Tuesday, 10 June 2025
SPECIAL

‘ปิยบุตร’ ช่วย ‘ภัณฑิล’ หาเสียงคลองเตย ปชช. ตอบรับดี ลั่น!! กระแส ‘ก้าวไกล’ ยังเพิ่มได้อีก มั่นใจ!! สู้บ้านใหญ่ได้

‘ปิยบุตร’ ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครคลองเตย หาเสียง ลั่น กระแสก้าวไกลยังเพิ่มได้อีก มั่นใจ สู้บ้านใหญ่ได้ เมิน นักร้อง ปมครอบงำพรรค เหน็บหมดยุคขี้แพ้ชวนตี
.
(24 เม.ย.66) นายปิยบุตร แสงกนกกุล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ตลาดนัด แฟลต12 เขตคลองเตย เขตวัฒนา ช่วยนายภัณฑิล น่วมเจิม ผู้สมัครส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล เบอร์ 2 ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี

นายปิยบุตร กล่าวถึงความั่นใจในเชตพื้นที่คลองเตย ว่า หากเปรียบเทียบคะแนนเมื่อปี 62 พรรคอนาคตใหม่แพ้ไปนิดเดียว ส่วนรอบนี้ที่เป็นพรรคก้าวไกล เชื่อว่ากระแสดีเบตของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแกนนำหลายคนที่ตระเวนออกเวทีดีเบตทุกเวที ผู้ช่วยหาเสียงนายธนาธร น.ส.พรรณิการ์ และตนช่วยหาเสียงแบบดาวกระจายทั่วประเทศ ทำให้มีกระแสสูงมากกว่าปี 62

การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้มีแค่นิวโหวตเตอร์ ที่เป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ แต่มีประชาชนหลากหลายช่วงวัยสนับสนุนพรรคก้าวไกลมากขึ้น ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะมีลุ้นทุกเขต สำหรับการแข่งขันในเขตวัฒนา-คลองเตย กับเจ้าของพื้นที่เดิมอย่างนางกรณิศ ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย ประเมินจากการเลือกตั้งครั้งก่อน ประชาชนเลือกเพราะต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี จึงเฉือนชนะไปนิดเดียว

“รอบนี้กระแสเปลี่ยน ประชาชนอยากเปลี่ยนนายกฯ เปลี่ยนขั้วรัฐบาล เปลี่ยนโครงสร้างประเทศไทยให้ยุติธรรมเสมอภาคเท่าเทียมกันเชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะมีโอกาสในเขตวัฒนา-คลองเตย”

นายปิยบุตร กล่าวต่อว่า ส่วนผลสำรวจของซูเปอร์โพล ที่พรรคก้าวไกลได้คะแนนเพิ่มขึ้นในฐานะนักวิเคราะห์ มองว่าคะแนนจะเพิ่มขึ้นได้อีกเรื่อยๆ สวนทางกับกระแสของแต่ละพรรคที่เริ่มหยุด กลยุทธ์พรรคก้าวไกลจะส่งผู้ช่วยหาเสียงปราศรัยในพื้นที่ต่าง ๆ โดยวันนี้นายธนาธรลงพื้นที่ภาคใต้กระแสตอบรับดีมาก ทั้งที่หลายคนเชื่อว่าพื้นที่ภาคใต้มักจะเป็นคนอนุรักษ์นิยม พรรคก้าวไกลน่าจะไม่มีคะแนน

ส่วนน.ส.พรรณิการ์ ไปภาคอีสานโดยเฉพาะจ.ขอนแก่น พรรคก้าวไกลน่าจะได้ลุ้น ทั้งเขต 1-4 ขณะที่ตนสัปดาห์นี้จะประจำพื้นที่กทม.และปริมณฑล ด้านนายพิธา และน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตระเวนดีเบต เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ พรรคก้าวไกลนิยมปราศรัยเวทีย่อย เพราะเราต้องไปหาประชาชนในพื้นที่ให้ใกล้ที่สุด ไม่รบกวนพี่น้องประชาชนให้เดินทางมาที่เวทีปราศรัย

“ส่วนการสู้กับกระสุนและบ้านใหญ่ในพื้นที่ต่าง ๆ ขณะนี้กระแสพรรคก้าวไกลกระจายไปทั่ว เป็นหน้าที่ของผู้สมัครที่จะต้องเดินทางไปเก็บกระแสให้เปลี่ยนมาเป็นคะแนน เชื่อว่ากระแสจะสู้กระสุนได้ ความคิดและดุมการณ์ของพรรคก้าวไกลที่ชัดเจนอย่างตรงไปตรงมาจะทำให้สู้กับบ้านใหญ่ได้”

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีกระแสว่านายธนาธร และนายปิยบุตร ทำงานเกินหน้าที่เข้าข่ายครอบงำพรรค นายปิยบุตร กล่าวว่า นักร้องก็ต้องทำหน้าที่คอยร้องสกัด ตนอยากให้การเลือกตั้งแข่งขันอย่างตรงไปตรงมา ชนะก็คือชนะแพ้ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ควรหมดประเพณีนิยม “เตะสกัดขัดขา”ผ่านการร้องเรียนยุบพรรคตัดสิทธิ

หากทำเช่นนี้บ่อยๆก็เหมือนกับขี้แพ้ชวนตี ต่อให้ร้องเรียนมาก็ไม่เป็นไรยืนยันว่าผม นายธนาธร และน.ส.พรรนิกา ทราบดีว่าเป็นได้แค่ผู้ช่วยหาเสียงและกองเชียร์ ไม่ใช่โค้ชไปสั่งสอน พรรคก้าวไกลจ้างมาให้ช่วยหาเสียงเท่านั้น ก่อนจะมาปราศรัยก็ต้องเปิดสมุดนโยบายหาเสียงต้องไม่เกินเลย ส่วนพรรคจะตัดสินใจวางหมากวางเกมอย่างไรก็เป็นเรื่องของพรรค หากเลือกตั้งเสร็จจะเลือกร่วมรัฐบาลหรือไม่ก็เป็นเรื่องของพรรคที่ต้องคิดอ่าน


ที่มา : https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7628822

‘ตร.ไซเบอร์’ ทลาย ‘แก๊งจีน’ ลวงส่งของเก็บเงินปลายทาง พบเหยื่อโผล่ทั่วไทย เงินหมุนเวียน 20 ล้านบาท

ตร.ไซเบอร์ทลาย"แก๊งจีน"ตีเนียนส่งของเก็บเงินปลายทาง พบเหยื่อโผล่ทั่วไทย บุกค้นโกดังสินค้าย่านบางนาพบพัสดุนับหมื่นชิ้น เร่งขยายผลล่านายทุนจีนตัวการใหญ่ เผยเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้าน
.
(24 เม.ย.66) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท.พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท 2 พ.ต.อ.จักรกฤช ศรีโรจ นากูร ผกก.2 บก.สอท.2  นำกำลัง บก.สอท. 2 ปิดล้อมตรวจค้น 3 จุด ในพื้นที่บางนา หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากว่าได้รับความเดือดร้อนจากการที่มีพัสดุเก็บเงินปลายทางมาส่ง ทำให้หลงเชื่อว่าอาจจะมีบุคคลในครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงานเป็นคนสั่งก่อนชำระเงินให้ไป ทำให้เดือดร้อนและเกิดความเสียหาย มีผู้หลงเชื่อชำระเงินไปเป็นจำนวนมาก

