Monday, 19 May 2025
NEWSFEED

‘มิสแกรนด์’ รุกแจกอาหาร-ถุงยังชีพให้คนไร้บ้าน ร่วมกับ ‘ชัชชาติ’ พร้อมมอบเงินให้ ‘มูลนิธิกระจกเงา’ เพื่อสนับสนุนโครงการจ้างวานข้า

(8 ก.ย.66) เข้าสู่การประกวดและการเก็บตัวของ มิสแกรนด์กรุงเทพฯ ​และ​ มิสแกรนด์​สระบุรี​ 2024​ อย่างเป็นทางการแล้ว​ ‘มอร์ฟีน รัชรินทร์ อุดเมืองคํา’​ แม่ทัพและผู้อำนวยการประกวดมิสแกรนด์​กรุงเทพฯ​ - สระบุรี​ 2024​ ขอพาสาวๆ​ มิสแกรนด์​กรุงเทพ​ฯ​ มาเข้าร่วมกิจกรรม​ดีๆ​ ที่กองประกวดจับมือร่วมกับ​กรุงเทพมหานคร​ โดย​ ท่าน​ผู้ว่าราชการ​กรุงเทพ​มหานคร​ ท่านชัชชาติ​ สิทธิ​พันธุ์​ รวมถึงมูลนิธิ​กระจกเงา​ ร่วมแจกอาหาร​ และถุงยังชีพให้กับคนไร้บ้านบริเวณ​ใต้​สะพาน​พระ​ปิ่นเกล้า​

โดย​ มอร์ฟีน​ รัชรินทร์​ ในฐานะผู้อำนวยการ​กองประกวด​เผยว่า​ ได้รับรู้​และเล็งเห็น​หนึ่งในปัญหา​ของเมืองหลวงที่รอรอยการแก้ไขอย่างยั่งยืนคือ​ ปัญหา​คนไร้บ้าน​ ที่มีเป็นจำนวนมาก​ในกรุงเทพฯ​ และอยากจะเป็นอีกหนึ่งกำลังจะช่วยเป็นกระบอกเสียงเพื่อหาทางแก้ไขปัญหา​นี้ให้ลดน้อยลง​

ด้าน ผู้ว่าชัชชาติ​ ได้เผยว่าการที่​กอง​ประกวด​มิส​แกรนด์​กรุงเทพ​ฯ​ ได้มาร่วมมือกับทางกรุงเทพมหานคร​ ในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดีเพราะการประกวดครั้งนี้นอกจากแข่งขันเรื่องความงามด้านจิตใจก็สำคัญและยิ่งการได้เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสังคมให้น่าอยู่​ยิ่งขึ้นยิ่งเป็นเรื่องที่ดีและขอบคุณ​ทางกองประกวด​มิส​แกรนด์​กรุงเทพ​ฯ ​2024​ ที่มาร่วมแรงร่วมใจกันทำกิจกรรมในวันนี้

นอกจากนี้ผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์กรุงเทพฯ-สระบุรี ​2024​ นำเงินจำนวนหนึ่งจากการขายบัตรเข้าชมรอบ Final ของมิสแกรนด์กรุงเทพฯ​ 2024 ที่กำลังจะเกิดขึ้น​ เป็นเงินจำนวน​ 100,000 บาท​ มอบให้ มูลนิธิกระจกเงา เพื่อสนับสนุนโครงการ ‘จ้างวานข้า’

โครงการที่สนับสนุน และเปิดพื้นที่ ให้เกิดการจ้างงาน ในกลุ่มคนไร้บ้าน และคนจนในเมืองหลวงที่มีวิถีชีวิต​คล้ายคนไร้บ้าน​ให้ได้มีงานทำทั้งช่วยเหลือมูลนิธิกระจกเงา​การจ้างงานขององค์กรเอกชน​ที่ต้องการกำลังคนมาช่วยงานในรูปแบบต่างๆ​ เส้นทางกองประกวดเรียนเห็นว่า เป็นโครงการที่ดีและช่วยส่งเสริมในการแก้ไขปัญหาให้กับคนไร้บ้านได้อย่างยั่งยืน

