Tuesday, 10 June 2025
WEEKEND NEWS

แบน 10 ปี! ‘ออสการ์’ ลงดาบแบน ‘วิลล์ สมิธ’ 10 ปี เซ่นปมตบหน้า ‘คริส ร็อค’ กลางเวที

รอยเตอร์รายงานว่า คณะกรรมการผู้ว่าการ Academy of Motion Picture Arts and Sciences ดำเนินการในการประชุมที่จัดขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ วิลล์ สมิธลาออกจากสถาบันล่วงหน้าเนื่องจากการแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดของเขาต่อคริส ร็อคในงานถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์

“รางวัลออสการ์ครั้งที่ 94 ตั้งใจให้เป็นการเฉลิมฉลองของบุคคลหลายคนในชุมชนของเราที่ทำงานอย่างเหลือเชื่อในปีที่ผ่านมา” David Rubin ประธานสถาบันการศึกษาและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Dawn Hudson กล่าวในแถลงการณ์

“อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาเหล่านั้นถูกบดบังด้วยพฤติกรรมที่ยอมรับไม่ได้และเป็นอันตรายที่เราเห็นคุณสมิธแสดงอยู่บนเวที”

ในแถลงการณ์ สมิธกล่าวว่า "ผมยอมรับและเคารพการตัดสินใจของ Academy" สมิธได้ออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้เพื่อขอโทษ คริส ร็อค, ผู้ผลิตรางวัลออสการ์, ผู้ได้รับการเสนอชื่อรับรางวัล และผู้ชม

นอกเหนือจากรางวัลออสการ์ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่สุดในโลกของภาพยนตร์แล้ว คณะกรรมการยังสั่งห้ามสมิธจากกิจการร่วมกรรมและโปรแกรมของสถาบัน Academy อื่นๆ ทั้งหมด ทั้งการร่วมด้วยตนเองหรือการร่วมผ่านระบบออนไลน์เป็นเวลา 10 ปี

อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มไม่ได้บอกว่าเขาจะไม่มีสิทธิ์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในช่วงเวลานั้น โดยภาพยนตร์เรื่องต่อไปของสมิธ คือภาพยนต์แอ็คชั่นตื่นเต้นเร้าใจ "Emancipation" เกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่หนีจากการเป็นทาสได้รับการปล่อยตัวในปลายปีนี้

ไม่มีข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับภาพยนตร์ Apple TV+ ตั้งแต่ สมิธก้าวขึ้นไปบนเวทีในพิธีวันที่ 27 มีนาคม หลังจากที่นักแสดงตลกคริส ร็อคเล่นมุกเกี่ยวกับการปรากฏตัวของเจดา พิงค์เก็ต สมิธ ภรรยาของวิลล์ สมิธ แล้วตบ คริส ร็อคเต็มใบหน้า

ไม่ถึงชั่วโมงต่อมา สมิธกล่าวทั้งน้ำตาบนเวทีเมื่อเขารับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากบทบาทของเขาใน "King Richard" ซึ่งรับบทเป็นบิดาของซูเปอร์สตาร์เทนนิส เซรีน่าและวีนัส วิลเลียมส์ หลังพิธีเขายังได้เต้นรำในงานปาร์ตี้หลังออสการ์ประจำปีของ Vanity Fair

Dana Harris-Bridson หัวหน้าบรรณาธิการของสื่อบันเทิงออนไลน์ IndieWire กล่าวถึงการห้ามสมิธของสถาบัน Academy ว่า "น้อยเกินไป สายเกินไป" โดยกล่าวว่า Academy ควรไล่นักแสดงออกจากพิธีที่โรงละครระหว่างการประกาศรางวัลเสียแต่เนิ่นๆ

หลังจากข้อเท็จจริง สถาบัน Academy มีทางเลือกไม่มากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสมิธลาออกก่อนที่สมาชิกภาพของเขาใน Academy จะถูกเพิกถอน เธอกล่าว

