Monday, 12 May 2025
NEWS FEED

‘นายกฯ อิ๊งค์’ พร้อมลงพื้นที่ อีสานตอนบน ริมแม่น้ำโขง จันทร์นี้ นำ!! คณะรัฐมนตรีสัญจร มั่นใจ!! แก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้ทุกมิติ

(27 เม.ย. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ในวันอังคารที่ 29 เมษายน ที่จังหวัดนครพนม ซึ่งนายกรัฐมนตรี มีดำริให้รัฐมนตรี ทุกกระทรวง ลงพื้นที่ตรวจราชการและติดตามงานในทุกมิติ ในพื้นที่กลุ่มจังหวัด ภาคอีสานในวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน และวันจันทร์ที่ 28 เมษายน ก่อนการเข้าร่วมประชุม คณะรัฐมนตรีสัญจรอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางลงพื้นที่จังหวัดสกลนครและนครพนม เพื่อตรวจราชการและติดตามผลการดำเนินงานของส่วนราชการต่าง ๆ ในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร) ในวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2568 และนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2568 ในวันอังคารที่ 29 เมษายน 2568  ที่หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม จังหวัดนครพนม

“นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการก่อน 1 วัน โดยในวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2568 เวลา 08.45 น. นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังสนามบินกองทัพบกค่ายกฤษณ์สีวะรา ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร และเดินทางต่อไปยังสวนสาธารณะดอนเกิน อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร เพื่อติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนแผนพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่บึงหนองหารและการบริหารจัดการน้ำ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะไปศูนย์หัตถกรรมวัดธาตุประสิทธิ์ อ.นาหว้า จ.นครพนม เพื่อเยี่ยมชมศูนย์หัตถกรรมวัดธาตุประสิทธิ์ “นาหว้าโมเดล” ตามแนวพระดำริ “Sustainable Fashion : แฟชั่นแห่งความยั่งยืน” จากนั้นจะเป็นประธานการประชุมติดตามการแก้ไขปัญหายาเสพติดข้ามแดนในพื้นที่ ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงนครพนม อ.เมืองนครพนม และในช่วงเย็นของวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีและคณะจะร่วมสักการะพญาศรีสัตตนาคราช พร้อมจุดเรือไฟบก ที่ลานพนมนาคา   ริมแม่น้ำโขง ในอำเภอเมืองนครพนม

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ในวันอังคารที่ 29 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 10.00 น. นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2568 ที่หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม หลังเสร็จสิ้นการประชุมนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปที่ด่านศุลกากรนครพนม ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำโขงตรงข้ามประเทศลาว เพื่อติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนในพื้นที่ เนื่องจากด่านศุลกากรนครพนม มีจุดผ่านแดนถาวรทั้งหมด 2 แห่ง คือ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน ลาว ) ท่าเทียบเรือการท่องเที่ยวเทศบาลนครพนมรวมทั้งจุดผ่อนปรนการค้าอีก 4 แห่ง ได้แก่ จุดผ่อนปรนอำเภอท่าอุเทน จุดผ่อนปรนบ้านดอนแพง จุดผ่อนปรนอำเภอธาตุพนม และจุดผ่อนปรนบ้านหนาด

“การลงพื้นที่ภาคอีสานของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการพัฒนาและแก้ไขปัญหาในพื้นที่ทุกมิติ ทั้งการค้าขายระหว่างประเทศ การท่องเที่ยว การพัฒนาเมืองเนื่องจากจังหวัด นครพนม และมุกดาหาร เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงเป็นจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศลาวที่มีเส้นทางการคมนาคมหลักที่สามารถเชื่อมโยงไปยังประเทศเวียดนามตอนกลางที่เมืองดานังได้ ทั้งนี้ การลงพื้นที่ ของคณะรัฐมนตรี จะทำให้รัฐบาลสามารถเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาต่อยอดทุกมิติ และแนวทางการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพื่อให้จังหวัดสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้ ไม่ว่าเป็นการท่องเที่ยว การค้าการลงทุน รวมถึงการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งนี้เมื่อปัญหายาเสพติดลดลงคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ก็จะดีขึ้น” นายจิรายุ กล่าวทิ้งท้าย

‘ชูศักดิ์ ศิรินิล’ ผู้แทนพิเศษรัฐบาลไทย ร่วมถวายเกียรติ ในพิธีพระศพของ สมเด็จพระสันตะปาปา ณ นครรัฐวาติกัน

(27 เม.ย. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาลไทย ได้เข้าร่วมพิธีพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกและนครรัฐวาติกัน ณ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน ที่จัดขึ้นวานนี้ (วันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2568) เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นนครรัฐวาติกัน ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย เป็นเวลา 5 ชั่วโมง  

