Monday, 1 July 2024
INFO

ความสำเร็จรับมือโควิด-19 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

เกียรติยศและรางวัลแห่งความสำเร็จ : เกิดจากความร่วมมือของคนไทยทั้งประเทศ ที่รัฐบาลนี้ นำมาสู่ประชาชนชาวไทย คือ ‘การสร้างโอกาสในวิกฤต’ 

โดย ‘ปีแรก’ ของการระบาด ประเทศไทยถือว่าเป็นอันดับ 2 ของโลก และอันดับ 1 ของเอเชีย ที่สามารถฟื้นตัวจากโควิดได้ดี เป็นอันดับ 6 ของโลก และอันดับ 1 ของเอเชีย ที่มีการบริหารจัดการเกี่ยวกับโรคระบาดและด้านสุขภาพได้ดีที่สุด อีกทั้งไทยเป็นอันดับ 5 ของโลก ที่มีความมั่นคงทางสุขภาพ

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เลือกประเทศไทยเป็น 1 ใน 4 ประเทศจากทั่วโลก และเป็นประเทศเดียวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการดำเนินโครงการกลไกทบทวนการเตรียมความพร้อม กรณีภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Health and Preparedness Review : UHPR) และถอดบทเรียนความสำเร็จการรับมือวิกฤตโควิด

นอกจากนี้...ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นที่ตั้งสำนักงานเลขาธิการของ ‘ศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่’ (ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases : ACPHEED) ที่ส่งเสริมโอกาสให้ประเทศไทยเป็น ‘ศูนย์กลางทางการแพทย์และสาธารณสุข’ (Medical Hub) แห่งหนึ่งในโลก และไปไกลได้กว่านั้น คือ เป็นตลาดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้ในอนาคต

การนำพาบ้านเมืองฝ่าวิกฤตต่าง ๆ ดึงพลังความสามัคคีของคนในชาติ จนสามารถเอาชนะ ‘สงครามโควิด’ ได้อย่างงดงาม จนนานาชาติต่างชื่นชม แน่นอนว่าการท่องเที่ยวในปี 64 หลัง ‘เปิดประเทศ’ อย่างเป็นระบบ นักท่องเที่ยวต่างชาติไหลกลับเข้าประเทศตามเป้า 10 ล้านคน ตั้งแต่ยังไม่ครบปี 

ในขณะที่หลายประเทศยังซบเซา เศรษฐกิจโลกยังถดถอย แต่ก็มั่นใจว่าปีหน้า 2566 จะมีชาวต่างชาติมาเยือนไทย ไม่น้อยกว่า 23.5 ล้านคน มองเห็นสร้างรายได้จากกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึง 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมชาวจีนที่ยังคงปิดประเทศ

เมืองไทยเปลี่ยนไป 'ลืมตา-มองไทย' แบบรอบทิศ

(16 ก.พ.66) เปลวสีเงิน ได้นำเสนอบทความ ในหัวข้อ 'สโลแกนใหม่' เพื่อไทย โดยมีเนื้อหาดังนี้…

เช้าวาน...
ลุ้นซะปวดกระเพาะปัสสาวะ กลัวสภานัด ‘ด่าฟรี’ ส่งท้ายจะล่ม
แต่ก็ ‘ครบองค์ประชุม’ ไปแบบต้องลุ้นอย่างว่านั่นแหละ!
พิธีกรรม ‘ด่านายกฯ ฟรี’ ก็ดำเนินการไปได้
ท่ามกลางจำนวน ส.ส.ที่เหลือกะร่อย-กะหริบ จนผีกลัวผีสภาหลอก

เหตุที่ ‘ไม่ล่ม’
เพราะงาน ‘ด่านายกฯ ฟรี’ (๑๕-๑๖ ก.พ.๖๖) นี้ ฝ่ายค้าน-เพื่อไทย เป็นเจ้าภาพ จึงมาเสียบบัตรกันครบ

ส่วนเหตุที่ล่มเป็นประจำ
เพราะฝ่ายรัฐบาลเป็นเจ้าภาพประชุมผ่านร่างกฎหมาย ฝ่ายค้านไม่ช่วยงาน คือมา...แต่ไม่เสียบบัตรเป็นองค์ประชุมบวกกับ ส.ส.ฝ่ายเจ้าภาพ ‘สันหลังยาว’

สภาก็เลย ‘ล่มสร้างสถิติ’!

ผมก็ฟังบ้าง-ไม่ได้ฟังบ้าง เพราะรู้อยู่ ญัตติอภิปรายทั่วไป เป็นญัตติ ‘ตีหัวเข้าบ้าน’ ของฝ่ายค้าน เสริมการหาเสียง แบบมีโทรทัศน์ถ่ายทอดให้ฟรี

เท่าที่ฟัง ฝ่ายค้านก็แผ่นเสียงตกร่องอยู่ ๓-๔ ประเด็นเดิมๆ โดยไม่ลืมตาดูโลกว่า ประเด็นที่พูดกับจริงที่เป็นวันนี้

มันตรงกันมั้ย?

