Wednesday, 14 May 2025
NEWSFEED

‘แจ็คกี้’ ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาช่อง 3 หลังอยู่มานาน 14 ปี พร้อมขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคน ที่ให้โอกาสเป็นตัวเองในวันนี้

(20 ส.ค. 66) เรียกว่าถูกพูดถึงบนหน้าโซเชียลอยู่เสมอ สำหรับนักแสดงสาวอารมณ์ดี ‘แจ็คกี้ ชาเคอลีน มึ้นช์’ หรือที่หลายคนตั้งฉายาว่า ‘แม่น้องบอง’ แฟนละครช่องน้อยสีต่างคุ้นหน้าคุ้นตาเธอเป็นอย่างดี เพราะตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีมานี้ เธอมีผลงานละครออกมาให้ชม 20 กว่าเรื่องเลยทีเดียว แม้ว่าจะโด่งดังถึงขีดสุดในช่วงที่คนเรียกว่า แม่น้องบอง แฟนๆ ก็ยังหมั่นถามถึงผลงานละครของเจ้าตัวอยู่ตลอด

ล่าสุด ‘แจ็คกี้’ ได้ทำคลิปพาทัวร์ตึกมาลีนนท์ ในรายการ Lady Jackie EP122 พร้อมเปิดใจครั้งแรก ประเด็นที่ตนตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับช่อง 3 หลังจากอยู่บ้านหลังนี้มานานกว่า 14 ปี “วันนี้มีความลับมาบอก ใจหาย เพราะตามกระดาษคือหมดสัญญากับช่องแล้ว ตลอดระยะเวลา 14 ปีที่อยู่กับที่นี่มา ทางช่องให้อะไรเราหลายๆ อย่าง เลยตัดสินใจมาถ่ายเพื่อเป็นการปัจฉิม ระลึกถึง และขอบคุณ ตั้งใจนำพวงมาลัยมาไหว้เจ้าที่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย

ไม่ได้มาเป็นครั้งสุดท้ายนะ เรายังมีงานร่วมกัน ยังไปอ่านข่าว ยังมีละครอย่างต่อเนื่อง แค่รู้สึกหวิว เหมือนเราอยู่ด้วยสัญญากระดาษตลอด พอไม่มีก็เหมือนแอบไม่มีอะไรผูกมัด เอาจริงๆ อีพีนี้ยากที่สุด เจตนาทำคลิปนี้คืออยากมีความทรงจำเก็บไว้ในยูทูบของตัวเอง อยู่มา 14 ปีก็เหมือนบ้านของเราแล้ว พอออกมาก็ยังรู้สึกติดบ้านหลังนี้อยู่ ทำคลิปให้กลับมาดูว่าเราเกิดจากบ้านหลังนี้นะ

ครั้งแรกที่เข้ามาจาก อาปิ่น ณัฏฐนันท์ ค่ายทีวีซีนในเครือช่อง 3 เราก็จะมีความผูกพันกับช่อง ทุกครั้งที่ถ่ายละคร มีการโปรโมตต่างๆ ก็ต้องมาที่ช่องนี้ มันก็เป็นการตัดสินใจที่ยากและลำบาก ขอบคุณผู้ใหญ่ทางช่องที่ดูแลเราดีมาตลอด จนถึงวันนี้ที่เราตัดสินใจกันว่าจะไม่ต่อสัญญา เขาก็น่ารักกับเรามาก เราตัดสินใจและพยายามร่วมกันอย่างดีที่สุด เมื่อผลออกมาแบบนี้ก็ต้องยอมรับ ไม่ใช่ว่าออกมาคนเดียว แล้วผู้ใหญ่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย พี่ๆ หลายคนทำให้ฉันโตมาเป็นฉัน สอนฉันทุกเรื่อง และขอบคุณพี่ๆ พนักงานทุกคน เราอยู่กันแบบครอบครัวจริงๆ ขอบคุณทุกคนจากใจจริงค่ะ”

‘เต้ย จรินทร์พร’ คว้ารางวัล Global Star Media Awards สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากละครน้ำดี ‘มาตาลดา’

(20 ส.ค. 66) ละครน้ำดีแห่งปี ‘มาตาลดา’ ที่ตอนนี้ลงจอไปแล้ว แต่ก็ยังถูกพูดถึงเสมอ มีแฟนคลับตามดูย้อนหลัง และดูกันซ้ำๆ อยู่หลายรอบ ส่งผลให้ล่าสุด ละคร ‘มาตาลดา’ ได้คว้ารางวัล Global Star Media Awards โดย ‘เต้ย จรินทร์พร’ คว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม และ ‘เจมส์ จิรายุ’ คว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ส่วน ‘ชาย ชาตโยดม’ คว้ารางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยม

โดย ‘เต้ย จรินทร์พร’ ได้โพสต์ภาพสุดประทับใจ พร้อมเขียนข้อความว่า "Thank you so so much for the awards! มีคนรัก #มาตาลดา เต็มเลย :) เต้ยดีใจที่มีโอกาสได้เป็นคนที่ถ่ายทอดตัวละครที่ชื่อ มาตาลดา นะคะ รักมากเลย ปล. รางวัลของเป็นหนึ่งอยู่กับมาตา ส่วนของพ่อเกรซอยู่กับน้าจ๋านะคะ

‘น้ำตาล ชลิตา’ ชี้!! 5 ตัวเต็ง ชิงมง MUT 2023 ชาวเน็ตเตรียมจับตา หลังปีที่แล้วเคาะแม่นมาก