โดยจุดที่น่าสนใจเป็นการเข้าตรวจค้นโกดัง เก็บของ รับของ 2 แห่ง ภายในซอยบางนาตราด 17 แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กทม. ซึ่งลักษณะเป็นโกดังให้เช่า โดยโกดังแห่งแรกเป็นโกดังเก็บพัสดุสินค้า จากการตรวจสอบพบพัสดุสินค้าหลายรายการ ภายในบรรจุสินค้าหลายรายการ อาทิ เครื่องสำอาง,รองเท้า, เสื้อผ้า อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น  นอกจากนี้ยังพบกล่องพัสดุเปล่าที่เตรียมแพ็กของสุ่มส่งลูกค้า  และสติกเกอร์รายชื่อที่อยู่ของเหยื่อที่ถูกทำลายเป็นจำนวนมาก  อีกทั้งตรวจค้นในสำนักงานพบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีรายชื่อของผู้รับถูกบันทึกไว้อย่างละเอียดในระบบคอมพ์พิวเตอร์ และยังมีสินค้าตีกลับอีกนับหมื่นรายการ

โกดังที่สองเป็นโกดังสำหรับแพคพัสดุที่รอทำการส่ง พบชั้นวางกล่องพัสดุที่ถูกตีกลับ และกระสอบใส่กล่องพัสดุที่ถูกตีกลับกว่าหมื่นกล่อง  รวมทั้งบาร์โค้ดที่ใช้สำหรับส่งของพัสดุ  นอกจากนี้ทั้งสองจุดสามารถควบคุมตัวผูู้ดูแล คือ น.ส.สุรีพร อายุ 30 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ. 225 /2566 ลงวันที่ 24 เม.ย.ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และคุมตัวนายตู่ อายุ 27 ปีพนักงานแพ็กของ

เบื้องต้นทั้งสองอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นว่าเป็นพฤติกรรมการหลอกลวงส่งของเก็บเงินปลายทาง ทั้งในส่วนบาร์โค้ด รายชื่อลูกค้า และโลโก้บริษัทส่งของต่างๆ อ้างเพียงถูกจ้างมาแพ็กของติดชื่อส่งพัสดุยังผู้รับ ได้ค่าจ้างเดือนละ  15,000 บาท ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งในส่วนรายชื่อ หรือพัสดุ โดยเจ้าของกิจการ ซึ่งเป็นคนจีนจัดหามาให้เพียงแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น แต่ให้ข้อมูลว่าสินค้าทั้งหมดนำเข้ามาจากจีน แต่ไม่ทราบวิธีการนำเข้า จากนั้นจะนำชื่อที่อยู่ของผู้รับ จากระบบคอมพิวเตอร์ปริ้นท์ลงกระดาษแปะหน้ากล่อง ก่อนจะนำไปส่งต่อยังบริษัทรับส่งพัสดุ เพื่อนำส่งไปตามที่อยู่ที่ระบุหน้ากล่อง ซึ่งทั้งหมดจะถูกเก็บเงินปลายทางยังผู้รับทุกวัน โดยแต่ละวันจะส่งวันละหลายร้อยกล่อง ที่ผ่านมาก็ถูกตีกลับเกินครึ่ง และหากสินค้าที่ถูกตีกลับมาจะนำลอกชื่อหน้ากล่องออก แปะข้อมูลของอีกคนเข้าไปแทนจากนั้นดำเนินการส่งใหม่อีกรอบ ทำซ้ำๆ วนไปแบบนี้เป็นวงจรปกติ สำหรับรายชื่อของผู้รับไม่ทราบว่าเจ้าของซึ่งเป็นคนจีนนำมาจากไหน แต่จะมีเข้ามาในระบบเรื่อยๆ

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า ตามนโยบายของพล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. ที่เน้นย้ำสั่งการให้ปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ หลังสถิติการรับแจ้งความทางออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่า มีประชาชนตกเป็นเหยื่อจากการสั่งสินค้าทางออนไลน์สูงเป็นอันดับหนึ่ง ขณะเดียวกันทาง บก.สอท.2 ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายจำนวนมากว่าได้สั่งซื้อสินค้าผ่านเพจเฟชบุ๊ก Wdecd-US แต่ได้รับสินค้าที่ไม่ตรงตามที่สั่ง และกรณีที่ผู้เสียหายได้รับสินค้า ที่ไม่ได้สั่งซื้อ โดยเรียกเก็บเงินปลายทางกับผู้เสียหาย จึงได้แจ้งความไว้ผ่านระบบแจ้งความออนไลน์ หลังรับเรื่องได้ทำการสืบสวนจนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีลักษณะเป็นขบวนการ จึงรวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายค้นและหมายจับ

‘ธนาธร’ อ้อน!! กาก้าวไกล ได้การเมืองโปร่งใสไร้ทุจริต พร้อมพลิกความเจริญสู่ชีวิตคนไทยให้ดีขึ้นมหาศาล

(24 เม.ย.66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมช่วยหาเสียงผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคก้าวไกล โดยเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเช้าที่ตลาดสดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช พร้อมเปิดปราศรัยขนาดย่อมที่หน้าตลาด ช่วยหาเสียงให้กับ ปกรณ์ อารีกุล ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 (เบอร์ 3) และ พสุธน โมคคัลลา กลับนุ้ย ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 2 (เบอร์ 2)

ก่อนเดินทางต่อไปยัง อ.ปากพนัง เปิดปราศรัยขนาดย่อมที่หน้าท่าเรือข้ามฟากปากพนังฝั่งซ้าย ก่อนนั่งเรือข้ามฟากไปเดินหาเสียงแจกแผ่นพับที่ตลาดเทศบาลเมืองปากพนัง พร้อมกับ ชนิศา ชูเมือง ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 (เบอร์ 4)

หลังจากนั้น เดินทางเข้าสู่ อ.ทุ่งสง พบปะประชาชนที่ศูนย์ประสานงานพรรคก้าวไกล เขต 6 นครศรีธรรมราช ร่วมกับ ปิยวัฒน์ สิริพันธ์พงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 6 (เบอร์ 8) ก่อนขึ้นรถแห่ไปตามถนนเส้นหลักของ อ.ทุ่งสง เดินทางต่อไปยัง อ.ทุ่งใหญ่ ช่วยหาเสียงให้กับ พุฒิพงศ์ ลุ่ยจิ๋ว ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 7 (เบอร์ 5) ขึ้นรถแห่ไปตาม อ.ทุ่งใหญ่ และเปิดเวทีปราศรัยที่สนามกีฬาตำบลบางรูป

โดยระหว่างการหาเสียงวันนี้ มีประชาชนชาวนครศรีธรรมราชที่ให้ความสนใจเดินเข้ามาฟังการปราศรัยอย่างหนาแน่นในทุกจุด รวมทั้งได้เข้ามาพบปะพูดคุย ขอถ่ายภาพร่วมกัน และนำสิ่งของทั้งของฝากและของทาน เช่น สะตอ ขนมทองหยิบ-ทองหยอด ส้ม น้ำเต้าหู้ ของเล่น มาทำเป็นพวงมาลัยมอบให้จำนวนมาก

การปราศรัยวันนี้ ธนาธรได้กล่าวถึงเหตุผลที่พรรคก้าวไกลเสนอคำขวัญ ‘กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม’ ว่าเพราะเราต้องการตอบโจทย์ที่ประชาชนคนไทยจำนวนมากหมดหวังไปแล้ว ไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งจะทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนไปได้ แต่เราเชื่อว่าประเทศไทยดีกว่านี้ได้ ลูกหลานควรได้รับโอกาสเติบโตมาในสังคมที่ดีกว่านี้ และวิธีการทำงานของเราแตกต่างจากคนอื่น เพราะพรรคก้าวไกลไม่เคยคิดว่าจะแก้ปัญหาแบบขอไปที การทำแบบนั้นไม่สามารถพาประเทศไทยไปไกลกว่านี้ได้ แต่ต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอ

