Monday, 9 June 2025
SPECIAL

เชียงราย - ชุมชนชาวมุสลิมปรับตัวยุคโควิด ปรุงอาหารใส่ปิ่นโตแจกแทนจัดเลี้ยงช่วงถือศีลอด

ที่ชุมชนกกโท้ง เทศบาลนครเชียงราย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ซึ่งเป็นชุมชนชาวมุสลิมในจังหวัดเชียงราย ซึ่งช่วงนี้เป็นนช่วงการถือศิลอด เนื่องในเดือน รอมฎอนเป็นเวลา 30 วัน  ทางกลุ่มขาวมุสลิมใน จ.เชียงราย นำโดยนายปรีชา อนุรักษ์ กรรมการอิสลามประจำ จ.เชียงราย ได้รวมกลุ่มกันบริจาคทานเพื่อจัดทำอาหารสำหรับให้ชาวมุสลิมที่ถือศิล ได้บริโภคหลังพระอาทิตย์ตกดิน  โดยการปรุงอาหารและแจกจ่ายด้วยปิ่นโตเพื่อให้สมาชิกที่เป็นชาวมุสลิม ผู้ยากไร้  นำไปรับประทานที่บ้านแทนการจัดเลี้ยงด้วยโรงทานตามมัสยิดต่าง ๆ เหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 

โดยทางกลุ่มได้จัดสถานที่มอบปิ่นโตที่บริเวณหน้าร้านโรตีป้าใหญ่ตั้งอยู่ที่ชุมชนกกโท้ง เทศบาลนครเชียงราย อ.เมืองเชียงราย จ.ฌชียงราย โดยแต่ละวันจะมีลูกหลานและคนงานร้านโรตีป้าใหญ่ มาช่วยกันปรุงอาหารเป็นเมนูต่าง ๆ อย่างหลากหลาย และนำบรรจุในปิ่นโต 5 ชั้นโดยมีข้าว 2 ชั้นและอาหารจำนวน 3 ชั้นเพื่อให้เพียงพอต่อการบริโภคในครอบครัว  โดยผู้ที่จะเป็นสมาชิกกลุ่มต้องเข้ารับการอบรมด้านการป้องกันไวรัสโควิด-19 จากนั้นมีการลงทะเบียนและมอบหมายเลขปิ่นโตให้เพื่อให้แต่ละคนได้ไปรับปิ่นโตในช่วงเวลาประมาณ 16.00 น.ของทุกวันอย่างถูกต้องและ นำปิ่นโตมาคืนในวันถัดไป

นายปรีชา กล่าวว่าตามปกติพวกเราก็จะมีทำบุญเลี้ยงอาหารเป็นประจำทุกเดือน โดยเฉพาพในช่วงเดือนรอมฎอน จะทำกันทุกวัน แต่เนื่องจากช่วง 1-2 ปีนี้เกิดวิกฤติไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องหันมาปรับเปลี่ยนวิธีการเพื่อแก้ไขปัญหาการนั่งรับประทานรวมกลุ่ม จึงได้คิดค้นการนำปิ่นโตมาใช้ประโยชน์และได้รับการสนับสนุนจากร้านโรตีป้าใหญ่ในการรับเป็นสถานที่และคนปรุงให้ จึงทำให้ไม่ต้องเสียต้นทุนมากและมีค่าใช้จ่ายเพียงการจัดหาซื้อวัตถุดิบต่างๆ มาทำการปรุงเท่านั้น  จากการสอบถามไปยังจังหวัดอื่น ๆ รวมถึงกรุงเทพฯ ก็ไม่เคยพบเห็นพื้นที่ใดใช้วิธีการนี้มาก่อนเลย พวกเราจึงถือเป็นกลุ่มบุกเบิกซึ่งทุกพื้นที่สามารถนำไปใช้เป็นต้นแบบได้

"ปัจจุบันมีผู้ที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกรับปิ่นโตจำนวน 110 คน  ต้องทำอาหารสำหรับปิ่นโตจำนวน 110 ปิ่นโตต่อวัน รวมระยะเวลาในการจัดทำอาหารใส่ปิ่นโตจำนวน 30 วัน ซึ่งหลังจากดำเนินการมาได้หลายวันพบว่าได้ผลเป็นอย่างดีและผู้ไปรับก็ได้ความรู้เรื่องไวรัสโควิด-19 มีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) มาให้บริการคัดกรองก่อนรับอาหาร และอาหารที่ได้ถือว่าให้มากสามารถนำไปรับประทานร่วมกับคนในครอบครัวได้ซึ่งดีกว่าการจัดเลี้ยงเป็นโต๊ะซึ่งสมาชิกในบ้านบางคนอาจจะไม่เวลาไปรับประทานได้ สำหรับค่าใช้จ่ายนั้นก็มีผู้บริจาคกันเข้าไปอย่างเพียงพอหรือแม้แต่สมาชิกที่ไปรับปิ่นโตก็ร่วมสมทุบทุนไปด้วย เฉลี่ยค่าใช้จ่ายวันละประมาณ 20,000 บาทแต่ก็ถือว่าได้ผลดีเป็นอย่างมากและหลังเดือนรอมฎอนไปแล้วก็คงจะหาโอกาสในการแจกปิ่นโตเช่นนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์

 

กระบี่ - ชุด ฉก.ความมั่นคงภายในกระบี่จับหนุ่มบ้านห้วยครามยึดยาบ้า 137 มัด 2 แสนกว่าเม็ด

ที่ห้องประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดศาลากลางจังหวัดกระบี่ พันตำรวจโท หม่อมหลวง กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยพันเอก สมบัติ สืบท้วม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ พันตำรวจเอก ศิริศักดิ์ สงพะโยม ผู้กำกับการสืบสวน กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ และพันตำรวจโท ก้องภพ โพธิ์แสน ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 462 จังหวัดกระบี่ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมหนุ่มวัย 30 ปี พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ของจังหวัด เป็นเครือขายรายสำคัญทางภาคเหนือ พร้อมของกลางยาบ้า 137 มัด 274,000 เม็ด