‘เบสท์ คำสิงห์’ ควักเงินซื้อบิลบอร์ดให้ตัวเอง หลังปล่อยเพลงใหม่ “เรื่องที่เธอไม่หลอก”

(8 ส.ค.66) งานนี้ทำเอาเหล่านักเชียร์มีกรี๊ด เพราะต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเคมีดีมากจนอยากจับจิ้น เมื่อสาวสวยอย่าง ‘เบสท์-รักษ์วนีย์ คำสิงห์’ ได้กลับมาทำเพลงในรอบ 3 ปี โดยเพลงนี้ก็ได้หนุ่มหล่ออารมณ์ดีอย่าง ‘คิวเท โอปป้า’ เพื่อนซี้ มาร่วมเล่นเป็นพระเอกประกอบมิวสิกวิดีโอให้อีกด้วย

โดยล่าสุด ‘เบสท์’ ได้โพสต์ภาพโมเมนต์ประทับใจลงอินสตาแกรมส่วนตัว @bestkamsing ซึ่งเป็นภาพที่เธอและคิวเทยืนถ่ายรูปคู่กับบิลบอร์ดเพลงตัวเองอยู่ใจกลางกรุง ด้านหนุ่มคิวเทก็ดีใจมากจนเก็บอาการแทบไม่อยู่ พร้อมกับระบุแคปชันว่า "ก็ซื้อบิลบอร์ดให้ตัวเองไปเลยสิคะ พระเอก MV ได้ขึ้นบิลบอร์ดครั้งแรก ตื่นเต้นสุด"

‘เท่ง เถิดเทิง’ ยอมรับ!! ถ้าไม่มีภรรยาคนนี้ ชีวิตไม่มีอะไรเลย คอยสะกิด-มีความคิดผู้ใหญ่ ขอบคุณทุกสิ่งที่ทำให้มาเจอกัน

(8 ก.ย.66) ‘เท่ง เถิดเทิง’ มาเล่าเรื่องความรักกับ ‘แจ๊ส ชวนชื่น’ ในรายการ ‘รสวิวาห์’ เผยถึงตอนมีแฟนคนแรกว่า ตอน ป.4 ปั๊ปปี้เลิฟ ถ้าคลิปนี้ถึงคนๆ นี้ วันนั้นเขาแค่ 10 ขวบ เขาอาจยังไม่คิดอะไรหรอก แต่เรา 10 ขวบ เริ่มมีความรู้สึกกับเพศตรงข้าม ความรัก เขาชื่อ ‘สิริมา บุญครอบ’ เขาอยู่ชั้นล่าง เราอยู่ชั้นบน แล้วมีร่องเขียนจดหมายแล้วหย่อนไป ครูชั้นนั้นเอามาอ่าน ครูขึ้นมาที่ชั้นเราเลย คนไหนอยากเจอ ‘สิริมา บุญครอบ’ อายเลย จบ ป.4 มาเขาก็เรียนต่อ คนละโลกกันแล้ว

จากนั้นมีคอมเมนต์ เข้ามาบอก “ขอบคุณนะคะที่จำกันได้ เห็นพูดกันครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว” ทำเอาแฟนๆ เข้ามาเซอร์ไพรส์ตัวจริงมาเองเลย

ขณะที่ ‘เท่ง’ ยังได้ย้อนถึงการพบรัก ‘มาลา’ ภรรยาคนปัจจุบัน ‘เท่ง’ เล่าด้วยความคลั่งรักแรกเห็น ขณะตัวเองเป็นตลกคาเฟ่และ มาลา เป็นนักร้องว่า สวยเหมือนนางฟ้า ชีวิตนี้แค่เห็น พอแล้ว ก่อนเล่าเรื่องราวความรักชีวิตคู่ ตอนมีลูกชายคนแรกชีวิตลำบากมาก ต้องไปเช่าห้องอยู่ หาเช้ากินค่ำ ก่อนจะไปบวชให้สมเด็จย่า ตั้งใจบวชให้ดีที่สุด สึกแล้วขอให้ดี พอสึกออกมาชีวิตค่อยๆ ไต่เต้าดีขึ้นเรื่อยๆ มาอยู่กับ ‘หม่ำ จ๊กมก’

