Monday, 9 June 2025
CRIMES

‘ตร.’ รวบ ‘โจรแสบ’ ขณะกำลังปีนบันไดลักลอบตัดสายเคเบิล หลักฐานเต็มท้ายรถ พบเคยก่อเหตุมาแล้วหลายพื้นที่

เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2566  พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน นำกำลังจับกุม นายชวลิต จิตพินิจ อายุ 37 ปี และนายโยธิน ต่างศรี อายุ 24 ปี พร้อมของกลางสายเคเบิลขนาด 200 คู่ 0.4 AP จำนวน 2 เส้น ยาว 7 เมตร และ 18 เมตร, สายเคเบิลขนาด 300 คู่ 0.4 AP จำนวน 4 เส้น ยาว 12 เมตร, 14 เมตร, 22 เมตร และ 24 เมตร, สายเคเบิลขนาด 400 คู่ 0.4 AP จำนวน 1 เส้น ยาว 17 เมตร พร้อมรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน บพ 991 สระแก้ว, คีมตัดสายไฟ และบันไดไม้ไผ่ 2 อัน

สืบเนื่องจากบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ ได้รับแจ้งว่า สัญญาณอินเทอร์เน็ต บริเวณมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ ไม่มีสัญญาณความเสถียร ใช้งานไม่ได้บ่อยครั้ง คาดว่าสาเหตุมาจากคนร้ายลักลอบตัดสายเคเบิลออกไป กระทั่งได้เบาะแสว่า มีบุคคลต้องสงสัย 2 คน แอบลักลอบตัดสายเคเบิล ภายในรั้วมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บริเวณตรงข้ามธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน

จากนั้นนายไพบูลย์ แสนสอาด ผู้จัดการศูนย์ติดตั้งและตรวจแก้ บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ พร้อมตำรวจสายตรวจ สน.บางเขน เดินทางไปตรวจสอบ พบนายโยธินกำลังปีนบันไดและตัดสายเคเบิลอยู่ ใกล้กันพบนายชวลิตนั่งอยู่ในรถกระบะ ตรวจสอบท้ายรถกระบะพบสายเคเบิลขนาดใหญ่หลายเส้นม้วนวางอยู่

‘สมอ.’ ร่วม ‘DSI’ บุกทลายโกดังเก็บสินค้าย่านบางขุนเทียน พบ ‘หม้ออบลมร้อน-ไดร์เป่าผม’ เพียบ รวมมูลค่า 7 ล้านบาท!!

(29 มี.ค. 66) นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา สมอ.ได้ประสานความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าตรวจค้นโกดังเก็บสินค้าย่านบางขุนเทียน กทม. และกระทุ่มแบน สมุทรสาคร พบสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐานกว่า 30 รายการ กว่า 23,000 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 7 ล้านบาท จึงยึดอายัดเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ DSI ได้นำทีมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจค้นโกดังเก็บสินค้าจำนวน 2 แห่ง แห่งแรกในพื้นที่ย่านบางขุนเทียน พบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นสินค้าควบคุมของ สมอ. ตาม พ.ร.บ. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 เช่น หม้อหุงข้าว ไดร์เป่าผม ที่ม้วนผม หลอดไฟ และเพาเวอร์แบงก์ ฯลฯ ไม่แสดงเครื่องหมายมาตรฐาน มอก. เเละไม่แสดงชื่อผู้รับใบอนุญาต จำนวนกว่า 2,900 ชิ้น มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท

แห่งที่ 2 เป็นโกดังเก็บสินค้าในอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร พบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เตาอบไฟฟ้า หม้ออบลมร้อน ไดร์เป่าผม ที่หนีบผม และโคมไฟ ฯลฯ กว่า 32 รายการ ไม่แสดงเครื่องหมายมาตรฐาน มอก. และไม่แสดงชื่อผู้รับใบอนุญาต จำนวนกว่า 20,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท จึงยึดอายัดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายทันที ทั้งนี้ สินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าที่ สมอ.ควบคุม หากไม่ได้มาตรฐานอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตของประชาชนได้