(20 ส.ค. 66) เรียกได้ว่าฤดูกาลประกวด ‘มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023’ (Miss Universe Thailand 2023) ใกล้จะได้รู้ผลทีไร ก็ทำเอาแฟนคลับนางงามพากันลุ้นตัวโก่งทุกที ว่าใครจะคว้ามงกุฎและเป็นตัวแทนไปแข่ง ‘มิสยูนิเวิร์ส’ ต่อไป ด้านนางงามรุ่นพี่อย่าง ‘น้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์’ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 ก็ได้ออกมาวิเคราะห์ถึงผู้ชนะ เนื่องจากหลังปีที่แล้ว เธอเคาะได้อย่างแม่นยำอย่างกับตาเห็น ทำเอาแฟนนางงามต่างนับถือไปตาม ๆ กัน

โดยล่าสุด ‘สาวน้ำตาล’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอแบบสับ ๆ ว่า 'ฟังนะ หลังดูพรีลิมฯ จบ แอนโทจับมือกับเจสซี่จบ ไม่รับทัวร์ค่ะ บาย'

เท่านั้นยังไม่พอ ‘น้ำตาล’ ยังได้โพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กเป็นชื่อผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 จำนวน 5 คน โดยเรียงลำดับคือ 'แอนโท, เจสซี่, วีนา, เจนนี่, นลิน' ทำเอาหลายคนต่างสงสัยว่าเป็นการวิเคราะห์ถึงลำดับนางงาม TOP5 หรือเปล่า

‘เอ ศุภชัย’ ไม่แปลกใจ ‘อั้ม’ ได้ค่าสัญญา 20 ล้าน เหมาะสมกับความทุ่มเทและตั้งใจทำงานมาโดยตลอด

เมื่อวานนี้ (19 ส.ค. 66) จากกระแสทำละครเรื่องใหม่และประเด็นเรื่องค่าตัวของ ‘อั้ม พัชราภา’ ล่าสุดผู้จัดการดาราดัง ‘เอ ศุภชัย’ ที่มางานเปิดตัวเด็กปั้นใหม่ในสังกัดตัวเอง ที่สตูดิโอ โคริเน็ตเวิร์ค จากนั้นเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการสร้างละครเรื่องใหม่ หลังก่อนหน้านี้เจ็บตัวกับเรื่องแม่เบี้ย ขาดทุนไป 25 ล้านบาทว่า ละครเรื่อง เสน่ห์นาง ตั้งใจทำมาก มีการบทอ่านครบด้วยตัวเอง และจากประสบการณ์จากที่ขาดทุนไปหลายล้านทำให้ตอนนี้ต้องระมัดระวังควบคุมงบการทำงานมากขึ้น

“ต้องแยกซีนเอง นั่งแยกโลเคชั่นเอง คิดคอสตูมเอง นั่งคำนวณว่าถ้าขนาดนี้ ซีจีจะขนาดไหนเพราะเรื่องเบี้ยซีจีมาแค่งูแต่เรื่องใหม่มีทั้งแมงมุมทั้งงู ตะขาบ มีทุกอย่าง พี่เลย นั่งเกาหัวอยู่ค่ะว่าจะทำยังไงดีให้มันเซฟเงินมากที่สุด ที่ขาดทุนน้อยที่สุด แต่ก็ต้องขาดทุนแต่ไม่เป็นไรอยากให้ทุกคนได้เห็นสิ่งที่ดีที่สุด”

กับเรื่องแม่เบี้ย เอ ถือคติว่า เสียชื่อไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ ซึ่งที่เสียไปกว่า 25 ล้าน ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดาย เพราะเหมือนเป็นการให้รางวัลกับคนดู

“เพราะถ้าไม่มีคนดูในวันนี้ พี่เอก็เป็นพี่เอที่ทุกคนชื่นชมไม่ได้ เพราะอย่างงั้นเป็นรางวัลให้คนดูเขาได้ดูหนังที่ผู้จัดทุ่มสุดตัวสุดใจ”

ส่วนเรื่องนักแสดงที่เคยอ้อน ‘อั้ม พัชราภา’ ให้มาเล่นนั้น เอเผยถึงเหตุผลที่อยากร่วมงานกับอั้มว่า “พี่เอก็คิดเหมือนกันว่าทำไมรอพี่อั้ม พี่เอก็คิดว่าทำไมพี่อั้มเล่นของคนอื่นได้แต่ทำไมไม่มาเล่นของพี่เอสักเรื่อง แค่นี้เองค่ะ (ยิ้ม) แล้วพี่เอก็ไม่รู้ว่าพี่เอจะทำละครอีกกี่เรื่อง เหมือนกับไม่รู้ว่าเรื่องอาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายของพี่เอหรือเปล่า พี่เอก็ยังไม่รู้ พี่เอก็อยากได้คนที่พี่เอรักมากๆ มาอยู่กับพี่เอ อาจจะอยู่กันแล้วทะเลาะกันบ้างหรืออะไรกันบ้างแต่พี่เอว่าเราได้อยู่ด้วยกัน”

กับเรื่องค่าตัวหลายคนมองว่าต้องสู้ เอ ยอมรับว่าไม่ได้หนักใจ พร้อมหัวเราะก่อนจะบอก “ขอให้เขาเล่นก็พอ (หัวเราะ) ค่าตัวช่องจ่าย (หัวเราะ)”

ส่วนประเด็นเรื่องข่าวค่าตัว ‘อั้ม พัชราภา’ ที่ช่อง 7 ให้ปีละ 20 ล้าน ในฐานะที่เอเป็นผู้จัดการ ก็บอกว่า ไม่ทราบรายละเอียด เพราะอั้มรับตรง “ได้ฟังครั้งแรกก็อยากส่วนแบ่งเลยเนี่ย (หัวเราะ) อยากได้ส่วนแบ่งเอามาทำละครเลย (หัวเราะ)”