‘มาลา’ เก็บเงินของสามีชวนกันไปซื้อบ้านแถวหนองแขม ‘เท่ง’ เผยความรู้สึก ก็มีบ้าน กลับไปบ้าน 3-4 ทุ่ม ไม่นอน เดินน้ำตาไหล ภูมิใจ และ ภูมิใจกับเมียเก็บตังค์ซื้อบ้านหลังแรกซื้อสด มาลา ความคิดผู้ใหญ่มาก

ก่อนจะโชว์ นิ้วก้อยงอเพราะเมียใช้สากกะเบือตีหัก เท่ง ทำท่าร้องไห้หนักบอกว่า เวลาเขาพูดสากกะเบือยันเรือรบxูทุกทีเลย จน ‘แจ๊ส’ ต้องกอดปลอบ ‘เท่ง’ เล่าว่าเมียไล่ตี หนีไปขึ้นต้นไม้ กิ่งหักร่วงลงมา จุกก็จุก เขาจะตีหัว ยกมือกัน ก๊อกเลย

‘เท่ง’ พูดถึง มาลาว่า ถ้าไม่มีเมียคนนี้ ชีวิตพี่ไม่มีอะไรเลย ชีวิตพี่เสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง พี่เขาคอยสะกิด เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุด ขอบคุณเทวดา ทุกอย่างที่ทำให้มาเจอเขา เราจะอยู่กันแบบนี้ตลอดไป

‘ป๋ากิ๊ก’ เผยแง่คิด หลังอดีตชีวิตผ่านมรสุม ครอบครัวเคยล้มละลาย โชคดีพ่อแม่สู้ทำทุกอย่าง พร้อมสอนปล่อยวางให้มีความสุขกับสิ่งที่มี

เมื่อวันที่ 7 ก.ย.66 นักแสดงและพิธีกรรุ่นใหญ่ ‘กิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ’ หรือที่คนในวงการและแฟนๆ เรียกกันติดปากว่า ‘ป๋ากิ๊ก’ จากภาพความอารมณ์ดีสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับคนดูอยู่ตลอด ไม่เคยเห็นโหมดที่ ‘ป๋ากิ๊ก’ จะเสียน้ำตา แต่ล่าสุดในช่องยูทูบ รายการคุยกับอุ๋ย ของ อุ๋ย บุดดาเบส เจ้าตัวได้เล่าเรื่องราวชีวิตตอนวัยรุ่น ครอบครัวล้มละลาย พ่อแม่เป็นคนสู้ทำทุกอย่าง เรียนรู้ความสุขกับสิ่งที่มี

และในบางช่วงบางตอน ‘ป๋ากิ๊ก’ ได้เล่าถึงมุมมองคำสอนของพ่อที่จดจำมาถึงวันนี้ให้ดูความสุขจากสิ่งที่เป็น ด้วยการเปรียบเทียบระหว่างรถเบนซ์ภาพสุขสบายพ่อแม่ลูกต่างนั่งนิ่งๆ แต่อีกด้านภาพเป็นมอเตอร์ไซค์พ่อแม่ลูกถือห่วงยางกำลังจะไปเล่นน้ำ พ่อถามว่าคันไหนมีความสุขกว่ากัน