จากการตรวจสอบเบื้องต้นผู้ประกอบการทั้ง 2 ราย รายแรกเป็นผู้ประกอบการที่ไม่ได้รับใบอนุญาตนำเข้าจาก สมอ. และรายที่ 2 เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตนำเข้าจาก สมอ. ซึ่งทั้ง 2 รายนี้ มีความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 ต้องระวางโทษกรณีมีไว้เพื่อจำหน่ายสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และนำเข้าสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตำรวจรวบทันควัน 'ศิลปินอิสระ' กลุ่มศิลปะปลดแอก  หลังพ่นสีข้อความ 112 บนกำแพงวัดพระแก้ว

ตำรวจรวบทันควัน หนุ่มขอนแก่นเป็นศิลปินอิสระกลุ่มศิลปะปลดแอก พ่นสีข้อความ 112 บนกำแพงวัดพระแก้ว ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี เผยมักทำผิดกฎหมายหลายครั้ง แต่ยังไม่เคยถูกจับ

( 28 มี.ค.)เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 28 มี.ค. พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.สน.พระราชวัง นำกำลังสายตรวจเข้าจับกุมตัว นายศุทธวีร์ สร้อยคำ หรือบังเอิญ อายุ 24 ปี ชาว จ.ขอนแก่น โดยจับกุมตัวได้ขณะที่ผู้ต้องหา กำลังพ่นสีสเปรย์สีดำใส่รั้ว วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม.

ตำรวจ ปส.(NSB) รวบเครือข่ายยาเสพติดภาคเหนือ ยึดยาบ้ากว่า 6.7 ล้านเม็ด คีตามีน 400 กก. ก่อนกระจายช่วงเทศกาลสงกรานต์

(28 มี.ค. 66) เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ภายใต้การสั่งการอย่างเข้มข้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ (NSB) เดินหน้าทำลายเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ และรายย่อย ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร ซึ่งจะพบว่าสถานการณ์ยาเสพติดขณะนี้เครือข่ายมีความพยายามอย่างหนักในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก ล่าสุดตำรวจ ปส.(NSB) สามารถจับกุมได้ 3 เครือข่าย พร้อมของกลาง ยาบ้า 6.7 ล้านเม็ด และคีตามีน 400 กก.

โดยเครือข่ายแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปส.2 และเจ้าหน้าที่ศูนย์วิเคราะห์ข่าว ปส.2 สืบสวนทราบว่า นายสนธยา(สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติด จะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ ด้าน จ.เชียงราย มาส่งให้กับลูกค้าในภาคกลางและพื้นที่ใกล้เคียง ด้วยการส่งทางพัสดุผ่านทางบริษัทขนส่ง ในวันที่ 25 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปตรวจสอบที่บริษัทขนส่งดังกล่าว พบว่ามีพัสดุถูกสำแดงว่าเป็นน้ำผลไม้ 15 กล่อง ระบุชื่อผู้รับคือ 'เปี๊ยก' ถูกส่งมาจาก จ.เชียงราย จากการสแกนตรวจสอบกล่องพัสดุดังกล่าว พบวัตถุรูปทรงสี่เหลี่ยมวางเรียงกันภายในกล่อง ซึ่งเชื่อว่าเป็นยาเสพติด หลังจากนั้นจึงได้นำส่งพัสดุดังกล่าวไปตามที่อยู่ปลายทาง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามไปตลอดเส้นทาง เมื่อส่งพัสดุถึงปลายทาง พบนายสุริยา แจ้งว่าตนพักอาศัยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหลังดังกล่าว ให้ข้อมูลว่า นายเปี๊ยก ที่มีชื่อระบุบนกล่องพัสดุ เป็นญาติของตนที่เสียชีวิตเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงนำภาพถ่ายของนายสนธยา ให้ตรวจสอบ นายสุริยา ยืนยันว่าบุคคลในภาพถ่ายคือ นายสนธยา ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับตน เจ้าหน้าที่ตำรวจและบริษัทขนส่ง จึงร่วมกันเปิดกล่องพัสดุทั้งหมด 15 กล่อง เพื่อตรวจสอบ พบว่าเป็นคีตามีน บรรจุในลังไม้สีน้ำตาล น้ำหนักรวม 300 กก.      