เช่น เรื่องของ ส.ป.ก. ซึ่งที่ตำบลบางรูปแห่งนี้ ที่ที่เรายืนอยู่ตรงนี้ เป็นที่ดิน ส.ป.ก. เช่นกัน วันนี้ ส.ป.ก. ไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เป็นเมืองในปัจจุบันแล้ว แต่ ส.ป.ก. ยังคงกักขังคนให้มีทางเลือกแค่ทางเดียวคือการทำการเกษตร ไม่ให้ทำห้องพัก ร้านกาแฟ และกิจการอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเกษตร และวิธีการแก้ปัญหาของพรรคก้าวไกล ซึ่งแตกต่างจากพรรคอื่น คือการทำให้ ส.ป.ก. เป็นโฉนด ทราบมาว่ามีร่างกฎหมายแล้ว พร้อมนำเสนอเข้าสู่สภาฯ ไม่ว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ใน 30 วันแรกหลังเปิดสภาฯ พรรคก้าวไกลบอกว่ายื่นร่างกฎหมายฉบับนี้เข้าสู่สภาฯ แน่นอน

การแก้ปัญหายางพาราก็เช่นกัน ตั้งแต่อนาคตใหม่ถึงก้าวไกล ไม่เคยสัญญาว่าจะให้ราคายางเท่าไร แจกเงินแจกง่าย สร้างงานสร้างยาก แต่อยากให้ประเทศเติบโตอย่างยั่งยืนต้องสร้างงาน ในระยะสั้นต้องอัดฉีดเงินแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่ระยะยาวต้องสร้างอุตสาหกรรมยางพาราในประเทศไทยให้ได้ วันนี้มาเลเซียเลิกปลูกยางไปแล้ว ซื้อน้ำยางข้นผ่านด่านสะเดาบ้านเราเอาไปแปรรูปที่มาเลเซีย แปรรูปจนเกิดมูลค่าเพิ่มสูงกว่า ปล่อยให้คนไทยเป็นคนปลูกยาง ภูมิใจได้แค่ว่าเป็นผู้ส่งออกยางเยอะที่สุด แต่เครื่องจักรพื้นฐานที่สุดในการแปรรูปยางยังผลิตในประเทศไทยไม่ได้เลย

ธนาธรกล่าวต่อไป ว่าตนมองไม่ออกเลยว่าทำไมการแก้ปัญหาราคายางพาราแบบนี้ถึงจะทำไม่ได้ จะแก้ปัญหายางพาราต้องทำแบบนี้ สร้างอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการแปรรูปยางพารา เป็นรองเท้านักเรียน สนามเด็กเล่น อุปกรณ์การเรียนการสอน วัสดุกันกระแทกในอุตสาหกรรมการบิน ยานยนต์ ฯลฯ แปรรูปที่นี่ เกิดมูลค่าเพิ่มที่นี่ แล้วส่งออกไปขายต่างประเทศ นี่คือการแก้ปัญหาที่ต้นตอ และเป็นวิธีการทำงานแบบพรรคก้าวไกล

แต่ขณะเดียวกัน ก็มีคนปรามาสพรรคก้าวไกลมากมายว่าเป็นพวกสุดโต่ง เร็วเกินไป ไม่มีประสบการณ์ แต่สี่ปีที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลไม่ใช่หรือที่ทำผลงานในสภาได้โดดเด่นที่สุด ยกตัวอย่างเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว จากการอภิปรายเปิดโปงรัฐมนตรีคนหนึ่งว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน จนเกิดคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ นี่คือผลงานของ ส.ส. พรรคก้าวไกลที่เปิดโปงและปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนได้หลายพันล้านบาท

‘กรณ์’ ลุยหาเสียงสงขลา ยกกรณีลดค่าไฟ 2 สตางค์ ช่วยปชช. ไม่ได้ ชี้!! เลือก ‘ชพก.’ การเมืองเปลี่ยน ยัน!! ต้องยกเลิกเก็บเอฟที

สงขลาแตก พ่อค้าประชาชน แห่ต้อนรับ กรณ์- จูรี และ 4 ผู้สมัคร ส.ส. เชียร์สุดใจให้ได้เป็นผู้แทน ชื่นชมนโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์ต่อชีวิตคนตัวเล็ก ‘กรณ์’ สวน มติ กกพ.ลดค่าไฟ 2 สตางค์ ลดให้ประชาชนด่า ยันต้องยกเลิกเก็บเอฟที ช่วยประชาชนได้จริง 

(24 เมษายน) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ลงพื้นที่ อ.หาดใหญ่  จ.สงขลา หาเสียงช่วย 2 สมัคร ส.ส. สงขลา นายจูรี นุ่มแก้ว เขต 2 เบอร์ 8 และทนายอาร์ม นายพงศธร สุวรรณรักษา.เขต 9 เบอร์ 8 ในช่วงโค้งสุดท้าย ณ บริเวณใจกลางเมืองหาดใหญ่ และตลาดกิมหยง โดยได้พบกับพ่อค้าแม่ค้าและนักธุรกิจเป็นจำนวนมาก โดยประชาชนชาวหาดใหญ่มีความคาดหวังว่าจะได้ผู้แทนหน้าใหม่ ที่เข้าใจบริบทของการค้า การลงทุนและการพัฒนาเมือง เพื่อพัฒนาหาดใหญ่เป็นเมืองการค้าที่สำคัญ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มนักธุรกิจหาดใหญ่ได้เข้ามาทักทาย นายกรณ์ และชื่นชมนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า โดยเฉพาะยกเลิกแบล็กลิสต์เพราะถือเป็นการต่อลมหายใจธุรกิจท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ผู้ประกอบการหลายรายขาดสภาพคล่องหนักในช่วงโควิด รวมถึงนโยบายการลดค่าไฟ และค่าน้ำมันที่นายกรณ์ ออกมาต่อสู้เพื่อประชาชนมาโดยตลอดอีกด้วย

นายกรณ์ กล่าวถึงกรณี บอร์ด กกพ.ไฟเขียวลดค่าไฟ 7 สต. เหลือ 4.70 บาทต่อหน่วย โดยชาวบ้านได้ลดค่าไฟจากงวดแรก 2 สตางค์ ใช้ทันบิลเดือนพฤษภาคมนี้ว่า  มติในครั้งนี้เกิดจากที่พรรคชาติพัฒนากล้า ได้ริเริ่มกดดันให้ลดค่าไฟ หลังทราบว่า กกพ.มีมติจะขึ้นค่าไฟในช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ร้อนมาก แต่การลดค่าไฟเพียงแค่ 2 สตางค์ไม่มีผลต่อการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน  ตนได้เสนอไปแล้วว่าให้เว้นการเก็บค่าเอฟทีในช่วง 3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงร้อนจัด ซึ่งกฟผ.เองก็สามารถแบกรับภาระตรงนี้ได้ไม่มีปัญหาอะไร รัฐบาลเองก็สามารถเข้าไปช่วยบริหารจัดการภาระหนี้สินของ กฟผ. ได้ แต่การประกาศลดค่าไฟเพียงแค่ 2 สตางค์ท่ามกลางความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องเผชิญกับสินค้าราคาแพง ค่าครองชีพสูงขึ้น 

นายกรณ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะต้องปรับราคาค่าไฟด้วย ทั้งการนำเข้าก๊าซ LNG ที่นำมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตกระไฟฟ้า ก็ลดลง ค่าเงินบาทก็มีเสถียรภาพ ทำไมถึงลดค่าไฟให้กับประชาชนมากกว่านี้ไม่ได้ ขอให้คิดตามว่า ถ้าสมมุติค่าไฟ 2,500 บาท เท่ากับใช้ไฟฟ้า 500 หน่วย ลด 2 สตางค์ เท่ากับลดราคาไป 10 บาท ถามว่าทำอะไรได้ ลดให้ถูกด่าเปล่า ถ้าเทียบกับข้อเสนอของเราว่าควรงดเก็บค่าเอฟที จะสามารถประหยัดได้ถึง 500 บาทต่อเดือนมันมีผลต่อค่าครองชีพ 

'พี่ยุทธ' ยอมใจ!! 'ชัยวุฒิ' ที่สุดแห่งตัวตึงการเมืองไทยช่วงนี้ ยก!! มือฟาดตัวจริงแห่ง พปชร. ไม่หวั่นแม้ทัวร์รอลงทุกซีน

