Friday, 16 May 2025
NEWSFEED

‘เปิ้ล ไอริณ’ แชร์ประสบการณ์เที่ยวคนเดียวมาแล้ว 43 ประเทศ แต่ไม่มีที่ไหนมีเสรีภาพเท่าไทย ขอทุกคนจงภูมิใจในแผ่นดินเกิด

เมื่อไม่นานนี้ ‘เปิ้ล ไอริณ’ นักแสดง นักร้อง และพิธีกรชาวไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Irin Sriklao (เปิ้ล ไอริณ)’ ขณะกำลังพักผ่อนอยู่ที่หาดทรายแก้ว อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยเธอได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ ‘ว่าด้วยเรื่อง ‘เสรีภาพ’ ที่กำลังเรียกร้อง’ ระบุว่า…

ว่าด้วยเรื่อง ‘เสรีภาพ’ ที่กำลังเรียกร้อง 😁

เราเคยสงสัยว่า ทำไมเราถึงมีจิตวิญญาณรักการท่องเที่ยว รักการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ จนแบกเป้ไปคนเดียว เที่ยวมาแล้ว 43 ประเทศ!!

มาวันนี้ตกผลึกได้ว่า จักรวาลคงอยากให้เราไปสัมผัส ไปให้เห็นกับตา แล้วกลับมา บอกเล่าให้ทุกๆ คนฟัง!!

จากประสบการณ์ที่ได้พบ เราพูดได้เต็มปาก แบบไม่ลำเอียงเลย ว่า ประเทศไทยเรา ช่าง ‘มีเสรีภาพมากที่สุด’ ทั้งในเรื่องการใช้ชีวิต การท่องเที่ยว และการทำมาหาเลี้ยงชีพ ประเทศเรา จะตั้งโต๊ะหน้าบ้าน ขายหมูปิ้ง ขายก๋วยเตี๋ยว ขายโจ๊ก ปลาท๋องโก๋ (ปาท่องโก๋) จะตกปลา หาผักริมทาง จะปั่นรถขายกาแฟ รถขายไก่ย่างส้มตำ ตลาดนัด ถนนคนเดินไม่ต้องพูดถึง ไปทะเล ของอร่อยๆ ขายกันตามฟุตบาธ ตามริมหาดมีของแบกขาย จะนั่งริมหาดไหนนั่ง จอดรถริมหาดตรงไหนก็ได้ แต่ที่ต่างประเทศ คุณทำไม่ได้ค่ะ!! แล้วทะเลไทยสวยจริง น้ำทะเลบ้านเรา ก็ไม่หนาวเย็นเหมือนแถบยุโรป!

นี่เรายังไม่เคยไปประเทศไหน ใจดีอนุญาตให้พาหมา ไปพายเรือ ว่ายน้ำเล่น ในกองฐานทัพเรือได้เลย!! แถมน้ำใสกริ๊ง คาเฟ่ในไทยก็มีเยอะ น่านั่งจนต่างชาติทึ่ง!!

จงรักประเทศไทยเรากันเถอะค่ะ ขวานทองของไทยนี้ มีดี มีเสน่ห์ มีเสรีภาพมากมาย ชนชาติที่ว่าเจริญแล้ว ครั้งหนึ่งในชีวิต ยังขอบินข้ามซีกโลกมาชื่นชมบ้านเราเลย เพราะ นอกจากมีธรรมชาติงดงาม มาละคุ้มค่าเงิน ที่พักถูก ค่าอาหารเบาๆ ที่มีรสชาติขึ้นชื่อ ไทยเรายังมีความปลอดภัยแบบสุดๆ และมีเสน่ห์จากรอยยิ้ม และมิตรภาพของผู้คนอีกด้วย

เราเอง เคยคิดอยากย้ายประเทศ แต่กะจะขอเที่ยวทุกจังหวัดก่อน สุดท้ายโดนตก ไม่ไปไหนละ 😁

อ่านแล้ว ขอให้รัก และภาคภูมิใจในแผ่นดินเกิดของพวกเรา และมองให้เห็นเสรีภาพ ที่เราอาจคุ้นชิน จนลืมให้ค่า และลองหันมาเห็นค่าให้มากๆ ขึ้นนะคะ

บอกเลย!! คุณโชคดีที่สุดแล้ว ที่ได้เกิดเป็นคนไทย 🥰💕🇹🇭

ทั้งนี้ หลังเปิ้ล ไอริณโพสต์ข้อความดังกล่าวออกไป ได้มีผู้เข้ามาแสดงความเห็นชื่นชมและให้กำลังใจเปิ้ล ไอริณเป็นจำนวนมาก โดยหลายคนระบุว่า “รักเมืองไทยที่สุด”

เปิดชีวิตแต่งงาน ‘แองจี้ เฮสติ้ง’ กับสามีเศรษฐีบ่อน้ำมันชาวคูเวต หลังอำลาวงการบันเทิงไปสวมบทบาทใหม่เป็นคุณแม่ลูก 2

(5 ก.ค. 66) อดีตนักแสดงสาว แองจี้ เฮสติ้ง ที่วันนี้จะมาเปิดชีวิตหลังอำลาวงการไปแต่งงานกับนักธุรกิจเศรษฐีบ่อน้ำมัน ชาวคูเวตกว่า 8 ปี พร้อมบทบาทใหม่เป็นคุณแม่ลูก 2 แถมเล่านาทีชีวิต รกพันคอลูก ต้องคลอดก่อนกำหนด ผ่านทางรายการคุยแซ่บ show ทางช่องวัน 31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และบูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ตั้งแต่แต่งงานจนถึงตอนนี้กี่ปีแล้ว?
แองจี้ : ประมาณ 8 ปีแล้ว คือเราแต่งงานไป เราตั้งใจแล้วว่าเราลาวงการ แล้วยังไม่มีโอกาสได้กลับมาออกรายการด้วย ไปอยู่ที่นู่นด้วย โควิดด้วย คือไม่พร้อม