ด้วยร้อยตำรวจเอก นิพนธ์ หนูชัยแก้ว หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 42 รองหัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ นำกำลังชุดปราบปรามยาเสพติดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ จับกุมตัวนายรณกร หรือเบล เกลี้ยงบุตร อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 155 หมู่ที่ 6 บ้านห้วยคราม ตำบลห้วยยูง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ได้ริมถนนสายเหนือคลอ - เขาพนม บริเวณหน้าวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกระบี่ หมู่ที่ 6 บ้านห้วยคราม ตำบลห้วยยูง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ต่อเนื่องภายในไร่อ้อย หมู่ที่ 3 บ้านใหม่ ตำบลเขาพนม อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ และต่อเนื่องที่บ้านพักของนายรณกร ยึดของกลางยาบ้า 137 มัด 274,000 เม็ด สมุดบัญชีรายการลูกค้ายาเสพติด 1 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง รถจักรยานยนต์เอ็มเอ็กเอส ทะเบียน 1 กค 4842 กระบี่ โดยแจ้งข้อกล่าวหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

โดยร้อยตำรวจเอก นิพนธ์ หนูชัยแก้ว หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 42 รองหัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ สืบทราบว่านายรณกร เกลี้ยงบุตร เป็นพ่อค้ารายใหญ่ใหญ่ที่ลักลอบค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดกระบี่มาช้านาน และเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ทางภาคเหนือ และเป็นเครือข่ายกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา จึงได้วางแผนจับกุมโดยล่อซื้อยาบ้า 20 มัด 4 หมื่นเม็ด ราคา 6 แสนบาท โดยให้นำยาบ้ามาจำหน่ายก่อนแล้วค่อยทยอยส่งเงินให้ จึงนัดส่งยาบ้าที่เกิดเหตุดังกล่าวข้างต้น สามารถจับกุมตัวได้พร้อมด้วยยาบ้าตามที่นัดกันเอาไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการขยายผลจนตามตรวจยึดยาบ้าได้อีก 117 มัด 234,000 เม็ด รวมยาบ้าที่ยึดได้ 137 มัด 274,000 เม็ด

จากการสอบสวนปากคำในเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นายรณกร เกลี้ยงบุตร ให้การรับสารภาพว่าถูกจับกุมในคดียาเสพติดและพึ่งพ้นโทษมาจากเรือนจำจังหวัดกระบี่มาได้ 1 เดือนเศษ จากนั้นนายวรันธร หรือเค ฝอยทอง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 140 / 9 ถนนเมืองเก่า ตำบลกระบี่ใหญ่ อำเภอเมืองกระบี่ และนายสุโกมล หรือโก อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 หมู่ที่ 6 บ้านควนออก ตำบลพรุเตียว อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ ได้ติดต่อขอให้เข้าร่วมเครือข่ายลักลอบค้ายาเสพติด ซึ่งบุคลทั้งสองมีหมายจับของศาลจังหวัดกระบี่ไม่ต่ำกว่า 5 หมาย โดยหลบหนีอยู่ในฝั่งพม่าด้านท่าขี้เหล็กจังหวัดเชียงราย จากนั้นจึงรับปากและเริ่มค้ายาอีกครั้ง โดยสั่งยาบ้าทางออนไลน์ 2 ครั้งแรกนำยาบ้าเข้ามา 10 – 20 มัด และครั้งนี้เป็นครั้งที่สามนำยาบาเข้ามา 490 มัด 9 แสน 9 หมื่นเม็ด และไปรับยาที่บ้านบางเภา อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช นำส่งขายไปแล้ว 363 มัด จนกระทั้งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้และยึดยาบ้า 137 มัด หากขายได้ทั้งหมดจะได้เงินไม่ต่ำกว่า 4 ล้านบาท


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์  ศรีปล้อง รายงาน

นราธิวาส – ผู้ว่าฯนราธิวาส ตรวจเยี่ยมด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และคนไทยที่เดินทางกลับประเทศ

หลังมาเลเซียผลักดันแรงงานต่างชาติกลับประเทศ ภายใน 21 เมษายนนี้ ยืนยันจังหวัดนราธิวาสพร้อมรองรับ เน้นย้ำมาตรการคัดกรองโรค COVID19

วันนี้ (21 เม.ย. 64) ที่ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก พร้อมทั้งรับทราบข้อมูลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำด่าน โดยมีนายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโก-ลก นายวัลลภ วุฒาพาณิชย์ นายด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ขนส่งจังหวัดนราธิวาส สาธารณสุขอำเภอสุไหงโก-ลก หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยกำลังในพื้นที่ร่วมต้อนรับ

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้พบปะคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซียตั้งแต่ช่วงเช้าโดยได้ขอความร่วมมือให้ผู้ที่เดินทางผ่านด่านให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ถูกต้องและเป็นความจริง เพื่อใช้ในการควบคุมและสอบสวนโรค และยืนยันว่าจังหวัดนราธิวาสพร้อมดูแลคนไทย ซึ่งมีความพร้อมในการรองรับและดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในโอกาสต่อไป

ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดนราธิวาสได้เตรียมความพร้อมด้านมาตรการรับมือคนไทยเดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย โดยมีสิ่งที่ห่วงใยมากที่สุด คือ การสอบสวนโรคหรือการคัดกรองโรคเบื้องต้นของคนไทยที่เดินทางเข้ามาอย่างถูกกฎหมายและผิดกฎหมายผ่านช่องทางธรรมชาติ ซึ่งทั้งสองกลุ่มมีมาตรการตั้งแต่ช่วงการระบาดในรอบแรกที่ได้เตรียมการไว้แล้ว โดยต้องเข้าสู่การสอบสวนโรค กักกันตัว และการส่งตัวกลับภูมิลำเนาด้วยความปลอดภัย

สำหรับผู้ที่ติดเชื้อจะเข้าสู่การรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งขณะนี้ทางโรงพยาบาลเปิดรับผู้ที่ติดเชื้อในรอบแรก 43 ราย ในรอบเดือนเมษายนตั้งแต่ 1 เมษายนมีตัวเลขผู้ติดเชื้อจำนวน 405 ราย และจำนวน 249 คนเป็นผู้ติดเชื้อในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส รวมทั้งมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อดูแลรักษาผู้ป่วย แห่งแรกที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาสสำหรับรักษาผู้ต้องขัง แห่งที่ 2 ที่ศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพยาเสพติดจังหวัดนราธิวาส และแห่งที่ 3 ที่ศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก ซึ่งสามารถรองรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่รุนแรง สำหรับคนไทยที่เดินทางเข้ามาในวันนี้จะมีมาตรการโดยให้เจ้าหน้าที่เปิดรับผู้ที่เดินทางผ่านแดนทุกวันตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนนี้

