Monday, 9 June 2025
SPECIAL

‘เหมา’ สู่ ‘สี’ ตำนานบทใหม่ที่ไม่เทียบเท่า แต่ยิ่งใหญ่กว่า!! 

หากมองการเมืองโลก และสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในปัจจุบัน คงมิพ้นต้องกล่าวถึงการคัดค้านกันระหว่างสองมหาอำนาจใหญ่อย่างจีนและสหรัฐอเมริกา ซึ่งกลยุทธ์การเดินเกมของทั้งสองชาติในระยะหลังนั้นเป็นสิ่งที่นักวิเคราะห์ทั่วโลกจับตามองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทางฝ่ายจีน

ต้องยอมรับว่าตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกตั้งคำถามกับมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาโดยรัฐบาลจีน ภายใต้นโยบาย 共同富裕 (ก้งถงฟู่ยวี่) ของจีน ซึ่งหมายถึงการปฏิรูปสังคม-เศรษฐกิจ (Socio-Economic Reform) แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “Common Prosperity” หรือคำที่ใกล้เคียงในภาษาไทยก็คือ “ความเจริญถ้วนหน้า” กล่าวคือ เป็นความเจริญที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังนั่นเอง

การบังคับใช้ในหลายมาตรการเป็นสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นการ “หักดิบ” ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดสิทธิในการเล่นเกมออนไลน์ของเด็ก ๆ และวัยรุ่น ไปจนถึงการออกคำสั่งควบคุมการดำเนินกิจการของโรงเรียนกวดวิชา การออกกฎเกณฑ์ห้ามไม่ให้เด็กนักเรียนชั้น ป.1 และ ป.2 มีการจัดสอบข้อเขียน รวมทั้งบรรจุกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นทักษะทางสังคมและกีฬาเพิ่มเติม สำหรับเหล่าแฟนคลับดารา นักแสดง และคนดังทั้งหลาย พวกเขาถูกจำกัดสิทธิ์ในการซื้อสินค้าและบริการของดาราที่ตนเองชื่นชอบ เนื่องจากทางการมองว่าไม่ควรเสียเงินใช้จ่ายกับ “เรื่องพวกนี้” มากจนเกินไป ทั้งยังมีการสั่งแบนดารา นักร้อง และอินฟลูเอนเซอร์ที่มีพฤติกรรมทางสังคมไม่เหมาะสม (ตามที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเห็นว่าไม่เหมาะสม)

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการการสั่งห้ามบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ การห้ามกิจการขนาดยักษ์ทำกิจกรรมทางธุรกิจบางอย่าง หรือการออกมารวมกลุ่มของบริษัทขนาดยักษ์ของจีนเพื่อสร้างกองทุนเพื่อการพัฒนาและลดความยากจนของประชาชน 

ทั้งหมดนี้ทำให้นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่าประธานาธิบดีคนปัจจุบันของจีนอย่าง ‘สี จิ้นผิง’ กำลังนำประเทศกลับสู่ยุคของการ “ปฏิวัติวัฒนธรรม” ในยุคของ ‘เหมา เจ๋อตง’ อดีตผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน และประธานาธิบดีคนแรกหลังจากที่จีนเปลี่ยนมาปกครองด้วยระบบคอมมิวนิสต์

สื่อมากมายประโคมข่าวยกระดับและเปรียบเทียบ สี จิ้นผิง เทียบเท่ากับ เหมา เจ๋อตง ในยุคหลังปฏิวัติคอมมิวนิสต์ปี 1949 ที่มีอำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จ ควบคุมและปกครองแบบแยกตัว (isolate) จากโลกภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายใต้วิกฤตกาลโควิด-19 ที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าทางการจีนยังไม่มีนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวและนักศึกษาต่างชาติเข้าประเทศ

สำหรับแง่มุมทางการเมือง จีนได้แสดงท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่าพวกเขาต่อต้านอย่างแข็งกร้าว ไม่ยินยอมให้ผู้นำจากโลกตะวันตกใช้คำว่า “ประชาธิปไตย” และคำว่า “สิทธิมนุษยชน” เข้ามาแทรกแซงการปกครองภายในประเทศจีน ไม่สนใจคำวิจารณ์ต่าง ๆ และแม้ว่าจะมีการคว่ำบาตรจากทั่วโลกอย่างไร แต่ทางการจีนก็แสดงให้เห็น ว่าประเทศจีนเพียงลำพัง ก็สามารถอยู่ด้วยตัวเอง พึ่งพาตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องง้อโลกตะวันตก

นี่ยังไม่นับเรื่อง “มติครั้งประวัติศาสตร์” ที่จะทำให้ สี จิ้นผิง สามารถเป็นประธานาธิบดีไปเรื่อย ๆ ได้จนกว่าจะสิ้นชีพ นับว่าเป็นครั้งที่ 3 นับแต่มีการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยครั้งแรกมีขึ้นในยุคของประธานเหมา และครั้งที่ 2 มีขึ้นในยุคของนายเติ้ง เสี่ยวผิง

ผู้ที่ติดตามประวัติศาสตร์และการเมืองจีนหลายคนคงจะเห็นตรงกันว่า สถานภาพทางอำนาจของนายสี จิ้นผิงในวันนี้ใกล้เคียงกับ เหมา เจ๋อตง เข้าไปทุกที

หากถามตัวผมว่าประธานสี แตกต่างจากประธานเหมาหรือไม่ สำหรับผม ผมว่ายังมีความต่างอยู่บ้าง เพราะหากย้อนกลับไปในยุคประธานเหมา ก็คงต้องพูดถึงผลงานโดดเด่น (ในด้านที่ไม่ดี) ของประธานเหมา ทั้ง “The Great Leap Forward” การสร้างลัทธิบูชาบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วย “ยุวชนแดง” (Red Guard) และการตีพิมพ์ “หนังสือปกแดงเล่มเล็ก” (Little Red Book) ใช่ ช่วงเวลาของการ “ปฏิวัติวัฒนธรรม” ซึ่งคร่าชีวิตชาวจีนไปมากกว่า 30 ล้านชีวิต

หนังสือปกแดงเล่มเล็ก (Little Red Book)

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นภายใต้การปกครองที่เป็นลัทธิบูชาบุคคล (Cult of Personality) ซึ่งลัทธิบูชาประธานเหมานั้น หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วเรื่องนี้ไม่ได้เป็นไอเดียของประธานเหมาเพียงลำพัง แต่มีกลุ่มผู้ที่ส่งเสริม ยุยง และสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งก็คือ “แก๊ง 4 คน / แก๊งออฟโฟร์” (Gang of Four) นำโดย เจียงชิง (江青) ภรรยาของประธานเหมา และ หลินเปียว (林彪) ผู้มีส่วนสำคัญในชัยชนะของพรรคคอมมิวนิสต์