ต่อมา เมื่อวันที่ 27 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 ได้ขยายผลจากการจับกุมคีตามีน 300 กก. จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมยาบ้า จำนวน 4 ล้านเม็ด โดยมีการนำยาบ้าดังกล่าว บรรจุในกล่องใส่น้ำผลไม้ เพี่อตบตาบริษัทขนส่งไปรษณีย์ว่าส่งน้ำผลไม้ไม่ใช่ยาเสพติด นำส่งพัสดุไปรษณีย์ ปลายทาง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ตำรวจ ปส.2 พร้อมด้วยตัวแทนบริษัทขนส่ง ได้ติดตามไปยังปลายทางพัสดุ และจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้า 4 ล้านเม็ด ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติม เพื่อติดตามจับกุมผู้สั่งการรายใหญ่ต่อไป

เครือข่ายที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปส.2 ตรวจสอบพบว่านายวัฒนา(สงวนนามสกุล) มีพฤติการณ์นำยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เลย ไปส่งให้กับผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง ต่อมาวันที่ 23 มี.ค.66 ตำรวจ ปส.2 ได้ติดตามรถกระบะยี่ห้อนิสสัน สีขาว ซึ่งสืบสวนทราบว่าเป็นรถที่ใช้ขนยาเสพติด ไปถึง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ก่อนพบเข้าไปจอดอยู่บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาหนองหาน ตำรวจ ปส.2 จึงได้แสดงตัวตรวจค้นรถยนต์พบยาเสพติด คีตามีน วางอยู่บริเวณตอนท้ายกระบะบรรจุอยู่ในถุงชาจีนสีเขียวซุกซ่อนอยู่ในกระสอบพลาสติกสีรุ้ง 4 กระสอบ รวม 100 กก. และตำรวจ ปส.2 อีกชุดได้ติดตามรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้ารีโว่ สีขาว และรถยนตยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้สีเทา ซึ่งเป็นรถสำรวจเส้นทาง และจับกุม นายวัฒนา (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี, นายสุภชีพ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี,นายวีรธรรม(สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี และนายทิวทอง(สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ได้ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. หรือบริษัท หนองทานออยส์ จึงแจ้งข้อหา “จำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”

ปอศ. ทลายเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์ดอกเบี้ยโหด พบเงินหมุนเวียนนับพันล้านบาท

(28 มี.ค.66) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. สั่งการ พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ต.วรวุฒิ คงรักษา, พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ มอญรัต, พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์ ,พ.ต.ต.ฉัตรดนัย ทองคลอด สว.กก.5 บก.ปอศ. นำเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.5 บก.ปอศ. กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายหลายจุด ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร, พิจิตร, สมุทรปราการ,จันทบุรี เพื่อกวาดล้างจับกุมขบวนการเงินกู้ออนไลน์เถื่อน 2 เครือข่าย ประกอบด้วย 'Burin-credit (บุรินทร์ เครดิต)' และ Memoney-Credit สินเชื่อเพื่อธุรกิจ 

จากปฏิบัติการดังกล่าวเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัว นายทศพล อายุ 29 ปี นายศักดิ์รินทร์ อายุ 29 ปี นายยุทธนา อายุ 27 ปี และ นายเกียรติศักดิ์ อายุ 21 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 893-896/2566 ลงวันที่ 24 มี.ค. 2566 ข้อหา 'ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต, เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกําหนด และร่วมกันข่มขู่หรือใช้ความรุนแรงในการทวงหนี้' พร้อมกับจับกุมกลุ่มพนักงานรับจ้างทวงหนี้ของเครือข่ายดังกล่าวในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต”อีก 7 ราย รวมถึงตรวจยึดของกลาง อาทิ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 13 เครื่อง โทรศัพท์ 38 เครื่อง ซิมการ์ดประมาณ 50 อัน เช็คค้ำประกันของลูกหนี้ 22 ใบ มูลค่ารวม 7,990,000 บาท รถยนต์หรูยี่ห้อ Mercedes Benz, BMW, TOYOTA, Hyundai ของลูกหนี้ 4 คัน