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนรัฐบาลไทย พร้อมด้วยนางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ (ว่าที่) เอกอัครราชทูตประจำนครรัฐวาติกัน และนายธเนศ กิตติธเนศวร เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมพิธีพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิสที่จตุรัสเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน ขณะที่นายธัชสิทธิ์ ประสิทธิรัตน์ อุปทูตฯ ประจำนครรัฐวาติกัน เข้าร่วมในส่วนของคณะทูตานุทูต

เมื่อคณะเดินทางถึงมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นายชูศักดิ์ ศิรินิล และคณะได้เข้าพบพระคาร์ดินัล ปิเอโตร ปาโรลิน (Pietro Parolin) เลขาธิการสันตะสำนักในสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส

พิธีปลงพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส จัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติบริเวณจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ โดยเริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น. และเสร็จสิ้นเมื่อเวลา 12.10 น. โดยมีพระคาร์ดินัลโจวานนี บัตตีสตา เร (Carinal Giovanni Battista Re) ประธานพระคาร์ดินัลทั่วโลก เป็นประธานในพิธี

พิธีพระศพเริ่มต้นด้วยการเคลื่อนย้ายโลงพระศพจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ออกมายังหน้าวิหาร บริเวณลานด้านหน้า เพื่อประกอบพิธีปลงพระศพ จากนั้นเป็นพิธีกรรมทางศาสนา โดยมีการสวดมนต์เป็นภาษาละตินและภาษาหลักต่าง ๆ เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของพระสันตะปาปา ผู้ทรงยึดมั่นในความเมตตาและความยุติธรรม โดยไม่มีเครื่องประดับหรือการตกแต่งที่หรูหราเกินจำเป็น ตามพระประสงค์ที่ระบุไว้ในพินัยกรรม ที่ต้องการให้งานศพสะท้อนความถ่อมตน ให้เน้นความเรียบง่ายและการมีส่วนร่วมของสาธารณชน ก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้ายพระศพไปฝังที่วิหาร Santa Maria Maggiore Basilica ในกรุงโรม

พิธีในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจากกว่า 150 ประเทศ/องค์การระหว่างประเทศ รวมถึงเชื้อพระวงศ์ ประมุขของรัฐและผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลจำนวนมาก และยังมีประชาชนผู้ศรัทธาอีกกว่า 2 แสนคนเข้าร่วม อาทิ สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งสเปนเจ้าชายแห่งเวลส์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาประธานาธิบดีฝรั่งเศสประธานาธิบดีบราซิลประธานาธิบดีอาร์เจนตินาประธานาธิบดียูเครนประธานาธิบดีสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร นายกรัฐมนตรีสวีเดน และนายกรัฐมนตรีฮังการี เป็นต้น

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกและนครรัฐวาติกัน พระสันตะปาปา องค์ที่ 266 ได้สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 ณ ที่ประทับ (Casa Sabta Marta) ในนครรัฐวาติกัน ด้วยพระชนมายุ 88 พรรษา โดยทรงเป็นผู้นำทางศาสนาที่ได้รับการเคารพอย่างสูงจากประชาคมระหว่างประเทศ ทรงอุทิศพระองค์ในการส่งเสริมสันติภาพ ความเมตตา และการสร้างความปรองดองและส่งเสริมสันติภาพในทั่วทุกมุมโลก จนได้รับการยกย่องว่า เป็นพระสันตะปาปาของผู้ยากไร้ (Pope of the Poor) โดยทรงปฏิบัติภารกิจจนถึงช่วงสุดท้าย เพื่อประทานพรให้แก่ประชาชนที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ได้เคยเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 20 – 23 พฤศจิกายน 2562 และได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี รวมถึงได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

โดยในโอกาสที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิสสิ้นพระชนม์ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้มีสารแสดงความเสียใจถึงประธานคณะพระคาร์ดินัลทั่วโลก เพื่อแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสิ้นพระชนม์ของ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ผู้เป็นดั่งดวงประทีปแห่งความเมตตากรุณา ความอ่อนน้อมถ่อมตน และจริยธรรม พร้อมกับนับถือความมุ่งมั่นของสันตะสำนักแห่งนครวาติกัน ภายใต้การนำของสมเด็จพระสันตะปาปาในการส่งเสริมสันติภาพ และความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยการเสด็จเยือนประเทศไทยของพระองค์เมื่อปี 2562 ยังคงเป็นความทรงจำที่มีค่าของประชาชนไทย