ในช่วงเริ่มต้นของการปฏิวัติวัฒนธรรมนั้น คำว่า “ปฏิวัติวัฒนธรรม” เป็นเพียงแค่แนวคิดและแบบแผนของประธานเหมาในการจะนำสังคมจีนไปสู่สังคมคอมมิวนิสต์ที่ก้าวหน้าสมบูรณ์แบบ ซึ่งก็คือการ Reset ประเทศใหม่แบบหักดิบ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ตามภาพประเทศในฝันของเหล่าผู้นำพรรค

ท้ายที่สุด การประกาศปฏิวัติวัฒนธรรมนั้นได้กลายเป็นเครื่องมือในการกำจัดศัตรูทางการเมืองของทั้งตัวประธานเหมาเอง รวมไปถึงแก๊งออฟโฟร์ ส่งผลให้ผู้มีความสามารถ นักการเมือง ปัญญาชน และนายทุนมากมายที่ไม่ได้ให้การสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์ ต้องถูกกำจัดด้วยวิธีต่าง ๆ ด้วยกลไกที่มียุวชนแดงในการขับเคลื่อน และเนื้อหาของกฎเกณฑ์ในหนังสือปกแดงเล่มเล็ก ส่งผลให้ประเทศจีนเสียหายอย่างหนักหน่วง

หากจะกล่าวว่า สี จิ้นผิง กำลังจะกลายร่างกลายเป็น เหมา เจ๋อตง นั้น ตัวผมมองว่าคงจะเป็นการด่วนสรุปจนเกินไป เพราะถึงแม้ว่ารัฐบาลจีนภายใต้ สี จิ้นผิง กำลังขับเคลื่อนประเทศด้วยการปฏิรูป ที่หลายคนมองว่าคือการปฏิวัติวัฒนธรรมภาค 2 แต่ในอีกมุมหนึ่ง จีนกำลังพิสูจน์ และแสดงให้โลกเห็นเป็นตัวอย่างว่าความศิวิไลซ์ (civilization) ไม่จำเป็นต้องเจริญแบบตะวันตก (westernization) แต่เพียงอย่างเดียว ประเทศไหน ๆ ก็สามารถเติบโตในแบบของตัวเองได้

นับตั้งแต่หมดยุคประธานเหมา เข้าสู่ยุคผู้นำ ‘เติ้ง เสี่ยวผิง’ ประเทศจีนได้ดำเนินนโยบายที่แตกต่างออกไปโดยลดความเป็นคอมมิวนิสต์สุดโต่ง เปิดใจค้าขายกับต่างชาติอย่างเสรีมากขึ้น มีการใช้ระบบตลาดแบบทุนนิยม ทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตขึ้นมาอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก จนถึงยุคสมัยของประธานสี ที่มีการใช้นโยบายขยายการแลกเปลี่ยนทางการค้า เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมด้วยการใช้ Soft Power ภายใต้นโยบาย “หนึ่งเข็มขัดเศรษฐกิจ หนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Initiative) ซึ่งปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์การเป็นประเทศด้อยพัฒนาของจีน นักวิเคราะห์ทั่วโลกถึงกับเห็นตรงกันว่าจีนจะกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกใหม่

ในตอนนั้นเอง ที่คำว่า “สงครามการค้าระหว่างจีน-อเมริกา” ได้ถูกพูดถึงในวงกว้างมากขึ้น นักวิเคราะห์บางคนมองว่าเป็น “สงครามเทคโนโลยี” บ้างก็ว่าเป็น “สงครามความมั่นคง” ซึ่งจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่ โดยภาพรวมแล้วมันคือความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาในการช่วงชิงการเป็นมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก

ในช่วงหลังมานี้ ฝ่ายจีนได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้ดุดันยิ่งขึ้นโดยหันมาเดินเกมด้วย Hard Power ในการจัดระเบียบภายในประเทศด้วยนโยบาย Common Prosperity และในขณะเดียวกัน ก็จัดการกับเสี้ยนหนามทางการเมืองที่จีนมองว่าเป็นเครื่องมือของฝ่ายสหรัฐฯ ในการทิ่มแทงจีนจากรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น ไต้หวัน หรือฮ่องกง ซึ่งนอกเหนือจากสองเกาะนี้ ฝ่ายสหรัฐฯ ยังรวบรวมพันธมิตรจากทั่วโลก ทั้งในโซนยุโรป อินเดีย ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น รวมถึงกลุ่มองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ ในการกดดันประเทศจีน โดยใช้ประเด็นประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในซินเจียง ทิเบต และฮ่องกง ซึ่งล่าสุดก็มีประเด็นร้อนไปเมื่อ ‘โจ ไบเดน’ จัดการประชุม “ซัมมิตประชาธิปไตย” (Summit for Democracy) โดยไม่มีจีนอยู่ในรายชื่อประเทศที่ถูกรับเชิญ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแสดงความเสียใจ "สารวัตรสืบสวน สภ.ฝาง พลีชีพ" ปะทะขบวนการค้ายาเสพติด พื้นที่ จ.เชียงใหม่ เตรียมปูนบำเหน็จความชอบ พร้อมสั่งล่าตัวผู้กระทำผิด!!

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา มีเรื่องน่าสลดใจเกิดขึ้น เมื่อข้าราชการตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชน ด้วยความตั้งใจ เสียสละ จนถึงขั้นเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.64 เวลาประมาณ 21.30 น. ชุดสืบสวน สภ.ฝาง และ สภ.แม่อายภ.จว.เชียงใหม่ ได้ออกสืบสวนติดตามขบวนการลักลอบขนยาเสพติดจากชายแดน เข้ามาในพื้นที่ อ.ฝางจว.เชียงใหม่ พบรถยนต์ต้องสงสัยขับมาจากเส้นทาง บ.โป่งไฮ - ถ.โชตนา จึงทำการติดตามไป เพื่อทำการจับกุมก่อนที่จะถูกคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงใส่ ส่งผลให้ "พ.ต.ต.พิบูลพันธ์ สุขุมานนท์ สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรฝาง ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่" ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา 

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอสดุดีวีรกรรมของ พ.ต.ต.พิบูลพันธ์ สุขุมานนท์ สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรฝาง ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ เสียสละ จนวาระสุดท้ายของชีวิต จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้เร่งติดตามล่าตัวผู้กระทำผิด มาลงโทษตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ยังได้กำชับไปยังผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ของ พ.ต.ต.พิบูลพันธ์ฯ ให้ดูแลสวัสดิการของครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างดีที่สุด

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ กล่าวต่อว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะ "พิจารณาการปูนบำเหน็จความชอบ และดูแลในเรื่องของเงินสวัสดิการ" ช่วยเหลือครอบครัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เสียสละ เพื่อเป็นการรักษา เยียวยา และให้กำลังใจผู้ที่ได้รับความสูญเสียจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันดังกล่าวนี้ ซึ่ง กรณี เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ จะได้รับเงินสวัสดิการ250,000 – 500,000 บาท โดยในปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ สามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ แอปพลิเคชันแทนใจ และผู้ได้รับเงินเยียวยาจะมีการแจ้งเตือนผ่านแอปพลิชันแทนใจ อีกทางหนึ่งด้วย

‘อินเดีย’ ยืนหนึ่ง!! ประเทศให้บริการ “Outsourcing Call Centers” ดีที่สุดในโลก!! 

ศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์และการแชตกลายเป็นเรื่องจำเป็นของบริษัทธุรกิจชั้นนำของโลก หมายเลขติดต่อโทรแบบลูกค้าไม่เสียเงิน (Call free) และการตอบ Chat สำหรับลูกค้ากลายเป็นเรื่องของการแข่งขันที่สำคัญและจำเป็นในโลกธุรกิจปัจจุบัน

บ้านเราก็เช่นเดียวกัน โชคดีที่ทุกจังหวัดของบ้านเราอยู่ในเขตเวลา (Time zone) เดียวกัน แต่ในประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นทวีปเหมือนสหรัฐฯ ทำให้มีเขตเวลา (Time zone) ต่างกันถึง 3 เขต เวลาเริ่มธุรกิจจึงแตกต่างกัน กอปรกับค่าแรงในสหรัฐฯ ค่อนข้างสูง ทั้งมีสหภาพแรงงานต่าง ๆ ที่แข็งแกร่ง จึงทำให้เกิดบริษัทในอินเดียที่ให้บริการ Outsourcing Call Centers สำหรับลูกค้าของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลก ด้วยเบอร์โทรหรือ Chat ของบริษัทต่าง ๆ ที่บริษัท Outsourcing ในอินเดียรับงาน จะถูกโอนการติดต่อมายังพนักงานของบริษัท Outsourcing ในอินเดียโดยอัตโนมัติ

บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกมักเลือกใช้บริการ Outsourcing Call Centers ในอินเดียมากกว่า เมื่อเทียบกับการจ้างบริษัท Outsourcing Call Centers ใน จีน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย อินเดียเป็นสถานที่ Outsourcing Call Centers เป็นเลิศมาโดยตลอด เนื่องจากศูนย์บริการในอินเดียมีข้อได้เปรียบมากมายที่ประเทศอื่นไม่มี ทุกวันนี้การใช้บริการศูนย์บริการ Outsourcing Call Centers ในอินเดียได้กลายเป็นบรรทัดฐานสำหรับบริษัทระดับโลกหลายแห่ง องค์กรระหว่างประเทศหลายแห่งก็กำลังจัดตั้งศูนย์บริการทางโทรศัพท์ในอินเดีย เนื่องจากอินเดียมีพนักงานที่มีคุณภาพจำนวนมาก และยังสามารถให้บริการ Outsourcing Call Centers ที่คุ้มค่าใช้จ่ายได้อีก ด้วยเหตุผลทางธุรกิจดังต่อไปนี้

>> ทำไมต้องใช้บริษัทในอินเดียเป็น Outsourcing Call Centers? ด้วยพนักงานชาวอินเดียจำนวนมาก และมีการศึกษา มีความชำนาญ และสันทัดในการใช้ภาษาอังกฤษ ศูนย์บริการ Outsourcing Call Centers ในอินเดียมีผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี มีความรู้ด้าน IT ได้รับการฝึกอบรม มีทักษะและประสบการณ์มากที่สุด อินเดียมีประชากรที่พูดภาษาอังกฤษมากที่สุดรองจากสหรัฐอเมริกา ตลาดแรงงานที่มีขนาดใหญ่และพื้นฐานการศึกษาที่ดีของอินเดียเป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบหลักเหนือประเทศอื่น ๆ อินเดียจะมีจำนวนแรงงานที่มีการศึกษาดี ซึ่งมีจำนวนที่มากตลอดไป เนื่องจากอินเดียมีผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และมีอุตสาหกรรมด้านการฝึกอบรมที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากด้วย

>> พนักงานจำนวนมากของอินเดียเต็มใจที่จะทำงานในราคาที่ถูกกว่า ในการดำเนินงานของศูนย์บริการ Outsourcing Call Centers โดยทั่วไปค่าจ้างแรงงานคิดเป็น 55 ถึง 60% ของต้นทุนทั้งหมด สำหรับอินเดียแล้วมีต้นทุนค่าแรงงานต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ

>> มีบริการ Outsourcing Call Centers เฉพาะทาง บริษัทฯ ที่ให้บริการลักษณะนี้ ในอินเดียมีประสบการณ์ในการให้บริการ Outsourcing Call Centers เช่น บริการ Call Centers เรียกเข้า บริการการตลาดทางโทรศัพท์ บริการสนับสนุนด้านเทคนิค บริการกู้คืนข้อมูลหลังภัยพิบัติ บริการสนับสนุน E-mail และบริการสนับสนุนการ Chat เป็นต้น

ปัญญาเปรียบเหมือนกับความคม สมาธิเปรียบเหมือนกับน้ำหนักหรือกำลัง ถ้ามีแต่ความคม ไม่มีกำลังหรือน้ำหนัก มันก็ตัดอะไรไม่เข้า

ปัญญาเปรียบเหมือนกับความคม 
สมาธิเปรียบเหมือนกับน้ำหนักหรือกำลัง 

ถ้ามีแต่ความคม ไม่มีกำลังหรือน้ำหนัก 
มันก็ตัดอะไรไม่เข้า

- พุทธทาสภิกขุ - 

สุรินทร์ - มณฑลทหารบกที่ 25 จัดพิธีวันคล้ายวันสถาปนา มณฑลทหารบกที่ 25 ค่ายวีรวัฒน์โยธิน ครบรอบปีที่ 53

พลตรีสาธิต  เกิดโภค ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เป็นประธานในพิธีวันคล้ายวันสถาปนา มณฑลทหารบกที่ 25 ค่ายวีรวัฒน์โยธิน ในพิธีประกอบด้วย พิธีสักการะอนุสาวรีย์ พลตรีหลวงวีรวัฒน์โยธิน พิธีสงฆ์และตักบาตร ณ พุทธศาสนสถาน ค่ายวีรวัฒน์โยธิน โดยมีส่วนราชการ ภาคเอกชน ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ และกำลังพล มณฑลทหารบกที่ 25 รวมทั้งครอบครัว ร่วมพิธีฯ

ซึ่งเป็นการระลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของ พลตรีหลวงวีรวัฒน์โยธิน กองทัพบกจึงได้ขอพระราชทานนามค่ายแห่งนี้ว่า “ค่ายวีรวัฒน์โยธิน” เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2511 เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังระลึกถึงคุณงามความดีอันยิ่งใหญ่ของท่าน ในการปฏิบัติการรบในสงครามมหาเอเชียบูรพา

 

 