ทั้งนี้ ผู้บังคับบัญชาได้ให้คำแนะนำ โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ให้ความสำคัญกรณีแรงงานต่างด้าวทุกสัญชาติที่เดินทางเข้ามาในช่วงนี้เช่นเดียวกัน สำหรับแรงงานต่างด้าวทุกสัญชาติที่เข้ามาในช่วงนี้จะต้องถูกดำเนินคดีในการหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งต้องใช้เวลาดำเนินการ 7 - 15 วัน หากมีแรงงานต่างด้าวจำนวนมากได้เตรียมสถานที่ไว้ที่ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก ณ สนามกีฬาและหอประชุมใหญ่ และที่อำเภอตากใบ เพื่อรองรับแรงงานต่างด้าว ในด้านข้อมูลผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส วันนี้มีผู้ป่วยรายใหม่เป็นศูนย์โดยผู้ต้องขังจำนวน 2,334 กว่าคน มีผู้ติดเชื้อสะสมในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส จำนวน 249 คน


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

สุราษฎร์ธานี - จับจริง ปรับจริงแล้ว ไม่สวมหน้ากากอนามัย ศาลแขวงสุราษฎร์ธานี พิพากษาปรับ 4,000 บาทผู้ประกอบการ สนับสนุนช่วยจิตอาสา ทำข้าวกล่องและซื้อเครื่องอุปโภค ส่งตามบ้านช่วยผู้กักตัวและกลุ่มหยุดงาน

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ศาลแขวงสุราษฎร์ธานี ได้ออกประกาศข่าวศาล จับจริง ปรับจริง โดยวันนี้ พนักงานอัยการคดีศาลแขวงสุราษฎร์ธานี ได้ยื่นฟ้องผู้ฝ่าฝืนไม่สวมหน้ากากอนามัย (1 รายในพื้นที่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี) ตามคำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 2323/2564 เรื่อง ให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถานหรือสถานที่พำนักของตนในฐานความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราช บัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558โดยศาลมีคำพิพากษาปรับ 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 2,000 บาท

ส่วนที่อาคารเอนกประสงค์รินทอง วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี ได้มีประชาชน ประมาณ 300 คนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ไปเที่ยวสถานบันเทิง 8 แห่งใน อ.เมืองสุราษฎร์ธานีและนักศึกษาที่ไปร่วมงานรับประกาศนียบัตร ได้ทยอยเดินทางไปตรวจหาเชื้อโควิด-19

ทั้งนี้ ได้พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 41 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มคลัสเตอร์สถานบันเทิงที่พบจากการตรวจหาเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงสูงด้วยรถตรวจหาเชื้อชีววิทยาพระราชทาน จำนวน 326 ราย ส่งผลให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 273 ราย รักษาหายแล้ว 8 ราย เหลือยังรักษาที่โรงพยาบาล 265 ราย โดยล่าสุด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีประกาศด่วนให้ผู้สัมผัสใกล้ชิดในครัวเรือน ที่อยู่บ้านเดียวกับผู้ป่วยโควิด-19 ทุกคนและบุคคลที่มีประวัติใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 ให้ไปรับการตรวจหาเชื้อโดยรถพระราชทานเคลื่อนที่ ที่วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี ภายในวันที่ 22 เมษายนนี้

นายแพทย์ศักดิ์ชัย ตั้งจิตวิทยา ผู้อำนวยการโรงพยายาลสุราษฎร์ธานี ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนามสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ขณะนี้ได้คัดกรองผู้ป่วยในกลุ่มที่ไม่มีอาการไปพักตัวเพื่อควบคุมโรคในโรงพยาบาลสนามท่าโรงช้าง อ.พุนพิน 96 ราย และโรงพยาบาลสนามราชภัฏสุราษฎร์ธานี 40 ราย รวม 136 ราย และภายใน 2 สัปดาห์นี้ถ้าสามารถค้นหาผู้ป่วย และนำตัวไปควบคุมโรคได้ สถานการณ์แพร่ระบาดคลัสเตอร์สถานบันเทิงจะลดลง ซึ่งได้เตรียมโรงพยาบาลสนามไว้ 400 เตียง จะเพียงพอต่อการองรับผู้ป่วย

วันเดียวกัน จิตอาสากลุ่มไลน์ช่วยโควิด-19 สฎ.นำโดย น.ส.อภิชญาฎา เพชรรัตน์ และคณะที่นำเงินส่วนตัวและที่มีผู้ร่วมสมทบจัดทำอาหารกล่อง และข้าวสาร อาหารแห้ง พร้อมสิ่งของอุปโภคไปส่งตามบ้าน 2 กลุ่ม ผู้กักตัวเอง 14วันที่ได้รับผลกระทบโควิด -19 และกลุ่มผู้ได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถประกอบอาชีพได้กว่า 50 รายแล้ว ซึ่งมีเอกชนผู้ประกอบการร่วมนำวัตถุดิบปรุงอาหารและสิ่งของมาร่วมสมทบ ล่าสุด ศปก.ป้องกันปราบปรามการโจรกรรมสินค้าทางน้ำและป้องกันปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำโดย พ.ต.อ.นิพล ชาตรี ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้ร่วมมอบเครื่องบริโภค อาหารแห้ง จำพวก ข้าวสาร ไข่ไก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมัน ปลากระป๋อง


ภาพ/ข่าว สรเดช ส้มเกลี้ยง สุราษฎร์ธานี

แม่ฮ่องสอน - พลังบุญส่งผ่านกิ่งกาชาดแม่สะเรียง สู่ธารน้ำใจ เป็นความห่วงใยมอบแด่บุคคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลแม่สะเรียง และ โรงพยาบาลสบเมย

จากการที่มีการเผยแพร่ข้อมูลความต้องการของบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อเปิดรับบริจาคทางเฟซบุ๊ก ในนาม กิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้รับบริจาค ไปจัดซื้อชุด PPE และอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลแม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยได้ปิดรับบริจาค เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2564 สรุปยอดเงินบริจาคทั้งหมด อยู่ที่ 100,000 บาท ซึ่งมาจากธารน้ำใจพี่น้องชาวแม่สะเรียงและทั่วประเทศ 

ในเช้าวันนี้ นายสังคม คัดเชียงแสน นายอำเภอแม่สะเรียง นางวิลาวัณย์ คัดเชียงแสน นายกกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง พร้อมด้วยคณะกรรมการกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง เป็นตัวแทนส่งมอบชุดกาวน์และชุดPPE ชนิดใช้ครั้งเดียว รวม 350 ชุด และ เฟซชิลด์หน้ากากใส 100 ชิ้น ให้กับโรงพยาบาลแม่สะเรียง และ โรงพยาบาลสบเมย โดยมีบุคลากรทางการแพทย์เป็นผู้แทนรับมอบในเบื้องต้นบุคลากรทางการแพทย์ยังคงมีความต้องการ เครื่องวัดความดันแบบมาตรฐานชนิดสอดแขน เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนไข้สามารถดำเนินการวัดตรวจสอบได้เอง  ซึ่งวงเงินที่คงเหลือ 28,000 บาท ทางกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง จะนำไปซื้อเครื่องวัดความดันดังกล่าว ให้เพียงพอต่อความต้องการของโรงพยาบาล

