Monday, 16 June 2025
SPECIAL

สหรัฐฯ ใช้โอกาสสถานการณ์ทหารในยูเครนเร่งยอดขายอาวุธตัวเองให้ไต้หวัน เพื่อป้องกันการรุกรานจากจีน 

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานวานนี้ (7 พ.ค.) ว่า สหรัฐฯ กดดันให้ไต้หวันเพื่อสั่งซื้ออาวุธอเมริกันเพิ่มอีกล็อตใหญ่ อ้างอิงจากแหล่งข่าวอดีตและปัจจุบันเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ และไต้หวัน 9 คนที่รู้ในเรื่องนี้ โดยระบุว่า อาวุธล็อตใหม่มีเพื่อทำให้มั่นใจว่าไต้หวันจะสามารถมีศักยภาพขับไล่การรุกรานทางทะเลจากจีนได้

ในรายงานกล่าวว่า ประธานาธิบดีไต้หวัน ไช่ อิง-เหวิน พยายามที่จะทำการปรับปรุงยุทโธปกรณ์ของตัวเองเพื่อให้สามารถใช้ได้กับสถานการณ์สู้รบแบบอสมมาตร (asymmetrical warfare ) จากข้าศึกที่ใช้ในกรณีที่ขนาดกำลังและความสามารถของ 2 ฝ่ายแตกต่างกันมาก

ไช่ได้มองไปที่สหรัฐฯ เพื่อต้องการสั่งซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีความสามารถการทำลายล้างและเคลื่อนที่ได้เป็นจำนวนมาก

นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า นับตั้งแต่สงครามยูเครนเริ่มต้นเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ล่าสุด สหรัฐฯ ได้เพิ่มความพยายามในการปรับปรุงการป้องกันประเทศให้แก่ไทเปอย่างรีบด่วนเพราะสหรัฐฯ และไทเปถูกทำให้เชื่อว่าสงครามยูเครนที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้อาจเกิดขึ้นกับไต้หวันโดยฝีมือปักกิ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านั้นกลายเป็นภัยคุกคามสำคัญ และเชื่อว่าสงครามที่เล็กกว่าพร้อมกับอาวุธที่เหมาะสมถูกใช้ในยุทธศาสตร์การทำสงครามแบบอสมมาตร ซึ่งตั้งเป้าไปที่ความสามารถในการเคลื่อนที่สูงและการโจมตีแบบแม่นยำนั้นจะมีความสามารถต้านกลับไปกองกำลังข้าศึกที่มีกำลังมากกว่าได้สำเร็จ และในรายงานระบุว่า เฮลิคอปเตอร์ ซีฮอว์ก MH-60R (MH-60R Seahawk) ของบริษัท ไชกอร์สกี แอร์คราฟ (Sikorsky Aircraft) ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทล็อกฮีดมาร์ตินโดยที่ระบุว่าไม่มีความเหมาะสมในสถานการณ์รบกับการรุกรานจีน

ซึ่งการศึกระหว่างจีนและไต้หวันนั้นคาดว่าจะแตกต่างจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และเชื่อว่าจะเป็นสงครามที่มีความยากลำบากมากกว่า ซึ่งคำสั่งซื้อจากไต้หวันเมื่อไม่นานมานี้นั้นสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การรบแบบอสมมาตร แต่ทว่ามีผู้เชื่ยวชาญทางการทหารในไต้หวันบางส่วนไม่เห็นด้วยและต้องการให้ไทเปเตรียมพร้อมทางการทหารสำหรับการรบแบบปกติมากกว่าซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมที่ใช้กับ "จีน" เช่นกัน

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ผงาดนั่งนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประกาศ 3 แนวทางขับเคลื่อนนำพาชาวใต้เทิดทูนสถาบันกษัตริย์

วันนี้ 8 พ.ค.65  เวลา 09.30 น. ทางสมาคมชาวปักษ์ใต้ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 ที่สมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร มีพล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้เป็นประธาน เพื่อสรุปแนวทางการทำงานตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่สามารถจัดประชุมได้เนื่องจากติดสถานการณ์ โควิด-19

นอกจากการจัดประชุมตามข้อบังคับว่าด้วยการประชุมใหญ่ ตามมาตรา 29 ในวันนี้ยังจัดให้มีการเลือกตั้งนายกสมาคมคนใหม่เนื่องจากครบวาระ โดยคณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ดำรงตำแหน่งเป็นนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ คนใหม่ เพื่อขับเคลื่อนสมาคมไปสู่ความเข้มแข็ง และความสามัคคีในกลุ่มชาวปักษ์ใต้ซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ

ภาคธุรกิจกลางคืน ชง 7 ข้อให้ ‘บิ๊กตู่’ เร่งเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ขอเริ่มนำร่อง 26 จังหวัดท่องเที่ยว 1 มิ.ย. ก่อนเปิดทั่วประเทศ 1 ก.ค.

นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ประกอบการสถานบริการ สถานบันเทิง ร้านค้า ร้านอาหาร และธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้รวบรวมปัญหาและข้อเสนอการฟื้นฟูและพัฒนาภาคการท่องเที่ยว รวมถึงแนวทางของภาคเอกชนหลังการเปิดประเทศ ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.ศบค.ในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ เพื่อให้นำไปพิจารณาในการประชุมศบค.ชุดใหญ่

หนังสือที่ภาคธุรกิจกลางคืน จะเสนอนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง จากการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของรัฐอย่างเคร่งครัด ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากปิดกิจการถาวร เนื่องจากการขาดรายได้และขาดสภาพคล่อง รวมถึงกระทบต่อภาคแรงงาน อีกทั้งอยากให้รัฐเร่งทบทวนอุปสรรคต่อการค้าและการฟื้นตัวด้านกิจกรรม จึงได้จัดทำข้อเสนอต่อรัฐบาลและหาทางออกร่วมกัน เพื่อฟื้นฟูและส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค รวม 7 ประเด็น ประกอบด้วย

'จอห์น ลี' อดีตผู้บัญชาการฝ่ายความมั่นคง ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้นำคนใหม่ของฮ่องกง ภายหลังจากที่มีการเลือกตั้งผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงในวันนี้ และมีเพียงนายลีเท่านั้นที่เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งดังกล่าว

นายจอห์น ลี อดีตผู้บัญชาการฝ่ายความมั่นคง อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่มีจุดยืนในการสนับสนุนรัฐบาลจีน ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการการเลือกตั้งฮ่องกง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้จงรักภักดีต่อรัฐบาลจีน ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงความต้องการที่จะควบคุมฮ่องกงอย่างเข้มงวดของรัฐบาลจีน และจะได้ขึ้นดำรงดำแหน่งผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (Chief Executive of the Hong Kong Special Administrative Region) คนใหม่แทนที่นางแคร์รี่ ลัม ที่กำลังจะสิ้นสุดวาระดำรงตำแหน่ง

เหตุที่การเลือกตั้งผู้ว่าฮ่องกงรอบนี้มีแคนดิเดตเพียงหนึ่งเดียวเนื่องจาก บุคคลที่จะลงชิงสมัครผู้ว่าฮ่องกจะต้องได้รับความไว้วางใจจาก “คณะกรรมการเลือกตั้ง” ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 1,463 คน ที่ล้วนแต่มีแนวคิดสนับสนุนรัฐบาลปักกิ่ง หลังจากที่ฮ่องกงเผชิญความไม่สงบทางการเมืองจากเหตุการณ์ประท้วงม็อบร่มเหลือง ต่อเนื่องถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กระทบต่อระบบสาธารณสุขและความเชื่อมั่นของชาวฮ่องกงต่อรัฐบาลภายใต้การนำของนางแคร์รี่ ลัม
อย่างไรก็ตาม แม้นายลีซึ่งเป็นแคนดิเดตเพียงหนึ่งเดียว แต่เขายังจำเป็นต้องได้รับคะแนนเสียงข้างมากในสภาแม้จะไม่มีผู้สมัครคู่แข่งก็ตาม ซึ่งหลายฝ่ายมั่นใจว่า นายลีจะได้รับเลือกเป็นผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองฮ่องกงอย่างแน่นอน
ล่าสุด นายลี ได้รับคะแนนโหวตในสภาฮ่องกงเกินครึ่งหนึ่ง จากคะแนนเสียทั้งหมด 750 เสียง ในเวลาเพียง 3 นาที หลังเปิดโหวต ส่งผลให้ขึ้นแท่นเป็นผู้ว่าฮ่องกงคนใหม่อย่างเป็นทางการ

สำหรับประวัติความเป็นมาของจอห์น ลี ถือว่าแตกต่างจากแคร์รี่ ลัม ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงคนปัจจุบันที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง นายลีไม่ได้มีสายสัมพันธ์กับภาคธุรกิจหรือข้าราชการมาก่อน เนื่องจากภูมิหลังของลีอยู่ในวงการตำรวจ โดยจอห์น ลี ได้เข้ามาทำงานในวงการตำรวจเมื่อปี 2520 ในขณะที่มีอายุได้ 20 ปี

ที่ผ่านมา ลีเป็นที่รู้กันถึงจุดยืนในการสนับสนุนรัฐบาลจีนอย่างแรงกล้า ดังนั้น คะแนนนิยมของลีจึงอยู่ที่เพียง 34.8 จุด จาก 100 ในผลการสำรวจความนิยมครั้งล่าสุด

‘วรวุฒิ’ โชว์กึ๋นกูรูการตลาด เผยโอกาสของคนตัวเล็กกับธุรกิจ ‘กัญชา’ มีมูลค่ามหาศาล หากจัดการอย่างถูกต้อง เสนอตั้งสถาบันวิจัยพัฒนาอาหารเปิดทางนักวิจัยคิดค้นแปรรูปจดลิขสิทธิ์ ให้นักธุรกิจมาช็อปไปใช้รัฐได้ค่าไลเซนซ์ 