พร้อมบอกอีกว่า “อยากให้พี่อั้มได้เยอะๆ เพราะพี่อั้มตั้งใจทำทุกอาชีพทุกหน้าที่ พี่เอว่ามันก็ไม่ได้แปลกเลย เพราะพี่อั้มอยู่ช่อง 7 มานานมากแล้วก็รักในความเป็นนางเอกช่อง 7 ไม่ไปไหน พี่ว่ากับความเป็นแบบนี้ถ้าเป็นบริษัทพี่เอก็ให้แบบนี้เหมือนกัน”

ขณะที่เรื่องของ ‘ปู ไปรยา’ ประกาศข่าวดีเป็นว่าที่เจ้าสาวไปแล้ว กับเอผู้เป็นคนพาปูเข้ามาวงการก็บอกว่ารู้สึกดีใจมากที่เห็นปูมีความสุข พร้อมเล่าว่าโมเมนต์ได้เจอกันอีกครั้งก็ได้ไปถึงกอดกันรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล

“จากตอนเด็กๆ ที่เขาอายุ 15-16 เราขวางคนโน้นขวางคนนี้ แล้วสุดท้ายคนที่หาผู้ชายมาให้ก็คือแม่ที่แนะนำให้รู้จัก พี่เอไม่ต้องโดนน้องปูทำโทษแล้วนะ เพราะว่าจากวันนึงที่เคยขวางแต่วันนี้แม่ก็เป็นคนแนะนำให้ น้องปูต้องให้อภัยพวกพี่สมัยตอนเด็กๆ ที่ขวางปูไม่ให้คุยกับคนโน้นคนนี้ คือเวลาและจังหวะตอนนั้นมันยังไม่เหมาะสม เราเป็นผู้ใหญ่เราก็เห็นว่ามันไม่เหมาะสมแต่ตอนนี้วัยและเวลาทุกอย่างมันลงตัวมากแล้ว และเห็นแววตาน้องปูที่มีความสุข เวลาเขาพูดถึงคนของเขาเนี่ยหนูนอนหลับสบายมากเลย หนูไม่ต้องเครียดไม่ต้องคิดว่าเขาไปหาคนอื่น เราเห็นแววตาในคำพูดของเขาแล้วเรารู้สึกดีใจที่เป็นความสุขจริงๆ ไม่ต้องเป็นความสุขที่ต้องวิ่งตามหาแต่เป็นความสุขที่นอนรอแล้วมาเลย”

เมื่อถามว่าย้อนกลับไป ‘ปู ไปรยา’ เป็นเด็กดื้อไหม เอ ก็เล่าว่า “ตอนเด็กๆ ทุกคนก็เป็นแบบนี้กันหมดแหละค่ะ พี่เอก็ดื้อ (ปูก็สร้างตำนานหลายอย่าง?) โอ๊ย ทุกอย่าง ถ้าวันนั้นถ้าใครดูคลิปในไอจีสตอรี่พี่เอ นางก็เล่ามาตั้งแต่สมัยที่ไปกองขึ้นรถหนีกลับบ้าน แล้วพี่เอบอก เอาไว้ในรถตู้ ปิดประตูเดี๋ยวนี้ อย่าให้หนีกลับ ตอนนี้เวลาเรามานั่งเล่าเราก็หัวเราะจากวันนึงที่เราเจอเหตุการณ์เราก็ร้องไห้วันนี้เราหัวเราะแล้ว ทุกอย่างมันผ่านมาแล้วทุกคนก็เป็นแบบนี้หมด ผ่านวัยเด็กวัยที่เอาแต่ใจตัวเอง แล้ววันนึงเราเป็นผู้ใหญ่ พี่ก็เลยบอกว่าคนบางคนเราไม่ต้องไปสอนหรอกอย่างโน้นอย่างนี้ เวลาเขาโตเขาเจออะไรเยอะๆ เดี๋ยวเขาก็กลับบ้านมาหาแม่เชิญแม่ไปงานแต่ง ก็ดีใจค่ะ”

‘กระแต’ โชว์พลังเสียง-ลีลาการเต้น บนเวที ‘MUT 2023’ รอบพรีลิม ถูกใจแฟนนางงามขนาดหนัก!! ถึงขั้นยกให้เป็นศิลปินคุณภาพตัวจริง

เมื่อวานนี้ (19 ส.ค.66) เปิดฉาก Miss Universe Thailand 2023 อย่างเป็นทางการ ในรอบรันเวย์ ‘Preliminary Competition’ ลุกเป็นไฟกับการนำเข้าโชว์ด้วยสาวงามรุ่นพี่ ‘แอนนา เสืองามเอี่ยม’ Miss Universe Thailand 2022 เพื่อต้อนรับโชว์เปิดอย่างเป็นทางการของศิลปินสาวแซ่บสายแดนซ์ ‘กระแต อาร์สยาม’ และ ทีม Kathy Cosmetic เสริมทัพความปังในรอบ Swimsuits Preliminary ด้วย 53 สาวงามในชุดว่ายน้ำที่ออกแบบเป็นครั้งแรกภายใต้แบรนด์ Kathy

นอกจากการปรากฏตัวของเหล่าสาวงามจะถูกใจแฟนนางงามแล้ว การแสดงของศิลปินสาวคนนี้กับเวทีนางงามระดับโลกครั้งแรกอย่าง ‘กระแต อาร์สยาม’ ก็สร้างมนต์สะกดไม่แพ้กัน เพราะหลังจากที่โชว์ของเธอได้สะท้อนสู่สายตาแฟนนางงาม MUT 2023 ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พร้อมมอบมงสาม ปักหมุดโหวตให้ส่งศิลปินคนนี้เข้าประกวดเลยทีเดียว