ก่อนแต่งคบมานานเท่าไหร่?
แองจี้ : กว่าจะได้แต่ง กว่าจะให้เขารู้ตัวว่าเราเป็นโซลเมทใช้เวลานานมาก 10 ปี บวกอีก 8 ปี เป็น 18 ปี

ย้อนไปตอนนั้นพี่ทำยังไง ให้เขารู้ว่ายูคือโซลเมทของฉันนะ ขอฉันแต่งงานได้แล้ว?
แองจี้ : ตอนนั้นคบได้ 9 ปีแล้ว ก็บอกเขาถึงเวลาแล้วนะ ยูควรจะตัดสินใจเพราะว่าในตอนนั้น เรา 35 แล้ว เราต้องตัดสินใจว่าจะไปทางไหน จะเป็นนักแสดงเต็มตัวเลย หรือว่าเป็นเวิร์คกิ้งวูแมนไปเลยไม่ต้องแต่งงานก็ได้ เลยบอกสามีว่าฉันให้เวลาอีกปีหนึ่งนะ ถ้าไม่ขอฉันแต่ง ฉันจะตัดขาด ตั้งใจที่จะทำงานต่อ แล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไร แต่เราก็มั่นใจว่าเขาต้องขอเราแน่ๆ

แล้วทำยังไงอยู่ๆ เขามาขอเรา?
แองจี้ : ตอนเขามาขอเรา เราคิดเลยว่าเขาต้องจัดฉากโรแมนติกนู่น นี่ นั่น แต่ตอนเขาขอแต่งงานเขาไม่ได้จัดฉากอะไรเลย เราก็ไม่รู้ตัวด้วยว่าเขามาขอ เหมือนเขาจะหลอกเราไปถ่ายรูป เขาเป็นคนชอบถ่ายรูป เขาพาไปถ่ายที่แบบเหม็นๆ ที่คูเวต เขาบอกยูมาถ่ายรูปหน่อย รอนานแล้ว ยูจะผูกรองเท้าอะไรนักหนา แล้วเขาก็ดึงแหวนออกมาจากรองเท้า แล้วหน้าเราก็แบบ โอ้โห…

ถ้าย้อนไป 8 ปีที่แล้ว MTV และละครบูมมาก อะไรที่ทำให้พี่ยุติวงการบันเทิง?
แองจี้ : ตอนที่แต่งงานกับเขาจี้ยังไม่ได้ย้ายนะ ยังถ่ายละครอยู่ ยังรับงานอยู่ประมาณปีกว่าเกือบ 2 ปี เขาบอกว่ายูแต่งงานนะ ยูเป็นภรรยาของฉันนะ ทำไมยูยังไม่ย้าย ทำไมยังถ่ายละครอยู่ เราก็ลืมไป ไม่ได้คิดว่าแต่งงานเสร็จเราต้องย้าย เราคิดว่าแต่งงานก็คือแต่งงาน

มันเป็นกฎของครอบครัวคนคูเวตหรือเปล่าต้องย้าย?
แองจี้ : คือเราแต่งงาน เราต้องอยู่ด้วยกันใช่ไหม จี้ลืมไป ไม่ได้คิดว่าเราแต่งงาน เราต้องย้าย เพราะเราอยู่แบบนี้มา10 ปี ลืมไปเลย

พอละครปิดกล้องก็ไป?
แองจี้ : ก็กลับไปเลย เขาแต่งงานกับเราเนี่ย เขาขอร้องให้เราย้ายไปอยู่กับเขา มันก็ต้องตัดสินใจย้ายไปอยู่ ก็ทำใจเราชอบการแสดงมาก พอตัดสินใจเราต้องเด็ดขาด

บางคนก็บอกว่าเราโชคดีจังเลย สามีมีฐานะ หนูตกถังข้าวสาร ตอนนั้นตัวเราเองที่รักกันมา 10 ปีกว่าจะได้แต่งงาน เรารู้สึกยังไง?
แองจี้ : ตอนที่ย้ายไปอยู่ที่คูเวต คิดเหมือนกันว่านี่คือชีวิตเราเหรอ อยู่บ้านใหญ่โต ตื่นมาสามีก็ไปทำงาน แล้วเราก็เดินแบบทำตัวไม่ถูกจริงๆ มันไม่ใช่เราไง เราเป็นคนทำงานตั้งแต่เด็ก มันชินกับลูทีนที่เราต้องตื่นไปถ่ายละครแต่เช้าแล้วกลับบ้าน ล้างหน้าแล้วกลับไปนอน เช้ามาก็ไปทำงานเหมือนเดิม คือมันเปลี่ยนไปเยอะเลย เราไม่รู้จะทำอะไรกับตัวเองพอไปอยู่ประเทศที่ไม่เหมือนบ้านเรา ไปอยู่ประเทศที่มีแต่ทะเลทราย ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติ ไม่มีพ่อ แม่

จริงไหมที่สามีคุณคือเศรษฐีบ่อน้ำมัน?
แองจี้ : ทำงานน้ำมัน แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของบ่อน้ำมัน

ไปอยู่วันแรกเจ้าหญิงเลย?
แองจี้ : ลงมาก็มีคนดูแล ที่บ้านเขาจะเรียกเรามาดาม จี้มีพนักงานประมาณ 14-15 คน ที่บ้านอยู่กันมีแองจี้ สามี พ่อสามี ทั้งหมด 3 คน