สำหรับผู้ที่บริจาคก่อนหน้านี้ สามารถติดต่อขอรับใบเสร็จรับเงินได้ที่ ห้องเสมียนตรา ที่ว่าการอำเภอแม่สะเรียง นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป และสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามกฎหมาย ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กิ่งกาชาดอำเภอ งานสำนักงานอำเภอ โทรศัพท์ 0-5368-2283 หรือส่งของบริจาคได้ที่ ที่ว่าการอำเภอแม่สะเรียง หมู่ที่ 2 ถนนเวียงใหม่ ตำบลแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน 58110


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร  อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

ระยอง - วิทยาลัยเทคนิคระยอง ปรุงสุกอาหาร "อาหารปันสุข"มอบเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ และช่วยเหลือประชาชนแบ่งภาระค่าใช้จ่าย ช่วงโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่

เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2564 ที่ร้านอาหารใบชะมวง หน้าวิทยาลัยเทคนิคระยอง อ.เมืองระยอง ผู้สื่อรายงานว่า ว่าที่เรือตรี ชูชีพ อรุณเหลือง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระยอง ได้นำคณะผู้บริหาร ครู และนักเรียน นักศึกษา ปรุงสุกอาหารใส่กล่องพร้อมน้ำดื่มตามโครงการ"อาหารปันสุข" นำไปมอบให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่จุดฉีดวัคซีน และตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 รวม 3 จุด ประกอบด้วย จุดบริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าระยอง จุดตรวจเนินอุไร ข้างสวนศรีเมือง และ รพ.ระยอง จำนวน 600 กล่อง รวมทั้งแจกจ่ายให้กับประชาชนบริเวณหน้าวิทยาลัยเทคนิคระยองด้วย

ว่าที่เรือตรีชูชีพ อรุณเหลือง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระยอง กล่าวว่า โครงการ"อาหารปันสุข"ดังกล่าว เป็นความร่วมมือของคณะผู้บริหาร ครู นักเรียน นักศึกษาจัดทำขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาดระลอกใหม่นี้ รวมทั้งเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในด่านหน้า โดยทางวิทยาลัยเทคนิคระยอง จะมีการทำโครงการดังกล่าวต่อเนื่องต่อไป เพื่อเป็นการแบ่งปันความสุขให้กับประชาชนในพื้นที่


ภาพ/ข่าว  วฐิต กลางนอก / ธีรวัฒน์ อินธิพันธ์ รายงาน

ยะลา - ผบ ฉก ยะลา กำชับกำลังพลป้องกันชายแดนพร้อมรับคนไทยถูกทางการมาเลเซียผลักดันสกัดช่องทางธรรมชาติหวั่นเชื้อแพร่ในพื้นที่

ผบ ฉก ยะลา กำชับกำลังพลป้องกันชายแดนที่ 4 พร้อมรับคนไทยถูกทางการมาเลเซียผลักดันกำชับขุดจรยุทธ์สกัดการหลบหนีทางช่องทางธรรมชาติที่ไม่ผ่านการคัดกรองหวั่นเชื้อแพร่ในพื้นที่ หลังจากคนไทยถูกทางการมาเลเซียผลักดันเดินทางกลับเป็นวันสุดท้าย ผ่านด่านพรมแดนเบตง จำนวน 49 คน โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้มีการคัดกรองอย่างละเอียดทุกคน

เมื่อวันที่ 21เม.ย.64 บรรยากาศที่ด่านพรมแดนเบตง  อำเภอเบตง จังหวัดยะลา โดยในวันนี้มีแรงงานไทยที่ไปทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซียกรณีวีซ่าหมดอายุและลักลอบอยู่แบบผิดกฎหมาย ซึ่งทางการมาเลเซียได้ผลักดันกลับเป็นวันสุดท้ายต่างทยอยเดินทางกลับผ่านทางด่านพรมแดนเบตงจำนวน49 คน ที่ทางการมาเลเซียผลักดันกลับมาจากมาตรการป้องกันโควิด-19 ของมาเลเซีย โดยมีเจ้าหน้าที่ สาธารณสุขอำเภอและกรมควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ คัดกรองคนไทยกลุ่มนี้อย่างละเอียดทุกคน ตามมาตรการป้องกันโควิด-19

โดยมีการวัดไข้ วัดอุณหภูมิร่าง หากมีอุณหภูมิสูงกว่า 37 องศา ทางเจ้าหน้าที่ ก็จะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลทันที และได้แยกแรงงานไทยแต่ละพื้นที่ ซึ่งอาศัยอยู่ใน 5 จังหวัด ภาคใต้ ทั้งสตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ให้ทางจังหวัดนั้นมารับตัวกลับไปกักตัวตามภูมิลำเนาของตนเองที่อาศัยอยู่

โดยในส่วนของ อ.เบตงให้กักตัวอยู่ที่ศูนย์ กักตัวอำเภอเบตง เป็นเวลา 14 วัน หากรายใดมีอาการผิดปกติก็จะถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลทันทีและทำการตรวจหาเชื้อเพาะเชื้อโควิด – 19 นอกจากนี้ทางอำเภอเบตงได้เตรียมชุดปฏิบัติการ รวมทั้งสถานที่ Local Quarantine ในการรองรับผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย เพิ่มขี้นด้วย อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ช่วยกันสอดส่องดูแล หากพบเห็นว่ามีบุคคลต่างด้าว หลบหนีเข้ามากก็ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ อสม. ประจำหมู่บ้านเข้าตรวจสอบ ในเบื้องต้น