'สรยุทธ' เอ่ยถึงตัวตึง 'ชัยวุฒิ' รองหัวหน้าพรรค (พปชร.) โพสต์คลิปสวนกระแส ชวนลูกชายกินไข่ต้ม ลั่น!! อร่อยดี มีประโยชน์ อาหารที่ไม่มีชนชั้น อยู่อย่างพอเพียง ปอกไข่ต้มกินข้าวคลุกน้ำปลา 

(24 เม.ย.66) สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าว รายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอก โชว์ปอกไข่ต้มกินข้าวคลุกน้ำปลา จากประเด็นร้อน ที่ทำเอา 'คนการเมือง-อินฟูลเอนเซอร์' ฟาดกันเดือด! จากหนังสือวิชาภาษาไทย ป.5 ให้ข้อคิดเรื่องคุณค่าชีวิต ผ่านเรื่อง 'ด.ญ.ใยบัว' กินข้าวคลุกน้ำปลา กับไข่ต้มครึ่งซีก 

โดยในระหว่างการปอกไข่ นายสรยุทธ์ได้กล่าวถึง  นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค (พปชร.) ที่ช่วงนี้สามารถหยิบประเด็นสาธารณะมาโพสต์ ได้อย่างไม่กลัวกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งๆ ที่รู้ว่าต้องโดนกระแสสังคม พร้อมกันนี้ยังได้วิเคราะห์อีกด้วยว่า นายชัยวุฒิเปรียบเหมือนตัวตึงในวงการการเมืองช่วงนี้ พร้อมยังได้เปรียบเทียบกับพรรครวมไทยสร้างชาติว่ายังไม่มีใครจัดจ้านได้เท่าชัยวุฒิช่วงนี้แล้ว ที่กล้าไม่กลัว หยิบยกประเด็นคุณค่าของจิตใจสวนกระแสดราม่าในสังคม 

นอกจากนี้ นายสรยุทธ์ ยังได้กล่าวว่าถึงประเด็นพอเพียงตามแบบการเรียนการสอน "ใจความสำคัญของคำว่าพอเพียง คือการประมาณตนอย่างพอดี อยู่ที่คุณค่าของจิตใจ" แต่ประเด็นของเรื่องไม่ใช่ความพอเพียงแต่อยู่ที่เรื่อง โภชนาการที่เด็กคนหนึ่งจะได้รับจากการกินไข่แค่ครึ่งซีกกับน้ำปลา

การเลือกตั้งกับค่าไฟแพง (2) เหตุใด ‘คสช.’ ไม่ใช้ ม.44 จัดการ ปม ‘ไฟฟ้าสำรอง’ ที่แม้ไม่ได้ดึงพลังงานมาใช้ แต่รัฐก็ต้องจ่ายค่ากระแสไฟฟ้า

 

ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ผู้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็ถูกโจมตีเรื่องค่าไฟฟ้าแพงเป็นอย่างหนัก โดยถูกกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนพลังงานไฟฟ้า ทั้งๆ ที่ทุกวันนี้ในสภาวะอากาศร้อนขนาดนี้บ้านเรายังคงมีไฟฟ้าใช้อย่างไม่ขาดแคลน ด้วยเพราะมาตรการจัดการสำรองกระแสไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงแข็งแกร่งทางพลังงานไฟฟ้า ซึ่งประเด็นที่นักการเมืองและนักเคลื่อนไหวมากมายหลายคนมักจะหยิบยกขึ้นมาพูดคือ โรงงานไฟฟ้าสำหรับผลิตไฟฟ้าของกลุ่มทุนพลังงานไฟฟ้าบางโรงนั้นไม่ได้ผลิตไฟฟ้าเลย แต่ก็ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าให้ด้วย แน่นอนสถานการณ์ที่กระแสไฟฟ้าพอใช้โรงงานที่ผลิตกระแสไฟฟ้าสำรองจึงไม่ต้องเดินเครื่องทำงาน เพราะไม่มีความจำเป็น หากแต่กระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อการใช้งานแล้วโรงงานเหล่านั้นถึงจะเดินเครื่องจักรผลิตไฟฟ้า แต่โรงงานเหล่านั้นสร้างขึ้นโดยผู้ประกอบการด้านพลังงานไฟฟ้าที่ได้รับอนุญาต มีการลงทุนในการสร้างโรงไฟฟ้าแต่ละแห่งมากมายมหาศาล ซึ่งเป็นต้นทุนที่ผู้ประกอบการด้านพลังงานไฟฟ้าต้องจ่ายเอง ไม่ใช้เงินงบประมาณของรัฐแต่อย่างใด คนที่พูดนั้นไม่ได้รับผิดชอบต้องการลงทุนมูลค่ามหาศาลเหล่านี้เลย แถมยังเจตนาจงใจที่จะไม่พูดถึงอีกด้วย 

เราท่านในฐานะเจ้าของสิทธิในการเลือกตั้งอันมีค่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก่อนการใช้สิทธิกาบัตรลงคะแนนจึงต้องคิด ทบทวน และพิจารณาโดยใช้สติและปัญญาอย่างรอบคอบด้วยเหตุและผลที่ถูกต้องและแท้จริงประกอบ ผู้เขียนได้เคยเสนอบทความเรื่อง ‘การเลือกตั้งกับค่าไฟแพง “สำรองไฟฟ้าเกินความจำเป็น” วาทกรรมฮิตใช้โจมตีรัฐบาล โดยไม่คำนึงถึงความเสียหาย หากสำรองไฟฟ้าไว้ไม่เพียงพอ’ https://thestatestimes.com/post/2023042021 ซึ่งผู้อ่านสามารถใช้เพื่อประกอบการพินิจพิจารณาให้รอบด้านและถูกต้องได้ 

อีกเรื่องหนึ่งที่ถูกนำมาเชื่อมโยงกันก็คือ แล้วทำไมรัฐบาลคสช. โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. จึงไม่นำ ม.44 มาใช้ในกรณีนี้ หากเราท่านได้ย้อนไปดูถึงการใช้ ม.44 ของรัฐบาลคสช. นั้น ส่วนใหญ่มาก ๆ จะใช้เป็นคำสั่งในทางปกครองเพื่อให้สามารถบังคับใช้ได้อย่างรวดเร็วแทนที่กระบวนการปกติซึ่งมีความล่าช้า ด้วยกระบวนการปกติมีระบบระเบียนขั้นตอนต่าง ๆ มากมาย การบริหารบ้านเมืองเพื่อให้เกิดความถูกต้องโปร่งใส ลดการทุจริตโกงกิน แก้ปัญหาความล่าช้าในการแก้ปัญหาอันเป็นความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนให้รวดเร็วขึ้น ต่างจากการใช้กฎหมายพิเศษลักษณะนี้ในอดีต อาทิ ม.17 (จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จอมพลถนอม กิตติขจร และศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์) ม. 21 และ ม.27 (พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่) ซึ่งมักจะถูกนำมาใช้ในการแก้ปัญหาสังคมและอาชญากรรม เช่น ใช้ประหารชีวิตผู้กระทำผิดคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ ต่อประชาชน ฯลฯ ซึ่งการใช้ ม.44 แตกต่างไปโดยสิ้นเชิงดังที่ได้กล่าวมา ด้วยไม่มีใครที่บาดเจ็บล้มตายด้วย ม.44 ของรัฐบาลคสช.เลย