เชียงใหม่ - ‘คุณหญิงกัลยา โสภณพณิช’ เปิดการประชุมวิชาการ อกท.ภาคเหนือ ครั้งที่ 42 ที่จังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2564 คุณหญิงกัลยา โสภณพณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานการประชุมวิชาการองค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระดับภาค ภาคเหนือ ประจำปีการศึกษา 2564

โดยมีนายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายประพัฒน์ วงค์ชมพู ปลัดอาวุโสอำเภอสันป่าตอง นายวันชัย โตมี ประธานกรรมการอำนวยการ อกท. ระดับภาค ภาคเหนือ / นายณรงค์ชัย เจริญรุจิทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการอาชีวศึกษา ผู้มีเกียรติ และสมาชิก อกท.ร่วมพิธี ณ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่

คุณหญิงกัลยา โสภณพณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อ พัฒนาคุณภาพ และความเป็นเลิศทางวิชาชีพของสมาชิก อกท. และยังได้จัดให้มีการเชิดชูเกียรติสมาชิก อกท. ศิษย์เก่า ตลอดจนผู้ทำคุณประโยชน์แก่ อกท.รวมทั้งได้จัด เผยแพร่ผลงานกิจกรรมของสมาชิกและหน่วย อกท.และการอนุรักษ์และสืบสาน ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และภูมิปัญญาไทยทำให้สมาชิก อกท. มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิชาชีพเกษตร และสามารถปฏิบัติตน เป็นพลเมืองที่ดี มีคุณค่าต่อสังคมในอนาคต

ขอเป็นกำลังใจให้สมาชิก อกท.ทุกคน ขอให้สมาชิกทุกคน ได้ยึดถือคติพจน์ของ อกท. เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตน และช่วยเหลือสังคม ตลอดไปและในฐานะที่ ทุกคนเป็นเยาวชนที่กำลังศึกษาในภาคการเกษตร ท่านต้องพัฒนาตนเอง ให้มีความรู้ ความสามารถอย่างกว้างขวาง ควบคู่ไปกับการมีคุณธรรมจริยธรรม เพื่อให้มีความพร้อมและมีความเชื่อมั่นที่จะออกไปประกอบอาชีพต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจ  

การประชุมวิชาการครั้งนี้ จะเป็นเวทีให้ทุกคนได้แสดงออก ถึงความรู้ ความสามารถและทักษะสำคัญที่จะนำไปใช้ในการประกอบวิชาชีพ  รวมถึง การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทักษะและประสบการณ์ สามารถนำความรู้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไปพัฒนาตนเองในงานอาชีพให้ประสบผลสำเร็จ ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้ประเทศชาติของเรา มีความมั่งคั่ง  เป็นแหล่งผลิตอาหารเลี้ยงมวลมนุษยชาติต่อไปขอให้สมาชิก อกท. ทุกคน มีความมานะ วิริยะ อุตสาหะ ขยัน หมั่นเพียร ตั้งใจศึกษา หาความรู้และประสบการณ์ เพื่อนำพาตนเอง สังคม และประเทศชาติให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป

นายวันชัย โตมี ประธานกรรมการอำนวยการ อกท. ภาคเหนือ กล่าวว่า องค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นองค์การสากลของสมาชิก ดำเนินงานโดยสมาชิก และเพื่อสมาชิก มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ ระหว่างองค์การเกษตรกรในอนาคตทั้งในและต่างประเทศ อย่างสม่ำเสมอ กิจกรรมขององค์การนี้มุ่งเน้นฝึกฝนความเป็นเลิศด้านวิชาชีพ ฝึกคุณลักษณะการเป็นผู้นำที่ดี ส่งเสริมการมีคุณธรรมความเป็นพลเมืองดีให้แก่สมาชิกขององค์การ โดยมีความสอดคล้องเชื่อมโยงกับกระบวนการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษา เปิดโอกาสและส่งเสริมให้เยาวชนอาชีวะเกษตร ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริง ในสถานการณ์จริง เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทักษะและประสบการณ์ที่หลากหลายเหมาะสมกับพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบันและอนาคต องค์การนี้มีชื่อย่อว่า "อกท." โดยมีคติพจน์ขององค์การที่ว่า

“เราเรียนรู้ด้วยงานการฝึกหัด เราปฏิบัติเพื่อหวังทางศึกษา หาเลี้ยงชีพเพื่อชีวิตพัฒนา ใช้วิชาเพื่อบริการงานสังคม”

การจัดการประชุมวิชาการครั้งนี้ จัดในระหว่างวันที่  25-28  ธันวาคม 2564  ณ  วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ โดยมีสถานศึกษาอาชีวศึกษาเกษตรกลุ่มภาคเหนือ เดินทางมาร่วมงาน  ประกอบด้วย  สมาชิกซึ่งเป็นนักเรียนนักศึกษา ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา จากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีในภาคเหนือรวม 12 สถานศึกษา ส่งสมาชิกเข้าร่วมกิจกรรมการประชุมวิชาการ ประกอบไปด้วย/กิจกรรมการสัมมนา การประกวด การแสดง การแข่งขัน และการเชิดชูเกียรติ หน่วยและสมาชิก อกท. จำนวนรวมทั้งสิ้น  500 คน ในการจัดการประชุมวิชาการ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความสามารถ ทักษะและประสบการณ์ ด้านวิชาการของสมาชิก เพื่อเชิดชูเกียรติสมาชิก และ หน่วยที่ประสบผลสำเร็จ ในการดำเนินกิจกรรม ตลอดจนผู้ทำคุณประโยชน์แก่ อกท.เพื่อเผยแพร่ผลงาน กิจกรรมต่าง ๆ ของสมาชิกและหน่วย อกท.และเพื่อคัดเลือกตัวแทนสมาชิก อกท.ภาคเหนือ ไปร่วมการประชุมวิชาการ อกท. ระดับชาติ ครั้งที่ 42 ในระหว่างวันที่ 23-27 กุมภาพันธ์  2564 ณ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสระแก้ว โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีองค์อุปถัมภ์ขององค์การ เสด็จเป็นองค์ประธานเปิดงาน ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564

กิจกรรมที่จัดขึ้นในการประชุมวิชาการ อกท. ภาคเหนือ ครั้งนี้ เป็นปีที่พิเศษกว่าปีก่อน เพราะเนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดังนั้น เพื่อลดการรวมกลุ่ม การแข่งขันทักษะจึงแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่  แบบ Online และแบบ onsite ทักษะที่จัดการแข่งขันแบบ Online ได้แก่ การสัมมนาผลงานทางวิชาการของสมาชิก โดยมีวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุโขทัย รับเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขัน ลดจำนวนคนเข้าร่วมได้ 192 คน ทักษะสาขาพืชศาสตร์  วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลำพูนเป็นเจ้าภาพ ลดจำนวนผู้เข้าร่วม 50 คน นอกจากนี้ ยังมีทักษะที่จัด onsite ก่อนการจัดงานวันนี้ ได้แก่ ทักษะสาขาช่างกลเกษตร และทักษะสาขาสัตวศาสตร์  ลดจำนวนผู้เข้าร่วมงาน ได้ไม่ต่ำกว่า 200 คน จึงเหลือทักษะที่ทำการแข่งขัน จำนวน 4 สาขา 20 ทักษะ การจัดนิทรรศการแสดงผลงานทางวิชาการของสมาชิก การประกวด และการแสดง สิ่งประดิษฐ์ทางการเกษตร  