แล้วมีพนักงาน 14 คน?
แองจี้ : ก็มีกุ๊ก มีคนละชั้นกัน บ้าน 4 ชั้นครึ่ง

อาทิตย์หนึ่งหรือเป็นเดือนกว่าจะปรับตัวได้?
แองจี้ : ก็นาน เดินไปเดินมา ตายแล้วสามีจะให้เราทำผมทุกวันเลยเหรอ ทำเล็บทุกวันเลยเหรอ มันไม่ใช่เราแล้ว เราต้องหาอะไรทำ แต่เราก็ไม่รู้ไง ภาษาเราก็ไม่ได้ อะไรที่ถนัดก็คือความสวยความงาม ก็เลยหาธุรกิจที่ไม่เหมือนคนอื่นแล้วทำ นั่นคือนำเข้าแบรนด์จากเกาหลีมาขายที่คูเวต และเป็นเจ้าแรก ตอนนั้นไม่มีตลาด มันยังใหม่ เมื่อ 5 ปีที่แล้วเขายังไม่รู้เลยว่าเกาหลีคืออะไร

ตอนแรกยากไหม?
แองจี้ : ยาก แต่ก็ไม่เท่าไหร่ เพราะจี้มีพาสเนอร์เป็นอินฟูที่ดังมากอยู่แล้ว เขาช่วยสื่อสารภาษาให้กับฟอลโลเวอร์ว่ามันเป็นของเกาหลี ราคาก็ได้ ราคาก็ดีเทียบกับลัคชูรีแบรนด์

แล้วสามีที่เขาคาดหวังให้เราทำเล็บทุกวัน ทำผมทุกวัน?
แองจี้ : ก็อธิบาย สามีบอกเธอไม่อยากเป็นมาดามเหรอ เธอแปลกมากเลยนะคนอื่นเขาอยากเป็นมาดาม ไม่ต้องทำอะไร แต่เราเป็นคนทำงานตั้งแต่เด็ก

แล้วอย่างนี้ขัดใจสามีไหม?
แองจี้ : เขาคงงงๆ จริงๆ ที่นู่นเขาไม่อยากให้ผู้หญิงทำงาน เราก็อธิบายแล้วเขาก็เข้าใจแหละว่าเราอยู่อย่างนั้นไม่ได้เราต้องทำงาน เพราะถ้าอยู่อย่างนั้นเราเครียดนะ ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครเลย ไม่มีสังคม จะอยู่บ้านกับสามี เราก็อยากออกไปทำงาน มีรายได้นิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดี แต่ตอนนั้นยังไม่มีลูก

แล้วอะไรที่ตัดสินใจว่าคุณสามีเราต้องมีลูก?
แองจี้ : เราก็นอนกระดิกเท้ากัน นี่พ่อ แม่ ฉันมาพูดแล้วนะว่าเมื่อไหร่จะมีลูกสักที อยู่ด้วยกันมา 2-3 ปีแล้วนะแล้ว ทำไมยังไม่มีทายาทสักคน ยูก็แฮปปี้ ไอก็แฮปปี้ ทำไมต้องมีลูกด้วย เขาพูดมาว่าเนี่ย เขาขอร้อง

ฝั่งครอบครัวเขาอยากได้ เราก็เปลี่ยนใจตามเขา แต่การขอร้องไม่ธรรมดา เขามาเป็นแพ็คเกจโรงพยาบาล?
แองจี้ : ใช่ เขานัดหมอให้เรียบร้อยเลย แล้วเขาก็พาแองจี้ไปด้วย ให้ไปตรวจร่างกาย ไปตรวจเลือดทุกอย่าง

ฝากไข่มีไหม?
แองจี้ : ใช่ เขาเร่งไง เขาบอกว่าไม่ต้องธรรมชาติแล้ว จี้ทำ IVF 9 รอบ ใน 2 ปี ถามว่าเจ็บไหม ไม่นะ แต่มันเป็นการเดินทางที่เหงา โดดเดี่ยว ฮอร์โมนเราปรับขึ้นๆ ลงๆ บางวันเราร้องไห้ไม่อยากทำ มันทำให้เราปั่นป่วน คือหมอที่เราทำ ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นผู้หญิงคุณต้องมีลูกแล้ว หมดหนทางแล้ว มันทำให้เราคิดว่าตายแล้ว เราแก่เหรอ มันทำให้เราเศร้านะ หมอจะพูดเลยว่าสุดทางแล้วนะ แก่แล้วนะ รีบๆ แล้วจี้ก็กลับมาทำหมอที่เมืองไทยด้วย

พอติดก็พาน้องไปคลอดที่อังกฤษ?
แองจี้ : จี้รู้สึกว่ามันปลอดภัยกว่า แล้วเราเป็นลูกครึ่งอังกฤษ อยากไปคลอดโรงพยาบาลที่เราคุ้นเคย แล้วอยากพาครอบครัวเราไปอยู่กับเราด้วย จี้ไม่อยากให้พ่อ แม่จี้มาอยู่ที่คูเวต

แล้วฝั่งสามีไปอังกฤษไหม?
แองจี้ : เขาไม่ได้ไปค่ะ เพราะว่าเขาทำงานหนัก เขามีงานที่ต้องทำไปไม่ได้ ดีแล้วสำหรับจี้ จี้อยากอยู่กับคุณพ่อ คุณแม่

จริงไหมที่ท้องได้ 7 เดือน คนนี้ต้องรีบออก?
แองจี้ : ใช่ ถ้าเราเดินทาง มันจะมีระยะเวลาที่เราเดินทางบนเครื่องบินได้ ถ้าเลย 7 เดือนเขาจะไม่ให้ขึ้นเครื่อง แต่จี้ก็เลยมาแล้ว เลยบอกเขาว่าท้อง 5 เดือน