“ช่วงเวลาที่พวกเขามีคือช่วงเวลาในโรงละคร” เธอกล่าว 

ในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ ผู้นำของสถาบัน Academy กล่าวว่าพวกเขาไม่ได้กล่าวถึงสถานการณ์อย่างเพียงพอในระหว่างการออกอากาศ

"สำหรับเรื่องนี้ เราขอโทษ" พวกเขากล่าว "นี่เป็นโอกาสสำหรับเราที่จะเป็นแบบอย่างสำหรับแขกรับเชิญ ผู้ชม และครอบครัว Academy ของเราทั่วโลก และเราล้มเหลว — ไม่พร้อมสำหรับสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

INTERLINK เปิดคลังความรู้ด้านการออกแบบสายสัญญาณ เตรียมความพร้อมสู่ Smart University

คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ เปิดงานสัมมนา “Network Cabling for Smart University” มอบความรู้เพื่อการเตรียมพร้อมเรื่องการวางโครงข่ายสัญญาณมาตรฐาน และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อนำเทคโนโลยีไปปรับใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับกลุ่มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย โดยมี ดร. วิรินทร์ เมฆประดิษฐสิน กูรูผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบโครงข่ายสายสัญญาณ ร่วมบรรยายในครั้งนี้

หมีขาววิกฤติ! ‘มาตรการคว่ำบาตร’ พ่นพิษ ‘เศรษฐกิจรัสเซีย’ ดิ่งหนักสุดนับแต่สิ้นโซเวียต!

รัฐบาลสหราชอาณาจักรคาดการณ์ว่ารัสเซียกำลังมุ่งหน้าไปสู่ภาวะถดถอยที่ลึกที่สุดนับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต  โดยคาดว่าเงินรัสเซียกว่า 275,000 ล้านปอนด์ (358,520 ล้านดอลลาร์) ถูกอายัดจากการคว่ำบาตรจากนานาประเทศในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

การวิเคราะห์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ารัสเซียกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยที่ลึกที่สุดนับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต สหราชอาณาจักรประมาณการว่า 60% ของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของรัสเซียถูกระงับเนื่องจากการคว่ำบาตรระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ รัฐบาลสหราชอาณาจักรยังเพิ่มลูกสาวของวลาดิมีร์ ปูตินเข้าไปในรายการคว่ำบาตร ตามรอยรัฐบาลสหรัฐฯ โดยประกาศให้ระงับทรัพย์สินของเคเทรินา ทิโคโนวา (Katerina Tikhonova) และมาเรีย โวรอนซอฟวา (Maria Vorontsova) ลูกสาววัยผู้ใหญ่ของปูติน และเซร์เกเยฟนา วิโนคูโรวา (Sergeyevna Vinokurova) ลูกสาวของรัฐมนตรีต่างประเทศเซอร์เก ลาฟรอฟ ทั้งสามคนถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกาเมื่อต้นสัปดาห์นี้

ลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร ระบุในถ้อยแถลงว่า “มาตรการคว่ำบาตรอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนของเราส่งผลกระทบต่อกลุ่มชนชั้นนำและครอบครัวของพวกเขา ในขณะที่เศรษฐกิจของรัสเซียเสื่อมโทรมในระดับที่รัสเซียไม่เคยพบเห็นตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต”

“วิถีชีวิตที่ฟุ่มเฟือยของวงในของเครมลินจะถูกกำหนดเป้าหมายต่อไปตั้งแต่วันนี้ ในขณะที่สหราชอาณาจักรคว่ำบาตรลูกสาววัยผู้ใหญ่ของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของเขา” รัฐบาลสหราชอาณาจักรกล่าวในแถลงการณ์

Congratulations! 'แอนดรูว์ บิ๊กส์' ปลื้ม!! คว้าป.โท ศึกษาศาสตร์ ม.รามฯ การเติมเต็มอีกขั้นด้าน 'ภาษา' ของฝรั่งหัวใจไทย

