Tuesday, 10 June 2025
SPECIAL

‘ดร.มัลลิกา’ สอนมวย ‘เจี๊ยบก้าวไกล’ ปมแก้ ม.112 ปัญหาเกิดที่คนบังคับใช้ แล้วไปยุ่งอะไรกับสถาบันฯ

เมื่อไม่นานมานี้ ในรายการ THE STANDARD NOW MINI DEBATE จัดวงดีเบต 4 นักการเมืองหญิง จากทั้ง 4 พรรคการเมือง ผ่าน ‘นโยบายสะท้อนจุดยืนพรรค’ ผู้สมัครร่วมดีเบต ได้แก่ ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย, นางอมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล, ดร.มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. (เขตบางพลัด-บางกอกน้อย) พรรคพลังประชารัฐ

โดยหนึ่งในประเด็นดีเบตที่ดุเดือดอยู่ที่มาตรา 112 ซึ่งได้สอบถามต่อ นางอมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ต่อจุดยืนในการแก้ไขมาตรา 112 ว่ายังแก้แน่นอนใช่หรือไม่?

นางอมรรัตน์ กล่าวว่า “แก้ไขแน่นอน เพราะมาตรา 112 เป็นกฎหมายที่ปิดปาก ต้องแก้ไข เพื่อทำให้ทุกคนสามารถพูดคุยในประเด็นนี้ได้อย่างเสมอภาค”

ภายหลังนางอมรรัตน์ ตอบคำถามเสร็จ ด้าน ดร.มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ก็ได้โต้กลับว่า...

“มาตรา 112 เป็นกฎหมายทางด้านความมั่นคง และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ถ้าเราไม่แตะต้อง ไม่ไปยุ่งเกี่ยว ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นในเรื่องของการทำผิดกฎหมาย เมื่อสักครู่ คุณอมรรัตน์ บอกว่า เราทุกคนควรพูดเรื่องนี้ได้อย่างเสมอภาค หมายความว่า คุณจะพูดเสมอเจ้าเลยหรือ?

ขณะนี้เราทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ นั่งพูดกันได้อย่างเสมอภาค แต่พวกเราทุกคนก็มีกฎหมายหมิ่นประมาทส่วนบุคคลคุ้มครองอยู่ หากดิฉันด่าคุณอมรรัตน์ แล้วผิดกฎหมายหมิ่นประมาท คุณก็สามารถไปแจ้งความดิฉันได้ นี่คือ กฎหมายหมิ่นประมาทที่ดูแล คุ้มครองบุคคลเดินดินทั่วๆ ไป อย่างที่ดิฉันเคยไปหมิ่นประมาทคุณยิ่งลักษณ์ เขาก็ฟ้องดิฉัน 5 ปี และดิฉันก็ชนะคดี แต่ดิฉันต้องเสียเวลาไปตั้ง 5 ปี นี่คือกฎหมายหมิ่นประมาทบุคคลทั่วไป 

ดิฉันเป็นแค่คนธรรมดา ดิฉันยังมีกฎหมายนี้ดูแลเลย แล้วเหตุใดสถาบันสำคัญของชาติ จะไม่มีกฎหมายคุ้มครองดูแล มันชัดเจนอยู่แล้วว่า ประเทศไทยเราเป็นสังคมที่มีอารยธรรม มีวิถี และวัฒนธรรม

อย่างที่ประเทศฝรั่งเศส เขาก็มีกฎหมายที่จำเป็นต่อผู้นำของประเทศเขา อเมริกาก็มีกฎหมายคุ้มครองผู้นำเช่นกัน เคยมีคนไปหมิ่นประมาทภรรยาของบารัค โอบามา เขาก็โดนฟ้องเหมือนกัน

‘เสี่ยหนู’ ขึ้นรถแห่ช่วยผู้สมัครหาเสียงรอบเมืองจันท์ ขอ ปชช.เทคะแนนให้คนพื้นที่ มีประสบการณ์ ทำงานเป็น

เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 66 ที่จังหวัดจันทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย คณะผู้บริหาร และแกนนำพรรค อาทิ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ ได้ลงพื้นที่ช่วย นายธวัชชัย อนามพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.จันทบุรี เขต 1 เบอร์ 6 หาเสียง โดยนายอนุทิน และคณะ ได้เข้ากราบสักการะ และขอพรศาลพระเจ้าตากสินมหาราช และศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจันทบุรี ก่อนร่วมหารือสมาคมอัญมณี และเครื่องประดับ สมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถาน จากนั้น ขึ้นรถแห่รอบเทศบาลเมืองจันทบุรี และบริเวณโดยรอบตลาดน้ำพุ – ตลาดโต้รุ่ง – บริเวณสนามทุ่งนาเชย ก่อนลงพื้นที่พบปะประชาชนบริเวณชุมชน โดยได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก

นายอนุทิน กล่าวว่า การลงพื้นที่เพื่อช่วยผู้สมัครแนะนำนโยบาย และสร้างกำลังใจให้กับผู้สมัคร ไปจนถึงการเข้ามารับฟังปัญหาของประชาชน เพื่อไปหาทางแก้ไข สำหรับผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย คุณสมบัติเด่นๆ คือ ทุกคนมีความผูกพันกับชาวบ้าน รู้ปัญหา ทำงานเป็น มีประสบการณ์ เราเลือกคนที่เหมาะสมในการรับใช้ประชาชน เราก็หวังว่าถ้าเรามีโอกาสได้เข้าไปทำงาน ก็มั่นใจว่าสิ่งที่เราเสนอประชาชน เราทำได้แน่นอน การมาจังหวัดจันทรบุรี นโยบายที่เสนอ ได้แก่ การพักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย คนละไม่เกิน 1 ล้านบาท เงินกู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท นโยบายกลุ่มนี้ มันมาจากที่เรามองว่าโควิด-19 สร้างผลกระทบให้กับพี่น้องคนไทยจำนวนมากที่ต้องไปกู้เงินมาใช้ในการดำรงชีวิต เงินที่ไปกู้นั้นกลายมาเป็นดอกเบี้ย ที่ทำให้พี่น้องขยับลำบาก เราเลยเสนอทางออก ให้พวกเขาได้เวลาได้คิด ได้หายใจ นี้คือที่มาของนโยบายพักหนี้ ส่วนเรื่องเงินกู้ฉุกเฉิน เราเชื่อว่า ทุกคนสามารถเกิดอุบัติเหตุกับชีวิตได้ และบางคน เลือกไปกู้หนี้นอกระบบ กลายมาเป็นดอกเบี้ยมหาศาล ภาครัฐ ต้องเข้าไปช่วยเหลือ

‘กรณ์’ จวก!! ‘ก.พลังงาน’ เกรงใจทุนใหญ่ ปล่อยค่าไฟแพงพุ่ง ชี้!! ทางออกคือเปลี่ยนผู้มีอำนาจในรัฐฯ ให้เป็นอิสระจากทุนผูกขาด

เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 66 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เข้าร่วมดีเบต ‘เวลาของเศรษฐกิจปากท้อง’ ทางช่อง 3 ดำเนินรายการโดย นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา โดยได้หยิบยกประเด็นค่าไฟแพงมาดีเบต โดยนายกรณ์ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องค่าไฟฟ้าแพง รัฐบาลแก้ได้ทันที แต่ไม่ยอมแก้ เพราะเกรงใจนายทุนใหญ่ และโครงสร้างระบบพลังงานมีปัญหา เพราะค่าไฟ สะท้อนปัญหาระบบโครงสร้างของเศรษฐกิจเรา พรรคชาติพัฒนากล้า เรียกร้องมาตั้งแต่ค่าการกลั่น ราคาน้ำมันแพงเกินจริง ถ้าแก้วันนั้นสามารถลดราคาทันที 8 บาท ก็ไม่ทำ เราเสนอให้เก็บภาษีลาภลอย ก็ไม่ทำ ซึ่งเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานไม่ชี้แจง และไม่ยอมมาขึ้นเวทีดีเบตที่ไหนเลย ค่าไฟฟ้ามีปัญหาตั้งแต่เดือนมีนาคม ถ้าดำเนินการตอนนั้น วันนี้ก็ไม่ต้องมาเสนอ กกต.ขอใช้งบกลางเพื่อช่วยลดภาระให้กับประชาชน ซึ่งมันไม่ใช่ทางออก

นายกรณ์ กล่าวว่า ปัญหาค่าไฟเป็นประเด็นที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยังไม่ได้ตอบ คือ ค่าก๊าซที่ทาง กฟผ.ซื้อแพงกว่าปิโตรเคม เพราะต้นตอปัญหามาจากการผูกขาด ต้องมาดูว่าใครมีอำนาจขายก๊าซแต่เพียงผู้เดียว ดูว่าใครถือหุ้นใหญ่ จะได้แก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ตรงจุด พรรคชาติพัฒนากล้าเราเสนอให้ยกเว้นค่าเอฟทีไปเลย 3 เดือน เพราะขณะนี้ต้นทุนก๊าซลดลงอย่างรวดเร็ว กำลังการผลิตในอ่าวไทยก็มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และตอนที่ผลิตได้ลดก็เพราะความผิดพลาดที่มีการโอนสัมปทานให้เชฟรอน ทำให้ต้องไปนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจี ในช่วงที่มีราคาแพงมากเนื่องจากภาวะสงคราม มันไม่ใช่ความผิดของประชาชน แต่ถูกโยนให้แบกภาระต้นทุนค่าไฟอย่างไม่เป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่การดีเบตดำเนินการไปอย่างเข้มข้น นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โทรศัพท์เข้ามาเพื่อขอชี้แจง โดยผู้เข้าร่วมดีเบตทุกคนต้องการให้นายสุพัฒน์พงษ์ เข้ามาชี้แจงเอง แต่เจ้าตัวบอกติดภารกิจที่พรรคจึงไม่สะดวก จึงขอชี้แจงทางโทรศัพท์แทน ซี่งนายกรณ์ ได้ถามว่า ทำไมถึงเพิ่งเริ่มคิดเยียวยาค่าไฟในช่วงนี้ ซึ่งในสุพัฒน์พงษ์ กล่าวว่า ได้ดำเนินการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางมาตั้งแต่ปีที่แล้ว  และที่ต้องขึ้นค่าไฟเดือนพฤษภาคม ก็เพราะกว่าจะทราบว่าต้นทุนค่าไฟเท่าไรคือวันที่ 1 เมษายน ซี่งนายกรณ์ บอกว่าตนทราบว่า กกพ.มีมติจะขึ้นค่าไฟตั้งแต่เดือนมีนาคม เป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะทราบเดือนเมษายน เพราะมติ กกพ.ออกมาวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา มีการอนุมัติราคาใหม่มาแล้ว พอมีการท้วงติงท่านก็ลนลานมาแก้ปัญหาลดราคาให้ประชาชน 2 สตางค์ แต่ไม่ได้มีมาตรการชดเชยเยียวยาให้กับประชาชนแต่อย่างใด 

นายกรณ์ กล่าวด้วยว่า ในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีการลงนามในสัญญากับเอกชนผลิตไฟฟ้า 5,000 เมกะวัตต์ ในช่วงที่เป็นรัฐบาลรักษาการ ซึ่งเป็นความผิดปกติ และผิดพลาด ที่ทำให้ต้นทุนค่าไฟที่เพิ่มขึ้น แล้วโยนภาระนี้ให้ประชาชนแบกมันไม่เป็นธรรม เราตกอยู่ในสภาพที่ทุนใหญ่อยู่เหนือการเมืองผูกขาดมาโดยตลอด ทางออกในเรื่องนี้ คือ ต้องเปลี่ยนผู้มีอำนาจในรัฐบาลที่เชื่อมโยงกับทุนผูกขาด เพื่อให้การเมืองเป็นอิสระจากทุนผูกขาดทุกรูปแบบ 

เปิดตัวขุนพล ‘พรรคใหญ่’ ชิงชัยเก้าอี้ ส.ส. สตูล ใครได้หมายเลขไหน? อย่าจำผิด!!