พอไปน้องคลอดตอน 7 เดือนมันมีภาวะยังไง?
แองจี้ : มันจะมีกำหนดผ่า เพราะถ้าเราเลย 40 แล้วเขาจะไม่ให้เราคลอดธรรมชาติ เขาให้เรากำหนดวันเลยว่าจะผ่าวันไหน ประมาณ 35 วีค ตกเลือด ตกใจเหมือนกัน เลยบอกแม่เลือดออกมาเยอะมากเลย ทำยังไงดี เราตกใจ ช็อก คุณแม่บอกว่าเราต้องรีบไปหาหมอ เขาบอกว่าลูกไปโดนสายสะดือ แล้วมันทับสะดือแล้วมันก็ขาด เลยรีบผ่าด่วน

ตอนนั้นหมอได้บอกไหม มีภาวะอันตรายอะไร?
แองจี้ : เราเสียเลือดเยอะ เราอาจจะช็อก ตัวเด็กเนี่ยก็ขาดออกซิเจน เพราะหัวใจเขาก็เริ่มช้าลง เขาเลยรีบผ่าออก

พอทราบข่าวเราจะคลอด คุณสามีว่ายังไงบ้าง?
แองจี้ : ตอนนั้นจี้ไม่ได้พูด เพราะจี้อยู่ในห้อง ให้คุณแม่กับน้องสาวคุยกับสามี เขาก็คงตกใจและตื่นเต้นแหละ แต่พูดไม่ออก

บินตามมาเลยไหม?
แองจี้ : เขาก็บินตามมาภายใน 2 วัน เพราะที่คูเวตถ้าเราจะบิน เราต้องทำวีซ่าก่อน ไม่ใช่ว่าจะไปขอแล้วได้เลย ต้องทำออนไลน์

พอมีน้องแล้วอยู่ที่อังกฤษแป๊บนึงแล้วค่อยบินกลับไปที่คูเวต คุณพ่อสามีว่ายังไงบ้าง?
แองจี้ : หลานคนแรกที่เป็นผู้ชาย แล้วเป็นทายาทของทางครอบครัวคนแรกด้วย

คนนี้มาด้วยวิทยาศาสตร์ แต่คนที่ 2 ธรรมชาติล้วนๆ?
แองจี้ : ใช่ ช่วงโควิดมั้ง เขามาเอง เพราะว่าผู้หญิงไม่ควรจะเครียด อารมณ์ดี นอนหลับเพียงพอ กินดีอยู่ดี ร่างกายมันจะสมบูรณ์

แต่พอมีลูกแล้วอาการซึมเศร้าหนักกว่า?
แองจี้ : เพราะว่าเรากลัวไปหมด กลัวว่าลูกจะเป็นอะไรหรือเปล่า เราเลี้ยงดีหรือเปล่า เราให้นมได้หรือเปล่า มีนมหรือเปล่า มันหลายๆ อย่าง มันก็เครียด หนักก็คือทั้งบ้านเป็นโควิดหมดเลย 14 คน รวมสามีด้วย ช่วงสามีเป็น เป็นโควิดสายพันธุ์แรกที่แรง เขาโดนไปอยู่โรงพยาบาลเลยเป็นหลายอาทิตย์

ตอนนั้นก็หนักเหมือนกัน มีภาวะยังไงบ้าง?
แองจี้ : มันชา ไม่มีความรู้สึก เหมือนเรารักเขานะ แต่เหมือนเราไม่เต็มที่ เรานอนน้อยด้วย แล้วอะไรหลายๆ อย่างทำให้เราชาไปหมดเลย ไม่มีความรู้สึก

6 เดือน เอาครูมาสอนลูกแล้ว?
แองจี้ : ใช่ สอนการสื่อสาร การดูรูปภาพ การฟัง แล้วก็ให้ไปเรียนว่ายน้ำด้วย จี้ยอมรับว่าตัวเองไม่ได้เป็นซุปเปอร์มัมและไม่คิดที่จะเป็นซุปเปอร์มัม และไม่คิดว่าแม่บ้านหรือแด๊ดดี๊ต้องมาสอนลูก ก็เลยเอาครูมาสอน เพราะเรารู้สึกว่าเราเป็นแม่ที่ไม่ดีพอ แล้วการเรียนตั้งแต่ 6 เดือนช่วยนะ เขาพูดเก่งมาก

ทำไมถึงกลัวลูกคนที่ 2 เป็นผู้หญิง?
แองจี้ : จี้รู้สึกว่าที่คูเวตยังไม่พร้อมสำหรับเพศหญิง คือจะไม่เท่าเทียมกัน จี้รู้สึกว่าผู้หญิงน่าจะเลี้ยงยากกว่าผู้ชาย

คำว่าไม่เท่าเทียมคืออะไร หมายถึงสิทธิเหรอ?
แองจี้ : ถูกต้องค่ะ ผู้ชายจะได้มากกว่าผู้หญิง มันยังไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งพอหมอบอกว่าเป็นผู้ชายก็โล่งอก อย่าลืมนะที่คูเวตผู้ชายสามารถมีเมียได้ 4 คน แต่สามีมีคนเดียว แต่เขาก็จะขู่เหมือนกัน มีได้นะ 4 คน เราก็ขู่กลับ ขออนุญาตก่อนไหม