ขณะที่ พันเอก อายุพันธ์ กรรณสูต ผู้บังคับชุดป้องกันชายแดน  เดินทางมาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ ชป.จรยุทธ์ โดยได้เน้นย้ำในการเฝ้าตรวจควบคุมบุคคลหลบหนีข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามแนวชายแดน  ตามมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID19 และได้สั่งการเพิ่มมาตรการในการเฝ้าระวัง และสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามแนวชายแดนไทย – มาเลเซียรวมทั้ง เพิ่มมาตรการในการลาดตระเวน อย่างเข้มข้นทุกตารางนิ้ว สกัดกั้นทุกช่องทางตลอดแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย และชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ตามแนวชายแดน พร้อมทั้งเข้มงวดควบคุมพื้นที่  โดยมีตำรวจตระเวนชายแดนชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ 4405 และ 4406 บูรณาการคนและเครื่องมือร่วมกันในการบังคับใช้กฎหมายตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด รวมทั้งการเสริมกำลังตามแนวชายแดน  โดยเฉพาะช่องทางที่มีชุมชนหรือหมู่บ้านอาศัยอยู่ใกล้แนวชายแดน

โดยให้มี การจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และการจัดตั้งแหล่งข่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการลักลอบการหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พร้อมทั้งชี้แจง สร้างความเข้าใจให้กับประชาชนตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID -19 รวมทั้งขอความร่วมมือจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนในพื้นที่ เป็นหูเป็นตา ช่วยกันสกัดกั้นการกระทำผิดตามแนวชายแดน ตัดต้นตอของขบวนการ ก่อนเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่ายเฝ้าระวังป้องกันตนเอง ให้มีความปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID-19 ด้วย พันเอก อายุพันธ์ กรรณสูต ผู้บังคับชุดป้องกันชายแดน กล่าว


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

ลำปาง - มทบ.32 ร่วมแถลงข่าวรวบ 7 ผตห.ขนไอซ์ 600 กก. มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท

ตำรวจภูธรภาค 5 บูรณาการร่วมปกครอง ทหาร แถลงผลการปฏิบัติงานการจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง

วันนี้ 21 เมษายน 2564 พลตรี อโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ร่วมการแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ สภ.แม่พริก จับกุมผู้ต้องหา 7 คน ของกลาง ไอซ์ จำนวน 600 กิโลกรัม รถยนต์ 3 คัน ตามนโยบายรัฐบาลโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามแผนปฏิบัติการด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือแบบเบ็ดเสร็จ พ. ศ. 2562 - 2565 ให้เป็นผลอย่างเป็นรูปประธรรมนั้น

เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 เวลา 03.30 น. โดยการอำนวยการและสั่งการของ พล.ต.ต.นันทวิทย์  เทียมบุญธง ผบก.ภ.จว.ลำปาง ,พ.ต.อ.ชูวิทย์  กองแก้ว รอง ผบก.ภ.จว.แพร่ ปฏิบัติราชการ ภ.จว.ลำปาง (ปส.) พ.ต.อ.นพดล ใบเรือ ผกก.สภ.แม่พริก พร้อมตำรวจประจำด่านตรวจยาเสพติดอำเภอแม่พริก จ.ลำปาง ร่วมกันจับกุมตัว นายอภิวัฒน์ สุขอำภร อายุ 24 ปี นายภาคิน  เหลี่ยมกำแหง อายุ 24 ปี น.ส.น้ำฝน ธัญญเจริญ  อายุ 23  ปี นายธนากร  มะขันทอง อายุ  37  ปี น.ส.ปิยะวรรณ  ก่วยสกุล อายุ 30 ปี น.ส.ดารารัตน์  สมจิตร์  อายุ 21 ปี ทั้งหมดเป็นชาว ต.บ้านโพธิ์ อ.เมืองสุพรรณบุรี และ นายศักดา งามขำ อายุ 25  ปี ชาว ต.ปลายนา อ.ศรีประจันต์  จ.สุพรรณบุรี รวม 7 คน พร้อมของกลางยาไอซ์ ลักษณะเป็นเกล็ดสีขาว บรรจุในถุงกระสอบฟางสายรุ้ง ภายในซองชาสีเขียวน้ำหนักประมาณ 600 กิโลกรัม รถยนต์  3 คัน ในข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือยาไอซ์)ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”นำตัวส่งตำรวจ สภ.แม่พริก จ.ลำปาง ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

นราธิวาส – โจรใต้ป่วนไม่เลิก ขว้างไปป์บอมบ์ใส่ฐาน 2 จุด 2 อำเภอ ทำเกิดความเสียหาย

เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 21 เม.ย. 64 ร.ต.อ.พัลลภ ทองสลับล้วน รองสารวัตรสอบสวน สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายขว้างระเบิดใส่ฐานหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 13 อ.บาเจาะ ซึ่งตั้งอยู่ ม.2 ต.บาเจาะ ส่งผลทำให้เรือนนอนของเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหาย จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ดุลยมาน แยนา ผกก.สภ.บาเจาะ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

พบที่บริเวณเรือนนอนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งอยู่ข้างกำแพงด้านซ้ายมือของฐาน ถูกอนุภาพของระเบิดได้รับความเสียหายที่บริเวณหลังคา ช่วงกันสาดของห้องพัก โดยมีกระเบื้องหลังคาแตกเสียหาย 2 แผ่น จนตกลงมาในกองที่หน้าเรือนนอน และมีรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ 4 ประตู สีเทาดำ ทะเบียน งข 343 สงขลา ของเจ้าหน้าที่ซึ่งจอดอยู่บริเวณหน้าเรือนนอนถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายเล็กน้อยที่บริเวณฝากระโปรงหน้า เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวนทราบว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังแยกย้ายกันอาศัยอยู่ภายในฐาน ได้มีคนร้าย จำนวน 1 คน แฝงตัวเดินย่องมาตามถนนข้างกำแพงด้านซ้ายมือของฐาน แล้วใช้ระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ขว้างข้ามตาข่ายข้างกำแพงไปตกที่บริเวณหลังคาซึ่งเป็นกันสาดด้านหน้าของเรือนนอน จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เจ้าหน้าที่ที่เดินอยู่บริเวณใกล้ข้างกำแพงใกล้เรือนนอน จึงใช้อาวุธปืนประจำกายยิงขู่ขึ้นฟ้า เนื่องจากเกรงจะถูกบ้านของชาวบ้าน แล้วคนร้ายได้รีบวิ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันที่อ.จะแนะ โดย ร.ต.อ.อดิพงศ์ พรหมหนู รองสารวัตรสอบสวน สภ.จะแนะ รับแจ้งมีเหตุคนร้ายขว้างระเบิดใส่ฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบลจะแนะ ซึ่งตั้งอยู่บ้านละหาร ม.11 ต.จะแนะ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.อดุลย์ เง๊าะ ผกก.สภ.จะแนะ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบจุดเกิดเหตุเป็นคูน้ำบริเวณหน้าฐาน มีร่องรอยระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ที่คนร้ายขว้างใส่ตก จนผิวดินกระเด็นขึ้นมากองริมถนน โดยมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดตกกระจายเกลื่อน เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ อส.ทพ.อัสมิน การียา สังกัดเจ้าหน้าที่ทหารพราน กรมทหารพรานที่ 49 ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่บริเวณขาซ้าย เพื่อนทหารกำลังปฐมพยาบาลบอยู่ภายในฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีคนร้าย จำนวน 2 คน ขี่และซ้อนท้ายรถ จยย.เป็นพาหนะ เมื่อผ่านบริเวณหน้าฐานคนขับได้ชะลอความเร็ว ให้คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ใส่ฐาน แต่โชคดีระเบิดไปติดตาข่ายที่เจ้าหน้าที่ได้ขึงไว้บริเวณหน้าฐาน ทำให้ระเบิดได้ตกลงไปในคูน้ำจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้สะเก็ดระเบิดกระเด็นไปถูกขาของ อส.ทพ.อัสมิน ที่กำลังเดินอยู่ในฐานใกล้จุดเกิดเหตุ จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว แล้วคนร้ายได้รีบขี่รถ จยย.หลบหนีไป โดยที่ อส.ทพ.อัสมิน ไม่กล้าใช้อาวุธปืนประจำกายยิงใส่ เนื่องจากเวลาดังกล่าวชาวบ้านได้ขี่รถ จยย.และรถยนต์ผ่านไปมา