ไม่นานมานี้ 'แอนดรูว์ พีตรี บิ๊กส์' ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก 'Andrew Biggs แอนดรูว์ บิ๊กส์' แสดงความรู้สึกขอบคุณจากทุกแรงใจที่ร่วมแสดงความยินดี ภายหลังคว้าปริญญาโท คณะศึกษาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงมาครอง โดยเขาได้เผยถึงประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาไทยอีกขั้นอย่างมากมาย ทั้งการเขียนเรียงความ รายงาน การวิจัย และบทเรียนที่น่าสนใจต่างๆ จากรั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหง 

พร้อมทั้งยังโพสต์ขอบคุณทุกคนที่คณะศึกษาศาสตร์ ตั้งแต่ คณาจารย์ที่ยอดเยี่ยม, เพื่อนนักเรียนร่วมคลาสทั้ง 20 คน, มิตรสหาย, ครอบครัว และเจ้าหน้าที่สถาบันฯ ที่ทำให้เขาได้สัมผัสกับความภาคภูมิใจใต้ชุดครุยของมหาวิทยาลัยรามคำแหงในครั้งนี้ หลังจากที่เคยคว้าปริญญาตรีครุศาสตรบัณฑิต เอกภาษาไทย จากมหาวิทยารามคำแหงมาแล้วก่อนหน้า

สำหรับ 'แอนดรูว์ บิ๊กส์' เป็นชาวออสเตรเลียที่มีประสบการณ์การสอนภาษาอังกฤษผ่านทางรายการวิทยุ โทรทัศน์ คอลัมน์ทางหน้าหนังสือพิมพ์ และนิตยสารในประเทศไทยมากว่า 30 ปี ภายใต้สโลแกนที่พูดบ่อยจนติดหูคนไทยอย่าง "ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว”

โควิดต้องเป็นศูนย์! 'จีน' ผนึกกำลังรอบด้าน ต้าน Omicron เจาะเซี่ยงไฮ้ ใต้นโยบาย Zero-Covid เพื่อรักษาชีวิตพลเมือง

วันนี้สื่อจีนยังคงรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 สายพันธุ์ Omicron ที่เข้ามาระบาดอย่างหนักในมหานครเซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางธุรกิจและการเงินที่สำคัญที่สุดของจีนอยู่ในขณะนี้

ล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มต่อเนื่องมากกว่า 21,000 รายต่อวันในวันนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขการติดเชื้อที่รุนแรงที่สุดของจีนนับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ครั้งแรกของโลกในเมืองอู่ฮั่นเมื่อต้นปี 2020

แต่ครั้งนี้ศูนย์กลางการระบาดเกิดที่เซี่ยงไฮ้ ที่เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน ทำให้จีนต้องล็อกดาวน์เขตย่านธุรกิจของเมืองนานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว และไล่ปูพรมตรวจเชื้อ Covid-19 ทั่วทั้งเมือง ที่สามารถตรวจได้ถึง 25 ล้านคนต่อวัน

แต่ทางการจีนนั้นยอมรับว่า เชื้อ Covid-19 สายพันธุ์ Omicron มีความท้าทายกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ที่เคยระบาดในจีน เนื่องจากความไวในการแพร่ระบาด ที่มักไม่แสดงอาการ จึงทำให้การตีวงสกัดทำได้ค่อนข้างยาก ซึ่งตอนนี้ การระบาดก็ยังคงเพิ่มสูงขึ้นจนจำนวนผู้ป่วยเริ่มเกินกำลังที่ทางโรงพยาบาลทั่วไปจะรับไหวแล้ว

นอกจากนี้ ยังเกิดปัญหาสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นเริ่มขาดแคลน ระบบขนส่งสิ่งของจำเป็นเข้าเมืองเซี่ยงไฮ้ ที่มีประชากรหนาแน่นมากกว่า 23 ล้านคนก็มีอุปสรรคอย่างมากจากมาตรการล็อกดาวน์แบบเข้มของจีน

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สื่อจีนรายงานว่า ชาวจีนยังสนับสนุนนโยบาย Zero-Covid ของรัฐบาลจีน เพราะเชื่อว่าการสกัดการระบาดให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรกจะช่วยรักษาชีวิตผู้คนได้