เอาแต่ ‘อคติ-คิดแค้น’ เป็นตัวตั้ง

แล้วก็ด้อยค่านายกฯ ไปเรื่อย หลายเรื่อง รัฐบาลทำจนเห็นทนโท่ตำตา แต่ฝ่ายค้านก็ยังหลับหู-หลับตาพูด ‘สวนทาง’ กับข้อเท็จจริงที่รัฐบาล ‘แก้ไข-พัฒนา’ แม้แต่คนพิการตายังรู้
แต่พวก ‘พิการใจ’ ทั้งไม่รู้ และไม่เห็น น่าสมเพชจัง!

มันก็เลยกลายเป็นว่า ที่ด่าหวังประจานรัฐบาล มันย้อนกลับประจานฝ่ายค้านซะเอง
ทั้งเรื่องที่ว่า ๘ ปี รัฐบาลทำเศรษฐกิจพัง, ประชาชนจะอดตาย, ประเทศล้าหลัง ไม่มีการพัฒนา, การท่องเที่ยว-เทคโนโลยีสื่อสารเฮงซวย และ ฯลฯ

ผมฟังจน ‘หูจำ’ ได้เองว่า ประเด็นที่ยกมาด้อยค่ารัฐบาล ๘ ปี จาก ๒๕๕๗-๒๕๖๖ ฝ่ายค้านก็ด่าเรื่องเหล่านี้ ก๊อปปี้เดิมๆ
เปิดกะโหลก ลืมตา แล้วรูดซิป ให้เรียบร้อย จากนั้น มองประเทศไทยไปรอบๆ ซิครับ

ถ้าจะให้ดี ไปหาภาพเก่าๆ ของประเทศไทย ทั้งเหนือ-ใต้-ออก-ตก-อีสาน-กลาง และกรุงเทพฯ ในด้านการพัฒนา
โดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและด้านโทรคมนาคม มาเปรียบเทียบกันดู
จะเห็น ‘ประเทศไทย’ ถอดรูป จากก่อนปี ๕๗ ที่เพื่อไทยเป็นรัฐบาล ‘โกงจำนำข้าว’ จนแทบไม่ได้
เผลอๆ บางคนอาจถาม....’นี่ ที่ไหนเนี่ย?’ ด้วยซ้ำ

ค่าที่ว่า กายภาพประเทศไทย ได้รับการพัฒนาแทบทุกด้านจน ‘เช้งวับ’ ยิ่งกว่าไปทำศัลยกรรมหน้ามาจากเกาหลีซะอีก!
จะเอาด้านไหนก่อนล่ะ เอาเฉพาะที่ ‘โลก’ เขาเห็นและเขายอมรับก็แล้วกัน เผื่อ "คนใจบอด" จะเปิดใจรู้บ้าง

ด้านการเงินนะ
ไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเป็นอันดับ ๒ ของอาเซียน อันดับ ๑๖ ของโลก ดูเฉพาะด้านอาเซียนก็แล้วกัน

๑.สิงคโปร์ ๓๘๘,๒๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ
๒.ไทย ๒๑๖,๖๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ
๓.อินโดนีเซีย ๑๓๗,๒๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ
๔.มาเลเซีย ๑๑๔,๖๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ
๕..ฟิลิปปินส์ ๙๖,๐๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ

๕ อันดับ พอเป็นสังเขป .......
เพื่อไทยเอียงหูมาใกล้ๆ ปากผมหน่อยซิ จะกระซิบอะไรให้ฟัง แล้วอย่าไปบอกใครนะ

‘รัฐบาลประยุทธ์’ กู้ชาติ-กู้เศรษฐกิจ จนไทยเรารวย ถึงขั้น IMF เตรียมขอกู้ ตั้งเพดานไว้ตั้ง ๑๔,๑๔๗ ล้านบาทแน่ะ

เอ้า...ไปดูด้านเศรษฐกิจบ้าง จากผลสำรวจของต่างชาติ
‘เอียน แพสโค’ ประธานบริหาร ‘แกรนท์ ธอนตัน ประเทศไทย’ มีผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในประเทศไทย ครึ่งหลังของปี ๖๕

โดยสำรวจธุรกิจขนาดกลางทั่วโลก พบว่า…
‘ธุรกิจไทย’ เป็นผู้นำของโลกด้านสถานภาพทางธุรกิจและเป็นครั้งแรกในรอบ ๕ ปี ที่สภาพธุรกิจของประเทศไทย

มี ‘ปัจจัยบวก’ แซงหน้าประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่แข่งในกลุ่มที่เป็นฐานการลงทุน เช่น เวียดนาม สิงคโปร์

ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจที่เคยไปลงทุนในประเทศเหล่านั้น ย้ายกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
เพราะมีจุดแข็งในเรื่อง ‘โครงสร้างพื้นฐาน’ ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการลงทุน และการอยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์