ด้าน พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส กล่าวว่า ทั้ง 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ที่ได้มีการนัดแนะเวลาก่อเหตุในช่วงไล่เลี่ยกัน เพื่อสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในพื้นที่


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

ชลบุรี - ธารน้ำใจ กาชาดชลบุรี มอบสิ่งของช่วยผู้ป่วยโควิด สำหรับโรงพยาบาลสนามกองทัพเรือ

วันที่ 21 เม.ย.64 นางสุภาพร เทียนไชย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย เหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรี นายวันชาติ วรรณหรม ปลัดอำเภอสัตหีบรักษาราชการแทนนายอำเภอสัตหีบ และคณะกิ่งกาชาดอำเภอสัตหีบ นำคณะเดินทาง ร่วมบรรจุและมอบสิ่งของประกอบด้วย ผ้าเช็ดตัว ยาสีฟัน เเปรงสีฟัน สบู่ เเชมพูสระผม เจลเเอลกอฮอล์ล้างมือ หน้ากากอนามัย (เเมส ) รวม 7 รายการ เพื่อบรรจุเป็นถุงยังชีพ จำนวนกว่า 500 ชุด มอบให้กับผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบ จากโรคโควิด-19 โดยมี นาวาเอก ณัฐพงศ์ ปานโสภณ รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ เป็นผู้แทน ร่วมกับทีมแพทย์ โรงพยาบาลชลบุรี และเจ้าหน้าที่ทหารเรือ ที่ดูแลรักษาผู้ป่วย รพ.สนามกองทัพเรือ ศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (เกล็ดแก้ว) อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นผู้รับสิ่งของไปมอบให้กับผู้ป่วย 

นางสุภาพร เทียนไชย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ตามที่สภากาชาดไทยได้มอบนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดสภากาชาดไทย รวมทั้งเหล่ากาชาดจังหวัดต่าง ๆ ได้ออกช่วยเหลือประชาชนที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 เพื่อสนับสนุนภาครัฐและเอกชนที่กำลังร่วมกันแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งถือว่าเป็นภาวะวิกฤตของประเทศ ที่เกิดจากสาธารณภัยประเภทหนึ่ง  จึงร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือทั้งผู้ป่วยโควิดและกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลที่กำลังปฎิบัติงานช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับกระทบจากโรคโควิด-19 ในครั้งนี้ จนกว่าจะปิดทำการโรงพยาบาลสนาม เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ

นาวาเอก ณัฐพงศ์ ปานโสภณ รองผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ได้เป็นผู้แทน กองทัพเรือโดย พลเรือตรี อุทัย ชีวะสุทธิ ผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ กล่าวขอบคุณนายกเหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรี พร้อมคณะที่นำสิ่งของมามอบให้ในครั้งนี้ พร้อมกับจะได้นำสิ่งของดังกล่าว ไปดำเนินการตามวัตถุประสงค์ต่อไป

สำหรับ โรงพยาบาลสนามกองทัพเรือ ที่จัดตั้งขึ้นตามคำสั่งของ พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ที่ ศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (ศฝ.สอ.รฝ.) เกล็ดแก้ว จำนวน 320 เตียง ขณะนี้ใช้ไปแล้ว 291 คงเหลือ 29 เตียง ที่กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า 174 เตียง ใช้แล้ว 142 เตียง คงเหลือ 32 เตียง และที่บ้านจันทเขลม จังหวัดจันทบุรี จำนวน 232 เตียง ยังไม่เปิดใช้ รวมเตียงสนามกองทัพเรือ 726 เตียง ขณะนี้ใช้ไปแล้ว 433 เตียง คงเหลือ 293 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยง จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ระลอกที่ 3 โดยมี สสจ.ชลบุรี สสจ.ระยอง และ สสจ.จันทบุรี กำกับดูแลและควบคุมผู้ป่วยในพื้นที่ภาคตะวันออก จะเป็นผู้ประสานและพิจารณาใช้โรงพยาบาลสนามของกองทัพเรือ ทั้ง 3 แห่งนี้ต่อไป


ภาพ/ข่าว  นิราช ทิพย์ศรี / นันทพล ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 

สมุทรปราการ - “สมเด็จพระมหาวีรวงศ์” ประธานเปิดอาคารเรียน หลังที่ 18 ณ โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง

ที่บริเวณลานโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิตรสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เมตตาเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดป้ายอาคารเรียน”พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ” โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง เนื่องในโอกาสฉลองอายุวัฒนมงคล 59 ปี ของท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ประธานดำเนินการจัดสร้างอาคารเรียนหลังที่ 18 เพื่อมอบให้กับทางโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง โดยอาคารหลังดังกล่าวมีชื่ออาคารว่า”พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ”