อนึ่ง ในช่วงเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 คณะผู้แทนพิเศษได้พบกับ พระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ที่นครรัฐวาติกันด้วย 

โดยภารกิจในครั้งนี้มีผู้แทนจากนครรัฐวาติกันมารับที่สนามบิน และมีรถตำรวจนำขบวน อำนวยความสะดวกคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาลไทยตลอดภารกิจ

ชาวโซเชียลหนุน ‘ทราย สก๊อต’ เพราะไม่เชื่อมั่น ในการทำหน้าที่ของภาครัฐ นักวิชาการ มธ. เสนอ ‘กรมอุทยานฯ’ ใช้ระบบ ‘E-Ticket’ แก้ทุจริตเรื้อรัง

(27 เม.ย. 68) รศ. ดร.สุรศักดิ์ บุญเรือง อาจารย์ประจำศูนย์กฎหมายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้ช่วยคณบดีคณะนิติศาสตร์ ศูนย์ลำปาง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า ปรากฏการณ์แรงหนุน-ต้านของสังคมต่อการทำหน้าที่ของ ทราย สก๊อต อดีตที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช (อส.) เป็นสิ่งที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่มีผู้เข้าข้างหรือเลือกอยู่ฝั่งเดียวกับ ทราย สก๊อต แรงหนุนส่วนหนึ่งอาจไม่ได้เห็นด้วยกับการแสดงออกของ ทราย สก๊อต ในทุกประเด็น แต่เขาเหล่านั้นอยากให้เกิดความตระหนักรู้ทางสังคมและมีการตรวจสอบการบริหารจัดการพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเล ตรงนี้สะท้อนว่าสังคมกำลังมีความรู้สึกคลางแคลงใจในเรื่องความไม่โปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐ และ อส.

“ในปี 2567 อส. มีรายได้จากการจัดเก็บค่าเข้าชมของนักท่องเที่ยวทั้งประเทศราว 2,200 ล้านบาท เกินกว่าครึ่ง เป็นรายได้จากการจัดเก็บค่าเข้าอุทยานแห่งชาติทางทะเลอันสะท้อนว่าพื้นที่ทางทะเลเป็นพื้นที่ที่มีผลประโยชน์สูง ซึ่งที่ผ่านมาสังคมแทบไม่มีโอกาสได้รับรู้เลยว่ารายได้เหล่านั้นถูกนำไปใช้อย่างอย่างไร ส่วนตัวเห็นว่า อส. ควรพลิกเหตุการณ์ครั้งนี้ให้กลายเป็นโอกาสในการปรับปรุง และแสดงให้เห็นถึงความโปรงใส่ในการทำงานของ อส. จนกลับมาสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เพื่อนำไปสู่การร่วมไม้ร่วมมือจากภาคประชาชนและภาคเอกชน สำหรับอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่อไป” รศ. ดร.สุรศักดิ์ กล่าว

นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวต่อไปอีกว่า แม้ว่าปัจจุบันอาจมีการใช้ระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ (E-Ticket) ในอุทยานแห่งชาติบางแห่ง แต่ยังพบปัญหาข้อติดขัดหลายประการ เช่น การใช้ E-ticket กับตั๋วหมู่คณะที่ซื้อทัวร์มาท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติทางทะเล จึงควรมีการปรับปรุงระบบดังกล่าวและนำมาใช้กับพื้นที่อุทยานต่างๆ ให้มากขึ้น ซึ่งแนวทางนี้จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงปัญหาการคอร์รัปชันกรณีจำหน่ายตั๋วเข้าอุทยานฯ ที่นับเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานเรื้อรังลงได้ 

มากไปกว่านั้น หากในอนาคตมีกระบวนการจัดเก็บรายได้ที่โปร่งใสแล้ว ลำดับถัดไปก็ควรจะมีการจัดสรรรายได้ส่วนหนึ่งเพื่อจัดสวัสดิการต่างๆ ให้พนักงานและเจ้าหน้าที่อุทยานในระดับปฏิบัติการให้ดีกว่าที่ได้รับ เช่น การใช้เป็นค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องมือหรือปัจจัยขั้นพื้นฐานสำหรับใช้ในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงเงินค่าตอบแทนจากการทำงาน ที่มีความเหมาะสมกับหน้างานที่รับผิดชอบ สิ่งเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการลดเหตุจูงใจให้เจ้าหน้าที่กระทำการทุจริต ทั้งยังเป็นขวัญกำลังในการปฏิบัติหน้าที่