พูดถึงรถยนต์.....
ไทยเป็นแชมป์อาเซียน ‘ส่งออกรถยนต์’ ทั้งเก๋ง ทั้งกระบะ อันดับ ๑ สูงถึง ๑,๘๘๓,๕๑๕ คัน, อินโดฯ อันดับสอง ๑.๔ ล้านคัน และมาเลย์ อันดับสาม ๗ แสนกว่าคัน และ...อ้อ ส่งออกของไทย ปี ๖๕ นำเงินเข้าประเทศ ๙.๙ ล้านล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์

รู้แล้ว อย่าเฉิ่ม หลับตาอภิปราย ‘รัฐบาลประยุทธ์บริหารไม่เป็น โง่ ทำเศรษฐกิจประเทศพังฉิบหาย’ อีกล่ะ อายเค้า!
แล้วดันคุย นายกฯ ประยุทธ์ ‘ลอกนโยบาย’ เพื่อไทยไปทำ สะเหล่อดกจริงๆ

นโยบายเพื่อไทย ‘เพิ่งคลอด’ มดลูกยังไม่ทันกลับเข้าอู่ด้วยซ้ำ แล้วพูดได้ไงว่า นายกฯ ลอกนโยบายไปทำ
ถ้าลอกปุ๊บวันนี้-ติดปั๊บพรุ่งนี้ นั่นมันไม่ใช่การทำงานด้านบริหาร-พัฒนาประเทศแล้วละ โม้ไปเรื่อย

เอ้า....ดูอีกสถิติ ที่ว่า ๘ ปี มีแต่ล้มเหลวทุกด้านนั่นน่ะ ข่าวจาก ‘กรุงเทพธุรกิจ’ หลายวันก่อน
ไทยติดอันดับ ๑๐ ประเทศที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในเอเชีย อันดับ ๓ ในอาเซียน รองจากสิงคโปร์และอินโดนีเซีย

ตัวชี้วัดที่แข็งแกร่งของไทยคือ.....
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ อยู่ในอันดับที่ ๗
เป็นผลมาจากการเข้าร่วมซัพพลายเชนในภูมิภาคและมีความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุนที่แข็งแกร่งกับประเทศที่ติดอันดับในดัชนีอิทธิพลเอเชีย

๑๐ อันดับประเทศที่ ‘ทรงอิทธิพลที่สุด’ ในเอเชีย

๑.สหรัฐ ๒.จีน ๓.ญี่ปุ่น ๔.อินเดีย ๕.รัสเซีย ๖.ออสเตรเลีย
๗.เกาหลีใต้ ๘.สิงคโปร์ ๙.อินโดนีเซีย และ ๑๐.ไทย

เปรียบเทียบค่าเงินในภูมิภาคเอเชีย ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

เงินบาทยืนหนึ่ง!!

ปัจจุบันเงินบาทอยู่ที่ราว ๆ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับปลายปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่เกือบ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ 

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา เงินบาทแข็งค่าแล้วกว่า 5% แข็งค่าที่สุดในเอเชีย ภายใต้ 3 ตัวแปร ได้แก่…

อยู่มา 8 ปี ทำอะไรกันนักหนา!!

ผลงานรัฐบาลลุงตู่ : ภาคอีสาน

ภายหลังจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาบริหารประเทศ ก็เกิดการพัฒนาด้านต่าง ๆ ขึ้นถ้วนทั่วทุกภาคของไทย โดยหนึ่งในภูมิภาคที่บังเกิดผลงานอันเป็นรูปธรรมและเอื้อประโยชน์มากมายนั้น คือ 'ภาคอีสาน' ผ่านหลากหลายโครงการ ที่จะขอยกตัวอย่างมาให้เห็นคร่าว ๆ ดังนี้...

1. โครงการคนละครึ่ง
2.  บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
3. มารดาประชารัฐ
4. เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ  
5. โครงการเราเที่ยวด้วยกัน
6. โครงการชิมช้อปใช้
7. พัฒนาสนามบินในอีสาน เช่น สนามบินอุบลราชธานี และสนามบินขอนแก่น
8. บริหารจัดการแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ตามโครงการเพิ่มน้ำต้นทุนโครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชี
9. โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธรใหญ่ที่สุดในโลก ที่ จ.อุบลราชธานี
10. ต่อรางสร้างรถไฟฟ้า 9 สาย และโครงการรถไฟทางคู่ อ.หัวหิน, จ.ขอนแก่น, จ.สระบุรี และ จ.ลพบุรี
11. สร้างทางหลวงหมายเลข 12 จ.กาฬสินธุ์ เชื่อมไปประเทศลาว 
12. สร้างอุโมงค์ทางลอดยาวที่สุดในภาคอิสานที่ จ.อุดรธานี

8 ปี 'ลุงตู่' มุ่งมั่นภารกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิต 'คนกรุงเทพ'

ตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเข้ามาบริหารประเทศ เกิดการพัฒนาทั่วทุกภาคของประเทศ ทั้งการปฎิรูปโครงสร้างพื้นฐาน การปฎิรูปคุณภาพชีวิตในชุมชน 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top