สำหรับ 2 เขตของจังหวัดสตูล ตามการแบ่งเขตของ กกต. มีดังนี้

เปิด 5 นโยบายพลิกอีสาน จาก ‘พรรคพลังประชารัฐ’

เปิด 5 นโยบายพลิกอีสาน จาก ‘พรรคพลังประชารัฐ’ เป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต 25 ล้านประชากรถิ่น
ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนานใหญ่ ตั้งแต่ ‘รถไฟ-ถนน-นิคม-อาชีวะ-ท่าเรือบก’

1. สร้างรถไฟทางคู่ ‘บึงกาฬ-อู่ตะเภา’ ระยะทาง 480 กิโลเมตร : เป็นโครงการทางรถไฟคู่ที่เริ่มต้นโดยผ่าน ‘บึงกาฬ-อุดรธานี-สกลนคร-กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด-บุรีรัมย์-สุรินทร์-นครราชสีมา-สระแก้ว-ปราจีนบุรี-ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ระยอง และระหว่างทางยังเชื่อมต่อกับจังหวัดคู่สัมพันธ์อย่าง หนองคาย, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครพนม, มุกดาหาร, อำนาจเจริญ และ อุบลราชธานี อีกด้วย

2. พัฒนาทางหลวงพิเศษ 8 ช่องจราจร ขนานตลอดแนวทางรถไฟ : โดยเปลี่ยนแผ่นดินที่แห้งแล้งเป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งทางรางทันสมัย

3. เนรมิตนิคมอุตสาหกรรม ขนาด 2 หมื่นไร่ กระจายทั่วอีสาน อย่างน้อย 6 แห่ง : เพื่อสอดรับกับอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต อาทิ…

- อุตสาหกรรมอาหาร / แปรรูปสินค้าเกษตรพร้อมรับประทาน / Lab ฆ่าเชื้อสินค้าเกษตร
- อุตสาหกรรมเทคโนโลยี
- อุตสาหกรรมนวัตกรรม
- อุตสาหกรรมพลังงาน
- อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า
- อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
- อุตสาหกรรมปิโตรเคมี
- อุตสาหกรรมแขนพลหุ่นยนต์ AI

หากเสร็จสมบูรณ์ จะช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติได้ราว 4.5 ล้านล้านบาท พร้อมช่วยสร้างการจ้างงานได้กว่า 3 ล้านตำแหน่ง

4. ก่อสร้างวิทยาลัยอาชีวะ 12 แห่ง : เป้าหมายเพื่อป้อนให้นิคมอุตสาหกรรมใกล้บ้านตามแผนนิคมฯ 2 หมื่นไร่ (ตามข้อ 3) โดยในวิทยาลัยแห่งนี้จะทำการจัดสรรหลักสูตรการศึกษาพัฒนาทักษะแรงงานให้ตรงกับความต้องการต่อสังคมนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น สาขาคอมพิวเตอร์ / สาขาโปรแกรมเมอร์ AI / สาขาวิศวกรรมหุนยนต์ และสาขาเทคโนโลยี รถยนต์ไฟฟ้า

‘เพื่อไทย’ ชูนโยบาย ‘คมนาคมไทย’

‘เพื่อไทย’ ชูนโยบาย ‘คมนาคมไทย’ ปรับราคาค่าโดยสารให้ถูกลง ยกระดับการเดินทางให้รวดเร็ว และเข้าถึงง่าย เพื่ออำนวยสะดวกสบายแก่ประชาชนทุกคน พร้อมผลักดันทันที หากได้เป็นรัฐบาล โดยมีนโยบาย ดังนี้

รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
ยกระดับคมนาคมในต่างจังหวัด
ยกระดับรถไฟโดยสารทั่วประเทศ
ยกระดับการขนส่งโลจิสติกส์สินค้า
ยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิให้ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก

‘พท.’ ชูนโยบายเชิงรุก เร่งเจรจาการค้า ตอบโจทย์เศรษฐกิจ หวังขยายฐานตลาดสินค้าไทยสู่เวทีโลก สร้างเม็ดเงินให้ชาติ

(28 เม.ย. 66) พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญด้านต่างประเทศที่จะเชื่อมไทยเชื่อมโลก เปิดตลาดสินค้าเกษตรใหม่ ๆ เร่งเจรจาการค้า กอบกู้เกียรติภูมิประเทศในเวทีโลก เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์อย่างแท้จริง

นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนโยบายต่างประเทศของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า จะเป็นนโยบายเชิงรุกที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจ ให้เป็นการต่างประเทศที่กินได้ เกิดประโยชน์ตกถึงมือประชาชน

ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะมีแนวนโยบายดังนี้
1.) ฟื้นฟูบทบาทของไทยในเวทีโลก บนพื้นฐานของกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศและปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

2.) กำหนดท่าทีของประเทศอย่างสมดุลในพลวัติภูมิรัฐศาสตร์โลก โดยไทยจะเป็นผู้ส่งเสริมสันติภาพ และความรุ่งเรืองอย่างแข็งขันในประชาคมโลก เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย

3.) ปกป้องผลประโยชน์ของคนไทย และธุรกิจไทยในต่างประเทศอย่างเข้มแข็ง

4.) หนังสือเดินทางไทยแข็งแรง เดินทางง่ายได้ทั่วโลก เร่งเจรจายกเว้นวีซ่าให้พาสปอร์ตไทย

5.) นโยบายต่างประเทศที่กินได้ เชื่อมโลกเชื่อมไทย เปิดตลาด เพิ่มรายได้จากการค้าชายแดน เร่งเจรจาข้อตกลงทางการค้า FTA กับอียูและอังกฤษ ผลักดัน soft power ทางการทูตไทย และพลัง soft power ด้านอื่น ๆ ของไทย

หลายพรรคมีหวั่น!! เหตุ ‘ลุงตู่’ เริ่มดึงกระแส แม้นายหัวผู้ไม่เคยแพ้ ก็ยังแอบปาดเหงื่อ

หาเสียงกันมาแล้ว 20 กว่าวัน และก็เหลือเวลาอีกเพียง 20 กว่าวัน จะถึงวันพิพากษาของประชาชนในการลงคะแนนเลือกตั้งว่าจะกาให้ใครเป็นผู้แทนของเขาไปทำหน้าที่ในสภา

กล่าวถึง 4 เขตเลือกตั้งของจังหวัดตรัง ที่อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นเมืองหลวงของประชาธิปัตย์ ซึ่งมี ‘นายหัวชวน’ ชวน หลีกภัย เป็นเสาหลักอยู่ และไม่เคยแพ้การเลือกตั้งมาก่อนนับตั้งแต่ปี 2512 เป็นต้นมานั้น ก็น่าติดตาม เพราะเมื่อช่วงการเลือกตั้งปี 2562 ประชาธิปัตย์ ก็เคยได้เพลี่ยงพล้ำให้กับพรรคพลังประชารัฐไป 1 ที่นั่งกับ ‘นิพันธ์ ศิริธร’ ซึ่งได้รับเลือกตั้งในเขต 1 ตรัง อย่างพลิกสายตาคอการเมือง

ยิ่งในสถานการณ์ความไม่ลงตัวของประชาธิปัตย์หนนี้ ตรังก็อาจจะถูกท้าทายยิ่งจากคู่แข่ง ภายหลังประชาธิปัตย์แยกเป็น 3 ก๊วน ได้แก่ ‘ชวน- สาทิตย์-สมชาย’ ขณะที่ฟาก ‘รทสช.’ ของลุงตู่ ก็น่าดูชม เพราะเดินไปทิศทางใดก็มีกระแส ส่วนภูมิใจไทยก็จ้องจะปักธงอยู่เหมือนกัน

ว่าแล้วมาทวนในส่วนของ ‘ชวน’ กันหน่อย โดยความหมายก็ไม่พ้น นายหัวชวน หลีกภัย อดีต ส.ส.12 สมัย ซึ่งไม่เคยสอบตก เป็นทั้งอดีตนายกรัฐมนตรี อดีตประธานรัฐสภา อดีตรัฐมนตรีอีกหลายกระทรวง แต่คราวนี้เชื่อว่านายหัวชวนคงกระอักกระอ่วนใจกับคนใกล้ชิดที่ต้องพลัดพรากจากกันไปอยู่ พรรครวมไทยสร้างชาติอย่าง ‘สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล’ เขต 4 ตรัง จนถึงขั้นชวนประกาศว่าเขตนี้ ไม่ช่วยคนแต่ช่วยพรรคกันเลยทีเดียว

ด้าน ‘สาทิตย์’ หรือ สาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส.หลายสมัย อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ถือเป็นศิษย์รักของนายหัวชวน อีกทั้งยังเป็นคนตัวเล็กใจกล้า ที่เป็นมือขวาเคียงข้าง ‘ลุงกำนัน’ ในยุค กปปส.ด้วย ลำบากใจแท้!!

ปิดท้ายกับ ‘สมชาย’ หมายถึง สมชาย โล่สถาพรพิพิธ อดีต ส.ส.หลายสมัย ที่จำต้องผลัดบ่าให้ ‘สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ’ ลูกสาวลงสมัครแทน ด้วยเหตุผลทางการเมืองที่ว่า ‘สมชาย’ กับ ‘สาทิตย์’ อยู่พรรคเดียวกัน ร้องเพลงเดียวกัน แค่ร้องคนละคีย์กันอยู่ นั่นก็เพราะสมชายกับวงศ์หนองเตย ระหองระแหงกันมาตั้งแต่ศึกเลือกตั้งนายกฯ อบจ.แล้ว แถมคราวนี้ สมชาย หันไปสนับสนุน ‘ทวี สุระบาล’ จากพรรคพลังประชารัฐแทน 

ฉะนั้นในการเลือกตั้งทั่วไป ปี 2566 ที่จะถึงนี้ จังหวัดตรัง ซึ่งมี 4 เขต เหมือนเขตเลือกตั้งในปี 2550 จะมีพรรคใหญ่ที่น่าจับตามองในสายตาประชาชนชาวภาคใต้ 4 พรรคใหญ่เท่านั้น ได้แก่...