การใช้ ม.44 โดยรัฐบาลคสช.ที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมมีน้อยเรื่องน้อยรายมากในกรณีที่มีผลกระทบสร้างความเดือดร้อนแกประชาชนจริง ๆ อย่างเช่นกรณีการใช้ ม.44 ในการปิดเหมืองทองคำชาตรีที่ดำเนินกิจการโดยบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ด้วยเหตุผลว่าทางเหมืองทองคำชาตรีสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบต่าง ๆ หลายด้าน แต่ว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ถึง พ.ศ. 2559 ได้ถูกเรียกร้องจากประชาชนในพื้นที่สัมปทานเหมืองล้วนได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการสร้างปัญหามลพิษปัญหาสุขภาพ และปัญหาสิ่งแวดล้อม มีการเคลื่อนไหวคัดค้านจากประชาชนในพื้นที่และหยุดกิจการเหมือง จากปัญหาร้องเรียนจากชาวบ้านซึ่งเพิ่มมากขึ้นทุกปี เนื่องจากมลพิษจากเหมือง ที่ให้เกิดปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสารพิษปนเปื้อนที่มากับดิน น้ำ และอากาศ รวมถึงยังมีสภาวะเครียดที่เกิดขึ้นจากเสียงของอุตสาหกรรม และกลายเป็นข้อพิพาทต่อมาอีกหลายปี

ถ้าการทำรัฐประหารแล้วกลุ่มทุนผูกขาดประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมีแต่กลุ่ม SM ที่ผูกขาดแทบทุกธุรกิจ การที่รัฐบาลคสช.ไม่ได้ยกเลิกสัญญาการผลิตกระแสไฟฟ้าสำรอง โดยใช้ ม.44 ถือเป็นการใช้กฎหมายพิเศษอย่างถูกต้อง เหมะสม ไม่ลุแก่อำนาจ ด้วยการใช้กระบวนการทางศาลปกติ ซึ่งเรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตีความมานานแล้วว่า สัญญาระหว่างรัฐกับเอกชนในลักษณะเช่นนี้ไม่สามารถยกเลิกได้ และถ้าหากรัฐบาลคสช.ใช้ ม.44 กับเอกชนในทางธุรกิจ จะทำให้นานาชาติไม่ยอมรับประเทศไทย และไม่มีบริษัทต่างชาติใดเข้ามาลงทุนเลย ด้วยประเทศล้มละลายทางความน่าเชื่อถือ ดังเช่นประเทศเพื่อนบ้าน เพราะเพียงแค่รัฐบาลคสช.ใช้ ม.44 ยกเลิกการทำเหมืองทองชาตรี โดย บมจ.อัคครา ชั่วคราว เพื่อให้ปรับปรุงเรื่องสิ่งแวดล้อม ก็มีสารพัดกลุ่มทั้งไทยและฝรั่งร้อง คัดค้าน ต่อต้าน กันจนระงม หรือ ถ้า รัฐบาลคสช.ใช้ ม.44 ยกเลิกสัมปทานขุดน้ำมันในอ่าวไทย กับเชฟรอน จากสหรัฐอเมริกา จะเกิดอะไรขึ้น นั้นจึงเป็นเหตุผลที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลคสช. ไม่นำ ม.44 มาบังคับใช้ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม

คะแนนเสียงของเราท่านจะมีค่ามากที่สุดในอีกประมาณ 20 วันเท่านั้น ทุกคะแนนเสียงจะสามารถกำหนดอนาคตและความเป็นไปของชาติบ้านเมืองได้ทั้งสิ้น ใช้คะแนนของท่านสร้างประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง ด้วยการเลือกพรรคการเมืองและนักการที่ดีที่สุด ไม่ทุจริตโกงกิน ไม่สร้างปัญหา ให้กับชาติบ้านเมืองในอนาคต 

 

‘จุรินทร์’ ผนึกตระกูล ‘อดิเรกสาร’ มั่นใจปักธงสระบุรี ลั่น!! ไม่ได้เป็นรัฐบาลไม่ตาย ขอทำหน้าที่สุดความสามารถ

‘จุรินทร์’ ผนึก ‘อดิเรกสาร’ มั่นใจปักธงสระบุรี ได้แน่ ลั่นถ้าประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาลไม่ตายหรอก ขอทำหน้าที่อย่างสุดชีวิต
.
(24 เม.ย.66) ที่ จ.สระบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) นำทีมประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 เดินทางพบกับนายปองพล อดิเรกสาร อดีตนักการเมืองคนดัง ที่ส่งลูกชาย นายปรพล อดิเรกสาร ลงสมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ โดยจ.สระบุรี พรรคส่งผู้สมัครครบทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง เขต 1 นายปรพล อดิเรกสาร เบอร์ 1 เขต 2 นายสมพงษ์ ภูพานเพชร เบอร์ 2 เขต 3 น.ส.เบญจวรรณ ใสแก้ว เบอร์ 4 เขต 4 นายนันทวัชร กี่สง่า เบอร์ 5

นายจุรินทร์ กล่าวถึงการผนึกกำลังกับตระกูลอดิเรกสารว่า จะทำให้พรรคมีโอกาสปักธงได้ ซึ่งจ.สระบุรีเป็นพื้นที่ดั้งเดิมของพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว และครั้งนี้ตระกูลอดิเรกสารให้เกียรติมาร่วมงานกับเรา ยิ่งทำให้ประชาธิปัตย์สระบุรีเข้มแข็งขึ้น เป็นการรวมพลังคูณสองยกกำลังสอง ทำให้เรามีโอกาสปักธงสระบุรีเหมือนที่เคยปักธงมาแล้วหลายครั้งในอดีต

ส่วนที่นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรค พูดถึงพรรคประชาธิปัตย์พร้อมเป็นทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาลนั้น พรรคควรประกาศจุดยืนหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประชาธิปัตย์พร้อมเป็นทุกอย่าง เราได้พิสูจน์มาตลอดระยะเวลายาวนาน ถ้าเราเป็นรัฐบาล จะทำให้พรรคมีโอกาสนำนโยบายที่หาเสียงไว้ไปปฏิบัติให้เกิดผลเป็นจริงได้ชัดเจน แต่ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ไม่เป็นไร ประชาธิปัตย์ก็ไม่ตาย อย่างไรก็ยังอยู่ได้ และทำหน้าที่ได้อย่างสุดชีวิต สุดความสามารถ เลือกมาให้เยอะๆ ไม่ว่าจะทำหน้าที่อะไร เราก็ไม่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย มีแต่ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง

“เราจะเป็นอะไรนั้นเราก็ทำหน้าที่เต็มที่ อันนี้คือยี่ห้อประชาธิปัตย์ เป็นหลักประกันที่คนไทยทั้งประเทศไว้วางใจ มั่นใจได้ ไม่ใช่ว่าเป็นฝ่ายค้านหมดแรง เลิก ไปนอนรอว่าเมื่อไหร่เป็นรัฐบาล ประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เราพิสูจน์แล้วมายาวนาน แต่ขณะนี้เรารณรงค์ว่า ถ้าประชาชนให้เสียงเรามากพอ เราก็พร้อมจัดตั้งรัฐบาล และหัวหน้าพรรคก็พร้อมเป็นนายกฯ แต่ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ไม่เป็นไร ประชาธิปัตย์ก็ไม่ตายหรอก ยังไงก็ยังอยู่ได้ และทำหน้าที่ได้อย่างสุดชีวิตสุดความสามารถ” นายจุรินทร์กล่าว

สำหรับในโค้งสุดท้ายของการหาเสียง จะมีแกนนำสำคัญของพรรคขึ้นเวทีปราศรัยด้วยกันหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องขึ้นเวทีเดียวกัน เราเปิด 3 ทัพ บุก 3 ทัพแบบดาวกระจาย ไม่จำเป็นต้องมากระจุกรวมอยู่ที่เดียว ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเอง การมากระจุก บางทีอาจเป็นจุดอ่อนก็ได้

เที่ยวนี้ประชาธิปัตย์เป็นเอกภาพ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่สุด คนทั้งประเทศจะเห็นว่าสู้ยิบตา ทำหน้าที่เต็มที่ นโยบายชัดเจน และทำได้ไวทำได้จริง ตกผลึกรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ไม่เป็นภาระไปขึ้นภาษี หรือไปกู้เงินมาเพื่อทำนโยบายลด แลก แจก แถม อย่างไรก็ตาม เวทีปราศรัยใหญ่วันสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้งจะจัดในวันที่ 12 พ.ค.ในกรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัดที่มีความพร้อม

