แห่งนี้ ก่อสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นเขื่อนทดน้ำแห่งแรกของประเทศไทย ที่สร้างกั้นแม่น้ำป่าสัก เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ เพื่อการเกษตร โดยสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2467 มีประตูระบายน้ำแบบเลื่อนขึ้น - ลงในแนวดิ่ง 6 บาน ขนาดบาน กว้าง 12.50 ม. สูง 1.80 ม. สามารถส่งน้ำไปยัง พื้นที่เพาะปลูก ได้ มากกว่า 680,000 ไร่

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้ทุกหน่วยงาน บูรณาการทำงานร่วมกัน อย่างจริงจัง และเน้นย้ำให้คุมเข้มมาตรการต่างๆ ทั้งการป้องกันการสูบน้ำไปใช้ระหว่างทาง และการเพาะปลูกพืชเกินแผนที่กำหนด พร้อมทั้ง สั่งให้ สทนช. จัดสร้างอาคารควบคุม เพื่อป้องกันการรุกตัวของน้ำเค็ม จากภาวะทะเลหนุนอีกด้วย