พรรคภูมิใจไทย โดยนายพิพัฒน์ และ ดร.นาที รัชกิจประการ ซึ่งคาดหวังชนะ 19 เขตเลือกตั้งทั่วภาคใต้ โดยมี จ.ตรัง เป็นอีกหนึ่งหมุดที่พรรคภูมิใจไทย หมายมั่นปั้นมือปักธง และได้ส่งผู้สมัครครบ 4 เขต ได้แก่ เขต 1 นพ.รักษ์  บุญเจริญ / เขต 2 นางโชติกา รักเมือง / เขต 3 เรือเอกพัฒน์พงษ์ คงผลาญ และเขต 4 นายดิษฐ์ธนิน ภาคย์อิชณน์  

พรรคพลังประชารัฐ โดยนายทวี สุระบาล เป็นพี่ใหญ่ ได้ส่ง เขต 1 นายกิตติพงษ์ ผลประยูร / เขต 2 นายทวี สุระบาล / เขต 3 พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ ใจสมุทร / เขต 4.พล.ต.ต.บรรลือ ชูเวทย์ ซึ่งปัจจุบัน จ.ตรัง เขต 1 มีนายนิพันธ์ ศิริธร เป็น ส.ส.พลังประชารัฐ อยู่แล้ว จึงต้องการรักษาเก้าอี้ ส.ส.เขต 1นี้ไว้ให้ได้ แม้นิพันธ์จะไม่ได้ลง ส.ส.เขตแล้วก็ตาม

พรรคประชาธิปัตย์ ส่งครบ 4เขต ได้แก่เขต 1 นพ.ตุลกานต์ มักคุ้น / เขต 2 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย / เขต 3 น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ และเขต 4 นายกาญจน์ ตั้งปอง  

พรรครวมไทยสร้างชาติ มีตัวเด่นอยู่ที่เขต 3 ‘อำนวย นวลทอง’ อดีตนักศึกษากิจกรรมตัวยง ที่สนใจการเมืองมาตั้งแต่สมัยเรียน และมุ่งมั่นเข้าสู่วิถีการเมือง อดีตสมาชิกสภาเขตพญาไท อดีตประธานสภาเขตพญาไท 2 สมัย คนใกล้ชิด ดร.พิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม. และ เขต 4 สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ที่ถูกคัดออก เพราะถูกคนในพรรคประชาธิปัตย์มองข้าม แต่นายชวนยังเห็นคุณค่า โดยพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้น ก็เตรียมลงพื้นที่ตรังเรียกแขกในวันเสาร์ที่ 29 เมษายนนี้ด้วย 

กล่าวโดยสรุปสำหรับสนามเมืองตรัง เขต 1 จะเป็นการแข่งกันมันส์หยด เมื่อ พลังประชารัฐ ส่ง กิตติพงษ์ ผลประยูร ลงพื้นที่ก่อนผู้สมัครคนอื่นมีความได้เปรียบในการจัดตั้งคะแนนเสียง ส่วนเจ้าถิ่นประชาธิปัตย์ ส่ง นพ.ตุลกานต์ มักคุ้น ลูกรักประชาธิปัตย์สาย ‘ชวน หลีกภัย’ ลงสมัครใช้ฐานคะแนนเสียงเดิมเพื่อหวังชัยชนะกลับคืนมา
พรรคภูมิใจไทย นพ.รักษ์ บุญเจริญ เปิดตัวหลังคนอื่น แต่กระแสตอบรับดีมาก มีกระแสพรรคฯ ‘พูดแล้วทำ’ มาหนุน ทั้งประวัติส่วนตัวขาวสะอาด เป็นหมอชาวบ้านติดดิน จึงได้คนวงการสาธารณสุขหนุนนำ  

ยิ่งไปกว่านั้นเขต 1 จะเป็นสนามเลือกตั้งที่มีการแข่งขันดุเด็ดเผ็ดมันส์แน่ เพราะผู้สมัครทั้ง 3 คนไม่เคยเป็น ส.ส.มาก่อน มี นพ.รักษ์ คนเดียวที่เล่นการเมืองท้องถิ่น อดีตรองนายกเทศบาลนครตรัง ส่วนนายกิตติพงษ์ อดีตข้าราชการกรมที่ดิน ส่วนหมอตุลกานต์ มักคุ้น หมอโรงพยาบาลตรัง เขตนี่อย่ากระพริบเชียว

เขต 2 คู่นี้คือมวยคู่เอกของรายการในนัดนี้ เมื่อนายทวี สุระบาล ผู้ช่วยรัฐมนตรีและอดีต ส.ส.หลายสมัยหวนคืนสังเวียนขอทวงแชมป์จาก ส.ส.สาทิตย์ วงศ์หนองเตย พรรคประชาธิปัตย์ ทวี ทำการบ้านลงพื้นที่มาหลายปี ไปทุกงาน เสียงตอบรับกระแสนิยม มาฝั่งทวีได้ยินทุกหมู่บ้านคราวนี้ อีกทั้งนักการเมืองท้องถิ่นก็หนุนช่วยทวี ที่สำคัญสมชายก็เป็นอีกหัวเรี่ยวหัวแรงช่วยทวีออกหน้าออกตาตั้งแต่ก่อนสมัครแล้ว

ส่วนดาวสภา คนตัวเล็กฝีปากกล้า ‘สาทิตย์ วงศ์หนองเตย’ กลับมาลงพื้นที่เดินพบปะชาวบ้าน ‘เคาะประตู’ สไตล์ประชาธิปัตย์ เขตนี้เริ่มต้นทวี เป็นรองสาทิตย์ แต่ไม่มากนัก เวลาผ่านไปหายใจรดต้นคอสาทิตย์แล้ว

‘เพื่อไทย’ เตรียมเดินสายปราศรัยภาคอีสาน 2 วัน 4 จังหวัด มุ่งทำคะแนนโค้งสุดท้าย แม้โพลสำรวจจะการันตีความนิยม

(28 เม.ย. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย แถลงถึงการลงพื้นที่ภาคอีสานของพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 29-30 เม.ย.นี้ ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย รวมทั้งแกนนำพรรคเพื่อไทย จะลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ, สุรินทร์, มหาสารคาม และบุรีรัมย์