จากนั้นนายจุรินทร์และคณะ พร้อมด้วยนายปองพล ได้ร่วมกันเดินพบปะประชาชนที่ตลาดในอำเภอเมือง สระบุรี โดยบรรยากาศคึกคัก ประชาชนให้การต้อนรับเต็มที่ ทั้งมอบดอกไม้ ขอลายเซ็น และถ่ายรูปเป็นที่ระลึก


ที่มา : https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7628760

'ไพบูลย์' เตือน!! โพลชี้นำ เจตนาไม่บริสุทธิ์ โน้มน้าวใจคนลงคะแนน ระวังผิดกฎหมาย

(24 เม.ย.66) นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่าตามที่ได้ปรากฏมีสํานักโพลที่ไปสํารวจความคิดเห็นของประชาชน ในการเลือกตั้งหลายสํานัก ได้ออกมาเผยแพร่ข้อมูลผลสํารวจ ของสํานักตนเองนั้น มีบางสํานักปรากฏข้อมูลในการเปิดเผยผลสํารวจความคิดเห็นของประชาชน ที่น่าจะไม่สอดรับกับความเป็นจริงในคะแนนนิยมของผู้สมัคร ส.ส.หรือพรรคการเมือง 

ดังนั้น ในฐานะนักกฎหมายผมจึงเป็นห่วงว่าสํานักโพลเหล่านั้น อาจจะมีปัญหาข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 มาตรา 72 ซึ่งบัญญัติว่า การสํารวจความคิดเห็นของประชาชน โดยมีเจตนาไม่สุจริต มีลักษณะเป็นการชี้นํา หรือมีผลต่อการตัดสินใจในการลงคะแนนเลือก หรือลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดจะกระทํามิได้ และยังเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 73 อนุห้า หลอกลวงบังคับขู่เข็ญใช้อิทธิพลคุกคามใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง 

ทั้งนี้ตามมาตรา 72 และมาตรา 73 อนุห้า กฎหมายห้ามมิให้ผู้ใด ซึ่งรวมถึงสํานักโพลต่างๆ แล้วก็รวมถึงผู้ที่นํามาเผยแพร่ต่อ ได้กระทําการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม ของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ดังนั้นหากสํานัก ใด ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ. ศ. 2561 มาตรา 73 อนุห้า ก็จะมีบทลงโทษซึ่งกําหนดไว้ในมาตรา 159 ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี ตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปี 

ดังนั้น ผมจึงขอแจ้งข้อห่วงใย มายังสํานักโพลและผู้ที่นําผลโพลของ สํานักต่างที่อาจจะมีปัญหาดังที่ผมกล่าวมาข้างต้นไปเผยแพรต้องให้ความระมัดระวังในข้อกฎหมายในเรื่องดังกล่าวกันอย่างมากๆ เพราะเชื่อว่าจะมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปยื่นคําร้องขอให้ กกต. ตรวจสอบสํานักโพลที่กล่าวมาข้างต้น และอาจจะรวมถึงผู้ที่นําไปเผยแพร่ต่อผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งสามารถยื่นคําร้องได้จนถึง 30 วัน หลังจากวันเลือกตั้งแล้วก็อาจจะทําให้ สํานักโพลหรือผู้ที่นําไปเผยแพร่ ผลสํารวจที่มีปัญหาดังกล่าวนั้น อาจจะมีปัญหาทางกฎหมายก็ได้ด้วยความเป็นห่วงในข้อกฎหมาย ในฐานะนักกฎหมาย จึงขอนําเสนอข้อกฎหมายตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น

‘ศิธา’ วิเคราะห์ ‘อุ๊งอิ๊ง’ หลัง ‘ท่าที-คำตอบ’ ไม่เคลียร์ ปม ‘เพื่อไทย’ ไม่อยาก หรือ ไม่ร่วม รัฐบาลกับ 2 ลุง

เมื่อไม่นานนี้ นายศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ ‘ปิดไมค์ถาม’ ทางช่อง PPTV HD 36 โดยในหลาย ๆ มุมจากศิธาได้ ‘อ่านใจอุ๊งอิ๊ง ซึ่งสะท้อนออกมา ว่าอาจจะไม่อยากเล่นการเมือง ไม่อยากนั่งเก้าอี้นายกฯ แต่ทั้งหมดมีความจำเป็นให้ต้องลงมาในสนามนี้ รวมถึงปมคาใจ เหตุใด ‘อุ๊งอิ๊ง’ ตอบไม่ชัดว่าจะ 'ร่วม' หรือ ‘ไม่ร่วม’ รัฐบาลกับ 2 ลุง โดยเนื้อหาได้ระบุว่า…

โดยส่วนตัวนั้น ตนไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับเพื่อไทยเลย ตนมีความคิดว่า ตอนที่คุณหญิงสุดารัตน์ออกมา แกไม่ได้ผิด ไม่ได้เกี่ยวกับคนแดนไกล ไม่ได้เกี่ยวตระกูลชินวัตร ไม่ได้เกี่ยวเลย แต่ว่ามันเกี่ยวกับเรื่องของผู้บริหารข้างในที่อาจจะมีความขัดแย้งกัน และพอไปด้วยกันไม่ได้ ก็อาจจะต้องเลือกฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ซึ่งเอาจริง ๆ ความเชื่อส่วนตัวของตนเชื่อว่า ถ้าคุณหญิงสุดารัตน์ยังอยู่เพื่อไทย คุณอุ๊งอิ๊งคงไม่ต้องมาเล่นการเมือง เพราะตนเชื่อว่า คุณหญิงสุดารัตน์สามารถเอาอยู่ สามารถจะดึงคะแนนได้ 

อย่างไรก็ตาม การที่คุณอุ๊งอิ๊งมีคุณพ่อเป็นนักการเมือง เป็นไอดอลของใครหลาย ๆ คน สมัยที่ไทยรักไทยเป็นรัฐบาล และตอนนี้ก็ยังคงอยู่ในหัวใจของประชาชน คุณอุ๊งอิ๊งก็คงซึมซับตรงนี้มา และอยากให้นโยบายต่าง ๆ สำเร็จ แต่ถามว่าอยากเข้ามาไหม? ตนเชื่อว่า ถ้าเป็นครอบครัวระดับมหาเศรษฐีขนาดนี้ ที่ต้องถูกแยกจากคุณพ่อและคุณอาไปอย่างไม่เป็นธรรม ครอบครัวไม่สามารถอยู่พร้อมหน้ากันได้ ความเชื่อของตนคิดว่า คุณอุ๊งอิ๊ง คงไม่ได้อยากเข้าการเมืองเลย

เมื่อถามถึงเรื่องการทุจริต นายศิธา กล่าวว่า คนไทยรับไม่ได้ หากนักการเมืองเข้ามาทุจริต อย่าว่าแต่เป็นแสน ๆ ล้านเลย แค่ล้านเดียวเขาก็รับไม่ได้ ตรงนี้ ถ้าเกิดคนยังคิดว่าอดีตนายกฯ ทักษิณ, อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ มีความผิดจริง ทุจริตจริง เห็นชัดเจน และมีกระบวนการตัดสินที่เป็นธรรม จะแลนด์สไลด์ไหม จะชนะถล่มทลายไหม ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 44 จนกระทั่งการเลือกตั้งปี 66 ที่กำลังจะเกิดขึ้น จะครบ 22 ปี มีพรรคการเมืองไหน เคยชนะพรรคการเมืองที่อดีตนายกฯ ทักษิณ สนับสนุนบ้าง ไม่ได้สนับสนุนแบบครอบงำนะ ตนหมายถึงในหลาย ๆ อย่างก็ยึดหลักจากที่เขาทำมา จนกระทั่งได้คะแนนชนะเป็นที่หนึ่งมาตลอด

‘อนุทิน’ ชูนโยบายการท่องเที่ยว-ประกันชีวิต-คมนาคม ชี้!! กระแสดีขึ้น รับ!! คลายกังวลประชาชนไม่เลือก ‘ภท.’