จากนั้น ‘ป๋ากิ๊ก’ ได้พรั่งพรูความรักถึงคุณพ่อพร้อมๆ กับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย "ถามว่ารักพ่อไหม ถ้าพูดถึงสิ่งเหล่านี้เราจะใช้ชีวิตให้สบายให้มีความสุขอยู่ที่มุมมองว่าเราเอาไปเปรียบเทียบกับอะไร บางคนอาจมีความสุขกับตัวเลขในบัญชี บางคนอาจจะมีความสุขกับรอยยิ้มของคนในครอบครัว บ้านไหนถึงเรียกว่ารวยจน บ้านใหญ่แค่ไหนก็ไม่เท่ากับบ้านที่เราอยู่สบายใจ เข้ามาแล้วยิ้มมีความสุข กับบ้านที่เข้ามาแล้วไม่มีใครเลยเงียบเหงา ใหญ่ไปก็เท่านั้น สิ่งเหล่านี้หากมองย้อนกลับไป น้องๆ ที่กำลังอยู่ในวัยต่อสู้กำลังสร้างตัว ถามว่าความสำเร็จคืออะไรความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่จุดสุดท้าย เราสำเร็จกับเรื่องที่เล็กๆ น้อยๆ ก็ได้

"บ้านเคยล้มละลายพ่อโดนโกงเป็นหนี้เป็นสินเยอะมาก แม่บอกไม่เป็นไร แม่จะนำครอบครัวนี้ไปให้ได้และแม่ก็ทำได้ ตอนนั้นอายุ 15-16 จากบ้านมีรถหลายคัน พ่อแม่ไม่เคยโทษกันเลย ต่างคนต่างมุ่งมั่นที่จะก้าวต่อไป เพราะว่าแม่เป็นคนที่สู้มาก ถ้ามองย้อนกลับไปพ่อแม่สอนเราจากการกระทำ"

"พ่อแม่ใช้ความสามารถที่มีในการต่อสู้ แม่ทำอาหาร พ่อใช้ความสามารถเรื่องบริหาร คนในครอบครัวของพี่เองเรามีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน เราบอกกันทุกเรื่อง ตอนที่ลำบากเราทำแบบนี้ เรามีคำถามไหมเรามีอยู่แล้ว วันนึงเราจะรู้เอง เราไม่รู้หรอกเขาผ่านอะไรมาบ้าง เราคิดบวกเข้าไว้ ชีวิตเราเลือกคิดด้านดีๆ ดีกว่า"

"ชีวิตเราเราดูแลชีวิตเราเอง บอกตัวเองว่าเราเดินบนความสุขหรือความเศร้า เราสุขเพราะอะไรเราเศร้าเพราะอะไร อยู่กับตัวอยู่กับปัจจุบัน อดีตมองเป็นบทเรียน อนาคตอย่าไปหวังมาก หวังสูงมากเราอาจจะเฟล แต่ถ้าเราหวังน้อยเราประสบความสำเร็จในทุกวันแหละ"

‘น้องเหนือ ดิสรยา’ ใส่ชุดครุยถ่ายรูปใต้น้ำ ฉลองเรียนจบแบบเก๋ๆ ด้าน ‘แม่กบ ปภัสรา’ รู้สึกภูมิใจ!! แวะมาเมนต์ชมลูกสาว “เลิศมาก”

เมื่อวันที่ 7 ก.ย.66 ขอแสดงความยินดีกับ ‘น้องเหนือ ดิสรยา’ ลูกสาวคนสวยของคุณแม่กบ ปภัสรา นักแสดงในตำนานที่หลาย ๆ ยังคงคิดถึง ขณะนี้น้องเหนือจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีเป็นที่เรียบร้อย ล่าสุดจึงได้โพสต์ภาพถ่ายรูปฉลองเรียนจบสุดเก๋ ใส่ชุดครุยดำดิ่งลงใต้น้ำ ที่บอกเลยว่าปังมาก

หลังจากที่ ‘น้องเหนือ ดิสรยา เตชะไพบูลย์’ ลูกสาวคนเก่งของคุณแม่ ‘กบ ปภัสรา เตชะไพบูลย์’ จบการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ล่าสุดเธอก็ได้โพสต์ภาพถ่ายรูปเฉลิมฉลองการจบการศึกษา ผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว ในแบบที่ใคร ๆ ก็ต้องร้องว้าว เพราะเธอได้สวมชุดครุยลงไปถ่ายภาพใต้น้ำ พร้อมโพสท่าสุดเก๋ อย่างกับนางแบบในนิตยสาร

ล่าสุด ‘น้องเหนือ ดิสรยา’ ได้โพสต์ภาพผ่านอินสตาแกรม ที่ใช้ชื่อว่า nurdesoraya ซึ่งเป็นภาพที่เธอสวมชุดครุย โพสท่าทางอยู่ใต้น้ำ พร้อมระบุข้อความว่า “waiting for you .”