เปิดตัวมาในลุคที่สวยจับใจ ทั้งคอสตูมแต่ละชุดสุดอลังการ และท่วงท่าการเต้นที่แรงดีไม่มีแผ่ว โดยเฉพาะท่าเต้นฉีกขาผ่ากลาง ก่อนลุกขึ้นมาร้องเพลงอย่างสง่างาม ที่สำคัญ คือ น้ำเสียงไม่มีแผ่ว โชว์พลังเสียงคุณภาพ จนกูรูนางงามหลายคนต่างกล่าวชมว่า นี่คือศิลปินคุณภาพตัวจริง

นี่เป็นเพียงรอบแรกเท่านั้น เพราะในรอบชุดราตรี Evening Gown ‘กระแต อาร์สยาม’ เปลี่ยนโหมดเป็นความสวยทรงพลัง ส่งให้ 53 สาวงามที่เดินโชว์ในชุดราตรีตรึงคนดูทั้งในฮอล์และทางบ้านได้อยู่หมัด ก่อนจะเปิดตัวมงกุฎจาก Mouawad โดย ‘แอนนา เสืองามเอี่ยม’ Miss Universe Thailand 2022

‘ตูน บอดี้สแลม’ งดรับงาน 1 เดือน หลังเข้ารับการผ่าตัดครั้งใหญ่ จากโรค ‘หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท’ ที่บริเวณคอ

(20 ส.ค.66) แฟน ๆ เป็นห่วงอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากที่ ‘จีนี่ เรคคอร์ด’ ซึ่งเป็นต้นสังกัดของนักร้องหนุ่มชื่อดัง ‘ตูน บอดี้สแลม’ หรือ ‘อาทิวราห์ คงมาลัย’ ได้ออกประกาศว่า

ตอนนี้ตูนได้เข้ารับการผ่าตัดโรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทที่บริเวณคอ ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งผลออกมาเป็นที่เรียบร้อยดี และต้องพักรักษาตัวเป็นเวลา 1 เดือนตามคำสั่งแพทย์ ซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถทำการแสดงในช่วงเวลาดังกล่าวได้ ขณะที่แฟนเพจบอดี้สแลม ก็ได้แชร์ประกาศดังกล่าวด้วย ท่ามกลางกำลังใจจากแฟน ๆ ที่ขอให้พี่ตูนหายป่วยในเร็ววันจำนวนมาก

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างประภาคาร เกาะสีชัง

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างอัษฎางค์ประภาคารขึ้นเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2434 เพื่อใช้ส่องสัญญาณไฟนำทางให้แก่เรือต่าง ๆ ที่ออกเรือประมงตกปลา ตกหมึกในยามค่ำคืน เนื่องจากทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะสีชังมีศิลาสัมปะยื้อกีดขวางเส้นทางเดินเรือ และอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่เรือประมงที่แล่นเข้า - ออก

บริเวณประภาคารมีเรือนให้คนรักษาประภาคารอยู่ทำหน้าที่ประจำ 1 หลังและเนื่องจากอัษฎางค์ประภาคารตั้งอยู่บริเวณส่วนปลายสุดของ ‘แหลมวัง’ ชาวบ้านบนเกาะสีชังจึงนิยมเรียกประภาคารแห่งนี้ในอีกชื่อหนึ่งว่า ‘ประภาคารแหลมวัง’ แต่ในปัจจุบันได้มีการสร้างประภาคารขึ้นใหม่ใกล้กับท่าเรือ เทวงษ์ (ท่าล่าง) ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะสีชัง อัษฎางค์ประภาคารจึงกลายเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่นักท่องเที่ยวนิยมอีกแห่งหนึ่ง

ต่อมาตัวประภาคารหินสัมปะยื้อ และบ้านพักของเจ้าหน้าที่ได้ชำรุดทรุดโทรมมาก และประกอบกับการคมนาคมไม่สะดวก ดังนั้น จึงได้ทำการบูรณะซ่อมแซมตัวประภาคารใหม่ และได้ย้ายบ้านพักของเจ้าหน้าที่ประภาคารไปตั้งอยู่บนเกาะขามใหญ่ (ตรงข้ามเกาะสีชัง) เมื่อ พ.ศ. 2512 มาจนถึงทุกวันนี้ สำหรับตัวเรือนตะเกียงที่ติดตั้งบนประภาคาร ได้ทำการเปลี่ยนแปลงจากระบบน้ำมันก๊าด มาใช้เป็นระบบตะเกียงก๊าซอเซทีลีน เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2471 และต่อมาได้เปลี่ยนแปลงมาใช้ตะเกียงระบบพลังงานแสงอาทิตย์ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2534


 

‘ลิซ่า BLACKPINK’ ดีใจจนยิ้มไม่หุบ!! หลังบลิ๊งค์ให้ยาดมแพ็กใหญ่กลางคอนเสิร์ต

(19 ส.ค. 66) การเดินทางทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกของ 4 ซุปเปอร์สตาร์สาวระดับโลกอย่าง BLACKPINK เตรียมปิดฉากการเดินทางอันยาวนาน 11 เดือนตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา จัดแสดงคอนเสิร์ตกว่า 22 ประเทศและมากกว่า 60 รอบ ด้วยคอนเสิร์ต ‘BLACKPINK WORLD TOUR [BORN PINK] FINALE IN SEOUL’ กรุงโซล เกาหลีใต้ พร้อมเปิดรอบออนไลน์อีกด้วย

ในปัจจุบันทั้ง 4 สาวกำลังเดินหน้าตามตารางทัวร์คอนเสิร์ตในรัฐต่าง ๆ ของสหรัฐอเมริกา เมื่อ 18 ส.ค. ที่ผ่านมาแสดงคอนเสิร์ตที่ลาสเวกัส ทำแฮชแท็ก #BORNPINKinALLEGIANTSTADIUM #BORNPINKinVegas ติดเทรนด์ทั่วโลก ภายในคอนเสิร์ตเต็มไปด้วยบรรยาอากาศสุดฮอต ร้อนแรงยิ่งกว่าแดด แทบจะไฟท่วมกันเลยทีเดียว