อยากมีลูกต่ออีกคนไหม?
แองจี้ : ไม่ค่ะ พอแล้ว แต่จี้ฝากไข่ สามารถที่จะมีเมื่อไหร่ก็ได้ แต่สามีบอกว่า 2 คนโอเคแล้ว พอแล้ว

แฟนคลับฟิน!! ‘ณเดชน์-ญาญ่า’ อวดรูปคู่หวานฉ่ำ พร้อมอวดโมเมนต์คลั่งรัก อิงแอบจนแก้มแนบแก้ม

เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 66 เรียกว่าความหวานไม่มีแผ่วเลยจริงๆ  สำหรับสองนักแสดงซุปตาร์อย่าง ‘ณเดชน์ - ญาญ่า’ นับวันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะเพิ่งจะครบรอบ 2 เดือนที่ ณเดชน์ คุกเข่าของแฟนสาวแต่งงาน

ล่าสุด ‘ณเดชน์’ ได้ควง ‘ญาญ่า’ แต่งตัวในธีมเดียวกัน โพสต์ภาพ อวดความหวานคลั่งรัก ผ่านอินสตราแกรม ด้วยคุมโทนชุดคู่ พร้อมแก้มแนบแก้มอิงแอบซบกัน พร้อมแคปชั่นว่า “กรุบกริบ นุ่มหนับ อุ๊งอุ๊ง”

‘เอม วิทวัส’ เปิดใจหลัง ‘ตั๊กแตน’ โทรขอโทษ เผย ยังเสียใจอยู่ เพราะถูกด่าในสิ่งที่ไม่ได้ทำ

(5 ก.ค. 66) จากกรณีความขัดเคืองใจจนกลายมาเป็นปมระหว่าง ‘ตั๊กแตน ชลดา’ กับ ‘จ๊ะ อาร์สยาม’ และ ‘เอม วิทวัส’ ที่สาเหตุนั้นดูเหมือนจะมีจุดเริ่มต้นจาก ‘เวลาในการขึ้นแสดงคอนเสิร์ต’ ที่ทั้งคู่ไปร่วมงานเดียวกัน แล้วเวลาโชว์ไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ ก่อนเรื่องจะลุกลาม

โดยสาเหตุของการทะเลาะกันครั้งนี้ ชาวเน็ตได้สรุปว่า มาจากคิวที่ขึ้นงานแสดงระหว่าง 3 คน คือ ‘ลำไย ไหทองคำ’, ‘จ๊ะ นงผณี’ และ ‘ตั๊กแตน ชลดา’

แม้ล่าสุดทางตั๊กแตนได้โทรไปขอโทษเอมแล้วนั้น และล่าสุดทาง ลำไย ได้ออกมาชี้แจงเรื่องในมุมของตนเองแล้วนั้น

ล่าสุด เอม วิทวัส ได้เปิดเผยถึงเรื่องนี้กับ 'วันบันเทิง' ว่า ตั๊กแตนได้ติดต่อผ่านมาทางผู้จัดการและได้ขอโทษตนเองและคุณย่าของตนกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว

เอม ขอบคุณที่ตั๊กแตน ขอโทษและสำนึกผิด ส่วนตัวให้อภัย แต่ก็ยังเสียใจอยู่ที่ต้องมาถูกด่าเยอะมากในสิ่งที่ไม่ได้ทำ

ทั้งนี้ เอมเน้นย้ำว่า ขอจบปัญหา ไม่อยากต่อความยาว และไม่อยากมีเรื่องกับใครแล้ว

ภรรยา ‘เอส กันตพงศ์’ อัปเดตอาการสามี หลังเข้าผ่าตัดใส่เครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจ

(5 ก.ค. 66) หลังจากที่ ‘คิตตี้ คริสติน่า’ ภรรยาของพระเอกหนุ่ม ‘เอส กันตพงศ์’ ออกมาโพสต์ขอกำลังใจจากแฟนคลับ ให้สามีเข้ารับการผ่าตัดใส่เครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติอย่างราบรื่น ล่าสุดคิตตี้ก็ได้ออกมาอัปเดตอาการของเอส โดยได้โพสต์ภาพถ่ายครอบครัวพร้อมเขียนข้อความว่า…

“I would like to update that the operation of my husband @s_kantapong went well.
S is still in quite some pain but is recovering well so far without any complications.
This picture was taken before the operation and Valentina took the part of supporting her Papa very serious and also tried to cheer him up afterwards.
Thank you everyone for the overwhelming support. We are truly thankful 🙏🙏🙏

ฉันขออัพเดทเรื่องการผ่าตัดของสามีของฉัน @s_kantapong ผ่านไปได้ด้วยดี
S ยังคงมีอาการเจ็บแผลอยู่บ้าง แต่ขณะนี้มีอาการฟื้นตัวได้ดี โดยไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ 
ภาพนี้ถ่ายก่อนการผ่าตัดและวาเลนตินาเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนอย่างจริงจังและให้กำลังใจพ่อของเธอจนถึงตอนนี้
ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนอย่างล้นหลาม พวกเราขอบคุณจริงๆครับ 🙏🙏🙏

#bumrungrakfamily #เอสกันตพงศ์ #เอส #s_kantapong #valentinaerikab #prayforus #happyfamily #familygoals #thankfulgratefulblessed”

คิกออฟ 'เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 66' กิน-ช้อป-เที่ยวแบบอันซีนที่ศูนย์สิริกิติ์ ใต้อัตลักษณ์ 5 ภูมิภาคสุดคูล ที่สายเที่ยวไม่ควรพลาด

งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2566 จัดขึ้นปีนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 41 ภายใต้แนวคิดนวัฒนธรรม นำนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ร่วมถ่ายทอดอัตลักษณ์ของ 5 ภูมิภาคในมุมมองสุดอันซีน โดยมีความพิเศษก็คือมีการย้ายสถานที่จัดงานจากสวนลุมพินี มาจัดที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่วันที่ 2-6 สิงหาคม 2566 ข้อดีของการย้ายมาจัดที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ก็คือมีสถานกว้างขวางพร้อมที่จอดรถรองรับอย่างเพียงพอ และสามารถป้องกันปัญหาฝนตกในช่วงนี้ได้ จึงทำให้เราสามารถมาเที่ยวได้แบบชิลๆ โดยไม่ต้องกลัวฝน แถมยังมาพร้อมกับคอนเทนต์น่าสนุกและของกินของขายมากมายภายในงาน 

งานนี้จัดขึ้นที่ชั้น LG ในศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยจะมีการแบ่งโซนในงานออกเป็น 5 ภาค ได้แก่ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ กระจายอยู่ทั่วพื้นที่

โดยแต่ละภาคก็จะขนเอาของดีของเด่นของแต่ละภาคมาจัดแสดงโชว์กัน ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ขึ้นชื่อ ก็จะมีการจำลองรูปแบบมาให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป เช็กอินกันแบบเก๋ๆ เรียกได้ว่ามางานเดียวเหมือนได้ไปเที่ยวทั่วเมืองไทยเลย

ในส่วนของกินภายในงานก็ต้องบอกเลยว่าจัดเต็มอลังการมาก อาหารถิ่นของแต่ละภาคถูกนำมาวางขายตามภาคของตัวเอง อยากกินอาหารเหนือ อาหารอีสาน อาหารภาคกลาง อาหารภาคใต้ หรืออาหารภาคตะวันออก ก็สามารถไปเดินเลือกซื้อหากันภายในงานได้อย่างจุใจ แถมราคาไม่แพงด้วย มาฝากท้องกันได้ทุกวัน

นอกจากนี้ภายในงาน ก็ยังมีเวทีคอนเสิร์ตกระจายอยู่ตามภาคต่างๆ พร้อมกับศิลปินนักร้องที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาสร้างความสนุกให้กับผู้ร่วมงานในทุกวันด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งงานที่ไม่ควรพลาด ต้องไปเดินเที่ยว เดินช้อป และหาของกินอร่อยๆ ว่าแล้วก็รีบไปที่ ศูนย์สิริกิติ์กันเลย

ข้อมูลเพิ่มเติม
สถานที่จัดงาน : ฮอลล์ 5-8 ชั้น LG ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 60 ถ. รัชดาภิเษก แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
พิกัด : https://goo.gl/maps/Xd8vsqJpcUvuHPHD6
ระยะเวลาจัดงาน : 2-6 สิงหาคม 2566 เวลา 10.00 – 21.00 น

ครั้งหนึ่งในชีวิต!! 'จี้เพ็ก' ยูทูปเบอร์อาหารภูเก็ต รุ่นคุณย่าวัย 78 เข้ารับพระราชทานโล่ประกาศเกียรติคุณในงานวันสตรีไทยดีเด่นประจำปี 66

(4 ส.ค.66) เพจ 'Phuket OK' ได้โพสต์ข้อความแสดงความยินดีกับ นางปราณี มานะจิตต์ 'จี้เพ็ก' อายุ 78 ปี ยูทูปเบอร์อาหารภูเก็ต รุ่นคุณย่า ซึ่งแจ้งเกิดจากเมนู 'หมูฮ้อง' และเข้ารับพระราชทานโล่ประกาศเกียรติคุณในงานวันสตรีไทยดีเด่นประจำปี 2566 ว่า...

คนภูเก็ต เข้ารับพระราชทานโล่ประกาศเกียรติคุณในงานวันสตรีไทยดีเด่นประจำปี 2566 ของสภาสมาคมสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ 

คนชอบเข้าครัว ต้องรู้จักจี้เพ็ก เจ้าของช่องยูทูปชื่อดัง 'จี้เพ็ก สองแม่ลูกเข้าครัว' ยูทูปเบอร์รุ่นคุณย่า ที่มีผู้ติดตามกว่า 4 แสนคน ยอดวิวมากกว่า 50 ล้านวิว คอยบอกเล่าวิธีทำเมนูอาหารภูเก็ต ส่งต่อความสุขด้วยสูตรเด็ดเคล็ดลับความอร่อย เป็นแรงบันดาลใจให้คนเข้าครัวทำกับข้าวตามสูตรที่จี้เพ็กสอน

เมนูแรกที่ทำให้ผู้ติดตามรู้จักจี้เพ็ก คือ หมูฮ้อง อาหารคนภูเก็ต จากนั้นก็มีเมนูอื่นๆ มาให้ติดตามเรื่อยๆ จนมีแฟนคลับเหนียวแน่น นอกจากเป็นยูทูปเปอร์แล้ว จี้เพ็กยังทำงานจิตอาสาสอนทำอาหารและขนมในโรงเรียน ชุมชน ช่วยเหลือสังคม Phuket OK จึงไม่แปลกใจเลยที่จี้เพ็กได้รับการเสนอชื่อ และ ได้รับคัดเลือกเข้ารับรางวัลฯ

จี้เพ็ก คือ คนภูเก็ต ที่เราภูมิใจ

‘อิม เฟี้ยว์ฟ้าว’ อัปเดตคดี ‘อดีตผู้จัดการยักยอกทรัพย์’ เผย ให้อภัยไม่เอาความ หลังอีกฝ่ายยอมรับผิด-คืนเงิน