โดยในพิธีเปิดป้ายอาคารเรียนครั้งนี้ ยังได้รับความเมตตาจากพระพรหมเสนาบดี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา เดินทางมาร่วมในพิธี พร้อมคณะสงฆ์ผู้ทรงสมณศักดิ์จากวัดต่าง ๆ ตลอดจนพระราชาคณะเข้าร่วมในพิธี และร่วมเจริญพระพุทธมนต์ คณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง โดยพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ให้การต้อนรับ มีนายชัยพจน์ จรูญพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายอำเภอบางพลีข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าส่วนราชการ ผอ.โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง และแขกผู้มีเกียรติร่วมให้การต้อนรับและร่วมในพิธี

สำหรับการจัดสร้างอาคารเรียนหลังใหม่นี้ เป็นอาคารเรียนหลังที่ 18 ที่ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ที่ได้เมตตาจัดสร้างขึ้นเพื่อมอบให้กับทางโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง อีกทั้งยังมีความเมตตาต่อนักเรียนโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง จึงได้จัดสร้างอาคารหลังดังกล่าวขึ้น และท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ ยังได้ให้การอุปถัมภ์ทางโรงเรียนมาโดยตลอด

โดยวันที่ 12 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้ทำพิธีตอกเสาเข็ม และในวันที่ 9 กันยายน 2563 ถือฤกษ์ดีวันที่ 9 เดือน 9 ประกอบพิธียกเสาเอก เสาโท และด้วยความอุตสาหะ ความมุ่งมั่นตั้งใจ ความเมตตาที่มีต่อนักเรียน กระทั่งดำเนินการแล้วเสร็จ เป็นอาคาร 3 ชั้น ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม ชั้นที่ 1 ประกอบไปด้วยห้องประชุมขนาดใหญ่ ชื่อว่า”ห้องประชุมศีลคุณ” มีบันไดซ้าย ขวา ส่วนชั้นที่2 และชั้นที่ 3 มีห้องเรียนจำนวน 6 ห้อง พร้อมด้วยโต๊ะหนังสือและเก้าอี้ สำหรับนักเรียน ไว้สำหรับจัดการเรียนการสอน ซึ่งอาคารหลังใหม่นี้ที่มีการจัดสร้าง นับเป็นอาคารหลังที่ 18 ที่ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เมตตาจัดสร้างขึ้น พร้อมทั้งกำกับ ดูแล ควบคุมการก่อสร้างมาโดยตลอด ดั่งคำปณิธานของท่านคือ”ชีวิตนี้เพื่อการศึกษา”


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ

ปทุมธานี – ผู้ว่าฯปทุมธานี รับมอบเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้า อัตโนมัติ (AED) จำนวน 11 เครื่อง

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 เวลา 10.00 น. ที่ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดปทุมธานี นายชัยวัฒน์  ชื่นโกสุม  ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ประธานพิธีรับมอบเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้า อัตโนมัติ (AED)  โดยมี นางจินดา สิงหเดช รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดปทุมธานีนายสุรินทร์  สืบซึ้ง  นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี  นายดรณ์ สมิตะเกษตริน ปลัดจังหวัดปทุมธานี นางพรอัปสร นิลจินดา ประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานี หัวหน้าส่วนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม สภากาชาดไทย กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุข ได้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการบริจาคเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ระหว่าง สภากาชาดไทย กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563  และได้พิจารณาเลือกสถานที่ติดตั้งเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ(AED) ใน 76 จังหวัดเรียบร้อยแล้ว

ซึ่งจังหวัดปทุมธานี พิจารณาจัดสถานที่ติดตั้งเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ(AED) จำนวน 11 เครื่อง ครอบคลุม ทั้ง 7 อำเภอ  สถานที่ที่คัดเลือกพิจารณาจากพื้นที่ที่มีประชาชนมาใช้บริการสาธารณะเป็นจำนวนมาก เป็นสถานที่ที่ติดตั้งหยิบใช้ได้สะดวก และมีโรงพยาบาลในพื้นที่เป็นผู้รับผิดชอบบำรุงรักษา โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี จัดกิจกรรมเตรียมการรับมอบเครื่อง AED รับมอบอุปกรณ์การสอน Basic Life Support พร้อมกับทบทวนกระบวนการจัดการฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน สำหรับประชาชนในโครงการจิตอาสา CPR เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคล พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ทั้งนี้ นายดรณ์ สมิตะเกษตริน ปลัดจังหวัดปทุมธานี นายสุรินทร์  สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี นางสมลักษณ์  ลาภเจริญ กรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดปทุมธานี  ได้ร่วมลงนามเป็นพยานในเอกสารเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) กับ บริษัท อินโนเวชั่นส์ จำกัด โดยกิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย การให้ความรู้ในเรื่องกระบวนการช่วยฟื้นคืนชีพ และความรู้ในการใช้เครื่อง กระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ(AED) พร้อมการสอนสาธิต และแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติ การช่วยฟื้นคืนชีพ เพื่อเป็นประโยชน์และนำกลับไปใช้ได้ในชีวิตจริงสำหรับทุกคน  หากเกิดเหตุการณ์สามารถทราบจุดที่เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ(AED)ติดตั้งและช่วยผู้เกิดเหตุได้ทันเวลา


ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

สระแก้ว – แห่ฉีดวัคซีน " ป้องกันโควิด เข็ม 2 " จำนวน 7,840 โด๊ส หลังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย

ผู้สื่อข่าวรายงาน นายเกียรติศักดิ์ จันทรา ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า จังหวัดสระแก้วมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย ยืนยัน มาจากระบบเฝ้าระวังในโรงพยาบาลและการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน เป็นชาย 3 ราย หญิง 4 ราย อายุระหว่าง 10-57 ปี สัญชาติไทย ทำให้การระบาดระลอกใหม่เมษายน 2564 ตั้งแต่วันที่ 1–20  เมษายน 2564 จังหวัดสระแก้ว มีผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 197 ราย เป็นอันดับที่ 17 ของประเทศ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการและ เข้ารักษาตัวอยู่ในสถานพยาบาลของรัฐและเอกชน รวมทั้งโรงพยาบาลสนาม รวมทั้งสิ้น 178 ราย รักษาหายแล้ว 19 ราย

แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ตอนนี้ทุกฝ่ายได้บูรณาการทำงาน ร่วมกันเร่งค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในทุกพื้นที่ ทั้งติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงให้เข้ามาตรวจให้ได้มากที่สุดและตามคำสั่งจังหวัด ฉบับที่ 33 จะต้องนำมากักตัว ที่ศูนย์ยับยั้งโรคประจำ อำเภอ หรือ Local Quarantine (LQ) ซึ่งตอนนี้มีกระจายตามอำเภอ จำนวน 28 ศูนย์ 465 เตียง และกลุ่มเสี่ยงสูงที่เข้ากักตัว 20 ราย สะสม 116 ราย ที่อำเภอวัฒนานคร อำเภอคลองหาด และอำเภออรัญประเทศ รวมทั้งที่โรงแรมสเตชั่น วัน อรัญประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากฝ่ายปกครองและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

