Thursday, 12 June 2025
SPECIAL

แบน 10 ปี! ‘ออสการ์’ ลงดาบแบน ‘วิลล์ สมิธ’ 10 ปี เซ่นปมตบหน้า ‘คริส ร็อค’ กลางเวที

รอยเตอร์รายงานว่า คณะกรรมการผู้ว่าการ Academy of Motion Picture Arts and Sciences ดำเนินการในการประชุมที่จัดขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ วิลล์ สมิธลาออกจากสถาบันล่วงหน้าเนื่องจากการแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดของเขาต่อคริส ร็อคในงานถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์

“รางวัลออสการ์ครั้งที่ 94 ตั้งใจให้เป็นการเฉลิมฉลองของบุคคลหลายคนในชุมชนของเราที่ทำงานอย่างเหลือเชื่อในปีที่ผ่านมา” David Rubin ประธานสถาบันการศึกษาและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Dawn Hudson กล่าวในแถลงการณ์

“อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาเหล่านั้นถูกบดบังด้วยพฤติกรรมที่ยอมรับไม่ได้และเป็นอันตรายที่เราเห็นคุณสมิธแสดงอยู่บนเวที”

ในแถลงการณ์ สมิธกล่าวว่า "ผมยอมรับและเคารพการตัดสินใจของ Academy" สมิธได้ออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้เพื่อขอโทษ คริส ร็อค, ผู้ผลิตรางวัลออสการ์, ผู้ได้รับการเสนอชื่อรับรางวัล และผู้ชม

นอกเหนือจากรางวัลออสการ์ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่สุดในโลกของภาพยนตร์แล้ว คณะกรรมการยังสั่งห้ามสมิธจากกิจการร่วมกรรมและโปรแกรมของสถาบัน Academy อื่นๆ ทั้งหมด ทั้งการร่วมด้วยตนเองหรือการร่วมผ่านระบบออนไลน์เป็นเวลา 10 ปี

อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มไม่ได้บอกว่าเขาจะไม่มีสิทธิ์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในช่วงเวลานั้น โดยภาพยนตร์เรื่องต่อไปของสมิธ คือภาพยนต์แอ็คชั่นตื่นเต้นเร้าใจ "Emancipation" เกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่หนีจากการเป็นทาสได้รับการปล่อยตัวในปลายปีนี้

ไม่มีข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับภาพยนตร์ Apple TV+ ตั้งแต่ สมิธก้าวขึ้นไปบนเวทีในพิธีวันที่ 27 มีนาคม หลังจากที่นักแสดงตลกคริส ร็อคเล่นมุกเกี่ยวกับการปรากฏตัวของเจดา พิงค์เก็ต สมิธ ภรรยาของวิลล์ สมิธ แล้วตบ คริส ร็อคเต็มใบหน้า

ไม่ถึงชั่วโมงต่อมา สมิธกล่าวทั้งน้ำตาบนเวทีเมื่อเขารับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากบทบาทของเขาใน "King Richard" ซึ่งรับบทเป็นบิดาของซูเปอร์สตาร์เทนนิส เซรีน่าและวีนัส วิลเลียมส์ หลังพิธีเขายังได้เต้นรำในงานปาร์ตี้หลังออสการ์ประจำปีของ Vanity Fair

Dana Harris-Bridson หัวหน้าบรรณาธิการของสื่อบันเทิงออนไลน์ IndieWire กล่าวถึงการห้ามสมิธของสถาบัน Academy ว่า "น้อยเกินไป สายเกินไป" โดยกล่าวว่า Academy ควรไล่นักแสดงออกจากพิธีที่โรงละครระหว่างการประกาศรางวัลเสียแต่เนิ่นๆ

หลังจากข้อเท็จจริง สถาบัน Academy มีทางเลือกไม่มากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสมิธลาออกก่อนที่สมาชิกภาพของเขาใน Academy จะถูกเพิกถอน เธอกล่าว

“ช่วงเวลาที่พวกเขามีคือช่วงเวลาในโรงละคร” เธอกล่าว 

ในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ ผู้นำของสถาบัน Academy กล่าวว่าพวกเขาไม่ได้กล่าวถึงสถานการณ์อย่างเพียงพอในระหว่างการออกอากาศ

"สำหรับเรื่องนี้ เราขอโทษ" พวกเขากล่าว "นี่เป็นโอกาสสำหรับเราที่จะเป็นแบบอย่างสำหรับแขกรับเชิญ ผู้ชม และครอบครัว Academy ของเราทั่วโลก และเราล้มเหลว — ไม่พร้อมสำหรับสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

INTERLINK เปิดคลังความรู้ด้านการออกแบบสายสัญญาณ เตรียมความพร้อมสู่ Smart University

คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ เปิดงานสัมมนา “Network Cabling for Smart University” มอบความรู้เพื่อการเตรียมพร้อมเรื่องการวางโครงข่ายสัญญาณมาตรฐาน และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อนำเทคโนโลยีไปปรับใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับกลุ่มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย โดยมี ดร. วิรินทร์ เมฆประดิษฐสิน กูรูผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบโครงข่ายสายสัญญาณ ร่วมบรรยายในครั้งนี้

หมีขาววิกฤติ! ‘มาตรการคว่ำบาตร’ พ่นพิษ ‘เศรษฐกิจรัสเซีย’ ดิ่งหนักสุดนับแต่สิ้นโซเวียต!