ก่อนจะมีคลิปวิดีโอไวรัลของสาว ‘ลิซ่า BLACKPINK’ หรือ ‘ลลิษา มโนบาล’ ที่แสดงอาการดีอกดีใจ ยิ้มกว้างบนเวทีในรอบซาวด์เช็ก หลังบลิ๊งค์คนหนึ่งพยายามที่มอบของขวัญให้ลิซ่า ซึ่งของขวัญที่ทำให้สาวลิซ่าดีใจได้ขนาดนี้ ไม่ใช่ขนม, กระเป๋า, เครื่องประดับ หรือเสื้อผ้า แต่เป็น ‘ยาดมสมุนไพร’ ที่มีมาให้ถึง 1 แพ็ก ราว 12 ชิ้นเลยทีเดียว!!

งานนี้ เจ้าตัวเดินอวดเพื่อน ๆ ในวงเพียบ ทำสาวโรซ่าแซวว่า “โอโห้ ยาดมเยอะมาก”

ทั้งนี้ เมื่อวันครบรอบการเดบิวต์ 7 ปี วง BLACKPINK ลิซ่าได้ออกมาไลฟ์สดครั้งแรก พร้อมเผยเป็นภาษาไทยว่า…

“ขอบคุณพี่บลิ๊งค์ทุกๆ คนนะคะ ขอบคุณที่คอยเป็นกำลังใจตลอด ช่วงนี้ทัวร์คอนเสิร์ตด้วย คือ ไม่ว่าจะไปประเทศไหนก็ตาม ก็จะมีป้ายภาษาไทยอยู่ทุกประเทศ หนูรู้สึกว่า พอเห็นก็ชื่นใจ”

“คือดีใจอยู่แล้วที่ได้เจอบลิ๊งค์ทุกๆประเทศ แต่บางทีตอนอยู่บนเวทีเอนเนอร์จี้เรายังไม่มา แต่พอเห็นป้ายภาษาไทยทุกประเทศ ก็ฮึดสู้ และไม่ว่าจะไปประเทศไทย บลิ๊งค์ทุกประเทศจะเอนจอยมากๆ” ลิซ่า กล่าว

‘ใหม่ สุคนธวา’ เดือด!! ถูกเพจเล่นข่าวแพ้ท้อง อยากกินของแปลก โยงเป็น ‘ร่างทรงครูกายแก้ว’ จนโดนทัวร์ลง ยัน!! เอาเรื่องให้ถึงที่สุด

เดือดไม่ไหว!! คุณแม่ลูกสอง ใหม่ สุคนธวา เกิดนิมิตร เจอเพจมั่วโยงข่าวที่ตัวเองเคยแพ้ท้องลูกคนแรกแล้วอยากกินอะไรแปลกๆ มาผสมกับข่าวที่เป็นกระแสเรื่องการฆ่าหมาและแมวบูชายัญ ‘ครูกายแก้ว’ ที่คนกำลังแห่กราบไหว้กันอยู่ในเวลานี้

ล่าสุด ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ ต่อสายตรงสอบถามถึงเรื่องที่ออกมาโพสต์เดือด งานนี้ สาวใหม่ จัดหนัก ยืนยันเอาเรื่องเพจที่ลงข่าวถึงที่สุด หลังทำทัวร์ลงคนมาด่าโดยที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด โดยบอกว่า…

“ตอนแรกก็ไม่ได้เดือดนะ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย งงๆ อยู่ จนมีแฟนคลับคนหนึ่งแท็กมาให้แล้วก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้นมันคืออะไร เราเลยกดเข้าไปดูอ้าว! มันเป็นเพจหนึ่งที่ชื่อว่า ‘น้องง’ ซึ่งมีคนติดตามเยอะมาก แล้วเขาก็เอารูปและข่าวเก่าที่เราเคยสัมภาษณ์กับไนน์เอ็นเตอร์เทนไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้วมาลง เขียนแคปชัน “ร่างทรงครูกายแก้วประทับ” บอกเลยว่างงมาก ตกใจ และโกรธมาก

แต่เราอยากจะแยกเป็น 2 ประเด็นก่อน ประเด็นแรกคือ ตอนนี้คนเข้าใจผิดคิดว่าเราโกรธนักข่าวไนน์เอ็น หรือว่าด่านักข่าวไนน์เอ็น ซึ่งไม่ใช่ แต่ที่เราโกรธคือเพจที่ชื่อว่า น้องง ที่เขียนแคปชันว่า “ร่างทรงครูกายแก้วประทับ” แต่ดันเอาข่าวของไนน์เอ็นที่เราเคยให้สัมภาษณ์ มาผสมกันกับกระแสตอนนี้ คนเลยเข้าใจผิดจนทัวร์ไปลงไนน์เอ็น ซึ่งอันนี้ก็ต้องขอโทษแทนแฟนคลับที่เขารักเราเลยโมโหแทนเรา”

“ประเด็นที่ 2 คือจุดประสงค์ของเพจนั้นต้องการเรียกยอดแชร์ ยอดไลก์ และยอดเมนต์ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จมาก เขาเอากระแสในตอนนี้ให้มันมาเป็นข่าวเก่าของใหม่ ให้เกิดข่าวใหม่เกิดขึ้นมา มันก็เก่งเนาะ ใหม่ยอมรับว่าเคยให้สัมภาษณ์ไปแบบนั้นจริง นักข่าวถามว่าใหม่แพ้ท้องอ่ะแพ้อะไร ใหม่ก็พูดตามปกติ พูดเลยนะที่ใหม่อยากกินหมาหรืออะไรอย่างเนี้ยมันเบสิกมาก คนแพ้ท้องเขาจะแพ้อะไรที่อยู่ดีๆ เราไม่เคยกินมันจะอยากกินขึ้นมา บางคนอยากกินดิน หิน ทราย ยางรถยนต์ ตุ๊กแก จิ้งจก ซึ่งกลุ่มคนแพ้ท้องจะรู้กัน