หลังจากก่อนหน้านี้ นักแสดงสาว เฟี้ยว์ฟ้าว สุดสวิงริงโก้ ได้มีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล เดินหน้าฟ้องร้องกับอดีตผู้จัดการส่วนตัว ในข้อหาคดียักยอกทรัพย์ หลังร่วมทำธุรกิจทัวร์ท่องเที่ยวพม่าด้วยกัน

ล่าสุด (4 ส.ค.66) เฟี้ยว์ฟ้าว ได้ออกมาอัปเดตคดีเกี่ยวกับผู้จัดการผ่านทางอินสตาแกรม โดยระบุว่า…

“คดีเกี่ยวกับ..#อดีตผู้จัดการเฟี้ยว์ฟ้าว ที่มีการ.. #ยักยอกทรัพย์ และอีก #ยักยอกทัวร์พม่า ที่ผ่านมานั้น

อิมขอแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีในครั้งนี้

#อดีตผู้จัดการส่วนตัวได้ให้การยอมรับสารภาพผิดต่อศาล และ ได้ชดใช้คืนเงินให้อิม #ในสิ่งที่อดีตผู้จัดการได้ยักยอกไป ต่อหน้าศาลในวันที่ 3 สิงหาคม 2566

ซึ่งคดีนี้...อดีตผู้จัดการส่วนตัวได้ยักยอกไป เป็นการกระทำที่ผิด และ เป็นสิ่งที่ไม่ดี เราได้ทำการแจ้งความฟ้องร้องดำเนินคดีมาเป็นระยะเวลานานพอสมควร เพราะเกิดในช่วงสถานการณ์โควิดช่วงรุนแรง ทำให้คดีเกิดความล่าช้าไปบ้าง (โดยที่อิมได้เคย..ชี้แจงต่อสื่อมวลชน และทุกคนไปบ้างแล้วนั้น)

**ในครั้งนี้***

เห็นว่ามีการยอมรับสารภาพผิด อิมก็พร้อมจะให้อภัยและไม่เอาความในคดีนี้ ถือว่าคดีนี้ได้สิ้นสุดต่อกัน แต่หากยังไม่กลับตัวกลับใจอีก อิมก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไปเน้อ

อิมขอขอบคุณศาลในความยุติธรรม ตลอดถึง #ทนายวิน ที่เคียงข้างสู้คดีความด้วยคุณธรรมและความถูกต้อง #และที่สำคัญ #อิมขอบคุณทุกๆคน ที่คอยเมตตาให้กำลังใจเสมอมาเน้อ ขอบคุณมากๆนะคะ”

‘ปอย ตรีชฎา’ อัปเดตทริปปีนเขาช่วงฮันนีมูน ได้แผลถลอกทั้งตัว แต่สามีดูแลไม่ห่าง

เรียกว่าชีวิตหลังวิวาห์แฮปปี้มีความสุขสุด ๆ สำหรับคู่สามีภรรยา ‘ปอย ตรีชฎา หงษ์หยก’ และ ‘โอ๊ค บรรลุ’ ซึ่งทั้งสองออกทริปฮันนีมูนที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้มีการไปทำกิจกรรมปีนเขาที่ยอดเขามัทเทอร์ฮอร์นด้วยกัน

โดยล่าสุดสาวปอย ได้ปล่อยโมเมนต์พิเศษอัปเดตความหวานกันแบบข้ามทวีป ซึ่งในทริปนี้ทั้งสอง เลือกที่จะไปผจญภัยในสไตล์ที่ชอบ นั่นก็คือการปีนขึ้นยอดเขา Matterhorn พร้อมกับเก็บภาพบรรยากาศความสวยและความประทับใจมาฝากแฟน ๆ ผ่านโซเชียล

แม้ว่างานนี้สาวปอยจะได้รับบาดเจ็บจนมีแผลถลอกทั่วร่างกาย ทั้งมือ ทั้งหัวเข่า แต่คุณสามี ‘โอ๊ค บรรลุ’ ก็คอยดูแลไม่ห่าง เรียกได้ว่าทริปนี้แม้จะเหนื่อยบ้างเจ็บบ้าง แต่ความหวานนั้นอยู่ในระดับสิบเกินต้านเลยจ้า

‘เมย์ พิชญ์นาฏ’ เล่าโมเมนต์ตอนถูกขอแต่งงาน พร้อมเผยแผนงานวิวาห์และอนาคตครอบครัว

(4 ส.ค. 66) หลังจากร่วมงานบวงสรวงละครเรื่อง ‘บุหงาส่าหรี’ ของช่องวัน 31 ที่อาคารจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ วันนี้ (4 ส.ค. 66) แล้วทุกคนก็บอก ‘เมย์ พิชญ์นาฏ สาขากร’ เป็นเสียงเดียวว่า “ดูมีออร่ามาก” ซึ่งพอได้ยินเจ้าตัวก็ย้อนถาม “จริงหรอคะ?” พร้อมกล่าวว่า “ก็คงเป็นแบบนั้น มีความสุขค่ะ” บอกพลางยิ้มกว้าง

ทั้งนี้ สาวเมย์ พิชญ์นาฏ ยังได้เล่าอีกว่า ตอนที่ถูกขอแต่งงาน เธอไม่รู้จะบอกกับทุกคนอย่างไรดี เพราะคู่ของเธอไม่ได้มีโมเมนต์แบบฝ่ายชายคุกเข่าขอ พร้อมสวมแหวนเพชร