รัฐบาลสหราชอาณาจักรคาดการณ์ว่ารัสเซียกำลังมุ่งหน้าไปสู่ภาวะถดถอยที่ลึกที่สุดนับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต  โดยคาดว่าเงินรัสเซียกว่า 275,000 ล้านปอนด์ (358,520 ล้านดอลลาร์) ถูกอายัดจากการคว่ำบาตรจากนานาประเทศในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

การวิเคราะห์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ารัสเซียกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยที่ลึกที่สุดนับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต สหราชอาณาจักรประมาณการว่า 60% ของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของรัสเซียถูกระงับเนื่องจากการคว่ำบาตรระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ รัฐบาลสหราชอาณาจักรยังเพิ่มลูกสาวของวลาดิมีร์ ปูตินเข้าไปในรายการคว่ำบาตร ตามรอยรัฐบาลสหรัฐฯ โดยประกาศให้ระงับทรัพย์สินของเคเทรินา ทิโคโนวา (Katerina Tikhonova) และมาเรีย โวรอนซอฟวา (Maria Vorontsova) ลูกสาววัยผู้ใหญ่ของปูติน และเซร์เกเยฟนา วิโนคูโรวา (Sergeyevna Vinokurova) ลูกสาวของรัฐมนตรีต่างประเทศเซอร์เก ลาฟรอฟ ทั้งสามคนถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกาเมื่อต้นสัปดาห์นี้

ลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร ระบุในถ้อยแถลงว่า “มาตรการคว่ำบาตรอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนของเราส่งผลกระทบต่อกลุ่มชนชั้นนำและครอบครัวของพวกเขา ในขณะที่เศรษฐกิจของรัสเซียเสื่อมโทรมในระดับที่รัสเซียไม่เคยพบเห็นตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต”

“วิถีชีวิตที่ฟุ่มเฟือยของวงในของเครมลินจะถูกกำหนดเป้าหมายต่อไปตั้งแต่วันนี้ ในขณะที่สหราชอาณาจักรคว่ำบาตรลูกสาววัยผู้ใหญ่ของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของเขา” รัฐบาลสหราชอาณาจักรกล่าวในแถลงการณ์

Congratulations! 'แอนดรูว์ บิ๊กส์' ปลื้ม!! คว้าป.โท ศึกษาศาสตร์ ม.รามฯ การเติมเต็มอีกขั้นด้าน 'ภาษา' ของฝรั่งหัวใจไทย

ไม่นานมานี้ 'แอนดรูว์ พีตรี บิ๊กส์' ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก 'Andrew Biggs แอนดรูว์ บิ๊กส์' แสดงความรู้สึกขอบคุณจากทุกแรงใจที่ร่วมแสดงความยินดี ภายหลังคว้าปริญญาโท คณะศึกษาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงมาครอง โดยเขาได้เผยถึงประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาไทยอีกขั้นอย่างมากมาย ทั้งการเขียนเรียงความ รายงาน การวิจัย และบทเรียนที่น่าสนใจต่างๆ จากรั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหง 

พร้อมทั้งยังโพสต์ขอบคุณทุกคนที่คณะศึกษาศาสตร์ ตั้งแต่ คณาจารย์ที่ยอดเยี่ยม, เพื่อนนักเรียนร่วมคลาสทั้ง 20 คน, มิตรสหาย, ครอบครัว และเจ้าหน้าที่สถาบันฯ ที่ทำให้เขาได้สัมผัสกับความภาคภูมิใจใต้ชุดครุยของมหาวิทยาลัยรามคำแหงในครั้งนี้ หลังจากที่เคยคว้าปริญญาตรีครุศาสตรบัณฑิต เอกภาษาไทย จากมหาวิทยารามคำแหงมาแล้วก่อนหน้า

สำหรับ 'แอนดรูว์ บิ๊กส์' เป็นชาวออสเตรเลียที่มีประสบการณ์การสอนภาษาอังกฤษผ่านทางรายการวิทยุ โทรทัศน์ คอลัมน์ทางหน้าหนังสือพิมพ์ และนิตยสารในประเทศไทยมากว่า 30 ปี ภายใต้สโลแกนที่พูดบ่อยจนติดหูคนไทยอย่าง "ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว”

โควิดต้องเป็นศูนย์! 'จีน' ผนึกกำลังรอบด้าน ต้าน Omicron เจาะเซี่ยงไฮ้ ใต้นโยบาย Zero-Covid เพื่อรักษาชีวิตพลเมือง

วันนี้สื่อจีนยังคงรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 สายพันธุ์ Omicron ที่เข้ามาระบาดอย่างหนักในมหานครเซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางธุรกิจและการเงินที่สำคัญที่สุดของจีนอยู่ในขณะนี้

ล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มต่อเนื่องมากกว่า 21,000 รายต่อวันในวันนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขการติดเชื้อที่รุนแรงที่สุดของจีนนับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ครั้งแรกของโลกในเมืองอู่ฮั่นเมื่อต้นปี 2020

แต่ครั้งนี้ศูนย์กลางการระบาดเกิดที่เซี่ยงไฮ้ ที่เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน ทำให้จีนต้องล็อกดาวน์เขตย่านธุรกิจของเมืองนานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว และไล่ปูพรมตรวจเชื้อ Covid-19 ทั่วทั้งเมือง ที่สามารถตรวจได้ถึง 25 ล้านคนต่อวัน

แต่ทางการจีนนั้นยอมรับว่า เชื้อ Covid-19 สายพันธุ์ Omicron มีความท้าทายกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ที่เคยระบาดในจีน เนื่องจากความไวในการแพร่ระบาด ที่มักไม่แสดงอาการ จึงทำให้การตีวงสกัดทำได้ค่อนข้างยาก ซึ่งตอนนี้ การระบาดก็ยังคงเพิ่มสูงขึ้นจนจำนวนผู้ป่วยเริ่มเกินกำลังที่ทางโรงพยาบาลทั่วไปจะรับไหวแล้ว

นอกจากนี้ ยังเกิดปัญหาสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นเริ่มขาดแคลน ระบบขนส่งสิ่งของจำเป็นเข้าเมืองเซี่ยงไฮ้ ที่มีประชากรหนาแน่นมากกว่า 23 ล้านคนก็มีอุปสรรคอย่างมากจากมาตรการล็อกดาวน์แบบเข้มของจีน

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สื่อจีนรายงานว่า ชาวจีนยังสนับสนุนนโยบาย Zero-Covid ของรัฐบาลจีน เพราะเชื่อว่าการสกัดการระบาดให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรกจะช่วยรักษาชีวิตผู้คนได้

และตอนนี้จีนได้ผนึกสรรพกำลังส่งบุคลากรลงไปช่วยที่เซี่ยงไฮ้อย่างเร่งด่วน โดยมีรายงานข่าวว่าจีนได้ระดมแพทย์อาสา กว่า 38,000 คน จาก 15 มณฑลทั่วประเทศ เข้าไปดูแลผู้ป่วยที่เซี่ยงไฮ้แล้ว และเตรียมเปิดโรงพยาบาลสนามอีกจำนวน 60,000 เตียงได้ในไม่ช้า