และตอนนี้จีนได้ผนึกสรรพกำลังส่งบุคลากรลงไปช่วยที่เซี่ยงไฮ้อย่างเร่งด่วน โดยมีรายงานข่าวว่าจีนได้ระดมแพทย์อาสา กว่า 38,000 คน จาก 15 มณฑลทั่วประเทศ เข้าไปดูแลผู้ป่วยที่เซี่ยงไฮ้แล้ว และเตรียมเปิดโรงพยาบาลสนามอีกจำนวน 60,000 เตียงได้ในไม่ช้า

ส่วนที่มณฑลเจียงซู และเจ้อเจียง ซึ่งอยู่ติดกับมหานครเซี่ยงไฮ้ จะกันพื้นที่ไว้สำหรับเป็นที่พักกักตัว และ Hospitel เสริมรวมกันอีก 60,000 ห้อง ตามมาตรการของกรมควบคุมโรคแห่งเซี่ยงไฮ้

กสทช.จับมือ สภาคนพิการฯ สร้างความรู้สู่สังคมดิจิทัลเพื่อคนพิการ และกลุ่มผู้ด้อยโอกาส

ณ หอประชุมสายลม 5021 อาคารหอประชุม สำนักงาน กสทช. จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการความร่วมมือการพัฒนาทักษะด้านความรู้ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกับการพัฒนาสู่สังคมดิจิทัล (MOU)  ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับ "สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย" และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน เพื่อเตรียมพัฒนาทักษะสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกับการพัฒนาอาชีพสู่สังคมดิจิทัล ให้กลุ่มคนพิการ ทั่วประเทศ 20,000 คน ระยะเวลา ดำเนินงาน 720 วัน 

โดย นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. / นายประทีบ ทรงลำยอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน / นายชูศักดิ์ จันทยานนท์ นายกสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยร่วมลงนาม และมี "นายสุชาติ โอวาทวรรณสกุล" อุปนายกสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน

นับเป็นงานอีกชิ้นหนึ่งที่เกิดจากความร่วมมือองค์การคนพิการระดับชาติ ที่ทำให้นโยบายDigital for All ลงถึงกลุ่มคนพิการทั่วประเทศ ทั้งนี้ สมาคมแต่ละประเภทความพิการ จะประสานและจัดอบรมคนพิการในภาคีเครือข่ายโดยการสนับสนุนหลักสูตรและแนวทางจากสถาบันวิชาการ อาทิ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นต้น

“รอง ผบ.ตร. เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุ ช่วงสงกรานต์ พร้อมโชว์แคมเปญ 7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น”

ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) พล.ต.อ.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์รอง ผบช.น. พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล. พร้อมด้วย คุณกานดา วัฒนายิ่งสมสุข ที่ปรึกษาฝ่ายการตลาด บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ผู้แทนสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.91 และ สถานีวิทยุ จส.100 ร่วมแถลงเปิด "ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตร." และเปิดแคมเปญรณรงค์อาสาตาจราจรช่วงสงกรานต์ในชื่อ “7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น” เพื่อให้ประชาชนช่วยกันเป็นอาสาตาจราจร ตรวจตราการกระทำผิดกฎจราจรและอุบัติเหตุบนท้องถนน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า สงกรานต์ปีนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งเตรียมกำลังพล กว่า 80,000 นาย อำนวยความสะดวกการจราจร และดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา และที่พักอาศัย รวมถึงการป้องปรามไม่ให้มีการฝ่าฝืนกฎหมาย ตลอดเทศกาลฯ โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ประจำจุดกวดขันวินัยจราจร 18,371 นาย จุดตรวจแอลกอฮอล์ 12,139 นาย ชุดเคลื่อนที่เร็วช่วยเหลืออุบัติเหตุ 9,670 นาย ส่วนที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สายตรวจ ธุรการ ที่ระดมกำลังเพื่อกวาดล้างอาชญากรรม และบริการประชาชนตลอดเทศกาล โดยไม่มีวันหยุดพัก สำหรับวันนี้ เป็นวันแรกที่เปิด ศูนย์อำนวยการป้องกัน และลดอุบัติเหตุทางถนนฯ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยถือปฏิบัติ ดังนี้