นายเกียรติศักดิ์จันทราผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าววันนี้ จังหวัดสระแก้ว ได้รับการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 รอบ 2 จำนวน 7,840 โด๊ส สำหรับฉีดได้ 3,920 คน กลุ่มเป้าหมายจะเป็นบุคลาการการแพทย์ เจ้าหน้าที่ Local Quarantine ,โรงพยาบาลสนาม (ที่ไม่ใช่บุคลากรสาธารณสุข) และเจ้าหน้าที่กลุ่มเสี่ยง อื่น ๆ โดยได้กระจายไปยังโรงพยาบาลทุกแห่งแล้ว สำหรับที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว กำหนดฉีดบุคลาการการแพทย์ของโรงพยาบาลวันนี้. "ท่านผู้ว่า" ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลจนเกินเหตุ. ทางหมอและกลุ่มจทน. สาธารณสุขของจังหวัดสระแก้ว สามารถที่จะเอาอยู่ แต่ทุกคนก็ต้องร่วมมือกัน เว้นระยะห่าง อย่าไปในพื้นที่ ที่เสี่ยงหรือกลุ่มคนที่แออัดเพื่อช่วยกันยับยั้งเชื้อโควิด ไม่ให้กระจายไปมากกว่านี้


ภาพ/ข่าว นายยุทธนา จัด กุ่มประสิทธิ์ ผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว รายงาน

นราธิวาส – ทหารพราน 48 มอบอินทผาลัมแทนความรักและความห่วงใยในห้วงรอมฏอน ให้กับประชาชนที่เดินทางสัญจรไปมา

หน่วยเฉพาะกิจกรมข่าวทหารพรานที่48 โดย พ.อ.เอกพล เลขนอก ผบ.ฉก.ทพ.48 มอบหมายให้ ฝ่ายกิจการพลเรือน พร้อมด้วย ชป.กร.  ชป.กร.หญิง และ ร้อย ทพ.4803 จัดกิจกรรมมอบอินทผาลัมแทนความรักความห่วงใย ในห้วงเดือนรอมฏอน เดือนแห่งการถือศีลอดตามหลักศาสนาอิสลาม ให้กับประชาชนที่เดินทางสัญจรไปมา ณ ด่านตรวจถาวรบ้านยานิง ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เพื่อให้ประชาชนที่ผ่านด่านได้นำอินทผาลัมไปรับประทานในช่วงการละศีลอด ซึ่งอินทผลัมนั้น ชาวมุสลิมถือว่าเป็นผลไม้ที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ ชาวมุสลิมนิยมรับประทานอินทผลัมในช่วงเดือนถือศีลอด หรือ เดือนรอมฎอน เนื่องจากในคัมภีร์อัลกุรอานได้บัญญัติไว้ว่าสามารถละศีลอดด้วยการกินอินทผลัมแทนการดื่มน้ำได้เพื่อช่วยลดอาการอ่อนเพลียในช่วงอดอาหาร

นอกจากนั้นยังได้เน้นย้ำมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID 19 ตามมาตรการควบคุมโรคของจังหวัดนราธิวาส โดยให้มีการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่าง รวมไปถึงการไม่เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง และพื้นที่ที่มีผู้คนแออัด ซึ่งตลอดทั้งกิจกรรมประชาชนต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID 19 อีกทั้งได้รับคำขอบคุณ รอยยิ้ม และมิตรภาพที่ดีจากประชาชน

ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ​ หะไร​ จ.นราธิวาส

สงขลา - นักวิจัย ม.สงขลานครินทร์ ค้นพบ แมลงสาบทะเล สกุลไซโรลานา ชนิดใหม่ 2 ชนิด

นักวิจัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ค้นพบไอโซพอดทะเล (marine isopod) หรือแมลงสาบทะเลชนิดใหม่ ในสกุลไซโรลานา (genus Cirolana) 2 ชนิด บริเวณชายฝั่งทะเล อ.เทพา จ.สงขลา และชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนบน ชี้ให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพ และความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลอ่าวไทย

​ดร.เอกนรินทร์ รอดเจริญ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวาริชศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า จากการศึกษาวิจัยความหลากหลายของแมลงสาบทะเลในประเทศไทย ทั้งชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยและอันดามัน ได้ค้นพบไอโซพอดทะเลหรือแมลงสาบทะเลชนิดใหม่ สกุลไซโรลานา 2 ชนิด ในแนวปะการังบริเวณชายฝั่งทะเล อ.เทพา จ.สงขลา และชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนบน ซึ่งได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่อย่างเป็นทางการในวารสารวิชาการ Zootaxa ในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564

โดยไอโซพอดชนิดแรกมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cirolana parawongat sp. nov. (ตั้งชื่อตามลักษณะสัณฐานวิทยาที่คล้ายกับ C. wongat Bruce, 1994 ซึ่งพบที่ปาปัวนิวกินี) มีการแพร่กระจายตั้งแต่ชายฝั่งทะเลทะเลอ่าวไทยตอนบน ตั้งแต่จังหวัดชลบุรีลงมาถึง เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และอีกหนึ่งชนิดมีชื่อว่า Cirolana khamensis sp. nov. (ตั้งชื่อตามสถานที่ค้นพบ) ซึ่งมีการแพร่กระจายอยู่แห่งเดียว คือ บริเวณเกาะขาม อ.เทพา จ.สงขลา เท่านั้น

ดร.เอกนรินทร์ กล่าวอีกว่า ไอโซพอดหรือแมลงสาบทะเลเป็นสัตว์กลุ่มเดียวกับพวกกุ้งปู (crustacean) แต่มีขนาดเล็กกว่า ความยาวของลำตัวส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 0.5-2 ซม. มีบทบาทสำคัญในแง่ของการเป็นอาหารให้แก่สัตว์น้ำชนิดอื่น เป็นตัวย่อยสลายในระบบนิเวศ และเป็นตัวบ่งชี้คุณภาพของแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ซึ่งการค้นพบแมลงสาบทะเลชนิดใหม่ 2 ชนิดในอ่าวไทยครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพทะเล และความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลในบริเวณอ่าวไทยได้เป็นอย่างดี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top