ส่วนที่มณฑลเจียงซู และเจ้อเจียง ซึ่งอยู่ติดกับมหานครเซี่ยงไฮ้ จะกันพื้นที่ไว้สำหรับเป็นที่พักกักตัว และ Hospitel เสริมรวมกันอีก 60,000 ห้อง ตามมาตรการของกรมควบคุมโรคแห่งเซี่ยงไฮ้

กสทช.จับมือ สภาคนพิการฯ สร้างความรู้สู่สังคมดิจิทัลเพื่อคนพิการ และกลุ่มผู้ด้อยโอกาส

ณ หอประชุมสายลม 5021 อาคารหอประชุม สำนักงาน กสทช. จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการความร่วมมือการพัฒนาทักษะด้านความรู้ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกับการพัฒนาสู่สังคมดิจิทัล (MOU)  ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับ "สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย" และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน เพื่อเตรียมพัฒนาทักษะสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกับการพัฒนาอาชีพสู่สังคมดิจิทัล ให้กลุ่มคนพิการ ทั่วประเทศ 20,000 คน ระยะเวลา ดำเนินงาน 720 วัน 

โดย นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. / นายประทีบ ทรงลำยอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน / นายชูศักดิ์ จันทยานนท์ นายกสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยร่วมลงนาม และมี "นายสุชาติ โอวาทวรรณสกุล" อุปนายกสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน

นับเป็นงานอีกชิ้นหนึ่งที่เกิดจากความร่วมมือองค์การคนพิการระดับชาติ ที่ทำให้นโยบายDigital for All ลงถึงกลุ่มคนพิการทั่วประเทศ ทั้งนี้ สมาคมแต่ละประเภทความพิการ จะประสานและจัดอบรมคนพิการในภาคีเครือข่ายโดยการสนับสนุนหลักสูตรและแนวทางจากสถาบันวิชาการ อาทิ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นต้น

อยากได้ผู้ว่ากรุงเทพฯ แบบนี้!! รู้จัก Jaime Lerner สุดยอดนายกเทศมนตรีแห่ง Curitiba บราซิล ผู้เปลี่ยนเมืองแห่งความสิ้นหวัง เป็นแดนศิวิไลซ์ที่ใครก็อยากเลียนแบบ

การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครครั้งที่ 11 ที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 พี่น้องชาวกทม. อยากได้ผู้ว่าฯ เข้ามาบริหารจัดการกรุงเทพมหานครแบบไหนกันครับ

ถ้ายังไม่แน่ใจ ผมขอแนะนำให้ลองเลือกผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่มีคุณลักษณะแบบ Jaime Lerner ผู้เป็นสุดยอดนายกเทศมนตรีแห่ง Curitiba บราซิล

ว่าแต่ Jaime Lerner เป็นใคร? แล้วเขาสุดยอดแค่ไหน ลองมาดูผลงานและประวัติของเขากันดูครับ

Jaime Lerner (17 ธันวาคม พ.ศ. 2480 - 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2564) เป็นนักการเมืองชาวบราซิล เคยเป็นผู้ว่าการรัฐ Paraná มีชื่อเสียงในฐานะสถาปนิกและนักวางผังเมือง อีกทั้งยังเคยเป็นนายกเทศมนตรีเมือง Curitiba เมืองหลวงของรัฐ Paraná ถึง 3 สมัย (พ.ศ. 2514-2518, พ.ศ. 2522-2527 และ พ.ศ. 2533-2535)

ในปี พ.ศ. 2537 Jaime Lerner ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐ Paraná และได้รับเลือกอีกครั้งในปี พ.ศ. 2541 โดยอดีตนายกเทศมนตรีแห่ง Curitiba เมืองหลวงของรัฐ Paraná นั้น มีดีกรีเป็นนักวางผังเมืองและสถาปนิก ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก จากการช่วยออกแบบทางเดินในเมือง, ถนน และการขนส่งสาธารณะส่วนใหญ่ของ Curitiba เช่น Rede Integrada de Transporte ในปี พ.ศ. 2508 เขาช่วยก่อตั้ง Instituto de Pesquisa e Planejamento Urbano de Curitiba หรือ IPPUC (สถาบันการวางผังเมืองและการวิจัยแห่ง Curitiba) และออกแบบแผนแม่บทของ Curitiba

ครั้งหนึ่งราว 50 ปีก่อน Curitiba เคยเป็นเมืองที่สิ้นหวังไม่ต่างจากเมืองอื่น ๆ ในโลกนี้ เพราะเต็มไปด้วยปัญหานานัปการ แต่ปัญหาต่าง ๆ กลับเปลี่ยนไป โดยปัจจุบัน Curitiba เป็นเมืองหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนาที่ติดอันดับเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง แถมยังเป็นเมืองสำหรับประชาชน ไม่ใช่สำหรับรถ และถูกจัดให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในอเมริกาใต้ ในการจัดอันดับเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้ง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา เหล่าเมืองที่ติดอันดับหนึ่งในสิบเกือบทั้งหมด มักอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น แคนาดา, ออสเตรเลีย, สหรัฐอเมริกา, เยอรมัน, เดนมาร์ก เป็นต้น แต่มีเมืองหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนาติดอันดับอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ Curitiba ของบราซิล

สวนสาธารณะของเมือง Curitiba

Curitiba เป็นเมืองหลวงของรัฐ Paraná ตั้งอยู่ตอนใต้ของประเทศบราซิล สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2236 เป็นเมืองขนาดกลาง มีพื้นที่ 432 ตารางกิโลเมตร มีขนาดเศรษฐกิจเป็นลำดับที่ 4 ของประเทศบราซิล ประชากร 1.9 ล้านคน และหากรวมพื้นที่เชื่อมต่อเขตมหานครมีประชากรถึง 3.3 ล้านคน