  

 

นราธิวาส – สมาคมกีฬานราธิวาส มอบรางวัลให้ ‘นักกีฬาคว้าแชมป์มวยไทยสมัครเล่นชิงแชมป์โลก’ เพื่อเชิดชูเกียรติให้แก่นักกีฬา และบุคลากรทางการกีฬา พร้อมสนับสนุนมวยไทย

ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานราธิวาส ตำบลลำภู อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นายทศพล สวัสดิสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธี แสดงความยกย่องยินดีและมอบรางวัลให้นักกีฬาและผู้ฝึกสอนเนื่องในโอกาสคว้าแชมป์มวยไทยสมัครเล่นชิงแชมป์โลก 2021 โดยมี ดร.สุชาติ ถาวระ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานราธิวาส

นายวิเชษฐ์ ไทยทองนุ่ม นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนราธิวาส นางสุธิดา พะลายะสุต ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดนราธิวาส นายณรงค์ สังข์ประสิทธิ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนราธิวาส นายนิรัตน์ นราฤทธิพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนนราธิวาส ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธี

นายวิเชษฐ์ ไทยทองนุ่ม นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ตามที่สมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย กําหนดจัดการแข่งขันกีฬา มวยไทยสมัครเล่นเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย ประจําปี 2564 เพื่อคัดเลือกนักกีฬามวยไทย สมัครเล่นที่ได้ตำาแหน่งชนะเลิศในแต่ละรุ่นเป็นตัวแทนทีมชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขันมวยไทย สมัครเล่นเยาวชนชิงแชมเปี้ยนโลก ประจำปี 2564 ผลปรากฏว่านายณฐกร จีนขุ้ย นักเรียนโรงเรียนนราธิวาส มัธยมศึกษา ศึกษาปีที่ 4/4 นักมวยนักกีฬามวยไทยสมัครเล่นสังกัดสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนราธิวาส และผู้ฝึกสอนนาย สุเมธ จีนขุ้ย ตำแหน่งครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนนราธิวาส ประธานชมรมกีฬามวยไทยมวย สากลสมัครเล่นจังหวัดนราธิวาส สังกัดสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนราธิวาสได้เข้าร่วมการแข่งขัน และสามารถคว้าแชมป์ในรุ่นอายุ 14-15 ปี น้ำหนักไม่เกิน 48 กิโลกรัมและได้เป็นตัวแทนของ ประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันมวยไทยสมัครเล่นชิงแชมเปี้ยนโลก 2564 ในระหว่างวันที่ 5-11 ธันวาคม 2564 ณ อาคารนิมิบุตรปทุมวัน กรุงเทพฯ

ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งเมื่อนายณฐกร จีนขุ้ย ชนะคู่ชกจากประเทศลัตเวียใน รอบชิงชนะเลิศ คว้าเหรียญทองแชมป์โลกให้กับประเทศไทย

ทั้งนี้ภาคส่วนต่าง ๆ โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวและกีฬา นราธิวาส สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนราธิวาส ที่สำคัญคือศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานราธิวาส และภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันจัดงาน ยกย่องเชิดชูมวยนราคว้าแชมป์โลกขึ้นในครั้งนี้ สําหรับสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนราธิวาส ที่ผ่านมาได้ประสานขอรับการสนับสนุน งบประมาณจาก การกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมีสํานักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยนราธิวาส เป็นผู้ควบคุมดูแล และเพื่อสนับสนุนให้กับชมรมมวยไทยสมัครเล่นและมวยสากลสมัครเล่นมาโดยตลอดต่อเนื่อง ในปี 2564 เป็นจํานวนเงิน 762,570 บาทอีกด้วย

 

กรุงเทพฯ - ‘นิพนธ์’ มอบแนวทางพัฒนาภาคใต้ชายแดน เน้นพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก – สร้างงาน - สร้างรายได้ ฟื้นเกษตรและท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ประชาชนฝากการบ้านลดความเหลื่อมล้ำทำให้เป็นจริง

ที่โรงแรมรอยัล ปริ้นเซส หลานหลวง กรุงเทพฯ นายนิพนธ์  บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานช่วยอำนวยการพิจารณาและกลั่นกรองแผนงานโครงการของ อ.ก.บ.ภ. ภาคใต้และภาคใต้ชายแดน เป็นประธานการประชุมคณะทำงานภายใต้คณะอนุกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาคใต้และภาคใต้ชายแดน ซึ่งมีทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงบประมาณสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ตรวจราชการภาคใต้

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบรายงานของคณะทำงานช่วยอำนวยการพิจารณาและกลั่นกรองแผนงานโครงการของ อ.ก.บ.ภ. ภาคใต้และภาคใต้ชายแดนซึ่งได้ประชุมรวม 5 ครั้ง ทำให้ได้ผลการพิจารณากลั่นกรองมีความครบถ้วนสมบูรณ์เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดยพิจารณากลั่นกรองโครงการ 2 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1  คือโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดในภาคใต้ (11 จังหวัด) และภาคใต้ชายแดน (3 จังหวัด) และโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัดในภาคใต้ (2 กลุ่มจังหวัด) และภาคใต้ชายแดน (1 กลุ่มจังหวัด) ส่วนที่ 2 คือ โครงการของส่วนราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ที่มีความสอดคล้องกับ (ร่าง) ทิศทางการพัฒนาภาคใต้และภาคใต้ชายแดน (พ.ศ.2566-2570)

นายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ในการพิจารณากลั่นกรองโครงการครั้งนี้ ได้เห็นประเด็นปัญหาของการจัดทำโครงการทั้งของจังหวัด และกลุ่มจังหวัด เช่น โครงการขาดความพร้อมด้านต่าง ๆ และโครงการที่เป็นภารกิจถ่ายโอนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น  ทั้งนี้ได้มอบแนวทาคมงการดำเนินงาน การแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน โดยควรดำเนินงานในลักษณะการบูรณาการ โดยใช้แนวคิดเกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด รวมทั้งการพัฒนาคนให้มีองค์ความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพ และมีความหลากหลายของประเภทโครงการ ครอบคลุมทุกมิติการพัฒนา โดยวางหลักในเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากฐาน การสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชนที่สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ทั้งภาคการเกษตร ภาคการท่องเที่ยว การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานลดความเหลี่ยมล้ำทางสังคม  ทางเศรษฐกิจ การอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากร ธรรมชาติ  รวมทั้งการพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิตเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเกิดความเข้มแข็งจากระดับล่าง ประชาชนพึ่งพาตนเองได้