รศ. ดร.สุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวเชื่อว่าข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างฝ่ายสนับสนุน ทราย สก๊อต กับพนักงานเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ รวมไปถึงผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ เกิดจากการมีแนวคิดและจุดยืน หรือนิยามการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติซึ่งแตกต่างกัน กล่าวคือฝ่ายหนึ่งมีแนวคิดโน้มเอียงไปแบบอนุรักษ์สุดโต่ง (Deep Green) ที่เชื่อว่าการดำรงอยู่ของอารยธรรมอุตสาหกรรมเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ จึงเรียกร้องให้รื้อถอนและหวนคืนความเป็นปกติให้กับสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด 
ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่ง มีแนวคิดสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลอย่างหลากหลายและเต็มรูปแบบตามแนวคิดเศรษฐกิจสีน้ำเงิน (Blue Economy) ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานการใช้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน สิ่งเหล่านี้จึงนำไปสู่ความเห็นที่ไม่ตรงกันและความขัดแย้ง

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความสับสนและไม่ให้เหตุการณ์ดังที่ปรากฏตามสื่อเกิดขึ้นซ้ำรอย อส. ควรมีการทบทวนและสร้างระเบียบหรือมาตรการที่ชัดเจนว่าเส้นแบ่งของภาคประชาชน ภาคเอกชน ได้รับอนุญาตให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องและอนุรักษ์ธรรมชาติมากน้อยแค่ไหน ยกกรณีตัวอย่างเช่น หากประชาชนพบเห็นผู้กระทำผิดกฎระเบียบอย่างชัดเจน บทบาทหน้าที่ในฐานะพลเมืองดี ที่จะกระทำการเพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ ทำได้แค่ไหน สามารถถ่ายคลิปวิดีโอการคนที่ทำผิดนั้น โพสต์ลงโซเชียลมีเดียได้หรือไม่ เป็นต้น พร้อมกันนี้ควรกำหนดกฎระเบียบข้อควรปฏิบัติในการใช้พื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลให้ชัดเจน มีการเขียนป้ายทั้งในภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นๆ เพื่อความเข้าใจร่วมกัน ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ไปจนถึงผู้ประกอบการในพื้นที่เช่นกัน

ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยม กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด

(27 เม.ย. 68) พลเรือเอก จิรพล  ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยม กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ณ ค่ายตากสิน อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี โดยมี พลเรือโท อภิชาติ  ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยวิชาการนาวิกโยธินในฐานะ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 ส่วนแยก 3 พร้อมด้วยกำลังพลในสังกัดกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด รับการตรวจเยี่ยม 

โอกาสนี้ ผู้บัญการทหารเรือ ได้กล่าวชื่นชมกำลังพลกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังและตั้งใจ ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย  เพื่อรักษาอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ ป้องกันประเทศบริเวณพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออก และให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน ตลอดจนปฏิบัติงานตามที่รัฐบาลมอบหมายอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง  พร้อมทั้งเน้นย้ำ กำลังพลทุกนายในการปฏิบัติงานโดยตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท  หมั่นฝึกฝนและเตรียมกำลังให้พร้อมอยู่เสมอ เพื่อที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกสถานการณ์ เพื่อเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดต่อไป

จากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้พบปะทักทายกำลังพล และเยี่ยมชม ยุทธโธปกรณ์ของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดในการปกป้องอธิปไตยและช่วยเหลือประชาชน   ก่อนเข้ารับฟังการบรรยายสรุป เพื่อรับทราบถึงปัญหา ข้อขัดข้อง ตลอดจนข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงาน 

       สำหรับกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เกิดขึ้นตามที่ กองบัญชาการทหารสูงสุด (ปัจจุบันคือ กองบัญชาการกองทัพไทย ) ได้สั่งการให้ กองทัพเรือรับผิดชอบ ในการป้องกันพื้นที่บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดรวมทั้งให้มีหน้าที่ในการให้ความคุ้มครองเรือประมง ในน่านน้ำไทย และสนับสนุนเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในการป้องกันมิให้เรือประมงไทยล้ำเขตน่านน้ำกัมพูชาเนื่องจากในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด มีการตั้งหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่หลายหน่วยงาน โดยมีกองกำลังด้านจันทบุรี - ตราด ปฏิบัติภารกิจในการป้องกันชายแดน และกองอำนวยการ รักษาความมั่นคงภายใน ภาค 1/1 ปฏิบัติภารกิจในการรักษาความมั่นคงภายในซึ่ง กองทัพเรือ เป็นหน่วยรับผิดชอบในการปฏิบัติของทั้งสองหน่วยงานดังกล่าว กองบัญชาการทหารสูงสุดจึงสั่งการให้ กองทัพเรือจัดตั้งกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2522 เพื่อควบคุมบังคับบัญชากำลังทั้งสิ้นที่ปฏิบัติในพื้นที่ ทั้งด้านการป้องกันชายแดน และการรักษาความมั่นคงภายใน โดยมี ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (ผบ.กปช.จต.) เป็น ผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ มีอำนาจหน้าที่ในการสั่งการใช้กำลัง และควบคุมบังคับบัญชากำลังทหาร , ตำรวจ , อาสารักษาดินแดน , ราษฎรอาสาสมัครต่าง ๆ และกำลังอื่น ๆ ที่ปฏิบัติการในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด กองทัพเรือจึงมีคำสั่งเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งของกองบัญชาการทหารสูงสุด และเหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนั้น ตลอดจนเพื่อเป็นการ กำหนดอำนาจ การบังคับบัญชาของ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ต่อหน่วยกำลังต่าง ๆ ที่ขึ้นควบคุมทางยุทธการให้ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงมอบให้ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ผบ.นย.) เป็น ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (ผบ.กปช.จต.) รับผิดชอบในการป้องกันชายแดน ที่ติดต่อกับ ประเทศ กัมพูชา ด้านจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด ทั้งทางบกและทางทะเล และให้ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด จัดตั้งกองกำลังด้าน จันทบุรี - ตราด (กจต.) เพื่อปฏิบัติภารกิจในการป้องกันชายแดนที่ติดต่อกับประเทศกัมพูชา ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดทั้งทางบกและทางทะเล ให้ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เป็น ผู้บัญชาการกองกำลังด้านจันทบุรี - ตราด อีกตำแหน่งหนึ่ง

ทั้งนี้ ภารกิจของ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ในปัจจุบัน คือการป้องกันชายแดนทั้งทางบกและทางทะเล อำนวยการในการปกครอง พื้นที่ ควบคุมรักษาระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมายทั้งปวงในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด เพื่อรักษาอธิปไตยและความมั่นคงของชาติเนื่องจากพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด มีระยะทางตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านจังหวัดจันทบุรีและ จังหวัดตราด มีระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร

”รองนายกฯ พีระพันธุ์“ มอบรางวัลเชิดชูเกียรติตำรวจต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์-นักข่าวภาคสนามดีเด่น-ผู้ประกาศข่าวดีเด่น

(27 เม.ย. 68) ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคารประชารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ถนนพหลโยธิน กทม. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ 16 นายตำรวจ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” และ “นักข่าวภาคสนาม-ผู้ประกาศข่าวดีเด่น” และมอบทุนการศึกษาบุตร-ธิดาผู้สื่อข่าว โดยมี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์, พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคม ฯ, นายสมชาย จรรยา อุปนายก ฯ, นายสุรชัย นิโครธานนท์ อุปนายกฯ, นายธนากร ริตุ ประชาสัมพันธ์สมาคมฯ, น.ส.ขนิษฐา อมรเมศวรินทร์ ประชาสัมพันธ์สมาคมฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารสมาคม ฯ และคณะสื่อมวลชน-ตำรวจผู้รับมอบรางวัล และบุตร-ธิดาผู้สื่อข่าว

นายไพโรจน์ ได้กล่าวว่าทุกองค์กรย่อมมีคนดีและคนไม่ดี ทางสมาคมฯ มีวัตถุประสงค์สนับสนุนผู้ที่ทำดีเพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละท่านและเชิดชูให้กับบุคคลที่ทำคุณงามความดีเพื่อสังคม โดยเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวพร้อมด้วยตัวแทนจากสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ ได้มีการประชุมคัดเลือกและพิจารณามอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาต่าง ๆ ให้กับข้าราชการตำรวจที่มีผลงานดีเด่นจนเป็นที่ยอมรับของสังคม และมีสื่อมวลชนได้เสนอชื่อข้าราชการตำรวจเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงได้ทำการคัดเลือกและลงมติเหลือเพียง 16 รางวัล ส่วนรางวัล “นักข่าวภาคสนามดีเด่น” 8 รางวัล และรางวัลผู้ประกาศข่าวดีเด่น 5 รางวัล สำหรับรางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาต่าง ๆ

1.พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามอาชญากรรม ดีเด่น
2. พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาสืบสวนและปราบปราม ดีเด่น เจ้าของวลีที่ว่า “ทำงานเหนื่อยเพื่อตัวเอง อยู่แค่สิ้นลม แต่ทำงานเพื่อสังคม มันอยู่ชั่วฟ้าดินสลาย”
3. พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาสืบสวนและปราบปราม ดีเด่น
4. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามอาชญากรรม ดีเด่น
5. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามองค์กรอาชญากรรม ดีเด่น
6. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามยาเสพติด ดีเด่น
7. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ ดีเด่น
8. พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบชายแดนใต้ ดีเด่น
9. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาสืบสวนและปราบปราม ดีเด่น
10. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามคอร์รัปชัน ดีเด่น
11. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาสืบสวน ดีเด่น

12. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาสืบสวน ดีเด่น
13. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาสอบสวน ดีเด่น
14. ร.ต.อ.ศรัณยพงศ์ อ่อนสิงห์ รองสารวัตรตำรวจทางหลวงนครปฐม รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาจิตวิญญาณผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ดีเด่น
15. จ.ส.ต.เมธาวุฒิ เพ็ชรศรี ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เมืองขอนแก่น รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาจิตวิญญาณผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ดีเด่น
16. จ.ส.ต.วรวิทย์ ณะรัตตะ ผบ.หมู่ ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาวีรบุรุษชายแดนใต้

สำหรับรางวัลเชิดชูเกียรติผู้สื่อข่าวภาคสนามดีเด่น และผู้ประกาศข่าวดีเด่น ที่ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของประชาชนและเป็นกระจกเงาสะท้อนสังคม ได้แก่ น.ส.ดารินทิพย์ วิมลพัฒน์ จากช่อง 7 นายสุวรรณ เพ็งอ้น จากช่อง 3 น.ส.ทัศนีย์ ดำมุณี จากช่อง 9 นายกฤษฎากร ภูกาบเงิน จากช่อง 8 นายสุธิวัฒน์ ครุฑสุธา ผู้สื่อข่าวอาชญากรรม เดลินิวส์ นายณเดช โรจนประดิษฐ์ ผู้สื่อข่าวอาชญากรรม ข่าวสดออนไลน์ น.ส.ปิยะธิดา เพชรดี ผู้สื่อข่าว อัมรินทร์ออนไลน์ และนายนเรศ หมีเทพ ผู้สื่อข่าวอาชญากรรม ไทยรัฐ

ส่วนรางวัลเชิดชูเกียรติผู้ประกาศข่าวดีเด่น คือ น.ส.อรชพร ชลาดล ผู้ประกาศข่าวไทยรัฐทีวี, น.ส.เปรมสุดา สันติวัฒนา ผู้ประกาศข่าวช่อง 7, น.ส.ปรินดา คุ้มธรรมพินิจ ผู้ประกาศข่าวช่อง 3, นายณัฐธีร์ โกศลพิสิษฐ์ ผู้ประกาศข่าว โมโน 29 และนายภาณุพงศ์ กรรณาธิกรณ์ ผู้ประกาศข่าว ททบ.5

สวนนงนุชพัทยา โดย “กัมพล ตันสัจจา” จัดโปรโมชั่นพิเศษต้อนรับเดือนพฤษภาคม พร้อมกิจกรรมสุดพิเศษวันแรงงานแห่งชาติ

(27 เม.ย. 68) สวนนงนุชพัทยา ภายใต้การบริหารของ นายกัมพล ตันสัจจา เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ด้วยโปรโมชั่นสุดคุ้มและกิจกรรมพิเศษเอาใจนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม

1.สิทธิพิเศษสำหรับนิสิต นักศึกษาตลอดทั้งเดือน พฤษภาคม 2568เพียงแสดงบัตรนักศึกษา ณ จุดจำหน่ายบัตร จะได้รับสิทธิ ส่วนลด 50% สำหรับบัตรผ่านประตู เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้ใกล้ชิดธรรมชาติและเสริมสร้างประสบการณ์นอกห้องเรียน

2. ผู้ที่เกิดในเดือนพฤษภาคม รับบัตรผ่านเข้าฟรีตลอดทั้งเดือน!เพื่อร่วมฉลองเดือนเกิด สวนนงนุชพัทยามอบของขวัญสุดพิเศษสำหรับผู้ที่เกิดในเดือนพฤษภาคม

3.กิจกรรมสุดพิเศษ “วันแรงงานแห่งชาติ” 1 พฤษภาคม 2568
ร่วมเฉลิมฉลองวันแรงงานแห่งชาติด้วยกิจกรรมสนุกสนาน ลูกทุ่งวันแรงงานการแสดงวัฒนธรรมไทย และการแสดงของน้องช้างแสนรู้

นายกัมพล ตันสัจจา เผยว่า “เราต้องการมอบความสุข ความคุ้มค่า และความประทับใจให้กับทุกคนที่มาเยือน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา นักท่องเที่ยวทั่วไปหรือครอบครัวให้สวนนงนุชพัทยาเป็นแหล่งเรียนรู้และพักผ่อนในทุกโอกาส”โปรโมชั่นอื่นๆสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