1) การอำนวยความสะดวกจราจรเพื่อให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย ให้ทุกหน่วยประสานเจ้าของถนนคืนพื้นผิวการจราจร เช่นจุดที่มีการก่อสร้าง ซ่อมแซมถนน เป็นเหตุให้รถชะลอตัว โดยสามารถคืนพื้นผิวได้แล้ว ทั้งหมด 418 จุดทั่วประเทศ จัดตำรวจอำนวยการจราจร ตามจุดสำคัญที่เป็นปัญหาการจราจร รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยว ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ให้มีชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมอุปกรณ์เช่น รถยก รถสไลด์ เข้าถึงที่เกิดเหตุและคลี่คลายการจราจรได้ทันที นอกจากนี้ ยังได้ออกข้อบังคับเปิดช่องทางพิเศษเพื่อเร่งระบายรถ ทั้งขาเข้าและออก กทม. รวมระยะทาง 445 กม. และข้อบังคับห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เดินในถนนบางสาย เพื่อลดความหนาแน่นการจราจร สำหรับรถบรรทุกที่มีความจำเป็นต้องเดินรถ เช่น รถขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง อาหารสด สามารถยื่นคำขออนุญาตผ่านระบบออนไลน์ ของ บก.ทล. ได้ที่ www.hwpdth.com

2) การป้องกันและลดอุบัติเหตุ ให้ทุกหน่วยทำบัญชีกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่เพื่อเข้าไปรณรงค์ประชาสัมพันธ์ป้องปรามกลุ่มเป้าหมาย ตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร 1,937 จุด จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ 1,430 จุด และชุดสายตรวจจราจรอีก 1,903 ชุด เพื่อกวดขันจับกุมการกระทำผิดกฏจราจรที่เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุเริ่มตั้งแต่ 4 เม.ย.65 เป็นต้นมา และช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น โดยทุกจังหวัดได้ตั้งค่าเป้าหมายการลดอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ต้องลดลงจากค่าเฉลี่ยสงกรานต์ 3 ปีย้อนหลัง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5

ทั้งนี้ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่ 10 – 18 เม.ย.65 กำหนดให้มีการประชุมติดตามสถานการณ์อุบัติเหตุและการจราจรทุกวัน ในช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น (12 – 18 เม.ย.65)โดยมอบหมาย พล.ต.อ.ปรีชาฯ และ พล.ต.ท.ประจวบฯ เป็นประธานการประชุมตลอด 7 วัน และวันนี้เป็นการประชุมเปิดศูนย์ฯ เพื่อสั่งการทุกหน่วยให้เตรียมความพร้อมขั้นสุดท้าย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า การจะลดอุบัติเหตุบนถนนได้อย่างมีนัยสำคัญ ต้องสร้างจิตสำนึกการขับขี่ปลอดภัยตามกฎหมายจราจรให้กับสังคม ซึ่ง ตร. ได้ทำโครงการ อาสาตาจราจร ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ บ.วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) จส.100 และ สวพ.91 เพื่อให้ประชาชนส่งคลิปกล้องหน้ารถ หรือคลิปจากกล้องโทรศัพท์มือถือ ที่บันทึกเหตุการณ์การกระทำผิดกฎจราจรสำคัญที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อบุคคลอื่น หรือบันทึกอุบัติเหตุสำคัญและสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในทางคดีของตำรวจได้เพื่อช่วยคนดีชี้คนผิดโดยมูลนิธิเมาไม่ขับจะคัดเลือกเดือนละ 10 คลิป เป็นเงินรวม 50,000 บาท ตั้งแต่เริ่มโครงการในเดือน พ.ย.64 ที่ผ่านมา มีประชาชนส่งคลิปมากว่า 100 คลิปแล้ว และสำหรับในเทศกาลสงกรานต์นี้ จะมีแคมเปญพิเศษ

“7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น” ให้ประชาชนส่งคลิปในช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้นของเทศกาลสงกรานต์ 2565 จากคลิปที่ส่งมาทั้งหมด จะมีการคัดเลือกให้เหลือ 7 คลิป และจะมีรางวัลให้คลิปละ 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 70,000 บาท โดยได้รับสนับสนุนเงินรางวัลจาก บ.วิริยะประกันภัยฯ

เปิดเบื้องลึก!! ยักยอกทรัพย์ 'วัดบวรฯ' 200 ล้าน มูลเหตุที่ 'ไวยาวัจกร' ควรพึงรับผิดชอบ

นายไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษาพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก มีรายละเอียดดังนี้...