 

 

เพชรบูรณ์ - เปิดงานเนื่องในวัน ‘ป้องกันอุบัติเหตุแห่งชาติ ประจำปี 2564’ และพิธีเปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกัน - ลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565

ที่บริเวณหน้าพุทธอุทยานเพชรบุระ อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์ นายชัชวาลย์  เบญจสิริวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดงานเนื่องในวันป้องกันอุบัติเหตุแห่งชาติ ประจำปี 2564 และพิธีเปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565  โดยมีนายนพดล คำนึงเนตร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวรายงาน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ภาคีเครือข่ายป้องกัน และลดอุบัติเหตุทางถนนต่าง ๆ ร่วมกิจกรรม 

       

นายนพดล คำนึงเนตร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า วันที่ 26 ธันวาคมของทุกปี คณะรัฐมนตรีมีมติให้เป็นวันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสูญเสียและผลกระทบจากอุบัติภัย รวมทั้งเพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมกันบูรณาการความร่วมมือในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุอย่างต่อเนื่อง โดยจัดให้มีกิจกรรม การอ่านสารนายกรัฐมนตรี เนื่องในวันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ ประจำปี2564 /จัดกิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมสร้างความตระหนัก และจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนนแก่ประชาชน /จัดกิจกรรมฝึกทักษะการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ เพื่อการกู้ชีพกู้ภัยหรือซ้อมแผนตามความเสี่ยงภัยของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งการจัดนิทรรศการ การแสดงสาธิตการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากหน่วยงานภาคีเครือข่าย

ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ มีเป้าหมายให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตลดลงเมื่อเทียบกับสถิติช่วงเทศกาลปีใหม่เฉลี่ย 3 ปี ย้อนหลัง โดยให้จังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้กำหนดเป้าหมายดำเนินงานด้วยตัวเอง เน้นการดำเนินงานในอำเภอที่มีสถิติความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูง และไดกำหนดช่วงควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2564 - วันที่ 4 มกราคม 2565 รวม 7 วัน กำหนดแคมเปญในการรณรงค์ว่า “ชีวิตวิถีใหม่ขับขี่อย่างปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ”

 

กระบี่ - สสจ.กระบี่ยืนยัน! พบนักท่องเที่ยวต่างชาติติดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน 3 ราย ผู้ว่าฯสั่งคุมเข้มเข้ม งานเคาท์ดาวน์ อ่าวนางบีช เฟสติวัล 2022 ถ้ามาตรการไม่เป็นไปตามที่กำหนด สามารถพิจารณาให้หยุดงานได้ทันที

วันที่ 28 ธ.ค.64 นายแพทย์ชัยวัฒน์ ทองไหม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า "จากการที่จังหวัดกระบี่เป็นจังหวัดนำร่องการท่องเที่ยว จนถึงขณะนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว 1,900 คนเศษ จากการตรวจทุกราย พบเชื้อโควิด-19 จำนวน 11 ราย ในจำนวนนี้เป็นสายพันธ์โอมิครอน 3 ราย จากสายการบิน Finnair 2 ราย อยู่ในระหว่างการรักษา โดยมีกลุ่มเสี่ยง 200 ราย ซึ่งเฝ้าระวังครบ 7 วัน ตรวจเชื้อแล้วไม่พบ ส่วนอีก 1 ราย จากไฟล์ส่วนตัว ที่บินตรงเข้ามา ซึ่งได้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว"

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังมีนักท่องเที่ยวที่ได้ลงทะเบียนไว้ อีก 1,400 คนที่จะเดินทางเข้าจังหวัดกระบี่โดยตรง ก็จะต้องใช้หลักเกณฑ์ใหม่ คือเมื่อมาถึงต้องตรวจ RT-PCR จำนวน 2 ครั้ง ซึ่งอยู่ในระหว่างการวางแผนว่าใครจะเป็นเจ้าภาพในการตรวจ รวมถึงค่าใช้จ่าย จากเดิมที่ตกลงไว้ คือ ตรวจ RT-PCR ครั้งเดียว ส่วนอีก 1 ครั้งให้นักท่องเที่ยวตรวจเองแบบ ATK และส่งผลมายืนยัน  ด้านมาตรการเฝ้าระวังได้มีการ ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา  หรืออยู่ในที่สาธารณะ ส่วนมาตรการอื่น ๆ ได้มีการประชาสัมพันธ์และเข้มข้นตลอดเวลา  ร่วมทั้งเร่งฉีดวัคซีนของคนกระบี่เองให้ได้ครบตามกลุ่มเป้าหมาย

นายนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวในที่ประชุมกรมการจังหวัดว่า "งานเคาท์ดาวน์ อ่าวนาง ได้มอบหมายให้ สสจ และผู้บังคับการตำรวจประสานกันอย่างใกล้ชิด ถ้าพบว่าไม่ทำตามมาตรการที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ปิดได้ทันที" ผู้ว่าย้ำ ต้องเข้มงวดเข้าใจว่าเป็นเรื่องเศรษฐกิจแต่ชีวิตก็ต้องรักษาด้วย

ด้านพล.ต.ต.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กระบี่ย้ำ ดูแลการจัดงานเคาท์ดาวน์ อ่าวนางบีช เฟสติวัล 2022 อย่างเข้มงวดในการจราจรและความปลอดภัย โดย จัดทำแผนจราจรบริเวณการจัดงาน จัดทำป้ายบอกเส้นทางเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ไปร่วมงาน ด้านความปลอดภัย ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ดังนี้ จำกัดคนเข้างาน ( 4 ตร.ม.ต่อ 1 คน ร่วมงานได้ไม่เกิน 1,000 คน) และกำหนดแบ่งเป็นโซน คือ โซนคอนเสิร์ตและไม่ใช่คอนเสิร์ต ซึ่งผู้เข้าชมคอนเสิร์ต ให้นั่งชมเท่านั้น) ผู้ที่เข้าร่วมงานต้องลงทะเบียน มีผลการฉีดวัคซีน และผลตรวจ ATK  เป็นลบภายใน 72 ชม.