( 24 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสนามกีฬากลางจังหวัดพังงา อ.เมือง จ.พังงา มีการปราศรัยของทางพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีประชาชนเข้าร่วมจำนวนกว่า 3,000 คน โดยเริ่มจากการขึ้นเวทีแนะนำตัวของ นายพงศกร เกตุประภากร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดพังงา ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และนายเลิศศักดิ์ ปนกลิ่น นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา ผู้สมัคร ส.ส.แบ่งบัญชีรายชื่อ พรรคพรรคภูมิใจไทย ขึ้นเวทีแนะนำตัว ต่อด้วย นายอรรถพล ไตรศรี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.พังงา เบอร์ 8 พรรคภูมิใจไทย และ นายอำนาจ ดำรงค์พิทยากุล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.พังงา เบอร์ 1 พรรคภูมิใจไทย ขึ้นปราศรัยบนเวที ต่อมาแกนนำพรรคภูมิใจไทย อย่าง นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต ส.ส.ราชบุรี สลับกับแกนนำคนอื่นๆ ขึ้นปราศรัย
.
จากนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ร่วมกับแกนนำพรรค ขึ้นเวทีปราศรัย ในการพัฒนาเศรษฐกิจ ด้านการท่องเที่ยว การประกันชีวิต สิทธิการฟอกไต โรงพยาบาล อุปกรณ์การแพทย์ การกระจายการรักษายังโรงพยาบาลชุมชน และการคมนาคม
.
นอกจากนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า กระแสพรรคภูมิใจไทยขณะนี้ดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะที่ตนเองลงพื้นที่บ่อยขึ้น เนื่องจากแต่ละครั้งที่ลงพื้นที่ได้รับการตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ ความกังวลนั้นคือกังวลว่าพี่น้องประชาชนไม่เลือก แต่ที่ผ่านมาค่อยเบาใจ และหายความกังวลมากขึ้น


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/726385

‘โรม’ โต้!! วาทกรรม ‘เลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์’ ไม่มีจริง วอนประชาชนใช้สิทธิ์อย่างมีความหวัง - ไร้ความกลัว

เมื่อวานนี้ (23 เม.ย.66) นายรังสิมันต์ โรม ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์คลิปวิดีโอลงแอปพลิเคชัน Tiktok ส่วนตัว ชี้แจงกรณีข่าวลือที่ส่งต่อกันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ให้เลือกอย่างมียุทธศาสตร์ จนเกิดวาทกรรมต่างๆ เช่น เลือกก้าวไกลได้ประยุทธ์

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า มีคนสอบถามเข้ามาจำนวนมากว่าการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ควรจะเลือกแบบมียุทธศาสตร์หรือไม่ เพราะกลัวว่าหากฝั่งประชาธิปไตยแพ้ สุดท้ายฝั่งตรงข้ามที่เป็นขั้วอำนาจเดิม จะกลับมามีอำนาจอีก ก่อนอื่นตนต้องบอกก่อนว่า การเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ที่ใช้กัน เอาเข้าจริงแล้วเป็นการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยจริงหรือไม่ 

ในครั้งหนึ่งของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มีคำพูดว่า “ไม่เลือกเราเขามาแน่” สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้สังคมอยู่ภายใต้ความกลัว และท้ายที่สุดการเลือกตั้งครั้งนั้น โดยส่วนตัวคิดว่าไม่สามารถสะท้อนถึงความต้องการของประชาชนที่อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นการเลือกตั้งที่ดีคือ “การเลือกตั้งอย่างมีความหวัง” ที่มีความฝันอยากให้เป็นไปได้

หากเราย้อนกลับไปตอนปี 2562 การเลือกตั้งของพรรคอนาคตใหม่ ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายพรรคอนาคตใหม่จะชนะได้กี่เขตเลือกตั้ง ซึ่งสุดท้ายพรรคที่ไม่มีประสบการณ์อย่างอนาคตใหม่ ก็สามารถชนะเลือกตั้งได้กว่า 30 เขต สิ่งที่ตนอยากจะเสนอกับทุกคนคือมันไม่มีการเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ มีแต่การเลือกตั้งที่อยากจะเห็นว่าใครเป็นตัวแทน อยากได้รัฐบาลแบบไหน ซึ่งการเลือกตั้งที่ดีควรจะเป็นแบบนี้

สุดท้าย หากอยากนำเสนอกันเรื่องการเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ ตนอยากจะบอกว่า ยุทธศาสตร์ที่หวังจะเห็นคือ ประเทศไทยต่อไปข้างหน้าควรจะเป็นอย่างไร อนาคตควรจะเป็นแบบไหน เพราะหากสุดท้ายยังเป็นแบบเดิม คนไทยจะได้อะไร ดังนั้น 14 พฤษภาคม ขอให้กาก้าวไกลทั้งสองใบ อย่าให้ใครมาสร้างความกลัว

‘ธรรมนัส’ โต้ ‘ชาญชัย’ ปม 130 บิ๊กเนมไม่ถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้ง ชี้!! เป็นเรื่องเข้าใจผิด ลั่น!! “ไม่ใช่ทั้ง 130 ท่าน ที่จะถือหุ้นสื่อ”

‘ธรรมนัส’ โต้ ‘ชาญชัย’ ข้องใจ 130 บิ๊กเนมไม่ถูกตัดสิทธิ์ลต. ยัน ‘บิ๊กป้อม-ตนเอง ไม่ได้ถือหุ้น  ไล่ดูกม. ให้ชัด เหน็บ ไฟไหม้แค่เขต2 นครนายกฯ เท่านั้น

(24 เม.ย.66) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัครส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคเหนือ กล่าวตอบโต้กรณีที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครนายก เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ตั้งข้อสังเกตกรณีที่ถูกกกต.ประจำเขตเลือกตั้งที่2นครนายก ตัดสิทธิ์ลงสมัครส.ส.เพียงคนเดียว จากการถือครองหุ้น เข้าข่ายตามลักษณะต้องห้ามของการเป็นผู้สมัคร ส.ส. โดยพาดพิงว่านักการเมืองทั้งหมด 130 คน มีผู้สมัคร ส.ส.ระดับบิ๊กเนม รวมถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวพรรค พปชร. และร.อ.ธรรมนัส ยังเดินหาเสียงได้อีก ทำไมไม่ถูกตัดสิทธิ์ 

ซึ่งเป็นเรื่องที่ประหลาด ว่า นายชาญชัย คงเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าบุคคลอื่นถือหุ้นสื่อด้วย จึงขอชี้แจงว่า พล.อ.ประวิตร และตนไม่ได้ถือหุ้นสื่อ จึงไม่เป็นความจริงตามที่นายชาญชัย เข้าใจผิด ส่วนรายชื่อ 130 คน ที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯแจ้งมานั้น บอกว่าเป็นผู้มีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่า ทั้ง 130 คนจะถือหุ้นสื่อแต่อย่างใด

“อยากฝากไปบอกคุณชาญชัย ว่า ให้กลับไปดูบทบัญญัติบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 98(3) คือเป็นเจ้าของ หรือ ผู้ถือหุ้นกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆโดยข้อกฎหมายดังกล่าวเป็นบทบัญญัติห้ามเด็ดขาด และเหตุการณ์ไม่ได้ถึงขั้นไฟไหม้สำเพ็ง แต่ไหม้เฉพาะนครนายก เขต 2 เท่านั้น” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว


ที่มา : https://www.matichon.co.th/politics/news_3941106

‘ช่อ’ ช่วย ‘ฉัตร’ ลุยหาเสียงโคราช ชี้!! เมืองใหญ่เหลื่อมล้ำ ลั่น!! กา ‘ก้าวไกล’ ชาวโคราช ไม่ต้องดิ้นรนไปทำงานในเมือง