เบื้องลึกยักยอกทรัพย์วัดบวร 200 ล้าน!!!!

1. เมื่อวานนี้ สื่อมวลชนรายงานข่าวใหญ่ที่ทำให้ตกตะลึงกัน นั่นคือข่าวการที่ตำรวจและ ปปง. เข้าทำการจับกุมและยึดทรัพย์ลูกศิษย์ของสมเด็จพระวันรัต วัดบวรในข้อหายักยอกทรัพย์ เป็นจำนวนมากถึง 200 ล้านบาท

ข่าวดังกล่าวนี้อาจทำให้กระทบต่อเกียรติคุณและความบริสุทธิ์ของเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต และอาจกระทบชื่อเสียงของวัดบวรด้วย! ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจเบื้องลึกเบื้องหลังเรื่องนี้

2. ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าจำนวนเงินที่มีการยักยอกรวมถึงทรัพย์สินหลายรายการนั้น ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้าประคุณสมเด็จ แต่เป็นทรัพย์สินของวัดที่อยู่ในความดูแลของเจ้าพระคุณสมเด็จ

ดังนั้นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเจ้าพระคุณสมเด็จไม่ได้มีทรัพย์สินส่วนตัวดังที่เป็นข่าว

3. เจ้าประคุณสมเด็จเป็นพระมหาเถระที่เคร่งในพระวินัย ไม่จับตัองเงินทอง

เงินทองทั้งหมดจะเป็นหน้าที่ของไวยาวัจกร ที่เจ้าประคุณสมเด็จมอบหมายซึ่งเป็นไปตามพระวินัย

ดังนั้นบรรดาทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องจึงอยู่ในความครอบครองดูแลจัดการของไวยาวัจกร ซึ่งก็คือผู้ต้องหาในคดีนี้

จึงควรเข้าใจในขั้นนี้ว่า ทรัพย์สินที่มีการกล่าวหาว่ายักยอกนั้น เป็นเรื่องที่ลูกศิษย์ ซึ่งเป็นไวยาวัจกรเป็นผู้ครอบครองดูแลและจัดการ! การจัดการผิดถูกเป็นเรื่องความรับผิดชอบของไวยาวัจกรนั้น!

4. จำนวนเงินที่เกี่ยวข้องเกือบทั้งหมด เป็นเรื่องเงินในการก่อสร้างศาสนสถานสำคัญแห่งหนึ่งซึ่งประคุณสมเด็จได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ทำการก่อสร้าง เพื่อประโยชน์ในพระพุทธศาสนา

การก่อสร้างนี้มีวงเงินประมาณ 80 ล้านบาท และเงินดังกล่าวก็อยู่ในความดูแลจัดการของไวยาวัจกร ซึ่งมีหน้าที่จัดการให้ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ในการก่อสร้างให้สำเร็จลุล่วง

5. นอกจากเงิน 80,000,000 บาท ดังกล่าวแล้วยังมีวงเงินอีก 2-3 ยอด ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบูรณะก่อสร้างและค่าใช้จ่ายในกิจการของวัด และอยู่ในหน้าที่ดูแลรับผิดชอบของเจ้าพระคุณสมเด็จ ซึ่งเป็นหน้าที่ของไวยาวัจกรในการครอบครองดูแลรักษาและจัดการให้เป็นไปโดยถูกต้อง
 

สถาบันพระปกเกล้า' จับมือ กกต. จัด 'มหกรรมส่งเสริมความรู้การปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข' แก่ประชาชน-เยาวชนทั่วประเทศ