แกะเทศบาลแห่ง Curitiba

ในฐานะนายกเทศมนตรี Jaime Lerner ใช้วิธีในการแก้ปัญหานอกแบบเพื่อรับมือกับความท้าทายทางภูมิศาสตร์ของ Curitiba เช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ Curitiba ล้อมรอบด้วยที่ราบน้ำท่วมถึง เมืองที่มั่งคั่งกว่าในสหรัฐอเมริกา เช่น New Orleans หรือ Sacramento ได้สร้างระบบเขื่อนในเขตที่ราบน้ำท่วมถึงที่มีราคาแพงและมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูง แต่ในทางตรงกันข้าม Curitiba ได้ซื้อที่ดินในเขตที่ราบน้ำท่วมถึง และสร้างเป็นสวนสาธารณะ ปัจจุบันเมืองนี้ติดอันดับเมืองชั้นนำของโลกที่มีพื้นที่สวนสาธารณะต่อหัวสูง Curitiba เคยมีปัญหาเรื่องสถานะความเป็นเมืองของโลกที่สาม ขาดงบประมาณจนไม่สามารถซื้อรถแทรกเตอร์และน้ำมันเชื้อเพลิงเติมรถเพื่อตัดหญ้าในสวนสาธารณะที่มีอยู่ได้ แต่ได้รับการตอบสนองที่เป็นนวัตกรรมใหม่คือ "แกะเทศบาล" ที่ควบคุมดูแลพืชพันธุ์ในสวนสาธารณะ และขายขนแกะเป็นทุนสำหรับโครงการต่างๆ เพื่อเด็กและเยาวชน

เมื่อ Jaime Lerner เป็นนายกเทศมนตรี ในเขตเทศบาล Curitiba มีพื้นที่บางส่วนซึ่งไม่สามารถให้บริการในการจัดเก็บขยะของเสีย เพราะ “ถนน” นั้นแคบเกินไป แทนที่จะละเลยคนเหล่านี้หรือรื้อถอนสลัมที่มีอยู่ทิ้งไป Jaime Lerner ได้เริ่มโครงการในการแลกถุงเครื่องใช้ของชำและบัตรโดยสารสำหรับถุงใส่ขยะที่นำมาแลก สลัมจึงสะอาดขึ้นมาก ทำนองเดียวกัน Curitiba มีอ่าวในบริเวณใกล้เคียงเป็นพื้นที่ทิ้งขยะ ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากในการทำความสะอาด Jaime Lerner จึงเริ่มโครงการจ่ายเงินให้ชาวประมงสำหรับขยะที่พวกเขาเก็บมาได้ (ตามน้ำหนัก) ด้วยวิธีนี้พวกเขาสามารถหาเงินได้ แม้จะอยู่นอกฤดูจับปลา และเป็นรายได้เสริม สามารถทำให้ Curitiba ประหยัดเงินในการจัดการขยะดังกล่าวได้มากมาย

Jaime Lerner ยังได้จัดตั้งโครงการด้านสังคมและการศึกษาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ มากมาย เด็กในพื้นที่สามารถฝึกงานกับเจ้าหน้าที่ของเทศบาลได้หากไม่ต้องการไปโรงเรียน แม้ว่าวาระของเขาในฐานะนายกเทศมนตรีจะไม่ได้ปราศจากความขัดแย้ง แต่ Curitiba ก็ไม่มีกลุ่มนักเลงอันธพาลเช่นเมืองใหญ่อย่าง Rio de Janeiro

กระบวนการพัฒนา Curitiba ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถแบ่งช่วงทศวรรษแห่งการพัฒนามีความก้าวหน้าตามลำดับดังนี้...

ทศวรรษแรก ยุคแห่งขยายตัวอย่างรวดเร็วและไร้ทิศทาง ในปี พ.ศ. 2511 นายกเทศมนตรี Ivo Arzua สั่งการให้เตรียมเมือง Curitiba สำหรับการขยายตัวในอนาคต มีทีมสถาปนิก นักผังเมืองจากมหาวิทยาลัย Paraná นำโดย Jaime Lerner รับผิดชอบจัดทำแผนแม่บท Curitiba มีสาระสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ (1) ลดการขยายตัวอย่างไร้ทิศทาง (2) ลดการจราจรบริเวณใจกลางเมือง (3) อนุรักษ์พื้นที่ประวัติศาสตร์ และ (4) จัดระบบขนส่งมวลชนที่เข้าถึงง่ายและราคาถูก (BRT : Bus Rapid Transit) ใน 5 สายทางที่กระจายออกจากศูนย์กลางเมือง

ทศวรรษที่ 2 การปฏิบัติตามแผนแม่บท ในปี พ.ศ. 2514 Jaime Lerner ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรี ได้สร้างนวัตกรรมในการพัฒนาเมืองโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และงบประมาณไม่มากนัก เขาตั้งหน่วยวางแผนและผังเมืองเพื่อจัดระบบและพัฒนาฟื้นฟูเมือง ผลงานสำคัญได้แก่ ศูนย์กลางธุรกิจของเมือง เป็นถนนคนเดินสายแรกของบราซิล และเริ่มพัฒนาเขตอุตสาหกรรมบริเวณนอกเมือง

ทศวรรษที่ 3 ยุคสมัยแห่งสิ่งแวดล้อม Curitiba ได้จัดทำโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและโครงการทางสังคมจำนวนมากคุ้มครองพื้นที่สีเขียวจากการพัฒนา ขยายระบบขนส่งมวลชน BRT และจัดตั้งกลไกบริหารระดับภาคเพื่อกระจายอำนาจและการตัดสินใจสู่ท้องถิ่น

ทศวรรษที่ 4 การยอมรับในฐานะเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปี พ.ศ. 2533 Curitiba ได้รับรางวัลด้านสิ่งแวดล้อมจากองค์การสิ่งแวดล้อมโลก และในปี พ.ศ. 2535 Curitiba เป็นสถานที่จัด World Cities Forum มีการสร้างสวนพฤกษศาสตร์แห่งใหม่และโรงโอเปร่าบริเวณเหมืองเก่า มีอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่ตั้งในเขตอุตสาหกรรมของเมือง

ทศวรรษที่ 5 อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเริ่มมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจเมือง เพิ่มรถเมล์ชมเมืองในระบบ BRT เทศบาลเริ่มสร้างสวนเทคโนโลยีเพื่อดึงดูดธุรกิจสมัยใหม่ และลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีพลังงานทางเลือก ในปี 2553 Curitiba ได้รับรางวัล Globe Sustainable City Award ในฐานะเทศบาลที่มีความโดดเด่นในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน และได้รับยกย่องจาก นิตยสารรีดเดอร์ส์ไดเจสต์ ได้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในบราซิล

ย่านใจกลางเมือง Curitiba

ปัจจุบัน Curitiba เป็นเมืองที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกในฐานะต้นแบบของการพัฒนาเมืองที่ดี และมีนโยบายสิ่งแวดล้อมที่ก้าวหน้า นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 เทศบาล Curitiba ได้ริเริ่มระบบขนส่งมวลชนแบบ BRT เพิ่มสวนสาธารณะมากกว่า 24 แห่ง เพื่อสันทนาการและเป็นแก้มลิง และรองรับน้ำที่จะไหลบ่าท่วมในเมือง รวมทั้งเพิ่มพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากรจาก 0.5 ตารางเมตรต่อคน เป็น 52 ตารางเมตรต่อคน

“รอง ผบ.ตร. เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุ ช่วงสงกรานต์ พร้อมโชว์แคมเปญ 7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น”

ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) พล.ต.อ.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์รอง ผบช.น. พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล. พร้อมด้วย คุณกานดา วัฒนายิ่งสมสุข ที่ปรึกษาฝ่ายการตลาด บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ผู้แทนสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.91 และ สถานีวิทยุ จส.100 ร่วมแถลงเปิด "ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตร." และเปิดแคมเปญรณรงค์อาสาตาจราจรช่วงสงกรานต์ในชื่อ “7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น” เพื่อให้ประชาชนช่วยกันเป็นอาสาตาจราจร ตรวจตราการกระทำผิดกฎจราจรและอุบัติเหตุบนท้องถนน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า สงกรานต์ปีนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งเตรียมกำลังพล กว่า 80,000 นาย อำนวยความสะดวกการจราจร และดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา และที่พักอาศัย รวมถึงการป้องปรามไม่ให้มีการฝ่าฝืนกฎหมาย ตลอดเทศกาลฯ โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ประจำจุดกวดขันวินัยจราจร 18,371 นาย จุดตรวจแอลกอฮอล์ 12,139 นาย ชุดเคลื่อนที่เร็วช่วยเหลืออุบัติเหตุ 9,670 นาย ส่วนที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สายตรวจ ธุรการ ที่ระดมกำลังเพื่อกวาดล้างอาชญากรรม และบริการประชาชนตลอดเทศกาล โดยไม่มีวันหยุดพัก สำหรับวันนี้ เป็นวันแรกที่เปิด ศูนย์อำนวยการป้องกัน และลดอุบัติเหตุทางถนนฯ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยถือปฏิบัติ ดังนี้

1) การอำนวยความสะดวกจราจรเพื่อให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย ให้ทุกหน่วยประสานเจ้าของถนนคืนพื้นผิวการจราจร เช่นจุดที่มีการก่อสร้าง ซ่อมแซมถนน เป็นเหตุให้รถชะลอตัว โดยสามารถคืนพื้นผิวได้แล้ว ทั้งหมด 418 จุดทั่วประเทศ จัดตำรวจอำนวยการจราจร ตามจุดสำคัญที่เป็นปัญหาการจราจร รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยว ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ให้มีชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมอุปกรณ์เช่น รถยก รถสไลด์ เข้าถึงที่เกิดเหตุและคลี่คลายการจราจรได้ทันที นอกจากนี้ ยังได้ออกข้อบังคับเปิดช่องทางพิเศษเพื่อเร่งระบายรถ ทั้งขาเข้าและออก กทม. รวมระยะทาง 445 กม. และข้อบังคับห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เดินในถนนบางสาย เพื่อลดความหนาแน่นการจราจร สำหรับรถบรรทุกที่มีความจำเป็นต้องเดินรถ เช่น รถขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง อาหารสด สามารถยื่นคำขออนุญาตผ่านระบบออนไลน์ ของ บก.ทล. ได้ที่ www.hwpdth.com

2) การป้องกันและลดอุบัติเหตุ ให้ทุกหน่วยทำบัญชีกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่เพื่อเข้าไปรณรงค์ประชาสัมพันธ์ป้องปรามกลุ่มเป้าหมาย ตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร 1,937 จุด จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ 1,430 จุด และชุดสายตรวจจราจรอีก 1,903 ชุด เพื่อกวดขันจับกุมการกระทำผิดกฏจราจรที่เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุเริ่มตั้งแต่ 4 เม.ย.65 เป็นต้นมา และช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น โดยทุกจังหวัดได้ตั้งค่าเป้าหมายการลดอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ต้องลดลงจากค่าเฉลี่ยสงกรานต์ 3 ปีย้อนหลัง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5

ทั้งนี้ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่ 10 – 18 เม.ย.65 กำหนดให้มีการประชุมติดตามสถานการณ์อุบัติเหตุและการจราจรทุกวัน ในช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น (12 – 18 เม.ย.65)โดยมอบหมาย พล.ต.อ.ปรีชาฯ และ พล.ต.ท.ประจวบฯ เป็นประธานการประชุมตลอด 7 วัน และวันนี้เป็นการประชุมเปิดศูนย์ฯ เพื่อสั่งการทุกหน่วยให้เตรียมความพร้อมขั้นสุดท้าย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า การจะลดอุบัติเหตุบนถนนได้อย่างมีนัยสำคัญ ต้องสร้างจิตสำนึกการขับขี่ปลอดภัยตามกฎหมายจราจรให้กับสังคม ซึ่ง ตร. ได้ทำโครงการ อาสาตาจราจร ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ บ.วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) จส.100 และ สวพ.91 เพื่อให้ประชาชนส่งคลิปกล้องหน้ารถ หรือคลิปจากกล้องโทรศัพท์มือถือ ที่บันทึกเหตุการณ์การกระทำผิดกฎจราจรสำคัญที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อบุคคลอื่น หรือบันทึกอุบัติเหตุสำคัญและสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในทางคดีของตำรวจได้เพื่อช่วยคนดีชี้คนผิดโดยมูลนิธิเมาไม่ขับจะคัดเลือกเดือนละ 10 คลิป เป็นเงินรวม 50,000 บาท ตั้งแต่เริ่มโครงการในเดือน พ.ย.64 ที่ผ่านมา มีประชาชนส่งคลิปมากว่า 100 คลิปแล้ว และสำหรับในเทศกาลสงกรานต์นี้ จะมีแคมเปญพิเศษ