แต่ต้องแยกแยะนะ พูดเนี่ยไม่ได้กินจริง มันเป็นอารมณ์มันเขี้ยวหมั่นไส้น้องหมาเรามากกว่า แบบอยากขยำอยากกินอะไรอย่างเนี้ย แต่ไม่ได้กิน มาดูที่บ้านได้ชิวาวา 3 ตัวยังอยู่เท่าเดิม ใครจะไปกินชิวาวา มันน่ารักแบ๊วขนาดนั้น มันเป็นไปไม่ได้ และมีสิตพอที่จะไม่กินหมา คนท้องไม่ได้คนบ้า คนท้องไม่ได้ประสาท คนท้องไม่ได้ผิดปกติทางด้านจิตใจ อันนี้โกรธนะ”

“แล้วก็เลยงงว่าทำไมหวยมาออกที่เราได้ไง ซึ่งมันก็มีแว้บนึงที่คิดนะ เอ๊ะ!! หรือว่าเราไปทำอะไรลบหลู่ดูถูกเหยียดหยามโดยไม่ตั้งใจหรือเปล่า แล้วท่านหรือครูกายแก้วมาลงโทษเราให้ทัวร์มาลงให้เป็นข่าวแบบนี้หรือเปล่า ทั้งที่ใหม่ไม่เคยลบหลู่หรืออะไรกับคนที่ศรัทธาท่านอยู่แล้ว” ใหม่ สุคนธวา กล่าว

ผลกระทบตอนนี้คือกลายเป็นคนกลัวเรา?
ใหม่ : “ใช่… คนกลัว ตอนนี้เหมือนคนกลัว เรามีของ เรามีองค์ เราเป็นครูกายแก้ว เรากินหมา บอกเลยไม่ได้เป็นปอบ

ทางเพจนั้นได้ติดต่อมาขอโทษไหม?
ใหม่ : “ไม่มี แต่ใหม่ติดต่อไป ไปด่าเลย บอกว่าลบเดี๋ยวนี้เลยนะ ทางนั้นก็แบบแม่… ขอโทษ หนูชอบแม่มาก แม่สวยมาก หนูไม่ได้ตั้งใจ หนูจน แม่อย่าเอาเรื่องอะไรหนูเลย เราก็เลยบอกไปว่าไม่รับคำขอโทษ แล้วก็จะเอาคำขอโทษเป็นเงินด้วย ถ้าคนที่ติดตามผลงานเราหรือชอบเราจริงอย่างที่ปากพูด เขาคงไม่ทำร้ายเราด้วยข่าวหรือแคปชันแบบนี้หรอก ยืนยันว่าฟ้องเพจแน่นอน ส่วนคนที่คอมเมนต์ก็นั่งไล่แคปอยู่เหมือนกัน”

“ถ้าคนรักใหม่จริงๆ อยากให้ติดตามใหม่ทางช่องทางของใหม่เท่านั้น จะได้รู้นิสัยที่แท้จริงของใหม่ว่าเป็นยังไง ไม่ใช่ไปเชื่อในสิ่งที่คนคนหนึ่งเขียนแคปชัน แล้วก็มาด่าใหม่เป็นพันอ่ะ ด่าแรงด้วย อินี่มันบ้า ป่วย โรคจิต กินหมา คือด่างงอ่ะ บอกเลยคนด่าเยอะ เหมือนใหม่เป็นปอบอ่ะ” ใหม่ สุคนธวา กล่าวทิ้งท้าย

‘อุ้ม ลักขณา’ เคลียร์ชัด!! เซ็นใบหย่า ‘บอล กฤษณะ’ แล้ว เตรียมย้ายกลับกรุงเทพฯ ต่อจากนี้ขอทุกอย่างทำเพื่อลูก

ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้!! ‘อุ้ม ลักขณา’ รับเซ็นใบหย่า ‘บอล กฤษณะ’ ปิดฉากชีวิตคู่ พร้อมเปิดใจครั้งแรก เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะหมอดู?

(19 ส.ค. 66) เปิดใจเคลียร์ให้ฟังกันแบบชัด ๆ เป็นครั้งแรกในรายการแฉ สำหรับ ‘อุ้ม ลักขณา’ ถึงปมการเลิกรากับสามีหนุ่ม ‘บอล กฤษณะ’ ว่า ได้เซ็นใบหย่าและเตรียมย้ายที่จะกลับมาอยู่กรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ขอทุกอย่างทำเพื่อลูก ‘น้องดีสนีย์’

“ตอนนี้เป็นซิงเกิลมัมทั้งพี่ทั้งน้องค่ะ ไม่เคยคิดอยู่ในหัวเลย ว่าจะมีวันนี้ ไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวว่าอุ้มจะไม่มีผู้ชายคนนี้อยู่ในชีวิต อุ้มคิดว่าเขาคือความสุข คือครอบครัว คือพ่อของลูก คือสามีที่ดี ก็เลยไม่เคยระแวงหรือคิดว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้

7 ปีชีวิตครอบครัวถามว่าแฮปปี้ไหม มันก็มีบ้าง จะไม่มีเลยก็เป็นไปไม่ได้ สองคนมาจากคนละครอบครัว มาจากคนละพื้นฐานการเลี้ยงดูกัน ก็ต้องมีเรื่องที่ปรับกันเยอะมากๆ ก่อนจะถึงจุดที่ลงตัว มันใช้เวลาหลายๆ ช่วง แต่ว่าเราทั้งสองคนก็พยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อลูก ซึ่งมันก็ผ่านมาได้ แต่มันก็มาเกิดเรื่องนี้ที่ทำให้ไม่สามารถไปต่อได้” อุ้ม ลักขณา กล่าว