โดยจะเริ่มเวทีปราศรัยที่ อ.กันทรลักษ์ และ อ.เมือง จากนั้นไปที่ อ.อุทุมพรพิสัย เสร็จจาก จ.ศรีสะเกษ 3 เวทีในช่วงบ่าย ในช่วงเย็นจะไปเปิดเวทีปราศรัยที่ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ จากนั้นวันที่ 30 เม.ย.จะเริ่มเปิดเวทีปราศรัยที่ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม จากนั้นไปต่อที่ อ.ละหานทราย และ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์

‘ชาติพัฒนากล้า’ ร่วมหารือนักธุรกิจรุ่นใหม่ ชู ‘โคราชโนมิกส์’ หวังยกระดับโคราชและภาคอีสานสู่ระเบียงเศรษฐกิจ

(28 เม.ย. 66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) พร้อมด้วย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 5 พรรคชาติพัฒนากล้า ได้พบปะกับกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ของโคราช เพื่อนำเสนอนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า ‘งานดี มีเงิน ของไม่แพง’ โดยเฉพาะของจังหวัดนครราชสีมา มีนโยบาย ‘โคราชโนมิกส์’ ซึ่งเป็นนโยบายเฉพาะในการพัฒนาโคราชและภาคอีสาน เอาเศรษฐกิจยุคทองกลับมา ประกอบด้วยนโยบาย 5 ด้าน คือ

1.) นโยบายการสร้างภาคอีสานให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ของโคราช
2.) นโยบายการสร้างระบบคมนาคมที่เข้มแข็งและทันสมัย
3.) นโยบายการสร้างให้โคราชอีสานเป็นดินแดนแห่งเมืองท่องเที่ยวที่เป็นอินเตอร์
4.) นโยบายโคราชอีสานเป็นเมืองผลิตอาหารให้กับโลก
5.) นโยบายการแก้ไขปัญหาที่พี่น้องประชาชนประสบมาก ๆ คือ น้ำท่วม น้ำแล้ง และน้ำประปาไม่เพียงพอ หรือนโยบายโคราชเมืองน้ำไม่ท่วม น้ำไม่แล้ง ประปาเพียงพอ

‘จุรินทร์’ เตรียมปราศรัยใหญ่ จ.สุราษฎร์ฯ-พังงา 29-30 เม.ย.นี้ มั่นใจ!! ‘ปชป.’ รักษาแชมป์เก่าได้ ครองเก้าอี้ ส.ส.ยกจังหวัด

(28 เม.ย. 66) นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย ทีมโฆษกประจำศูนย์เลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ในวันที่ 29 เม.ย.- 30 เม.ย. 66 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมแกนนำพรรคฯ เตรียมล่องใต้ ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดพังงา เพื่อพบปะกับพี่น้องประชาชนพร้อมเปิดเวทีปราศรัย 3 เวที โดยจะเริ่มต้นกิจกรรมตั้งแต่ในช่วงเย็นที่ 29 เม.ย.เปิดเวทีปราศรัยบริเวณข้างโรงแรมวังใต้ ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และในวันที่ 30 เม.ย.ช่วงเย็ นจะมีปราศรัยที่ อำเภอเมือง จังหวัดพังงา และช่วงค่ำไปปราศรัยที่อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา บริเวณศาลเจ้าเล่งสั้นเก้ง (ศาลเจ้าท้ายเหมือง)

‘พุทธิพงษ์’ มั่นใจ!! นโยบาย ภท. ตอบโจทย์คนทุกกลุ่ม อ้อน!! ขอ ปชช. เชื่อใจ เพราะภูมิใจไทย ‘พูดแล้วทำ’ 

(28 เม.ย.66) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผอ.การเลือกตั้งกทม. พรรคภูมิใจไทย (ภท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

นโยบายดี ๆ ที่ตอบโจทย์ประชาชนทุกกลุ่ม เพราะพรรคภูมิใจไทยเข้าใจ ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาขนในแต่ละพื้นที่คืออะไร ผมและทีมงานจึงพร้อมที่จะผลักดันทุกนโยบายให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด 

ขอให้ประชาชนมั่นใจ เชื่อใจ และเราขอสัญญาว่า ภูมิใจไทย พูดแล้วทำ 

เลือกพรรคภูมิใจไทย ❎7️⃣ กาเบอร์ 7 #พูดแล้วทำ พร้อมลงมือทำงานทันที

ทั้งนี้ยังได้แนบคลิปวิดีโอที่สะท้อนเสียงจากประชาชนถึงปัญหาที่สังคมไทยกำลังเผชิญและต้องรีบแก้ไข เช่น ปัญหาค้าขายที่ยากลำบาก เนื่องจากประชาชนไม่ควักเงินออกมาใช้จ่ายเนื่องจากต้องประหยัดเงิน ทำให้พ่อค้าแม่ขายมีรายได้น้อยลง ปัญหาเรื่องราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้น แม้จะปรับขึ้นเพียง 1-2 บาท แต่ราคาที่ปรับขึ้นนั้นเกิดขึ้นกับสินค้าทุกชนิดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชน ปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 และควันจากจราจร ปัญหาเรื่องค่าตั๋วโดยสารรถสาธารณะที่พุ่งสูง ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายต่อวันเพิ่มขึ้น ปัญหาแก๊สขึ้นราคา เป็นต้น

นอกจากนี้ พรรคภูมิใจไทยได้ชูนโยบายสำคัญๆ ได้แก่ พักหนี้ 3 ปี หยุดต้นปลดดอก ซึ่งเป็นนโยบายที่ประชาชนให้การตอบรับดี โดยมองว่า เป็นผลดีต่อผู้หาเช้ากินค่ำ สามารถจัดสรรบริหารรายได้ที่มีอยู่ได้มากยิ่งขึ้น 