8 พ.ค. 2565 – นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้าและประธานทีมเศรษฐกิจ ในฐานะอดีตประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวบรรยาย ในงาน “มหกรรมกัญชาทางการแพทย์สุขภาพที่ 6 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จ.จันทบุรี ถึงแนวทางการทำตลาดกัญชาเพื่อคนตัวเล็ก ว่า กัญชาถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่มากต่อประเทศไทย โดยจะเห็นได้จากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กัญชามาแรงมาก บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ หากออกข่าวว่าจะทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชาหุ้นขึ้นทุกตัว ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่าตลาดคาดหวังกับธุรกิจกัญชามาก สำหรับประเทศไทยมีจุดแข็งเรื่องการผลิตอาหารและยาสมุนไพร เนื่องจากมีวัตถุดิบ ทรัพยากรมากมายทั้งผลไม้ พืชผัก อาหารการกินบ้านเราไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่เกษตรกรซึ่งมีจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของประชากรประเทศกลับยังยากจน รายได้ภาคการเกษตรเพียง 8% ทั้งที่ควรจะเป็น 35% ตามจำนวนเกษตรกรของประเทศ

อดีตประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวด้วยว่า การสร้างเศรษฐกิจให้กับ กัญชา-กัญชง หากได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง จะทำรายได้อย่างมหาศาล สิ่งที่จะต้องทำคือ ปรับจูนสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้เหมาะสมและเอื้อต่อการทำธุรกิจ ภาครัฐต้องเข้ามาสนับสนุน ตั้งแต่ระดับต้นน้ำคือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการพัฒนาเมล็ดพันธุ์และการเพาะปลูก ระดับกลางน้ำ คือ กระทรวงอุตสาหกรรม ในเรื่องการสกัดและการแปรรูปเพิ่มมูลค่า และระดับปลายน้ำคือ กระทรวงพานิชย์ ในการจัดจำหน่าย หาตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยทั้งสายน้ำ ต้องพึ่งพาข้อมูลและการวิจัยทางการตลาดอย่างเข้มข้น

“แต่ในทางการตลาด ผมมองว่า ต้องเอาปลายน้ำขึ้นมาก่อน คือเอาลูกค้าเป็นหลักว่าเป็นใคร ปริมาณความต้องการมีจำนวนเท่าไร ทั้งในและต่างประเทศ จากนั้นจึงกลับไปที่ต้นน้ำ เพื่อวางแผนการเพาะปลูก ให้สอดคล้องกับความต้องการ และถึงจะไปที่กลางน้ำคือกระทรวงอุตสาหกรรม วางแผนการแปรรูปผลผลิต ปัจจุบันการทำงานระหว่างกระทรวงยังเป็นปัญหา ด้วยระบบโครงสร้างการบริหารงานที่ไม่เอื้อ ดังนั้น ผมขอเสนอตั้งสถาบันวิจัยอาหารและยา เพื่อเปิดโอกาสให้นักวิจัยสามารถค้นค้นแปรรูปอะไรดีๆ แล้วจดลิขสิทธิ์ ผู้ผลิตรายไหนเอาผลงานไปใช้ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นต่อจำนวนการผลิต นักวิจัยก็จะรวย ไม่ใช่วิจัยเสร็จแล้วขึ้นหิ้ง ไม่มีใครเอาไปต่อยอด นายทุนไม่สนใจ แต่ถ้าเราเปิดโอกาสให้ใครก็ได้มาใช้งานวิจัยที่รัฐรวบรวมไว้ รัฐก็จะสามารถเก็บภาษีและไลเซนซ์ได้มหาศาล เรื่องแบบนี้รัฐต้องเปลี่ยนวิธีคิด และเข้าใจระบบกลไกธุรกิจหรือบิสิเนสโมเดลใหม่ ไม่ใช่เป็นระบบราชการแบบเก่าที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนา นอกจากนี้ ประเทศไทยยังควรมีนิคมอุตสาหกรรมกัญชง กัญชา ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี แลกเปลี่ยนเทคโนโลยี เหมือนที่หลายประเทศเขาทำกัน เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน” นายวรวุฒิ กล่าว

‘ตาลีบัน’ ออกกฎหมายบังคับให้ผู้หญิงอัฟกานิสถาน ต้องสวมชุด 'บุรกา' ปกคลุมร่างกายและใบหน้าให้มิดชิด เวลาออกนอกบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของผู้หญิงที่รุนแรงกว่าเดิม

ตาลีบัน ที่ปกครองอัฟกานิสถานมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ได้ออกคำสั่งให้ผู้หญิงอัฟกานิสถานต้องปกปิดร่างกายและใบหน้าของตัวเอง ด้วยการสวมชุดคลุมบุรกา ทุกครั้งที่ออกมานอกบ้าน

ไฮบาตุลเลาะห์ อัคฮุนด์ซาดา ผู้นำสูงสุดของตาลีบัน ได้ลงนามผ่านกฎหมายการแต่งกายของผู้หญิงในที่สาธารณะ ซึ่งระบุว่าผู้หญิงทุกคนต้องสวมชุดที่ปกคลุมร่างกายและใบหน้าอย่างมิดชิด จะเปิดส่วนหนึ่งของร่างกายให้คนอื่นเห็นได้ก็มีแค่ดวงตาเท่านั้น เพื่อป้องกันการยั่วยุผู้ชายคนอื่นที่ไม่ได้เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน

นอกจากนี้ รัฐบาลอัฟกานิสถานขอให้ผู้หญิงสวมชุดบุรกาสีน้ำเงิน ซึ่งถือว่าเป็นชุดตามธรรมเนียม โดยผู้ที่จะได้รับการอนุโลมให้ไม่ต้องใส่ชุดบุรกาตอนออกจากบ้านก็คือเด็กผู้หญิง ที่เด็กมากๆ หรือผู้สูงอายุ ที่มีอายุมากๆ เท่านั้น

นายกรัฐมนตรีลาว ชี้นำนโยบายรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิง สั่งตั้งบริษัทแห่งชาติแสวงหาน้ำมันจากทั่วโลกให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ ระบุชัดให้เจรจาซื้อน้ำมันราคา “ย่อมเยา” จากรัสเซียมาช่วยลดต้นทุนในประเทศ

วันที่ 6 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา อาลุนไซ สูนนะลาด รัฐมนตรี หัวหน้าห้องว่าการสำนักงานนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ได้ลงนามในหนังสือแจ้งการเลขที่ 621/หสนย. เรื่องมาตรการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน ในสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น

เนื้อหาในหนังสือระบุถึงทิศชี้นำของนายกรัฐมนตรี พันคำ วิพาวัน ซึ่งเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการเงิน ให้มีการจัดตั้งบริษัทน้ำมันแห่งชาติขึ้นเพื่อทำหน้าที่รวมศูนย์ในการแสวงหา นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ เพื่อนำมากระจายต่อให้รัฐวิสาหกิจน้ำมันเชื้อไฟลาว และบริษัทน้ำมันเอกชนภายในประเทศ เพื่อให้เกิดความคล่องตัว และสามารถตรวจสอบ ติดตามรายรับได้อย่างถูกต้องครบถ้วน

บริษัทน้ำมันแห่งชาติที่จะตั้งขึ้น มีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเป็นแกนนำ ร่วมกับกระทรวงการเงิน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

ในหนังสือยังได้ระบุข้อความชัดเจนว่า ให้บริษัทน้ำมันแห่งชาติที่จะตั้งขึ้น “เจรจาซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงราคาย่อมเยาจากประเทศรัสเซีย เพื่อช่วยลดต้นทุนการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง”

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ ที่ 8 พฤษภาคม 2565 : พุทธทาสภิกขุ

ถ้าต้องอยู่...ในฐานะที่จะหลีกเลี่ยง...กับสิ่งต่างๆ ที่ประดังกันเข้ามาไม่ได้จริงๆ
ก็จงยินดี...เผชิญหน้ากับทุกสิ่ง ด้วย ‘สติ’ และ ‘ปัญญา’

- พุทธทาสภิกขุ -

‘วันชัย สอนศิริ’ เชื่อมีมูลเหตุให้เกิดอุบัติการเมือง แนะจับตาความเคลื่อนไหวของ พรรคร่วมรัฐบาล พร้อมเย้ย ‘ฝ่ายค้าน’ ล้มรัฐบาลไม่ได้

8 พ.ค. 2565 – นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้ออุบัติเหตุทางการเมืองกับช่วงสุดท้ายของรัฐบาล โดยวิเคราะห์วา 
.
น้อยนักที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะอยู่จนครบวาระ ยิ่งช่วงปลายของรัฐบาลอะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้อุบัติเหตุทางการเมืองก็มีได้ เลือดจะไปลมจะมา ข้าราชการประจำก็ดูทิศดูลมว่าใครจะไปใครจะมา ใส่เกียร์ไม่ค่อยจะเต็มที่สักเท่าไหร่ แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันก็ดูทิศดูทางว่าครั้งหน้าใครจะมาเป็น รัฐบาล ที่จะร่วมเป็นน่ะพอได้ แต่จะให้ร่วมตายต่อไปก็คงจะไม่เอาด้วย เราจึงเคยได้ยินคำว่า “มันหมดเวลาแล้วครับนาย” หรือแยกตัวมาเป็นรัฐบาลด้วยความภูมิใจก็เคยมีมาแล้ว อุบัติเหตุบางอย่างทางการเมืองในช่วงปลายๆเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา คนที่ไม่เคยคิดจะเป็นนายกยังได้เป็นนายกรักษาการมาแล้ว อย่างพ่อของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล
.

‘ไบเดน’ ส่งอาวุธช่วยยูเครนอีก 150 ล้านดอลฯ จัดเต็มชุดใหญ่ ทั้ง ‘กระสุนปืนใหญ่-โดรน-เรดาร์’

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ อนุมัติจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครนเพิ่มเติมอีก 150 ล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ (6 พ.ค.) โดยมีทั้งกระสุนปืนใหญ่ เรดาร์ และยุทโธปกรณ์อื่นๆ ที่จะช่วยต้านทานการบุกของรัสเซีย

“วันนี้สหรัฐฯ ได้ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องแก่ชาวยูเครนผู้กล้าหาญ ซึ่งปกป้องบ้านเมืองของตนจากการรุกรานของรัสเซียที่ยังคงดำเนินอยู่” ไบเดน ระบุในคำแถลง