โทร: 038-238061-63
เว็บไซต์ : www.nongnoochtropicalgarden.com
Facebook: สวนนงนุชพัทยา Nongnooch Garden Pattaya
 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งร่างตำรวจกล้าที่เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตก ไปบำเพ็ญกุศลยังภูมิลำเนา พร้อมดูแลพิธีต่าง ๆ ทุกแห่งอย่างสมเกียรติ 

(27 เม.ย. 68) พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวว่า จากการที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ดูแลครอบครัวข้าราชการตำรวจ 6 นาย ที่เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตำรวจตก ขณะปฏิบัติภารกิจทดสอบการบิน ฝึกกระโดดร่ม ในพื้นที่ทะเล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และจัดพิธีอย่างสมเกียรตินั้น จึงได้สั่งการกำชับหน่วยที่เกี่ยวข้อง ให้ดูแลการดำเนินการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมเกียรติแก่ผู้วายชนม์และครอบครัว , จัดกำลังตำรวจอำนวยความสะดวกการจราจรในเส้นทางจนถึงสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา และจัดกำลังตำรวจอำนวยความสะดวกในงานพิธี จนกว่าจะเสร็จพิธี

ทั้งนี้ ญาติของผู้วายชนม์ได้กำหนดให้มีการจัดพิธีบำเพ็ญกุศล ทั้งในกรุงเทพมหานครและภูมิลำเนา โดยในวันประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ จะมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเดินทางไปเป็นประธานในพิธี ดังนี้

1. พ.ต.อ.ประธาน เขียวขำ นักบิน (สบ 4) งกบ.บ.ตร. และ ร.ต.ท.ธนวรรษ เมฆประเสริฐสุข  วิศวกรอากาศยาน (สบ 1) จัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพ ณ วัดตรีทศเทพวรวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร และประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 เวลา 15.00 น. โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธี

2. พ.ต.ท.ปานเทพ มณิวชิรางกูล นักบิน (สบ 3) งกบ.บ.ตร. ออกเดินทางจาก บ.ตร.(ดอนเมือง) โดยเครื่องบินฟอกเกอร์ ในวันนี้ (27 เมษายน 2568)  เวลา 12.00 น. นำส่งไปยังสนามบินลำปาง เพื่อจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพ ณ วัดบ้านต้า ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง และประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 น. โดยมี พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธี

3. ร.ต.อ.จตุรงค์ วัฒนไพรสาณฑ์ นักบิน (สบ 1) งกบ.บ.ตร. ออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร โดยรถยนต์ของศูนย์ส่งกลับ โรงพยาบาลตำรวจ ในวันนี้ (27 เมษายน 2568) นำส่งเพื่อจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพ ณ วัดสัตตนารถปริวัตรวรวิหาร ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี และประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 เวลา 16.00 น. โดยมี พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธี

4. จ.ส.ต.ประวัติ พลหงสา ผบ.หมู่ งชอ.บ.ตร. ออกเดินทางจาก บ.ตร. (ท่าแร้ง)โดยเฮลิคอปเตอร์เบลล์ 412 EP ในวันนี้ (27 เมษายน 2568) เวลา 12.00 น. นำส่งไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว เทศบาลตำบลโคกล่าม อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด เพื่อจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพ ณ วัดราชวรี บ้านโคกล่าม ต.โคกล่าม อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด และประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 15.00 น. โดยมี พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.เป็นประธานในพิธี

5. ส.ต.ต.จิราวัฒน์ มากสาขา ผบ.หมู่ งชอ.บ.ตร. ออกเดินทางจาก บ.ตร. (ดอนเมือง) โดยเครื่องบินฟอกเกอร์ ในวันนี้ (27 เมษายน 2568) เวลา 12.00 น. นำส่งไปยังท่าอากาศยานสงขลา เพื่อจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพ ณ วัดปะโอ ต.ม่วงงาม อ.สิงหนคร จ.สงขลา และประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เวลา 15.00 น. โดยมี พล.ต.ท.สำราญ  นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธี

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เสียสละจากเหตุการณ์ครั้งนี้

แหล่งท่องเที่ยว กองทัพเรือ พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 ที่สวยงามและยั่งยืน

ระหว่างวันที่ 22 - 25 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา พลเรือเอก สมประสงค์  วิศลดิลกพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพเรือ และผู้อำนวยการการท่องเที่ยวกองทัพเรือ พร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมและประเมินผลแหล่งท่องเที่ยวกองทัพเรือในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 