 

พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. - ผอ.ศปน.ตร. ปรับกลยุทธ์เด็ด!! ‘ทลายแก๊งเจ้าหนี้นอกระบบ’ สนองนโยบายรัฐบาล

พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. / ผอ.ศปน.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./ รอง ผอ.ศปน.ตร.นำกำลังตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ของ ศปน.ตร. กระจายกำลังบุกทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบ 3 จังหวัด ได้แก่ เลย อุดรธานี และหนองคาย รวม 5 เครือข่าย 9 จุดตรวจค้น เพื่อดำเนินการกับเจ้าหนี้นอกระบบตาม พ.ร.บ. ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560  โดยทำการจับกุม นายอลงกร ผนามอญ อายุ 34 ปี และ นายโชคสวัสดิ์ ลีเพ็ญ อายุ 30 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดเลย เลขที่ 184/2564 และ 185/2564 พร้อมตรวจยึดรถยนต์ 5 คัน รถจักรยานยนต์ 31 คัน มูลค่า 7.2 ล้านบาท ตรวจยคดโฉนดที่ดิน 10 ฉบับ เนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ ราคาประเมิน 50 ล้านบาท รวมมูลค่า 57,200,000 บาท

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า เมื่อ 2 ธ.ค.64 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งมอบหมายให้เป็น ผอ.ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ หรือ ศปน.ตร.เพื่อขับเคลื่อนให้เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีความห่วงใยประชาชนที่เดือดร้อนจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ และให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน  ดังนั้นในฐานะ ผอ.ศูนย์ จึงได้กำหนดกลยุทธ์ให้ชุดปฏิบัติการต่าง ๆ วางแผนเพื่อตัดวงจรกลโกงให้ได้และวันนี้ชุดป้องกันและปราบปรามหนี้นอกระบบ ได้เปิดยุทธการปราบปรามจับกุม กลุ่มเจ้าหนี้นอกระบบผิดกฎหมาย พร้อมกัน 3 จังหวัด 9 จุด เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ ที่ถูกฉ้อฉลหรือถูกเอารัดเอาเปรียบ จากเจ้าหนี้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และจะดำเนินการปราบปรามในเรื่องนี้อย่างจริงจังต่อเนื่องเพื่อนำความสงบสุขส่งมอบเป็นของขวัญให้พี่น้องประชาชนในปี พ.ศ 2565 จะมาถึงนี้

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ ศปน.ตร.ได้ทำการปราบปรามจับกุม เจ้าหนี้นอกระบบที่เอารัดเอาเปรียบและฉ้อฉล ลูกหนี้นอกระบบโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายมาแล้ว จำนวน 310 ราย ช่วยเหลือลูกหนี้มาแล้วมากกว่า 514 ราย รวมมูลค่าทรัพย์สิน จำนวน 91,763,429 บาท และมุ่งมั่นจะช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ อย่างเต็มความสามารถ ขอให้บรรดาลูกหนี้ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ดังต่อไปนี้

     1. ถูกเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

     2. มีการทำสัญญาเงินกู้เกินกว่าที่กู้จริง

     3. ถูกเป็นทาส หาเงินมาชำระหนี้โดยไม่รู้จักจบสิ้น

     4. ถูกประจานติดตามทวงหนี้

     5. ถูกข่มขู่หรือทำร้ายร่างกายในการทวงหนี้

     6. ถูกเจ้าหนี้ใช้กลฉ้อฉลยึดทรัพย์ หรือเอาทรัพย์ไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 

กาฬสินธุ์ - คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ตรวจกระเช้าของขวัญปีใหม่ ห้ามเอาเปรียบผู้บริโภค!! รณรงค์กระเช้าสุขภาพ

กาฬสินธุ์ - คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ตรวจกระเช้าของขวัญปีใหม่ ห้ามเอาเปรียบผู้บริโภค!! รณรงค์กระเช้าสุขภาพ

คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ลงพื้นที่ตรวจสอบฉลากสินค้า ประเภทการจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ และประชาสัมพันธ์การมอบกระเช้าของขวัญ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ “Healthier Choice”  ในช่วงเทศกาลปีใหม่ คุมเข้มมาตรฐาน ไม่เอาเปรียบผู้บิโภค แนะเป็นสินค้าเพื่อสุขภาพ

ที่ห้างสรรพสินค้ากาฬสินธุ์พลาซา นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำ จ.กาฬสินธุ์ มอบหมายนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ และคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำ จ.กาฬสินธุ์ ตรวจสอบฉลากสินค้า ประเภทการจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ และประชาสัมพันธ์การมอบกระเช้าของขวัญ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ “Healthier Choice”  ในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยมีนายประพันธ์ โพธิ์วันนา ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ นายศิริพงษ์ วิวัฒน์เกษมชัย พาณิชย์ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำ จ.กาฬสินธุ์ เข้าตรวจสอบฉลากสินค้า ประเภทการจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ และประชาสัมพันธ์การมอบกระเช้าของขวัญ ในช่วงเทศกาลปีใหม่

นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รอง ผวจ.กาฬสินธุ์  กล่าวว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้มอบนโยบายและขอความร่วมมือให้ สคบ.ประจำจังหวัด ติดตามสำรวจและตรวจสอบการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าที่ควบคุมฉลาก ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เรื่องลักษณะของสินค้าที่ควบคุมฉลาก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อป้องกันมิให้ผู้ประกอบธุรกิจละเมิดสิทธิของผู้บริโภค ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องจัดทำฉลากสินค้าให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ขายสินค้าเกินราคา ไม่นำสินค้าไม่มีคุณภาพหรือสินค้าที่หมดอายุ มาบรรจุลงในกระเช้าของขวัญปีใหม่ และขอความร่วมมือผู้ประกอบธุรกิจในการแสดงฉลากสินค้า รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำมาจัดกระเช้าของขวัญว่ามีอะไรบ้าง และต้องแสดงรายการวันผลิต วันหมดอายุ ให้มีตัวอักษรที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ทั้งนี้ เพื่อผู้ที่ซื้อกระเช้าของขวัญ จะสามารถมองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจน  

นายศุภศิษย์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ยังมีนโยบายส่งเสริมสุขภาพผู้บริโภคด้วย “สัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ Healthier Choice” มุ่งเน้นให้ผู้บริโภคมีทางเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน เครือข่ายที่รณรงค์ในการลดหวาน มัน เค็ม และภาควิชาการ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารที่เข้าใจง่ายสำหรับผู้บริโภค ในการเลือกซื้อหาผลิตภัณฑ์อาหารที่มีปริมาณโซเดียม น้ำตาล และไขมันต่ำลง เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดภาวะโภชนาการเกินและโรคที่เกี่ยวข้องในคนไทย

 

 

นราธิวาส - ผอ.ศปพร. ลงพื้นที่ อวยพรปีใหม่ - มอบถุงยังชีพ แทนใจให้แก่สมาชิกกลุ่มศิลปาชีพปักผ้า บ้านโต๊ะเด็ง และกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส

พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  พร้อมด้วย พันเอก ยุทธนา สายประเสริฐ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 151 /หัวหน้าคณะทำงานฯ ที่ 3  หัวหน้าส่วนราชการ และผู้นำท้องถิ่น  เดินทางไปยังวัดรัตนานุภาพ และวัดลอยประดิษฐ์ ตำบลโต๊ะเด็ง อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส เพื่อกราบนมัสการ ถวายภัตตาหารเพล และปัจจัย แด่พระสงฆ์ ตามโครงการเสริมสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง กิจกรรมการสนับสนุนภัตตาหารแด่พระสงฆ์ในพื้นที่ล่อแหลม เสี่ยงภัย ไม่สามารถบิณฑบาตได้ รวมถึงเพื่อสอบถามพระสงฆ์ ถึงเหตุการณ์ ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอสุไหงปาดีในช่วงที่ผ่านมา ตลอดจนสอบถามความเป็นอยู่ของพระสงฆ์ และการปฏิบัติศาสนกิจในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จากนั้นได้เข้าเยี่ยมเยียน พบปะ และให้กำลังใจ อวยพรปีใหม่ ให้ แก่พี่น้องสมาชิก กองพันราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส

โดย พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้เน้นย้ำ แผนการรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านของตนเอง รวมทั้งความสำนึกในหน้าที่ของการเป็นราษฎรอาสารักษาหมู่บ้านเสริมสร้าง วินัย ความซื่อสัตย์ สุจริต เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน รู้จักเคารพสิทธิผู้อื่น สร้างความคุ้นเคยและให้ปฏิบัติงานร่วมกันได้ซึ่งจะก่อให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ และเหนือสิ่งอื่นใด จะเป็นการแสดงออกถึงความจงรัก ภักดี และความหวงแหนในสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อแสดงออกถึงพลังในความสามัคคีของประชาชนในพื้นที่และยึดมั่น สืบสาน รักษา ต่อยอด ตามพระราชเสาวนีย์แม่ของแผ่นดิน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สืบไป 

จากนั้น พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และคณะ ได้ตรวจเยี่ยมและพบปะให้กำลังใจ พร้อมมอบถุงยังชีพ เป็นของขวัญเทศกาลปีใหม่ให้กับสมาชิกโครงการศิลปาชีพ กลุ่มปักผ้า ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยได้รับฟังบรรยายสรุปประวัติความเป็นมา สอบถามปัญหาข้อขัดข้องในการดำเนินงาน สอบถามความต้องการในช่วงสถานการณ์โควิด ตลอดจนสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่  ซึ่งโครงการศิลปาชีพ กลุ่มศิลปาชีพปักผ้า บ้านโต๊ะเด็ง

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2547 ดำเนินกิจการปักผ้า เพื่อนำส่งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  สำหรับวัสดุอุปกรณ์ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิศิลปาชีพฯ คณะทำงานฯ ที่ 3 จัดนายทหารประสานงานอำนวยความสะดวกในการดำเนินงาน และประสานเรื่องต่าง ๆ ของสมาชิก ปัจจุบันกลุ่มศิลปาชีพปักผ้า บ้านโต๊ะเด็ง มีสมาชิก จำนวน 45 ราย ซึ่งเป็นพี่น้องไทยมุสลิมหญิงล้วน  การปักผ้าเป็นอาชีพเสริม หลังว่างจากการกรีดยาง โดยส่งครูผู้ช่วยของกลุ่มเข้าไปเรียนรู้ ณ ศิลปาชีพปักผ้าค่ายจุฬาภรณ์ เพื่อนำความรู้ที่ได้ มาถ่ายทอดให้แก่สมาชิกและพัฒนาต่อยอด จนสามารถสร้างเป็นรายได้เสริมให้เลี้ยงดูครอบครัวตนเองได้ และในเวลาต่อมา ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพ เป็นของขวัญปีใหม่ ให้กับผู้สูงอายุ จำนวน 3 ราย ได้แก่ 1.นางสุรณี พันธุ์นรา อายุ 65 ปี 2.นายสุรินทร์ บุตรจีน อายุ 70  ปี และ 3. นายสุเทพ ผึ้งตำบล อายุ 80 ปี โดยได้พูดคุยสอบถามอาการ สภาพ

 

เชียงใหม่ - เปิดอย่างเป็นทางการ งานเกษตรแม่โจ้ (ออนไลน์) Kaset Fair @Maejo 2021 >>Next normal

วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม 2564 ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงานเกษตรแม่โจ้ออนไลน์ 2564 Kaset Fair @Maejo 2021 >>Next normal “นวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน” (วิถีใหม่) Smart Agricultural Innovation for Sustainability โดยมี นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ดร.อำนวย ยศสุข นายกสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้  รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมให้การต้อนรับและเที่ยวชมงาน ณ แปลงสาธิตพืชผัก มหาวิทยาลัยแม่โจ้

รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า งานเกษตรแม่โจ้ออนไลน์ 2564  Kaset Fair @Maejo 2021 >>Next normal “นวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน” (วิถีใหม่) Smart Agricultural Innovation for Sustainability จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 22 - 29  ธันวาคม 2564 เพื่อฉลองการก่อตั้งมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ครบรอบ 87 ปี และการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบอุดมศึกษาภายใต้กรอบนโยบายของกระทรวงในการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ การพลิกโฉมมหาวิทยาลัยเป็นไปตามเป้าหมายและเป็นไปตามยุทธศาสตร์ การพัฒนามหาวิทยาลัยสู่ปีที่ 100 (2477-2577) การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชีวิต สร้างสังคมแห่งการ “กินดี” “อยู่ดี” และ “มีสุข” เผยแพร่องค์ความรู้ทางการเกษตรสู่สาธารณชน อันเป็นการเผยแพร่ภาพลักษณ์และสร้างชื่อเสียงให้แก่มหาวิทยาลัยด้านการบริการวิชาการและงานวิจัยต่าง ๆ ให้ได้รับการต่อยอด

รวมถึงเป็นกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์และส่งเสริมเครือข่ายของมหาวิทยาลัยทุกภาคส่วนให้สามารถพัฒนาขีดความสามารถที่เกิดประโยชน์ต่อสังคม เศรษฐกิจและชุมชนในทุกมิติ  โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษา ได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้และการปฏิบัติงาน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมงานเกษตรแม่โจ้ในครั้งนี้”

 

ประจวบคีรีขันธ์ - ผอ.สบอ.3 ตรวจแหล่งท่องเที่ยวประจวบฯ ช่วงปีใหม่ พบ นทท.ตอบรับดีอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี เปิดเผยว่าได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแหล่งท่องเที่ยวภาย ใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเตรียมความพร้อมการต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมไปถึงความพร้อมของศูนย์บริการและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) นายยุทธพล อังกินันท์ ที่ปรึกษา รมว.ทส. และ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

โดยเน้นย้ำให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งกำชับให้หน่วยงานรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยรวมไปถึงการดูแลป้องกันการบุกรุกป่าในพื้นที่รับผิดชอบ จากนั้นได้มอบหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ ไว้ให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและนำไปใช้ในการปฏิบัติงาน

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top