ฟรีกองทุนประกันชีวิต 60 ปีขึ้นไป เสียชีวิตรับ 100,000 กู้ได้ 20,000 ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน เป็นนโยบายที่ประชาชนมองว่าเป็นประโยชน์ น่าสนใจ

‘ชาวพระโขนง’ ขอบคุณ ‘มณีรัตน์’ ผู้สมัครส.ส.ภูมิใจไทย  ช่วยประสาน อปพร.-เข้าช่วยเหลือ หลังเกิดเหตุไฟไหม้ 

เมื่อไม่นานมานี้ ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือน ไม่มีเลขที่จำนวน 6 หลัง ภายในซอยปุณณวิถี 48 ถ.สุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ซึ่งนางสาวมณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ ผู้สมัคร ส.ส. จากพรรคภูมิใจไทย ได้ให้การช่วยเหลือและประสาน อปพร. ในพื้นที่ทันทีหลังจากเกิดเหตุ 

จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน ช่วงเวลาแปปเดียวไฟลุกลามไหม้หมด ไฟฟ้าก็ดับ ตรงนี้มืดหมด ตกน้ำราดในขณะที่ขาก็ปวด เมื่อทราบข่าวเหตุเพลิงไหม้ สิ่งแรกที่ทำ นางสาวมณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ กล่าวว่า “โชคดีที่ว่าทีมอาสาของเราหนึ่งในนั้นเป็น อปพร. ทางทีมเราก็ลงพื้นที่เข้าไปช่วยเลย และทำการประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับดูแลพี่น้องประชาชนที่อยู่อาศัยตรงนั้น ไม่ให้เขาตื่นตระหนกมากจนเกินไป หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้เรามาตรวจสอบพบว่า 6-7 หลังคาเรือนที่ไฟไหม้ เป็นบ้านที่ไม่มีเลขที่ ต้องไปจั้มไฟ เลยเป็นสาเหตุที่เกิดไฟฟ้าลัดวงจร พื้นที่ไม่มีโฉนด หรือเป็นพื้นที่รกร้างแล้วชาวบ้านมาสร้างบ้านกันอยู่เอง เกิดจากการที่เขาไม่มีที่อยู่อาศัย เป็นหน้าที่ของทางรัฐบาลที่ต้องดูแลปรับปรุงพื้นที่พัฒนาและก็สร้างบ้านเพื่อตอบรับสิ่งเหล่านี้ให้แก่พี่น้องประชาชนที่ไม่มีที่อยู่อาศัย”

สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหา นางสาวมณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ กล่าวว่า “เบื้องต้น คือ 1) จัดหาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม 2) ส่งเสริมความรู้เรื่องไฟฟ้าแก่ชุมชน สอนให้เด็กมีองค์ความรู้เรื่องนี้ในการป้องกันเบื้องต้นไม่ให้เกิดไฟไหม้ขึ้น 3) จัดทีมอาสาเฝ้าระวังของแต่ละชุมชน ซึ่งสมัยก่อนเคยมีและทุกวันนี้ก็ยังทำอยู่ 

‘ไบรท์ ชินวัตร’ เผย เหตุผลช่วย ‘ดร.ปุ๊ก รทสช.’ นนทบุรี หาเสียง ยัน!! ผู้สมัครทำงานจริง วอน ฝ่ายประชาธิปไตยเปิดใจให้กว้าง

เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 66 นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ‘ไบรท์ ชินวัตร’ แกนนำม็อบราษฎรเมืองนนท์ โพสต์เฟซบุ๊ก เปิดเผยเหตุผลในการช่วยหาเสียงให้ ดร.ปุ๊ก วิภาวัลย์ วรวรรณปรีชา ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า…

“ผมยืนยันครับ ว่าเป็นภาพที่ผมช่วย ‘ดร.ปุ๊ก วิภาวัลย์ วรวรรณปรีชา’ หาเสียงจริง ๆ ครับ แต่ผมยังคงยืนยันอุดมการณ์ในการเรียกร้องประชาธิปไตยในหัวใจผมดั่งเดิม

สาเหตุที่ผมต้องมาช่วยผู้สมัครท่านนี้หาเสียง อยากให้พี่น้องได้ทราบว่า ในช่วงการระบาดของโรคโควิดที่ผ่านมา ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดใกล้เคียง มีพี่น้องเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก บางคนต้องสูญเสียพ่อแม่และคนรักในครอบครัว ผมจึงเปิดศูนย์อำนวยการเพื่อประสานความช่วยเหลือผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดในช่วงนั้น เพราะพี่น้องไม่มีเตียงรักษาโรค

มีผู้หญิงคนนี้ คือ ดร.วิภาวัลย์ วรวรรณปรีชา ที่เป็นคนแรกอาสาเข้ามาที่จะสนับสนุน ผลักดันหาเตียงรักษาโรคให้เพียงพอต่อจำนวนที่พี่น้องประสานมายังผม ไม่ต่ำกว่า 2,000 คน พี่น้องในพื้นที่ลำบาก มีผู้หญิงคนนี้ที่ยื่นมือมาช่วยนำสิ่งของต่าง ๆ มามอบให้กับผม เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับพี่น้องเพื่อบรรเทาความทุกข์ร้อน

ผมยืนยันว่า ไม่มีนักการเมืองคนไหนเลย ที่จะเป็นความหวังและเป็นที่พึ่งของประชาชนในพื้นที่นนทบุรีเขต 1 ผมจึงจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องสนับสนุน ดร.วิภาวัลย์ วรวรรณปรีชา ผู้สมัครหมายเลข 2 เขต 1 นนทบุรี ตำบลบางกระสอ, ตำบลบางเขน และตำบลท่าทราย