เมื่อถูกถามถึงประเด็นที่ว่า หาก ไม่ไปดูหมอดูคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อุ้มตอบว่า “ไม่จริง” ไม่ได้ดูดวงเพื่อเช็กว่าสามีนอกใจหรือไม่ แค่ไปดูดวงตามปกติ

“ไม่ได้สาระแนไปดูอะไรเลยค่ะ ไม่ได้ดูดวงเพื่อเช็ก ไม่ได้ดูเรื่องนี้เลย ไปเพราะเห็นเขาดูกันก็ตามเขาไป ปกติชอบดูดวง แต่วันนั้นไม่ได้ตั้งใจไปดูดวงอะไรทั้งสิ้นเลย เพราะทุกอย่างแฮปปี้ดีหมด ต่อให้เขาพูดอะไรมาไม่ได้รู้สึกว่าเราต้องหวั่นไหว หรือต้องไปจับผิดอะไร ไม่มีอยู่ในสมองของอุ้มเลยค่ะ

ในตอนแรกที่หมอดูทำนาย อุ้มไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าทำนายแม่น เพราะมองว่าชีวิตครอบครัวของตนเองนั้นดีอยู่แล้ว แต่พอเกิดเรื่องขึ้นเลยรู้สึกทันทีว่าหมอดูทักแม่น และเรื่องก็เกิดหลังจากโดนทักไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์

เปิดไพ่ยิปซีค่ะ ตอนดูเราก็ยังไม่เชื่อเลย คิดว่าหมอดูคนนี้เราไม่รู้จักเขา เขาคงมั่วๆ พูดไปเรื่อย เพราะชีวิตครอบครัวเราดีอยู่ แต่พอเกิดเรื่องแล้วถึงได้ อ้าว แม่น” อุ้ม ลักขณา กล่าว

หากถามถึงสภาพจิตใจ อุ้ม เผยว่า ตนเองไปต่อไม่เป็น ต้องกลับบ้านที่กรุงเทพฯ มาหาเซฟโซน เพราะตอนไปอยู่เชียงใหม่ ตนเหมือนเริ่มต้นไม่ ไม่รู้จักใคร ไม่มีสังคม มีเขาแค่คนเดียว คอยเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ

“กลับบ้านที่กรุงเทพฯ ค่ะ เราต้องกลับมาหาเซฟโซนของเราค่ะ อยู่ที่เชียงใหม่ 7 ปี อุ้มไม่มีเพื่อน อุ้มไปอยู่คนเดียว ตัวคนเดียว ไม่มีใครเลยค่ะ ไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม มีแค่เขาคนเดียว ที่เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ แล้วก็มีลูก ชีวิตก็จะอยู่แต่อย่างนั้นค่ะ แล้วตอนหลังก็เอาน้องชายมาอยู่ด้วย เพราะน้องชายอยากมาดูแลพี่สาว ให้เขาเริ่มมาทำงานกับเรา น้องชายเพิ่งเข้ามาอยู่ได้ปีนึงค่ะ”

ส่วนช่วงเวลาที่เกิดเรื่อง อุ้ม รับว่าเรื่องเกิดตั้งแต่ช่วงที่เพจดังปล่อยข่าวว่าผัวเมียสายแซ่บอันฟอลโลว์ไอจีกัน ถ้าถามว่า หากย้อนเวลากลับไปได้จะยังเลือกผู้ชายคนนี้ไหม อุ้มก็จะยังเลือกเขา เพราะเขาได้ให้ของขวัญที่ดีที่สุดก็คือ ‘น้องดีสนีย์’

“เกิดขึ้นแล้วค่ะ ไม่ใช่ตัดสินใจว่าจะจบกัน แต่เป็นวันที่เรากลับบ้าน กลับมากรุงเทพฯ มาพักใจ ใน 7 ปีที่ผ่านมานั้น ชีวิตมีความสุขค่ะ เพราะสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตคือน้องดีสนีย์และน้องการ์ตูน แม้น้องการ์ตูนไม่ใช่ลูกแท้ๆ เป็นลูกพี่บอล แต่อุ้มก็รักเขาเหมือนลูกแท้ๆ จริงๆ เราแคร์เขามากๆ ส่วนน้องดีสนีย์เขาคือของขวัญที่ดีที่สุด

ก่อนหน้านี้ อุ้มพยายามเคลียร์และปรับกันแล้วทำทุกอย่างให้ดีที่สุดด้วยสติ และตกลงกันทั้งสองฝ่ายว่าเราไม่อยากให้ลูกได้รับผลกระทบที่พ่อแม่มาทะเลาะกันให้ลูกเห็น ฉะนั้น ในเมื่อถึงทางตันแล้ว ต่างคนต่างมีทางของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ทางที่เหมือนกันคือจะเป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุดให้กับลูกทั้งสองคน” อุ้ม ลักขณา กล่าว

สำหรับกระแสข่าว ‘เลิกกันเพราะสามีไปติดผู้จัดการ’ และ ‘ไม่ยอมให้สามีทำการบ้านเลย 3 ปี’ อุ้มเคลียร์ชัดว่า “ไม่จริง”