พ.ต.อ.เมฆพิศาล กล่าวว่า สำหรับปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อต้นปี 2565 ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) ได้รับแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับกลุ่มเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์นอกระบบ 'Burin-credit' มีพฤติการณ์เรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่สูง ซึ่งผู้กู้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยรายวันในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อวัน หรือ ร้อยละ 547.5 ต่อปี จนกว่าจะมีเงินต้นมาชดใช้คืน หลังรับเรื่องจึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่ามีการกระทำดังกล่าวจริง

‘ปคบ.-อย.’ บุกทลายโกดังอาหารเสริม-เครื่องสำอางปลอม พบนำเข้าจากจีน ตรวจยึดของกลางมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท!!

(24 มี.ค. 66) ที่ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ., ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติกรณีทลายโกดังเก็บผลิตภัณฑ์อาหารเสริม, ยาปลอม และเครื่องสำอางปลอม ขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ตรวจยึดของกลาง 19 รายการ รวม 6,320 กล่อง มูลค่าสินค้าปลอมกว่า 10,000,000 บาท

‘ตร.ไซเบอร์’ แจ้งความคืบหน้าคดีหลอกลงทุน ‘Turtle Farm’ ยอดความเสียหายรวม 2 พันล้าน เตือน ปปช.อย่าหลงเชื่อ

(24 มี.ค. 66) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. ขอเรียนชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ บริษัท ไมน์นิ่งมายน์ เอ็กซ์ จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัดสถานีหลักสี่ โดยนางสาวฐานวัฒน์ กับพวก รวม 9 ราย ที่ได้ร่วมกันหลอกลวงชักชวนผู้เสียหายหลายรายให้ร่วมลงทุนเพาะเห็ด ปลูกพืชกระท่อม เลี้ยงผึ้ง หรือการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อประชาชนจากภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงชักชวนประชาชนให้ร่วมลงทุน โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงในเวลาอันรวดเร็ว โดยได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนและปราบปรามการกระทำความผิด บังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง

เพื่อเป็นการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล และแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบในด้านงานป้องกันปราบปราม ได้กำชับไปยัง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดทำการสืบสวนสอบสวน ขยายผลหาความเชื่อมโยงในคดี ปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

เมื่อประมาณเดือน พ.ย. 64 - ก.ค. 65 ผู้ต้องหากับพวกได้สร้างโรงเพาะเห็ดขึ้นมาหลายโรง ในพื้นที่ จ.สกลนคร ประกาศโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมลงทุนเพาะเห็ด ปลูกต้นกระท่อม และเลี้ยงผึ้ง โดยอ้างว่าผู้ที่เข้าร่วมลงทุนจะได้ผลตอบแทนเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง โดยมีเงื่อนระยะเวลาในการลงทุน เช่น โครงการฝากเลี้ยงเห็ดเยื่อไผ่ ใช้เงินลงทุน 264,360 บาท ในเดือนที่ 3 จะได้รับเงินปันผล 108,640 บาท/เดือน หรือโครงการฝากเลี้ยงกระท่อม ใช้เงินลงทุน 275,000 บาท ในเดือนที่ 8 จะได้รับกำไร 150,000 บาท/เดือน โดยมีการสร้างความน่าเชื่อถือ โดยการทำสัญญาระหว่างผู้ร่วมลงทุนกับผู้ต้องหา มีการใช้บุคคลสำคัญ หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงมาร่วมโฆษณาชักชวน มีการสร้างภาพว่าฟาร์มดังกล่าวได้รับรางวัล ทำให้ผู้เสียหายรายหลายหลงเชื่อ และนำเงินมาร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก

ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาไม่ได้มีการดำเนินการตามที่ชักชวนแต่อย่างใด กระทั่งเมื่อถึงกำหนดผู้ต้องหากับพวกอ้างเหตุขัดข้องต่าง ๆ ไม่สามารถจ่ายเงินผลตอบแทนได้ เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเสียหายและมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย

คดีดังกล่าวพนักงานสอบสวน บก.สอท.3 ได้ดำเนินการสอบสวนสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานมาโดยตลอด ได้ขออนุมัติศาลขอออกหมายจับผู้ต้องหากับพวก รวม 9 ราย ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกง และนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ปัจจุบันสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 7 ราย อยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี 2 ราย และที่ผ่านมาสามารถทำการตรวจยึดทรัพย์สิน และอายัดเงินในบัญชีที่เกี่ยวข้องได้เป็นจำนวนมาก

ต่อมาเมื่อ 3 ต.ค. 65 พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนการสอบสวน ครั้งที่ 1 มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการ โดยมีผู้เสียหาย 119 ราย ความเสียหาย 60 ล้านบาท และเมื่อ 22 ธ.ค.65 ได้สรุปสำนวนการสอบสวน ครั้งที่ 2 มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการ มีผู้เสียหาย 1,001 ราย ความเสียหายกว่า 703 ล้านบาท ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสรุปสำนวนการสอบสวน ครั้งที่ 3 ปัจจุบันมีผู้เสียหายอีกกว่า 1,000 ราย ความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จสามารถส่งสำนวนการสอบสวนได้ภายในเดือน เม.ย. 66 เพื่อให้พนักงานอัยการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

‘วัยรุ่นกัมพูชา’ 2 แก๊ง ขับ จยย. ไล่ยิงกันกลางตลาด พ่อค้าขายผักโดนลูกหลง ‘เสียชีวิต 1 ราย’

(23 มี.ค. 66) รตท.ชัชวาล ประกอบกิจ พนักงานสอบสวน สภ.คูคต รับแจ้งว่ามีเหตุยิงกันภายในตลาดแห่งหนึ่งย่านคูคต ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย ศพฐ.1 ปทุมธานี แพทย์เวรจากโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชและอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง

ที่เกิดเหตุอยู่ภายในตลาด ใกล้เคียงโซนอาคารรถผักหลังคาแดง พบผู้เสียชีวิต 1 รายสวมเสื้อยืดคอกลมสีเทากางเกงขาสั้นสีดำ สภาพศพนอนเสียชีวิตอยู่บริเวณช่องจอดรถผู้ซื้อ ทราบชื่อต่อมานายโกวิทย์ เนตรศรีไพบูลย์ อายุ 59 ปี ชาววิหารแดง จังหวัดสระบุรี ใกล้เคียงกันพบรถจยย.ยี่ห้อฟีโน่สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จากการตรวจสอบพบว่าเป็นของผู้เสียชีวิต

ป.ป.ส. เผยยึดทรัพย์เครือข่าย ‘ทุน มิน หลัด’ กว่าพันล้าน พบ เส้นทางการเงิน ‘บ.อัลลัวร์กรุ๊ป' เชื่อมโยงนักการเมือง

ป.ป.ส.แถลงความคืบหน้ายึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดกลุ่ม ‘ทุน มิน หลัด’ ยอมรับมีเงินบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ป บางส่วนเชื่อมโยงนักการเมือง แต่ต้องตรวจพิสูจน์ว่าเกี่ยวข้องยาเสพติดหรือไม่

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วยนายนายมานพ แสงโสทร นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการส่วนตรวจสอบทรัพย์สิน สำนักงาน ปปส.กทม. ได้แถลงผลการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มนาย ทุน มิน หลัด (Tun Min Latt) และผู้เกี่ยวข้อง