ผมมีความหวังและความฝันอยากเห็นนักการเมืองแบบนี้ที่ทำเพื่อประชาชน ส่วนสำหรับคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่ต่อหรือไม่อยู่ต่อ ก็เป็นเรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับผม

ผมยืนยันยังไงก็แล้วแต่ ผมจะต้องสนับสนุนผู้สมัครหมายเลข 2 ผู้นี้ให้เข้าสภาฯ ให้จงได้

ขอบคุณพี่น้องในเขตพื้นที่นนทบุรีเขต 1 ที่เข้าใจผม และผมต้องขอโทษหากทำให้พี่น้องท่านใดไม่พอใจ ทุกคนย่อมมีเหตุผลแต่ละพื้นที่ความเดือดร้อนปัญหาต่าง ๆ ย่อมแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

การที่พี่น้องหลายคนเข้ามาต่อว่าด่าทอผมเสีย ๆ หาย ๆ ผมเชื่อว่ามันจะทำให้ผมเข้มแข็งขึ้น และอยากฝากบอกทุกท่านว่า ถ้าพวกเรารักประชาธิปไตยจริงควรเปิดใจให้กว้างสักนิด และรับฟังให้รอบด้าน มิใช่เอาแต่อารมณ์ตัวเอง แล้วด่าคนอื่นว่าเป็นอย่างที่คุณคิด

สถานภาพใหม่ ‘พิธา’ คนโกหก-ไม่ทำชั่ว ‘ไม่มี้’ ซวย 'โร้ดแม็ปรัฐบาลก้าวไกล' กร่อยกลางทาง

เลียบการเมือง การเลือกตั้งสุดสัปดาห์ 'เล็ก เลียบด่วน' ไม่ขอพูดพล่ามทำเพลง ขอชี้เปรี้ยงไปที่กรณี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเลยว่า...น่าเสียใจและน่าเสียดายที่จะต้องบอกว่าคำชี้แจงแถลงไขของ กรณีดรามางานศพพ่อ แม้จะจริงอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ก็เป็นการ 'เลือกชี้แจง' ตอบไม่สะเด็ดน้ำว่าใช้เส้นสาย 'อภิสิทธิ์ชน' ขึ้นเครื่องบินเที่ยวพิเศษได้ยังไง? เพราะใคร?

และที่สำคัญไม่มีหลักฐานแม้แต่นิดเดียวว่าถูกคณะรัฐประหาร 19 กันยา 49 คุมตัวเป็นวัน และถูกอายัดบัญชีการทำธุรกรรม...งานนื้ทำให้การแถลงข่าวเรื่อง 'โร้ดแม็ปรัฐบาลก้าวไกล' ของเขา ที่มีบางเรื่องน่าสนใจกร่อยไปเลย..กร่อยไปท่ามกลางโซเชียลที่กระพือพุทธภาษิต...คนโกหกไม่ทำชั่วไม่มี...!!

อย่างไรก็ตาม ขณะที่หัวหน้าพรรคกำลังถูกกล่าวหาว่าสร้างดราม่าเรื่องผจญภัยรัฐประหาร...ก็ต้องยอมรับว่ากระแสพรรคก้าวไกลในหลายยังคงพื้นที่ร้อนแรง...ร้อนแรงจากเวทีดีเบต โพลของหลายสำนัก รวมทั้งหน่วยงานความมั่นคงเริ่มขยับปรับเปลี่ยนจำนวนที่นั่ง ส.ส.ของพรรคส้มกันบ้างแล้ว...แต่ถึงอย่างไร 'เล็ก  เลียบด่วน' ก็ยังฟันธงว่าในสนามต่างจังหวัด ว่ายากที่พรรคก้าวไกลจะแหกโค้งเบียดเข้าป้ายอย่างมีนัยสำคัญ...ยกเว้นสนาม กทม.ที่อาจจะมีเซอร์ไพรซ์ ถ้า 7 วันสุดท้ายพรรคเพื่อไทยยังไม่มีทีเด็ดทีขาด...

ส่องสนามเลือกตั้งตามภาคต่างๆ...เกิดปรากฏการณ์ประหลาดในภาคอีสานบางพื้นที่ และภาคใต้ในหลายพื้นที่...นั่นคือปรากฏการณ์ 'ทิ้งพรรค เอาเขต'...โดยเฉพาะที่นครศรีธรรมราช ที่กระแสลุงตู่มาแรงสุดๆ  ทำให้ผู้สมัครคู่แข่ง โดยเฉพาะพรรคเก่าแก่ต้องปรับกลยุทธ์บอกชาวบ้านว่า...คะแนนพรรคเลือกลุงตู่ เบอร์ 22 แต่คะแนนเขตขอให้เลือกพรรคกระผม พรรคดิฉัน...ทำเอาผู้สมัครพรรครทสช.ต้องรีบไปแก้เกมกันจ้าละหวั่น...

พูดถึงพรรครวมไทยสร้างชาติเสาร์-อาทิตย์นี้ 'ลุงตู่' จัดเต็ม ขนาดไปพักค้างที่สงขลา...และก่อนเลือกตั้ง 2 วันจะจัดหนักให้ที่นครศรีธรรมราชอีกครั้ง...แต่พื้นที่ที่ดูเหมือนจะร้อนรุ่มกลุ้มอุราก็คือภาคอีสาน  เหตุเพราะน้ำประปาหยุดไหลมานานแล้ว ผู้สมัครหลายคนเริ่มถอดใจ...หลายคนก็เริ่มรวมตัวฮึ่มๆ...จะยกพลขอคุยกับ 'หัวหน้า-เลขา' ให้รู้แล้วรู้รอด...ทราบแล้วเปลี่ยน..!!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top