“ข่าวที่ว่าพี่บอลเลิกอุ้มเพราะผู้จัดการอุ้ม ผู้จัดการอุ้มเขาเป็นสาว (หัวเราะ) ส่วนเรื่องไม่ยอมให้สามีทำการบ้านเลย 3 ปีก็ไม่จริงค่ะ ขอแก้ข่าวนิดนึง ไม่มีสองปีแรก เพราะปีหนึ่งท้อง 9 เดือน อีกปีอุ้มเลี้ยงลูกคนเดียว 24 ชม. พี่ด้าต้องเข้าใจความแม่ เรามีลูกคนแรก และไม่ได้อยู่ข้างๆ แม่ตัวเอง ไม่ได้อยู่ข้างๆ น้องสาวที่เคยมีประสบการณ์การเลี้ยงลูกมาก่อน อุ้มไม่มีคนเป็นที่ปรึกษาเลย ก็งูๆ ปลาๆ กับการเลี้ยงลูกคนนึงให้ดีที่สุด

เราต้องปั๊มนม ให้ลูกเข้าเต้า เลี้ยงลูก พอลูกขวบนึงก็กลับมามีอะไรกันเหมือนเดิม ก็มีการนัดกัน แต่ต้องนัดตามเวลา เพราะอุ้มเลี้ยงลูกเองเป็นหลัก อุ้มไม่มีพี่เลี้ยง”

ส่วนเรื่องที่ว่าเอาหน้าอกออกแล้วทำให้สามีเปลี่ยนใจ อุ้ม ยืนยันว่า “ไม่เกี่ยว” มีการพูดคุยกับสามีแล้ว สามีโอเค

“อุ้มไม่รู้ว่าคนอื่นหรือใครจะคิดยังไง แต่ก่อนเอาหน้าอกออก เรามีการพูดคุยกัน มีการปรึกษากัน ซึ่งเขาก็บอกว่าอะไรที่อุ้มมีความสุข อุ้มทำเลย เพราะอุ้มมีปัญหาปวดหลังหนักมาก เราใส่เต้ามานาน พอเราให้นมลูก แล้วพอมันหมด มันยาน มันใหญ่ มันหนัก

แล้วอุ้มคิดว่าชีวิตนี้เรามีผู้ชายคนนี้เป็นผัว เราไม่คิดจะมีผัวคนไหนอีกแล้ว ต่อให้กูน่าเกลียด ผัวก็ต้องรักกูสิ ต่อให้นมแบน แต่กูไม่ได้ไปรักคนอื่น ไม่ได้คิดจะไปเปิดนมให้คนอื่นดูอีกแล้ว ถ้าเราอยากมีนมใหญ่ให้คนอื่นดู แต่เราคิดว่าเราไม่ได้อยากให้คนอื่นดูแล้วไง เราหยุดอยู่ที่เขาคนเดียว ชีวิตนี้เรามีเขาแค่คนเดียวแล้ว เราก็เอาออก ให้มันเป็นธรรมชาติ อุ้มมาออกกำลังกาย สายสปอร์ตแล้วไงคะ” อุ้ม ลักขณา กล่าว

ในตอนนี้ อุ้มและสามี ได้เซ็นใบหย่ากันเรียบร้อยแล้ว ยุติความสัมพันธ์การเป็นสามีภรรยากัน เป็นเพียงแค่พ่อกับแม่ที่ดีที่สุดให้ลูกทั้งสองคน ลูกคือความสุขที่สุดของอุ้ม ทุกครั้งที่มีปัญหา อุ้มมีครอบครัว มีนิวเคลียร์ มีพ่อแม่ มีน้องชาย

“อุ้มกับเขาก็เซ็นใบหย่ากันเรียบร้อยแล้วค่ะ ทางกฎหมาย และตัวอุ้มเองกับเขาก็อย่างที่ตกลงกัน เราจะยุติความสัมพันธ์การเป็นสามีภรรยากัน เป็นเพียงแค่พ่อกับแม่ที่ดีที่สุดให้ลูกทั้งสองคน โดยพี่บอลรับผิดชอบเรื่องลูกไป อุ้มก็ต้องคัมแบ็กกลับมาทำงาน จากนี้จะรับงานในวงการ ห่างหายไปนาน ขอโอกาสนะคะ ต้องไปทำนมใหม่ไหมคะ (หัวเราะ)”

สำหรับคำถามที่ว่าได้พูดคุยกับลูกแล้วหรือยัง อุ้ม เปิดใจว่า อยากให้ลูกค่อย ๆ ปรับตัว บอกว่าลูกจะต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพฯนะ แต่ลูกไม่จำเป็นต้องมารับรู้ปัญหาของพ่อปม่ เพราะอุ้มไม่อยากให้ลูกรู้สึกไม่ดี ไม่อยากพูดถึงปัญหาว่าคืออะไรอีกแล้ว เพราะมันจบแล้ว

“เขาก็คงงงๆ ค่ะ ตอนนี้ถึงไม่ได้ย้ายออกมาจากเชียงใหม่ เราอยากให้เขามีโมเมนต์ค่อยๆ ปรับกับพี่สาวเขา พ่อเขา ก่อนที่เขาจะต้องแยกออกมาจริงๆ

ตอนนี้เขาพูดเสมอว่าเขาเกิดเชียงใหม่ เขาเป็นเด็กเชียงใหม่ แต่ตอนนี้เราก็พูดว่าตอนนี้บ้านเรากำลังจะพังนะ เราต้องซ่อมบ้านนะลูก เราต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ มาเรียนกรุงเทพฯ นะ เขาก็เริ่มเก็ต เริ่มเข้าใจ แต่เขาไม่จำเป็นต้องมารับรู้ว่าปัญหาของพ่อแม่คืออะไร ท้ายที่สุดแล้วอุ้มไม่ได้อยากให้ลูกรู้สึกไม่ดี หรือรู้สึกว่าพ่อแม่มีปัญหากัน หรือไม่ภูมิใจในตัวพ่อเขาหรือตัวอุ้ม ฉะนั้นเลือกได้อุ้มไม่อยากพูดถึงปัญหาว่าคืออะไรอีกแล้ว เพราะมันจบแล้วค่ะ” อุ้ม ลักขณา กล่าวทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top