นับตั้งแต่สงครามปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ. สหรัฐฯ ได้ส่งมอบอาวุธให้แก่เคียฟแล้วเป็นวงเงินไม่ต่ำกว่า 3,400 ล้านดอลลาร์ โดยมีทั้งปืนใหญ่ฮาวอิตเซอร์ (howitzers) ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานแบบประทับบ่ายิง “สติงเกอร์” (Stinger) ขีปนาวุธต่อต้านรถถังเจฟลิน (Javelin) กระสุนปืนใหญ่ และล่าสุดที่เพิ่งจะมีการเปิดเผยก็คือ อากาศยานไร้คนขับที่เรียกกันว่า “โดรนนกปีศาจ” (Phoenix Ghost drones)

สำหรับแพกเกจอาวุธล่าสุดประกอบด้วยกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มม. จำนวน 25,000 ลูก เรดาร์ต่อต้านปืนใหญ่ อุปกรณ์รบกวนสัญญาณ และอะไหล่ต่างๆ รวมมูลค่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การจัดส่งอาวุธครั้งนี้เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมาย Presidential Drawdown Authority ซึ่งอนุญาตให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สามารถสั่งเคลื่อนย้ายอาวุธส่วนเกินในคลังแสงของสหรัฐฯ ได้ในกรณีฉุกเฉิน โดยไม่จำเป็นต้องขอการอนุมัติจากสภาคองเกรส

เมื่อเดือน เม.ย. ไบเดน ได้ขออนุมัติงบประมาณ 33,000 ล้านดอลลาร์ จากสภาคองเกรสเพื่อใช้ในการสนับสนุนยูเครนตลอดช่วง 5 เดือนข้างหน้า โดยกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์จะเป็นความช่วยเหลือในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์

จีนเข้ม สั่ง 'กิจการของรัฐ-บริษัทจีนใน/นอกประเทศ' เลิกใช้ PC ต่างชาติภายใน 2 ปี พร้อมหยุดซื้อเพิ่ม

นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า...

ด่วน!!

จีน สั่งให้หน่วยงานของรัฐและเอกชนจีนทั่วประเทศ ยกเลิกการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ PC จากต่างประเทศภายใน 2 ปี ซึ่งจะมีจำนวนถึง 100 ล้านเครื่อง 

หมายความว่า...

1.) นับตั้งแต่วันนี้ไป บริษัทและกิจการของรัฐในประเทศจีนหรือนอกประเทศจีนจะต้องไม่ซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ PC ของต่างประเทศอีก ซึ่งกว่า 80% เป็นของสหรัฐฯ

2.) เครื่องคอมพิวเตอร์แบบ PC ที่มีใช้อยู่จะต้องค่อยๆ ปลดระวางออกไป ก่อนกำหนด (ซึ่งปกติจะมีกำหนดปลดระวาง 5 ปี) หมายความว่าต้องปลดระวางให้หมดภายใน 2 ปี

'วิโรจน์' ลงพื้นที่บางมด ขอคะแนนเสียงโค้งสุดท้าย ชูนโยบาย 'ลอกท่อทั่วเมือง ลอกคลองทั่วกรุง' แก้น้ำท่วมขัง

เมื่อวันที่ 7 พ.ค. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่า กทม. เบอร์ 1 และนายธัญธร ธนินวัฒนาธร ผู้สมัคร ส.ก. เขตจอมทอง เบอร์ 4 พรรคก้าวไกล เดินตลาดเช้าบริเวณหมู่บ้านสินทวี บางมด ถนนพระราม 2 ซอย 43 ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ตั้งอยู่สองฝั่งถนนในหมู่บ้าน เพื่อทักทายพี่น้องประชาชน ขอคะแนนเสียงในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ 

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนมีความมั่นใจเต็มร้อยในศึกเลือกตั้ง แม้เหลือเวลาอีกประมาณ 10 วันก็ตาม โดยเมื่อค่ำวันที่ 6 พ.ค. ได้ขึ้นเวทีปราศรัย Flash Meet ครั้งที่ 4 ซึ่งจัดเป็นประจำในทุกสัปดาห์ เน้นการสื่อสารสั้น กระชับ และได้ใจความของนโยบาย เพราะตนต้องการเปลี่ยนแปลง กทม. และเร่งเปิดเมืองเพื่อกระตุ้นเศรษกิจ ความเป็นอยู่และปากท้องของคนกทม. วันนี้ก็มีพ่อค้าแม่ขายจำนวนมากในตลาด แสดงความเห็นเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งตนให้คำสัญญากับพี่น้องประชาชนว่า พร้อมเปิดเมืองเพื่อให้คนกทม.ได้ใช้ชีวิตปกติ โดยอันดับแรกจะต้องทำให้ประชาชนมั่นใจในการจัดการโรคระบาดเสียก่อนจึงจะกล้าออกมาใช้ชีวิต กล้าจับจ่ายใช้สอย เมื่อถึงวันนั้นเศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวกลับมา

'เชลซี' ยัน! ขายสโมสรให้ 'กลุ่มทุนโบห์ลี่' ปิดดีลในราคา 2.5 พันล้านปอนด์

"สิงห์บลูส์" เชลซี ยอดทีมแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยืนยันขายทีมให้กับกลุ่มทุนของท็อดด์ โบห์ลี่ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันเป็นที่เรียบร้อย รอแค่เพียงการเจรจาขั้นสุดท้ายที่คาดว่าจะจบลงในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้

ก่อนหน้านี้ โบห์ลี่ กลายเป็นเต็งหนึ่งที่จะเข้ามาเป็นเจ้าของใหม่ของ เชลซี แทนที่ของ "เสี่ยหมี" โรมัน อับราโมวิช เศรษฐีจากรัสเซีย ที่ถูกรัฐบาลสหราชอาณาจักรคว่ำบาตร ทำให้ "สิงห์บลูส์" จำเป็นต้องขายทีม

ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 เชลซี ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์สโมสรว่าพวกเขาบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มทุนของท็อดด์ โบห์ลี่ ในการเข้ามาเทคโอเวอร์ทีมอย่างเป็นทางการ

"สโมสรฟุตบอลเชลซี ขอยืนยันว่าได้มีการตกลงเงื่อนไขสำหรับกลุ่มทุนรายใหม่ นำโดย ท็อดด์ โบห์ลี่, เคลียร์เลค แคปปิทัล, มาร์ค วอลเตอร์ และฮันส์ยอร์ก วีสส์ เพื่อขอซื้อกิจการสโมสร"

“เฉลิมชัย” มั่นใจทุเรียนไทยครองแชมป์ตลาดจีนแสนล้าน

“สมาคมทุเรียนไทย” ชี้ราคาปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว “อลงกรณ์” เผยไตรมาสแรกปี 2565 ส่งออกทุเรียนเพิ่ม 42% ยืนยันไม่มีทุเรียนเน่าคาด่านจีน ติงสื่อระวังเสนอข่าวเข้าทางพ่อค้ากดราคาชาวสวน

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผยวันนี้ (7พ.ค) ว่า การส่งออกทุเรียนไทยไปจีนยังเป็นไปตามแผนปฏิบัติการผลไม้ปี 2565 มั่นใจว่าทุเรียนไทยจะครองแชมป์ตลาดจีนได้อย่างต่อเนื่องนำรายได้เข้าประเทศไม่น้อยกว่า 1.2 แสนล้าน

ทั้งนี้ได้ประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวันจากรายงานล่าสุดว่าด่านจีนเปิดดำเนินการทุกด่าน แต่บางด่านเริ่มติดขัดเพราะมีออร์เดอร์จากจีนเข้ามาอย่างต่อเนื่องจึงขอความร่วมมือภาคเอกชนเพิ่มการขนส่งทางเรือและทางรถไฟ 'จีน-ลาว' มากขึ้นตามเป้าหมายกลยุทธ์การบริหารโลจิสติกส์ของฟรุ้ทบอร์ดที่ให้เพิ่มการขนส่งทางเรือเป็น 55% ทางบก 40% ทางราง (รถไฟสายจีน-ลาว) และทางอากาศรวมกัน 5% เพื่อลดความแออัดของด่านทางบกในช่วงผลผลิตทุเรียนออกมาก ลดความเสี่ยงจากการปิดด่านเพราะโควิด-19 และเพื่อรับมือกับราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นมากส่งผลให้ค่าขนส่งเพิ่มตามไปด้วยจากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน

“จีนเป็นตลาดหลักของทุเรียนไทย ปี 2564 การส่งออกทุเรียนสดไปจีนจำนวน 875,097 ตันคิดเป็นมูลค่า 109,205 ล้านบาท ขยายตัว 68.4% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยผลไม้ไทยสามารถครองตลาดจีนมีมาร์เก็ตแชร์กว่า 40 % อันดับ 2 คือ ชีลี 15% เวียดนาม 6% อยู่อันดับ 3 ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของผลไม้ไทย แม้จะเผชิญปัญหา มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดในจีนซึ่งกระทบการขนส่งและการส่งออกเป็นระยะๆ ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ปีนี้รัฐบาลโดยฟรุ้ทบอร์ด กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์จะพยายามช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนและผู้ประกอบการล้งผู้ส่งออกในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคเพื่อทำให้ราคาทุเรียนและผลไม้ได้ราคาที่ดีและเพิ่มการส่งออกสร้างรายได้ให้ประเทศของเรามากขึ้น

สำหรับสถานการณ์ราคาทุเรียนนั้น นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ และประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาผลไม้ล่วงหน้าในคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์รายงานว่าราคาผลไม้ไทยในตลาดจีนเพิ่มขึ้น 40% ส่วนราคาในประเทศ ทางนายกสมาคมทุเรียนไทยแจ้งว่า ราคาทุเรียนดีกว่าปีที่แล้วโดยราคาหน้าล้งอยู่ที่กิโลกรัมละ 130-140 บาท ถ้าตกเกรดก็ลดลงมาตามคุณภาพ
“วันนี้ได้ตรวจสอบสถานการณ์ราคากับผู้นำเข้าของจีนรายใหญ่ที่กว่างสียืนยันว่าราคาทุเรียนไทยในตลาดจีนตอนนี้ดีกว่าปีที่แล้วแม้เริ่มเข้าช่วงที่ทุเรียนไทยเริ่มออกมามาก นอกจากนี้ได้รับรายงานจากพาณิชย์จังหวัดจันทบุรีว่า ราคาทุเรียนยังสูงอยู่ที่กิโลกรัมละ 120-150 บาทแล้วแต่เกรดและคุณภาพ