“เขาพาเราไปทานข้าวย้อนหลังวันเกิด แล้วอยู่ดีๆ ก็ถามคำถามมากมาย ว่าชอบของขวัญชิ้นไหน ตอนคบกันชอบไปเที่ยวไหน ถามเยอะมาก เราก็ว่าวันนี้ทำไมถามเยอะ แล้วคำถามสุดท้ายพร้อมแต่งงานหรือยัง อยากแต่งหรือยัง เขาพร้อมแล้ว อะไรแบบนี้ แล้วเขาก็บอกว่ายังไม่มีแหวนนะ จะถามว่าอยากไปเลือกด้วยกันไหม หรืออยากให้เขาเลือกมาเลย เพราะเขากลัวไม่ถูกใจ เราก็งงนิดนึง ว่านี่คือขอแต่งงานหรืออะไร เลยบอกว่าให้เขาไปเลือกเลยละกัน แหวนอะไรก็ได้ แล้วเดี๋ยวเรากลับไปถามที่บ้านก่อน ว่าโอเคกับเธอไหม แล้วเธอกลับไปถามพ่อแม่เธอก่อน ว่าโอเคกับเราไหม แล้วเอาพ่อแม่มาเจอกัน ก็ผ่านไปแบบเร็วมาก เรียบง่ายมาก” เมย์ เล่า

พร้อมเล่าอีกว่า หลังเวลาผ่านไปสักระยะ จึงตัดสินใจบอกผ่านอินสตาแกรมโดยใช้รูปที่ถ่ายด้วยกันตอนวันวาเลนไทน์มาลง

ส่วนเรื่องการคุกเข่าขอแต่งนั้น เมย์ เล่าว่า “ตอนนั้นอยากมีนะ คือแบบ เฮ้ย!! นี่ขอแล้วเหรอ แล้วจะมีเซอร์ไพรส์อีกไหม ก็เอ๊ะ… หรือเราจะเก็บเป็นความลับก่อน เดี๋ยวเขามีเซอร์ไพรส์ แต่ก็ได้ฤกษ์มาแล้ว ก็รู้สึกว่าเราต้องรีบเตรียมงาน มานั่งรอแล้วแหวนยังไม่มี กลัวทำอะไรไม่ทัน ก็ไม่รู้ว่าจะมีอีกไหม หรือไม่มีแล้ว ก็ไม่เป็นอะไร ก็จะแต่งแล้วแหละ” เมย์ กล่าวพร้อมยิ้ม

สำหรับฤกษ์แต่ง เมย์บอก ว่าเป็นช่วงเดือนธันวาคมนี้

ด้านเรื่องความรักของตัวเอง เมย์ตอบว่า “เมย์รู้สึกว่าเมย์อยู่ในวงการนี้มานาน แล้วก็เป็นข่าวเรื่องความรักเยอะ ทุกครั้งที่เมย์อกหักหรือโสดก็จะมีคนให้กำลังใจ ทุกคนดูแบบเอาใจช่วยเรามาตลอด ขอบคุณมากๆ นะคะ ขอบคุณทุกข้อความ เมย์ได้อ่านหมดเลย ซาบซึ้งจริงๆ แล้วก็อยากให้ทุกคนหายห่วง ว่าวันนี้เมย์ได้เจอคนที่เขาพร้อมที่จะจับมือกับเราไปในทุกช่วง” พร้อมเล่าอีกว่าเพื่อนๆ ก็ดีใจกับข่าวดีข่าวนี้ของเธอ

“ทุกคนดีใจมากๆ เป้ยนี่คือเสียงสั่นเลย เหมือนจะร้องไห้ เพื่อนสนิทบางคนที่เราแอบบอกก่อนจะโพสต์ข้อความ ก็กรี๊ดแล้วบอกว่าดีใจมาก ดีใจกว่าตอนที่เขากำลังจะแต่งงานเองอีก เขาอยากให้เรามีความสุข พี่อั้ม พี่หนิง กระแต ทุกคนคือดีใจ” เมย์ กล่าว

ในส่วนงานแต่ง เมย์บอกว่าเพิ่งเตรียมไปได้ราว 30% เพราะติดถ่ายละคร โดยงานตั้งใจจะให้ออกแนวอบอุ่น เป็นกันเอง ไม่ได้หรูหราอะไรมาก ทุกคนมาแบบสบายๆ แล้วก็มีความสุข

สำหรับเพื่อนเจ้าสาว เมย์บอกปนอาการหัวเราะๆ ว่า “คัดแล้วคัดอีก 22 คน คือเรามีเพื่อนดารา 12 คนที่มีสตอรี่ว่าผ่านอะไรกันมาบ้าง อีก 10 คนเป็นเพื่อนตอนเด็กๆ ที่อยู่ในทุกช่วงเวลา ก็อยากให้เขาได้อยู่กับเราด้วย เพื่อนเจ้าบ่าวมี 18 คน ก็เป็นวันเกิดเขา เขาเกิด 18 เมย์ เกิด 22 ก็เลยเป็นแบบนี้”

เรื่องทายาท เมย์บอกได้ฝากไข่ไว้ 5-6 ปีแล้ว และคิดว่าจะรีบใช้หลังจากแต่ง

“เพราะเราเกิดปีไก่ และแฟนเกิดปีมังกร เขาอยากจะให้ลูกเกิดปีมังกร ก็คือปีหน้า ตอนนี้ก็รีบเตรียมสุขภาพไว้ก่อน พอหลังแต่งก็รีบทำให้ทัน คงไม่ไปมู ไปหาหมอน่าจะดีกว่า ใช้วิทยาศาสตร์ช่วยเลย เพราะว่าเราก็แก่แล้ว” เมย์ที่ปัจจุบันอายุ 42 ปีบอก

ทั้งยังบอกทิ้งท้ายว่า “ถ้าจะมีจริงๆ จะเป็นชาย หรือหญิง หรือฝาแฝดก็ได้หมด และถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะมีสัก 2 คน”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top