“7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น” ให้ประชาชนส่งคลิปในช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้นของเทศกาลสงกรานต์ 2565 จากคลิปที่ส่งมาทั้งหมด จะมีการคัดเลือกให้เหลือ 7 คลิป และจะมีรางวัลให้คลิปละ 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 70,000 บาท โดยได้รับสนับสนุนเงินรางวัลจาก บ.วิริยะประกันภัยฯ

อย่าหลงเชื่อ!! แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้าง ส่งภาพ 'ผบ.ตร.' ข่มขู่หลอกโอนเงิน ด้านตำรวจเชียงใหม่ เร่งติดตามดำเนินคดีกรณีหลอกลวงแม่ค้า

จากกรณีแม่ค้าขายขนม ที่ศูนย์การค้ากลางเมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้โอนเงินโดยนำภาพ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มาใช้ในการข่มขู่ จนเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินไปให้ 

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2565 พ.ต.อ.ไพศาล นันตา โฆษกตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.แม่ปิง จว.เชียงใหม่ และให้การว่า คนร้ายใช้วิธีการเดิมในการแอบอ้าง 

“วิธีการของคนร้ายโทรศัพท์ติดต่อเข้ามา อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จังหวัดเชียงราย มีพัสดุเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ส่งไปยังประเทศจีน ซึ่งถูกอายัดไว้ และโอนสายให้คุยกับชายที่อ้างว่าเป็นตำรวจระดับสารวัตร พร้อมทั้งยังส่งรูปภาพของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาทำการข่มขู่ ทำให้แม่ค้าขายขนมรายนี้ เกิดความหวาดกลัวว่า จะถูกจับกุมดำเนินคดี จึงยอมโอนเงินจำนวน 2,000 บาท ที่เตรียมจะนำไปซื้อสมุด และหนังสือให้ลูกชาย ไปให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์”

โฆษกตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน สภ.แม่ปิง ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และผู้ร่วมกระทำการมาดำเนินการตามกฎหมาย 

“ในเบื้องต้นไปประสานธนาคารผู้รับโอน เพื่อขออายัดบัญชีแล้ว  และจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาต่อไป ซึ่งดำเนินการดังกล่าวร่วมกับการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร พฤติการณ์ใหม่ ๆ ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลามาแจ้งยังพี่น้องประชาชนทราบอย่างต่อเนื่องซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญเพื่อป้องกันการเกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขอให้ประชาชนได้ติดตามข่าวสารของทางราชการและบอกต่อญาติและครอบครัวเพื่อป้องกันมิให้ตกเป็นเหยื่อของแก๊งอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเหล่านี้ได้โดยง่าย”

"รอง ผบ.ตร.(ปป.)"วางมาตราการเข้ม เตรียมความพร้อมเพื่อป้องอาชญากรรม ช่วงเทศกาลวันหยุดยาว

เมื่อวันอังคารที่ 5 เม.ย.2565 เวลา 13.30 น.ที่ห้องประชุม พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร สทส. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.(ปป)และผอ.ศปป.ตร. เป็นประธานประชุมติดตามขับเคลื่อนงานป้องกันปราบปราม และมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในห้วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ โดยมี พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป 2) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป 3)พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป 5) พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ  รอง จตช.(ช่วยเหลืองาน ปป) ผู้แทนหน่วย สยศ.ตร., ส., สทส., รร.นรต., สพฐ.ตร., พตร.(สบ8) ซึ่งเป็นการประชุมผ่านแอปพลิเคชั่น Clubhouse โดยมีหน่วยงาน ผู้บังคัญบัญชาเข้าร่วม ดังนี้ รอง ผบช. น., ภ.1-9, ก., ปส., ทท., สตม., สอท., ตชด., รอง ผบก., หน.สน.,สภ. ที่รับผิดชอบงาน ปป  รอง ผกก.ป., สวป., หน.ชุดปฏิบัติการ RTP Cyber Village , ตำรวจชุดชุมชนสัมพันธ์ของ สภ., ตำรวจชุดปฏิบัติ RTP Cyber Village 

โดย พล.ต.อ.รอย ได้เปิดเผยว่าวันนี้ได้แจ้งกำชับในที่ประชุมให้ หน่วยปฎิบัติด้านป้องกันปราบปราม ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)ทุกหน่วยปฎิบัติดังนี้

1. ผบ.ตร.ได้สั่งการให้จัดฝึกอบรมให้แก่ผู้ปฏิบัติสายงานป้องกันปราบปราม ระดับ รอง ผกก. - สว. จำนวน 5 รุ่น เสร็จสิ้นแล้ว กำชับหน่วย น. ภ.1-9 นำผลที่ได้จากการฝึกอบรมไปถ่ายทอดให้กับกำลังพลของหน่วยให้เสร็จสิ้นภายใน 15 มิ.ย.65 โดยจะมีการตรวจสอบประเมินผลการฝึกภายในเดือน ก.ค.65 และ ผบ.ตร. ได้ให้ ศปป.ตร. จัดทำคู่มือการปฏิบัติ (SOP) อยู่ในแอพพลิเคชั่นงานป้องกันปราบปราม KMPP ซึ่งสามารถดาวน์โหลด และศึกษาได้ด้วยตนเองอยู่ใน app แทนใจ ของ ตร.

2. จากการตรวจสอบเหตุเกี่ยวกับทรัพย์ ในระบบ ของ ตร.กำชับให้ลงรายละเอียดให้ครบถ้วน โดยเฉพาะ รายละเอียดว่าเหตุเกิดที่ใด เช่นธนาคาร ร้านทอง ร้านสะดวกซื้อ สถานที่เกิดเหตุ และพฤติการณ์รายละเอียด เพื่อตรวจสอบได้และเพื่อการวางแผนการป้องกัน

3. กำชับให้เข้มงวดกวดขันจับกุมสถานบริการที่กระทำผิดอย่างเคร่งครัด หากตรวจพบมีการปล่อยปละละเลย จะพิจารณาข้อบกพร่องเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบตามคำสั่ง ตร. ที่ 234 /2558 ลงวันที่ 27 เม.ย. 2558

4. ในการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด ให้ปฏิบัติตาม หนังสือ ตร. ด่วนที่สุด ที่ 0007.22/1572 ลงวันที่ 31 พ.ค.64 เรื่องกำหนดแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัด   ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ซึ่งมีรายละเอียดในการปฏิบัติของจุดตรวจ เช่นต้องขออนุญาตผ่านระบบ TPCC ทุกครั้ง  อุปกรณ์ที่ต้องใช้ เช่น กล้อง CCTV, Body Camera, แผงไฟ, ป้ายแจ้งเตือน ฯ ต้องมีครบถ้วน และให้นำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติสายงานป้องกันปราบปรามปีงบประมาณ 2564 และ 2565 มาใช้ในการปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม

"ผอ.ศพดส.ตร."ประชุมเน้น 3 มาตราการเข้ม คดีค้ามนุษย์

ที่ ห้องประชุม ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.(ปป)และ ผอ.ศพดส.ตร. เป็นประธานการประชุม ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) เป็นการประชุมสรุปการดำเนินการที่ผ่านมาและแผนการดำเนินการในไตรมาส 3/4 ผ่านระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference) 

โดยมี พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา รอง ผบช.ก.(เลขานุการ) พล.ต.ต.สันธิกร วรวรรณ ผบก.ผอ.,พล.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ ผบก.ตท.,พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผบก.ปคม.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยผู้แทนหน่วย บช.น., ภ.1-9, สตม., สอท., สทส., กมค., รน.เข้าร่วมประชุม

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับการเคหะแห่งชาติ และประชุมเสวนาว่าด้วยความร่วมมือในการดำเนินโครงการดำเนินงานชุมชนการเคหะยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ

(4 เม.ย.65) ณ ห้องศรียานนท์ โซนซี ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงาน  ตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับการเคหะแห่งชาติ โดยมีนายทวีพงษ์  วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เป็นผู้ลงนาม พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและการเคหะแห่งชาติ ร่วมเป็นสักขีพยาน และเวลา 14.30 น. ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองจเรตำรวจแห่งชาติ , นายทวีพงษ์  วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ พร้อมคณะ , ผู้แทนอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ,  ผู้แทนปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ , ผู้แทนปลัดกระทรวงมหาดไทย ,  ผู้แทนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร , ผู้แทนผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข , ผู้แทนผู้อำนวยการโรงพยาบาลธนบุรีบูรณา , พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย ร่วมประชุมเสวนาว่าด้วยความร่วมมือในการดำเนินโครงการดำเนินงานชุมชนการเคหะยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ

ซึ่งโครงการดำเนินงานชุมชนการเคหะยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร  ตามยุทธศาสตร์ชาติ เป็นไปตามแผนปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด สำนักงาน  ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ตามมาตรการที่ 2 คือมาตรการการป้องกันยาเสพติด แผนงานที่ 9 กล่าวคือ 

1.ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริม สนับสนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหา การแพร่ระบาดของยาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชน เสริมสร้างให้หมู่บ้าน/ชุมชน เกิดความเข้มแข็ง เข้าใจและรับรู้   ถึงปัญหาและพิษภัยที่เกิดขึ้นจากยาเสพติดที่มีผลกระทบต่อตนเองและสังคม โดยให้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง ที่สามารถดูแลผู้ใช้ยาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.ส่งเสริม สนับสนุนการสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ในการเฝ้าระวังปัญหายาเสพติด ในหมู่บ้าน/ชุมชน

3. ดำเนินการส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดกระบวนการบริหารจัดการและรูปแบบการดำเนินงานชุมชนเข้มแข็ง การบำบัดยาเสพติดโดยชุมชนมีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดชุมชนยั่งยืนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด  แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติและเป็นไปตามแผนปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ตามมาตรการที่ 4 คือมาตรการการบำบัดรักษายาเสพติด แผนงานที่ 11 กล่าวคือ

1.ชักจูง จูงใจ นำผู้เสพยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษายาเสพติด โดยความสมัครใจเป็นหลัก
2.ดำเนินการตรวจ ทดสอบ หาสารเสพติดในบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ต้องสงสัยเพื่อสอบถาม ความสมัครใจและเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาโดยส่งต่อให้กับศูนย์คัดกรองหรือสถานพยาบาลยาเสพติด
3.นำผู้เสพที่ไม่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาโดยสมัครใจและอยู่ในเงื่อนไขที่จะอาศัยอำนาจตามกฎหมายเพื่อเข้าสู่กระบวนการและดำเนินการตามคำสั่งศาลโดยคำนึงถึงการสงเคราะห์ให้ผู้เสพเลิกยาเสพติด

'ผอ.ศอ.ปส.ตร.' เผยสั่งขยายผลขบวนการลำเลียงยาบ้าจากภาคเหนือ รวบได้ขณะส่งต่อย่านตลาดไทอีก 6 ล้านเม็ด

4 เมษายน 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.และผอ.ศอ.ปส.ตร. เปิดเผยว่าตามนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการขับเคลื่อนตามมนโยบายดังกล่าวภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.นั้น  โดย เคสนี้ตนได้สั่งให้ขยายผลสืบสวนจากภาคเหนือ จนสามารถ ติดตามนำมาสู่การจับกุมวันนี้

ซึ่งเมื่อวันที่ 03 เม.ย.2565 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.00 น.ที่ บริเวณตลาดไท ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จว.ปทุมธานีเจ้าพนักงานตำรวจ บช.ปส. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สรายุทธ  สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส.1,พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ รอง ผบช.ปส.(2),  พล.ต.ต.สมเกียรติ  วัฒนพรมงคล รอง ผบช.ปส.3, พล.ต.ต.จิรวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.ปส. 4 , พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พร้อมด้วยชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.อ.จีรภัทร พฤฑฒิกุล  ผกก.3 บก.ปส.2,พ.ต.ท.วิฑูรย์  ญาณุกูล  รอง ผกก.3 บก.ปส.2,  พ.ต.ท.พล  หอมจันทร์ รอง ผกก.3 บก.ปส.2, พ.ต.ท.โชติธนินท์  โชติสุรีย์ชัย รอง ผกก (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.ปส.2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ นปส.อุดรธานี ,เจ้าหน้าที่ตำรวจศวข.บก.ปส.2, เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศวข.อุดรธานี บก.ขส., เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย คือ...