ช่อ ลุยโคราช ช่วยผู้สมัครหาเสียง ลั่นไม่ใช่เมืองเล็ก แต่เหลื่อมล้ำสูง ขอ ก้าวไกลขจัดความเจ็บปวด

( 24 เม.ย.66) นางสาวพรรณิการ์ วานิช หรือช่อ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล (กก.) ลงพื้นที่ช่วย นายฉัตร สุภัทรวณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พื้นที่ ต.ในเมือง ต.หนองไผ่ล้อม และ ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง เบอร์ 3 หาเสียงที่สำนักงานเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา นำออกเดินพบปะทักทายพร้อมแนะนำผู้สมัครรวมทั้งชี้แจงนโยบายพรรคเน้นการกระจายอำนาจและเพิ่มบุคลากร รวมทั้งงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จึงโดนใจผู้ปฏิบัติงานทำให้ได้รับความสนใจจากเจ้าหน้าที่ พนักงาน ทน.นครราชสีมา รวมทั้งพี่น้องประชาชนที่มาติดต่อราชการโดยขอเซลฟี่กันอย่างคึกคัก

น.ส.พรรณิการ์เปิดเผยว่า เป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือน ที่มาช่วยผู้สมัครหาเสียงในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่และมีเยาวชนคนรุ่นใหม่มากที่สุดในภูมิภาค โดยเฉพาะเขต 1, 2, 3 พี่น้องประชาชนมีความตื่นตัวทางการเมืองและเข้าถึงสื่อออนไลน์ค่อนข้างมาก นโยบายสร้างคน สร้างงาน สร้างรายได้และลดความเหลื่อมล้ำ เราคาดหวังสูงที่จะได้ ส.ส.ทั้ง 3 เขต ช่วงเข้าสู่โค้งสุดท้ายเน้นกิจกรรมเดินตลาด แหล่งชุมชนและขึ้นรถแห่ให้มากที่สุด

ทั้งนี้ โคราชไม่ใช่เมืองเล็ก เป็นเมืองมหานครแต่มีปมเจ็บปวด ทำไมงานดี เศรษฐกิจดีๆ มีไม่มาก พอหลายคนต้องไปทำงานที่อื่น ที่สำคัญโคราชไม่เคยมีพรรคการเมืองใดครองได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ผลัดกันไปมา ขอให้กาก้าวไกล โคราชจะไม่เหมือนเดิมอย่างแน่นอน


ที่มา : https://www.matichon.co.th/politics/news_3941106

‘จิ๊บ ศศิกานต์’ ชูนโยบาย พัฒนา ศก.-ท่องเที่ยวฝั่งธนฯ กระจายความเจริญ-การจ้างงาน ยกระดับคุณภาพชีวิต ปชช.

(24 เม.ย.66) จิ๊บ ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. บางแค-ภาษีเจริญ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่าเศรษฐกิจของชาวฝั่งธนบุรีถือว่ามีครบทุกอย่างและมีศักยภาพ พร้อมที่พัฒนาต่อยอดในอนาคต เพื่อเชื่อมโยงกับฝั่งพระนครและจังหวัดปริมณฑล ซึ่งตนอยากยกระดับฝั่งธน เพื่อกทม. จะได้ไม่กระจุกความเจริญ อยู่แต่ CBD (Central Business District เช่น พวกสาทร สีลม แหล่งศูนย์กลางเศรษฐกิจ) ตนมองว่าเมื่อการคมนาคมดีขึ้น ความเจริญต่าง ๆ จะตามมา 

จิ๊บ ศศิกานต์ ยังกล่าวอีกว่าฝั่งธนฯ มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เป็นเสน่ห์ที่ฝั่งพระนครไม่มี คือ การผสมผสานอย่างลงตัวระหว่าง ความเจริญทางเศรษฐกิจ วิถีชุมชนที่งดงาม และความสดชื่นของธรรมชาติ ถ้าเราสามารถพัฒนาให้เศรษฐกิจของฝั่งธนฯ สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง จิ๊บคิดว่านี่คือพื้นที่ศักยภาพสูงแห่งใหม่ของประเทศไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว   

ซึ่งตนขอตั้งคำถามนั่นคือ โลกหลังโควิด-19 ได้เปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจ และวิถีการดำเนินชีวิตของคนในเกือบทุกมิติ ถึงเวลาแล้ว ที่คนฝั่งธนฯ จะสามารถทำงานที่บ้านได้ โดยได้รับค่าแรง ค่าจ้างดี ๆ ตนมองว่านี่ถึงเวลาแล้วที่คนเก่ง ๆ ฝั่งธนฯ จะไม่ต้องไปทำงานในฝั่งพระนคร ที่แย่งกันกิน แย่งกันทำงาน และมีค่าครองชีพสูงเกินไป

Green Area ของฝั่งธน จะต้องมีการพัฒนาให้มากขึ้น คลองต้องสะอาดขึ้น พัฒนาให้มีเศรษฐกิจหมุนเวียนมากขึ้น พื้นที่สีเขียวจะต้องมีการดูแลให้มากขึ้น ใต้สะพานสูง จะถูกนำมาใช้ประโยชน์มากขึ้น (ตอนนี้บางแห่งมีแสงสว่างดีมาก ทำให้คนมาออกกำลังกายตอนกลางคืนได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย)

“เด็กๆ ในฝั่งธนฯ จะต้องเติบโตแบบมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อเป็นกำลังสำคัญให้กับประเทศชาติต่อไป” จิ๊บ ศศิกานต์ กล่าวทิ้งท้าย

‘ลุงหนู’ ลุยหาเสียง อ้อนขอคะแนนชาวภูเก็ต ชูนโยบายยกระดับภูเก็ตสู่เมืองสุขภาพระดับโลก 

(24 เม.ย.66) ที่ยิมเนเซียม บริเวณสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วยผู้บริหาร และแกนนำพรรค นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรค และผู้สมัครบัญชีรายชื่อ นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค และผู้สมัครบัญชีรายชื่อ นางนาที รัชกิจประการ เหรัญญิกพรรค และน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ ได้ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียง ได้แก่ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายนิพนธ์ เอกวานิช เบอร์ 3 เขตเลือกตั้งที่ 2 นายวงศกร ชนะกิจ เบอร์ 5 และเขตเลือกตั้งที่ 3 นายวิวัฒน์ จินดาพล เบอร์ 9

โดย นายอนุทิน กล่าวว่า การเลือกตั้งปี 62 ไม่มีใครคิดว่าพรรคภูมิใจไทยจะมีส.ส. จากภาคใต้ได้กว่า 10 ที่นั่ง แต่ที่สุดแล้วมันก็เกิดขึ้น เพราะความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ตรงส่วนนี้ตระหนักอยู่ในหัวคิดของพรรคภูมิใจไทยตลอดเวลาว่าจะต้องตอบแทนความไว้เนื้อเชื่อใจที่ประชาชนมอบให้ ที่ผ่านมา เราพัฒนาถนนหนทางให้ประชาชนเดินทางได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ไปจนถึงขยายบริการด้านสาธารณสุข ล่าสุดเราประสบความสำเร็จในการผลักดันสะพานเชื่อมพัทลุง-สงขลา และสะพานข้ามเกาะลันตา จ.กระบี่ อนาคต เราจะเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ เชื่อมต่ออ่าวไทยกับทะเลอันดามัน ผ่านจังหวัดชุมพร-ระนอง 

นายอนุทิน กล่าวว่า สำหรับ จ.ภูเก็ต ท่านพิสูจน์ศักยภาพของท่านมาแล้ว จากการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก แต่เราจะเพิ่มโอกาสให้พวกท่านมากขึ้นด้วยการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Medical Hub หลายชาติกำลังเข้าสังคมผู้สูงวัย เขาต้องมองภูเก็ตในฐานะเป้าหมายของเขา 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top