นายวิชัย กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้จับกุมกลุ่มเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จำนวน 6 คดี ต่อมาได้มีขยายผลและสืบทราบว่า นายทุน มิน หลัด กับพวก เป็นผู้ร่วมกระทำความผิด จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับของศาลอาญา เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2565 ให้จับกุมนายทุน มิน หลัด พร้อมพวกรวม 6 คน พร้อมนิติบุคคล ในฐานะผู้ต้องหาอีก จำนวน 3 บริษัทในเครืออัลลัวร์กรุ๊ป ในข้อหาสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมกันจับกุมนายทุน มิน หลัด พร้อมพวกรวม 4 ราย ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้ จำนวน 2 ราย คือนายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์  หรือ เอ็ดดี้ และ นางสาวกัลยวีร์ ธีระประภาวงศ์ ภรรยา ซึ่งภายหลังการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สิน และยึดหรืออายัดทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหา และกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องไว้เพื่อตรวจสอบรวมมูลค่าประมาณ 1,398.5 ล้านบาท โดยทรัพย์สินที่มีคำสั่งยึดหรืออายัดไว้ มีทั้งทรัพย์สินประเภทที่ดิน , สิ่งปลูกสร้าง ,  เครื่องประดับ , เงินสด , เงินฝากในบัญชีธนาคาร , ยานพาหนะ , หลักทรัพย์ , เงินประกันและทรัพย์สินอื่นอีกหลายรายการ

นอกจากนี้ เลขาธิการ ป.ป.ส. มีคำสั่งอายัดบัญชีที่เกี่ยวข้อง บัญชีที่ระบุว่าเป็นบัญชีม้า รวม 111 บัญชี มูลค่าเงินที่อายัดประมาณ 163.58 ล้านบาท ซึ่งจะเรียกผู้มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่อายัดไว้ทั้งหมดมาชี้แจงต่อไป ส่วนบัญชีอื่นที่เป็นบัญชีม้าอยู่ระหว่างดำเนินการอายัด

ส่วนกรณีที่โรงแรมอัลลัวร์ในคดีนี้และทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สาย สำนักงาน ป.ป.ส.ได้ดำเนินการแจ้งคำสั่งการตรวจสอบ และยึดหรืออายัดทรัพย์สิน รวมถึงการแจ้งให้ระงับการรับเงินค่าใช้ไฟฟ้าจากบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ป (พีแอนด์อี) และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการชำระเงินในนามของบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ปฯ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สายได้รับทราบและดำเนินการตามที่ สำนักงาน ป.ป.ส. แจ้งแล้ว แต่เนื่องจากการซื้อ-ขายไฟฟ้า ระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สายกับผู้ใช้ไฟฟ้าในฝั่งจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมานั้น จะต้องทําสัญญากับบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลเมียนมา จึงจะสามารถทำการซื้อ-ขายไฟฟ้าดังกล่าวได้ ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สายได้ประสานงานไปยังประเทศเมียนมาเพื่อเร่งดำเนินการให้สัมปทานแก่บริษัทอื่น เพื่อมาทําสัญญา ซื้อ-ขายไฟฟ้าแทนบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ประหว่างรอการดำเนินการ

‘ตร.’ บุก มาบุญครอง ทลายเครือข่ายมาเฟีย ‘บาบู’ ปลอมสินค้าแบรนด์ดัง หลอกขายนักท่องเที่ยว

(22 มี.ค. 66) สืบเนื่องจากศูนย์ปรายปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปลป.ตร.) ได้รับรายงานว่า มีเครือข่ายขบวนการมาเฟียเชื้อสายอินเดียชื่อว่า ‘บาบู’ ลักลอบนำสินค้าแบรนด์เนม รองเท้า, กระเป๋า, เสื้อผ้า, นาฬิกา เลียนแบบสินค้าแบรนด์ดัง มาหลอกขายให้คนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในมาบุญครอง และย่านปทุมวัน โดยหลอกลวงว่าเป็นสินค้าหิ้ว หรือ สินค้า Outlet โดยเครือข่ายนี้ส่งของกว่า 30 ร้านค้าในบริเวณใกล้เคียง

กระทั่งเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) พร้อมชุดทำงานชุด ศปลป.ตร. ขออนุมัติหมายค้นจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ประสานสนธิกำลัง 191 ปอศ. และพื้นที่เข้าตรวจค้นห้องเช่าอเนกประสงค์ ขั้น 3 ของศูนย์การค้า เอ็มบีเค เซ็นเตอร์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top