University Ranking จะเลือกเรียนตามอันดับ หรือ เลือกคิดอย่างลุ่มลึก

ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัย โดยแบ่งตามสาขาวิชาจาก QS University Ranking by Subject 2022 น่าจะช่วยให้ผู้สนใจเรื่องการจัดอันดับมหาวิทยาลัยของโลก ภายใต้ ‘การรับรู้’ คุณสมบัติ ดีกรี ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยดังๆ ในโลก ได้เปิดใจมองเห็นภาพที่แตกต่างว่า เราควรเลือกเรียน เพราะ ‘อยากรู้’ ในศาสตร์หรือสาขาที่เยี่ยมยอดแค่ไหนมากขึ้น ภายหลังจาก ‘วิทยาลัยดุริยางคศิลป์’ (College of Music) มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับการจัดอันดับเข้า Top 50 เป็นครั้งแรก

ผมกำลังหมายถึงอะไร?

การจัดอันดับมหาวิทยาลัยในโลกนั้น ใช้ตัวแปรหลายอย่าง ทั้งจำนวนสาขาวิชาที่เปิด / ความเพียบพร้อมทางเทคโนโลยี / อัตราส่วนอาจารย์และนักศึกษา / จำนวนงานวิจัย / บัณฑิตในระดับปราชญ์ชั้นสูงที่ผลิตได้ / ความหลากหลายทางเชื้อชาติ และอีกหลายมิติ นั่นจึงทำให้บรรดาสถาบันที่ทำการจัดอันดับ จึงมักจะประกาศผลการจัดอันดับที่ไม่ตรงกันเท่าไรนัก

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยในทุกประเทศทั่วโลก ที่มีมากกว่า 31,097 แห่งนั้น จะมีวิธีการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด ด้วยการประกาศอันดับที่ Top 500 หรือมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด 500 อันดับแรก และมหาวิทยาลัยที่ ไม่ติดอยู่ใน Top 10 หรือ Top 20 ก็อาจถูกมองว่า ‘ไม่ดีจริง’ ในสายตาของผู้ที่คุ้นเคยกับการจัดอันดับที่ใช้แค่หลักสิบ

อย่างไรก็ตาม จำนวนมหาวิทยาลัย 500 แห่ง ก็ถือว่าเป็นดีกรีที่ไม่เลว เพราะถือเป็นสัดส่วนราว 1.6% หากวัดจากจำนวนมหาวิทยาลัยทั่วโลกกว่า 3 หมื่นแห่ง ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจในระดับหนึ่ง

แต่ผมก็ไม่อยากให้พวกท่าน ถูกลวงด้วยเลข 500 โดยไม่ดูมวลรวมทั้งหมดของมหาวิทยาลัยที่มีอยู่ทั่วโลกนะ!!

ที่ผมว่าเช่นนั้น เพราะการจัดอันดับมหาวิทยาลัย 500 อันดับแรก ยังถือว่าเป็นสัดส่วนน้อยมาก และควรมีการขยายการจัดอันดับของมหาวิทยาลัยให้มากกว่าหลักร้อย ไปสู่อย่างน้อยก็หลักพัน เพราะในการจัดอันดับเป็นหลักร้อยนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะได้ ‘จำนวน’ มหาวิทยาลัยเข้าอันดับครบ เนื่องจากมีมหาวิทยาลัยที่ได้คะแนนเสมอกันอยู่จำนวนหนึ่ง ดังนั้นอันดับที่คะแนนเท่ากัน จะทำให้อันดับที่ตามมาหายไป เช่น อันดับ 50 มี มหาวิทยาลัยได้คะแนนเท่ากัน 10 แห่ง จะทำให้ไม่มีอันดับ 51-60 อันดับ เป็นต้น

ยิ่งไปกว่านั้น หากหันไปมอง มหาวิทยาลัยเก่าแก่ ระดับโลก และเป็นที่ยกย่องยอมรับกัน ทั้งในวงการวิชาการระดับสูง และโดยประชาคมโลกมานานหลายทศวรรษ/ศตวรรษนั้น ล้วนรักษาคะแนนรวม (Overall) จนรักษาอันดับของตนเองไว้ได้ในอันดับต้นๆ จะมีเปลี่ยนแปลงขึ้นลงบ้างเล็กน้อยในแต่ละปี ส่งผลให้อันดับที่แตกต่างนั้น ไม่ได้มหาศาล แต่ต่างกันเพียงแค่หลัก ‘ทศนิยม’ เช่น Harvard อันดับ 5 (คะแนนรวม 98), Stanford และ Cambridge อันดับ 3 ทั้งคู่ (คะแนนรวม 98.7), California Institute of Technology ในเมืองพาซาดีนา แคลิฟอร์เนีย อันดับที่ 6 (คะแนน 97.4), Imperial College ลอนดอน อันดับที่ 7 (คะแนน 97.3) หรือจากมหาวิทยาลัย ในอันดับช่วง Top 20 เช่น Nanyang Technological University (NTU) สิงคโปร์ อันดับที่ 12 (คะแนน 90.8), ส่วน University of Pennsylvania อันดับที่ 13 (คะแนน 90.7) แต่ University of Pennsylvania ที่เรียกกันสั้นๆ ว่า Penn เป็นมหาวิทยาลัยในกลุ่ม Ivy League และมีความเก่าแก่ 282 ปี ส่วน NTU แม้เปิดมาได้เพียง 40 ปี แต่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก และอยู่ในอันดับ Top 80 ตลอดมา