ระหว่างวันที่ 2-3 เมษายน สถาบันพระปกเกล้า จัดมหกรรมส่งเสริมความรู้  'การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข' โดยมี นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน , ศาสตราจารย์วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า, นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย กรรมการการเลือกตั้งฯ นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง, รศ.ดร. ปกรณ์ ปรียากร ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง “ภารกิจการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง (Big rock 1)” พร้อมวิทยากร และผู้เข้าร่วมการอบรมจากศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง 56 จังหวัด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด และผู้แทนจากสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ปยป.) ทั่วประเทศ จับมือกันเดินหน้าเพื่อส่งต่อความรู้สู่ประชาชนทั่วประเทศ 

ศาสตราจารย์วุฒิสาร เปิดเผยว่า สถาบันพระปกเกล้า ในฐานะเป็นสถาบันวิชาการชั้นนำด้านการพัฒนาประชาธิปไตย ได้รับมอบหมายจากคณะปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สำหรับกิจกรรมปฏิรูปที่ 1 หรือ Big Rock 1 การส่งเสริมความรู้ทางการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ กิจกรรมปฏิรูปที่ 5 หรือ Big Rock 5 การปรับปรุงโครงสร้างและเนื้อหาของรัฐธรรมนูญเพื่อการปฏิรูป ภายใต้แนวคิดสำคัญเพื่อต้องการส่งเสริม เผยแพร่ความรู้ด้านการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้กับประชาชนและเยาวชน เพื่อให้ประชาชน และเยาวชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อเติบโตเป็นพลังที่เข้มแข็งของประเทศชาติและสังคมที่เท่าทันการเปลี่ยนแปลง เข้าใจวิถีวัฒนธรรมแบบไทย พร้อมเป็นพลเมืองในอนาคตที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น

'ยูเครน' เข้าควบคุม-ยึดพื้นที่ รอบกรุงเคียฟได้ทั้งหมด หลังรัสเซียถอนทหาร พิสูจน์ความจริงใจการเจรจา

กองทัพยูเครนสามารถเข้าควบคุมพื้นที่โดยรอบกรุงเคียฟเอาไว้ได้หมด หลังจากรัสเซียถอนกำลังทหารออกไป โดยสิ่งที่ปรากฎพบหลังยูเครนเข้าเคลียร์พื้นที่ คือ ร่องรอยความเสียหายและผู้เสียชีวิตจำนวนมากในเมืองเออร์ปิน, เมืองบูชา และฮอสโตเมล รวมถึงซากเครื่องบินลำใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งถูกทำลายลง

เจ้าหน้าที่รัฐบาลยูเครน แถลงว่า กองทัพยูเครนสามารถยึดคืนพื้นที่รอบกรุงเคียฟทั้งหมด หลังจากยิงต่อสู้กันอย่างดุเดือดในหลายเมืองและหลายหมู่บ้านรอบเมืองหลวงของประเทศในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ 

ขณะที่ฟากรัสเซีย ระบุว่า การถอนกำลังใกล้กรุงเคียฟนั้น เป็นการแสดงเจตจำนงในการเจรจาสันติภาพ แต่บรรดานักวิเคราะห์ชาติตะวันตกกล่าวว่า การปฏิบัติการทางทหารของพวกเขาถูกต้านทานจนหยุดชะงัก

หลังเข้าเคลียร์พื้นที่ เจ้าหน้าที่ยูเครน แถลงว่า ในเมืองเออร์ปิน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ มีพลเรือนอย่างน้อย 200 คนเสียชีวิต ตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และมีประชาชนมากกว่า 70,000 คน ที่เคยอาศัยอยู่ในเมืองนี้ พากันหลบหนีเมื่อเดือนที่แล้ว 

ส่วนเมืองบูชา ทหารยูเครนได้เคลื่อนกำลังเข้าไปยังเมืองดังกล่าวในช่วงวันหรือสองวันก่อน หลังจากที่ไม่สามารถเข้าเมืองได้เลยในระยะเวลาเกือบ 1 เดือน 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top