(1.) นายสมบูรณ์ แซ่หลอ อายุ 29 ปี (2.) นายภูมิ แซ่ย่าง อายุ 29 ปี (3.) นายโชคอนันต์ พรหมมี อายุ 27 ปี พร้อมด้วยของกลาง จำนวน 4 รายการ คือ (1.) ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน  30 กระสอบประมาณ 6,000,000 เม็ด ซึ่งรอเจ้าหน้าตำรวจจากกองพิสูจน์หลักฐานร่วมตรวจและนับโดยละเอียดอีกครั้ง (2.) รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส ทะเบียน 6 กท 114 กทม ราคาประเมิน 500,000 บาท (3.) รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ Isuzu รุ่น d-max ทะเบียน ผก 8955 พิษณุโลก ราคาประเมิน 800,000 บาท (4.)รถยนต์กระบะยี่ห้อ Toyota  รุ่น Revo ทะเบียน ผข 6231 เพชรบูรณ์ ราคาประเมิน 800,000 บาท

บิ๊กโจ้ก ศพดส.ตร. ร่วมกับ ตำรวจศรีราชา บุกจับอาจารย์แบงค์ โมเดลลิ่ง หลังก่อเหตุล่วงละเมิดเด็กชาย

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 เมษายน 2565 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รองผู้อำนวยการ ศพดส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2,  พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.ศักดิ์ชาย สุวรรณนกุ ูล ผกก.สภ.ศรีราชา  ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายสิทธิพันธ์ หรือแบงก์ สว่างสังวาลย์อายุ 41 ปี ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะ ยินยอมหรือไม่ก็ตาม และพาเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร” พร้อมด้วยของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 09.45 ร. วันที่ 23 มี.ค.65 ผู้ปกครองของเด็กชายอายุ 13 ปี ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ศรีราชา ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ นายสิทธิพันธ์ หรือแบงก์ สว่างสังวาลย์ โดยแจ้งว่า ตั้งแต่ ต.ค.64 จนถึง ม.ค.65 นายสิทธิพันธ์ฯ ได้ข่มขืนกระทำชำเราและกระทำอนาจาร เด็กชายอายุระหว่าง 13-14 ปี จำนวน 3 คน ซึ่งมีบุตรของตนเอง รวมอยู่ด้วย

ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุด ศพดส.ตร.(ชุด TICAC) จึงได้ร่วมกับ พ.ต.อ.ศักดิ์ชาย สุวรรณนกุ ูล ผกก.สภ.ศรีราชา และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีราชา ลงพื้นที่รวบรวมพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในวันที่ 1 เม.ย.65 เวลา 06.30 น. เจ้าหน้าที่ชุด ศพดส.ตร.(ชุด TICAC) ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีราชา  ภ.จว.ชลบุรี นำหมายจับของศาลจังหวัดชลบุรี ที่ จ.169/2565 ลงวันที่ 30 มี.ค.65 จับกุมตัว นายสิทธิพันธ์ หรือแบงค์  สว่างวังวาลย์ บริเวณหน้าบ้านพักใน ต.ทวีวัฒนา อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ในข้อหาดังกล่าว

นายสิทธิพันธ์ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่าตนเองเป็นนักกิจกรรมกีฬากระโดดเชือกรูปแบบทีมที่มีการจัดแข่งขันและ เป็นบุคคลจัดหานักแสดงประกอบให้กับกองถ่ายละคร โดยจะชักชวนเด็กชายอายุระหว่าง 13-16 ปี ที่สนใจร่วมกิจกรรม กระโดดเชือกหรือสนใจเป็นนักแสดงประกอบเพื่อหารายได้เสริม ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนตามสถานศึกษา เมื่อผู้ต้องหามีโอกาสใกล้ชิด เด็กชายเหล่านั้นจะใช้โอกาสออกอุบายชักจูงให้เด็กใช้ปากอมอวัยวะเพศของตนเอง รวมทั้งใช้ปากตนเองอมอวัยวะเพศของ เด็กชาย ยอมรับเพิ่มเติมว่าเคยใช้อวัยวะเพศของตนเองสอดใส่ทางทวารหนักของเด็กบางคนอีกด้วย

จากการขยายผลทราบว่า มีเด็กชาย อายุระหว่าง 13-16 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาในสถานศึกษาพื้นที่เขต อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี อีกจำนวน 7 รายที่เคยถูก ผู้ต้องหากระทำในลักษณะดังกล่าวข้างต้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบข้อมูลทั้งหมดแล้วอยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเพิ่มเติมต่อไป

ทั้งนี้ได้ร่วมกับ บ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดชลบุรี และโครงการสปริงฯ เข้าพูดคุยให้คำแนะนำกับกลุ่มผู้เสียหาย และผู้ปกครอง ในขั้นตอนของการเยียวยารักษาสภาพจิตใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิทธิตามกฎหมายที่พึงได้ของผู้เสียหาย 
 

ตร.เตือน ‘แอปมือถือ’ ฝังมัลแวร์ เสี่ยงถูกแฮก เช็คให้ดีก่อนดาวน์โหลด

(4 เม..65) ...ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล...สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ด้วยปัจจุบัน พี่น้องประชาชนประสบปัญหา ถูกหลอกเอาชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่านของเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก โดยคนร้ายมักจะทำเว็บไซต์ปลอมในรูปแบบที่เรียกว่า Phishing ในการหลอกเอารหัสผ่านเป็นหลัก แต่ล่าสุด นักวิจัยจาก บริษัท Pradeo ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในโทรศัพท์มือถือ ได้ตรวจสอบพบแอปพลิเคชันใน Google Play Store ชื่อ Craftsart Cartoon Photo Tools ที่ได้แอบฝังมัลแวร์ชื่อ Facestealer ซึ่งจะแอบสร้างหน้าต่างสำหรับลงชื่อเข้าใช้งาน คล้ายกับของเฟซบุ๊ก เพื่อหลอกให้ผู้ใช้เชื่อว่าเป็นหน้าต่างของเฟซบุ๊กจริง ทำให้ถูกหลอกเอาข้อมูลชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของบัญชีเฟซบุ๊ก จากนั้นจะส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของคนร้ายที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งอาจนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในทางมิชอบและสร้างความเสียหายให้กับเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top