สังเกตได้ว่า ปัจจัยในการเลือก ไม่สามารถจะมองเพียงตัวเลขที่เรียงอันดับ 1-2-3 แบบไร้มิติได้ เพราะคะแนนที่ต่างกันเป็นจุดทศนิยม ในแต่ช่วงอันดับ ยังบ่งบอกถึงมาตรฐานสูงในระดับเดียวกันอยู่

สิ่งที่ผมกำลังจะบอก คือ หากผู้เรียน ไม่ได้ติดตามคุณภาพของสถาบัน และมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในโลก ด้วยข้อมูลเชิงลึก ก็จะยึดติดกับอันดับของมหาวิทยาลัย หรือคำบอกเล่าแบบต่อๆ กันมา กลับกันผู้ที่เรียนเก่ง หรือมีความจริงจังทางด้านวิชาการ ไม่ว่าสาขาใดก็ตาม พวกเขามักจะศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับมาตรฐานทางวิชาการของมหาวิทยาลัยต่างๆ อย่างมีมิติ มากกว่ามองแค่ Top 10, Top 50 หรือ Top 200 

ถึงกระนั้นเรื่องของอันดับ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผลต่อการประเมินคุณภาพ มันยังสำคัญ!! และสะท้อนถึงความก้าวหน้าของมิติด้านการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยนั้นๆ จนถีบตัวเข้าสู่ทำเนียบแห่งความเป็นสากล!!

อย่างการเข้าอันดับ Top 50 ของมหาวิทยาลัยมหิดล ในสาขาการแสดงทางศิลป์และดนตรี ในปี 2022 นี้ ภายใต้ QS University Ranking by Subject ก็ยืนยันถึงความก้าวหน้าของ College of Music (CMMU) หรือ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ชัดเจน เพราะหากวัดระยะเวลาเพียง 28 ปี นับจากวันสถาปนาวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ในปี 2537 แล้วนั้น CMMU ได้แสดงตัวตนให้แวดวงการศึกษาดนตรี รับรู้ได้ถึงการมีตัวตน มีเสียง และมีพลัง จนโลกได้รู้จักวิทยาลัยด้านดนตรี จากประเทศเล็กๆ และเป็นประเทศที่ประชาคมโลกจำนวนมาก มองไม่เห็นถึงความเป็นสากลทางด้าน Performing Arts นั้นต้องหันมาเหลียว!!

ทั้งนี้ หากมองอันดับ Top 10 ของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก ในสาขา Performing Arts รายชื่อสถาบันและมหาวิทยาลัย เช่น Royal College of Music (ลอนดอน), The Juilliard School (นิวยอร์ค), Royal Academy of Music (ลอนดอน), Curtis Institute of Music (ฟิลาเดลเฟีย) หรือ University of Music and Performing Arts Vienna (เวียนนา) ล้วนเป็นสถาบันทางดนตรี และการแสดง ที่อยู่ในระดับศักดิสิทธิ์ มีความขลังสูงสุด และผู้ที่จะผ่านการคัดเลือกเข้าไปเรียนในสถาบันเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นหัวกะทิ หรืออัจฉริยะทั้งสิ้น ไม่ต่างจาก หัวกะทิในสาขาแพทย์, กฎหมาย, วิศวกรรมศาสตร์, วิทยาศาสตร์, คณิตศาสตร์, สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยอันดับต้นของโลก

ส่วนในอันดับ Top 30 ของมหาวิทยาลัยที่มีความเป็นเลิศในสาขาการแสดงและดนตรี ยังเป็นสถาบันอันเก่าแก่ เช่น Royal Academy จากซาลซ์บูร์ก ออสเตรีย, สถาบันจากเดนมาร์ก, จากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, จากสวีเดน, จากมอสโก และมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ต่อด้วย Cambridge, Oxford, Yale, Columbia, UCLA มหาวิทยาลัยเหล่านี้ มีชื่อเสียงมานับร้อยปี อีกทั้งอยู่ในประเทศที่พลเมืองมีดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เยาวชนเติบโตมาด้วยโอกาสทางดนตรีและการแสดง ที่มีทั่วไป ชนชั้นกลางสืบทอดทักษะทางดนตรีให้กับลูกหลาน และทำให้เยาวชนพัฒนาทักษะจนสามารถแข่งขันเข้าเรียนในสถาบันอันมีชื่อเสียงได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top