โดยมี พลเรือตรี โชคชัย เรืองแจ่ม ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ 2 ให้การต้อนรับ ในการนี้ ได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเทึ่ยวต่าง ๆ ภายในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 อาทิ พระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ แหลมสนอ่อน ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลกองทัพเรือ พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจทฤษฎีใหม่ "โคก หนอง นา" พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 และค่ายพักแรม พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 เพื่อรับทราบ ปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้อง ของแหล่งท่องเที่ยวกองทัพเรือในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 และนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาให้มีความพร้อม ในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับพี่น้องประชาชน ได้อย่างแท้จริง

กองทัพเรือ ให้ความสำคัญในการสนับสนุนพื้นที่ในหน่วยทหาร ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับพี่น้องประชาชนและบุคคลทั่วไป โดยนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ ประจำปี งบประมาณ 68 กำหนดให้ หน่วยของกองทัพเรือพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวภายในกองทัพเรือ ให้สะอาด เรียบร้อย สวยงาม และมีมาตรฐาน

นิราช/พิชญ์ฐญา ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

ผู้แทนชาวน่าน เข้าขอบคุณ ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ หลังช่วยผลักดัน!! ออกโฉนดที่ดิน ได้สำเร็จ

(26 เม.ย. 68) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กรุงเทพฯ นายบุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน และอดีตผู้สมัคร สส.น่าน เขต 1 นายเรืองเดช จอมเมือง อดีตผู้สมัคร สส.น่าน เขต 3 ซึ่งเดินทางมาจาก ต.สะเนียน อ.เมืองน่าน จ.น่าน เป็นตัวแทนประชาชนจังหวัดน่าน ในการแสดงความขอบคุณต่อนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ได้ผลักดันให้การออกโฉนดที่ดินในพื้นที่จังหวัดน่านสำเร็จเป็นรูปธรรม เมื่อครั้งตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย หลังประชาชนต้องรอคอยการพิสูจน์สิทธิและกระบวนการทางกฎหมายยาวนานกว่า 30 ปี โดยการดำเนินการครั้งนี้ครอบคลุมเฉพาะพื้นที่ที่ไม่อยู่ในเขตจำแนกเป็นป่าไม้ถาวร หรือที่ดินต้องห้ามออกโฉนดตามข้อ 14 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 เช่น พื้นที่สาธารณประโยชน์ เขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติ พื้นที่ลาดชันเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ และที่สงวนหวงห้ามอื่น ๆ

ในครั้งนั้น นายนิพนธ์ ในฐานะผู้กำกับดูแลกรมที่ดิน ได้สั่งการให้กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย สำรวจพื้นที่ที่ประชาชนได้รับผลกระทบ โดยนายนิพนธ์ ได้มอบโฉนดที่ดินให้แก่ประชาชนที่ผ่านการเดินสำรวจและตรวจสอบสิทธิแล้ว เฉพาะในพื้นที่จังหวัดน่านกว่า 2,300 แปลง โดยมีตัวแทนประชาชนจากอำเภอเมืองน่าน เข้ารับมอบโฉนดที่ดิน จำนวนกว่า 50 แปลง ณ และนายนิพนธ์ ยังได้ลงพื้นที่ไปมอบโฉนดถึงบ้านเรือนประชาชนผู้สูงอายุเพิ่มเติมอีกจำนวนกว่า 10 แปลง เพื่ออำนวยความสะดวกและแสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่

โดยในวันนี้ ผู้แทนประชาชนจังหวัดน่าน ที่ได้รับมอบโฉนดที่ดินดังกล่าว ได้เดินเข้าพบนายนิพนธ์ เพื่อแสดงความขอบคุณอย่างเป็นทางการแทนกลุ่มประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ในที่ดินทำกิน ซึ่งสะท้อนถึงความยินดีและความซาบซึ้งใจที่ประชาชนมีต่อนายนิพนธ์ และทีมงาน ที่ได้ดำเนินการผลักดันเรื่องนี้จนประสบความสำเร็จ หลังจากที่ชาวบ้านต้องรอคอยการแก้ไขปัญหามานานหลายทศวรรษ

เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา นำทีมพลังงานไทย สู่เวทีนานาชาติ IEA Summit 2568

เมื่อวันที่ (24 เม.ย. 68) พันเอก เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน ผู้แทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงาน เข้าร่วมประชุม IEA Summit on the Future of Energy Security ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร 

ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-25 เมษายน 2568 โดยมี IEA / UK Government และผู้แทนกว่า 50 ประเทศ, 60 บริษัทพลังงาน และนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เข้าร่วมประชุม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top