ทางคุณแม่ ‘กบ ปภัสรา’ ก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นชื่นชมไอเดียแปลกใหม่ของลูกสาว ที่ได้ระบุว่า “เลิศมากลูกแม่” ซึ่งดูแล้วคุณแม่คงจะภูมิใจและก็ปลื้มใจในตัวลูกสาวคนเก่งคนนี้อยู่ไม่น้อย เหล่าแฟนคลับที่เข้ามากดถูกใจโพสต์ดังกล่าวก็ชื่นชมในความน่ารักของแม่ลูกคู่นี้อยู่ไม่น้อย

ต่อมา ‘น้องเหนือ ดิสรยา’ ก็ได้โพสต์คลิปสั้น ๆ เผยให้เห็นเบื้องหลังของการถ่ายทำภาพเซตใต้น้ำดังกล่าว อีกทั้งยังได้ระบุข้อความเพิ่มเติมว่า “a little behind the scene from ytd . thank you @mameawpcd for filming this video and for the inspiration na ka”

ทั้งเพื่อน ๆ ของน้องเหนือ รวมถึงเหล่าแฟนคลับขอคุณแม่ และเหล่าแฟนคลับของน้องเหนือก็ได้เข้ามาแสดงความคิดชื่นชมกันมากมาย อาทิ “น่ารักมากค่ะ”, “เลิศมากๆๆๆๆ” เป็นต้น

‘เจ๊ไฝ’ อวดภาพจับมือดาราหนุ่ม ‘พัค โบกอม’ เหล่าแฟนคลับแห่แซว “อยากเกิดเป็นเจ๊ไฝ”

ร้อนแรงกระหึ่มโซเชียล หลังเชฟชื่อดัง ‘เจ๊ไฝ’ เผยภาพจับมือสุดน่ารักกับ ‘โบกอม’ นักแสดงมากความสามารถจากแดนกิมจิ ผู้ครองใจสาว ๆ ทั่วโลก ทำแฟนคลับแห่อิจฉา ปนเอ็นดูในความน่ารักของทั้งคู่

แฟนคลับตื่นเต้นกันยกใหญ่ หลัง ‘เจ๊ไฝ สุภิญญา จันสุตะ’ เชฟชื่อดังของเมืองไทย เจ้าของร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ ผู้รังสรรค์เมนูไข่เจียวปูจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ได้เผยภาพคู่หนุ่มหล่อ ‘พัค โบกอม’ นักแสดงแนวหน้าของประเทศเกาหลีใต้ ที่มีผลงานโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งเป็นภาพที่ถ่าย ณ ประเทศเกาหลีใต้ โดยทางเจ๊ไฝได้เดินทางไปเที่ยวและทำงานเปิดตัวสินค้าใหม่ที่นั่น

แต่สิ่งที่ทำเอาชาวเน็ต และเหล่าแฟน ๆ ของหนุ่มโบกอมรู้สึกอิจฉานั้น เป็นเพราะภาพดังกล่าวทั้งคู่กำลังจับมือกันอย่างน่ารักนั่นเอง ทั้งอิจฉา ทั้งรู้สึกประหลาดใจว่าทั้งสองไปรู้จักสนิทสนมกันได้ยังไง

และเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ทางอินสตาแกรมส่วนตัวของ ‘เจ๊ไฝ’ ที่ใช้ชื่อว่า jayfaibangkok ได้มีการโพสต์ภาพที่เจ๊ไฝได้จับมือกับโบกอม ผ่านสตอรี่ พร้อมระบุข้อความว่า “Lovely to see you again @bogummy #chefcares”

จากภาพและข้อความสุดน่ารักนี้ที่สื่อความได้ว่า ทั้งสองอาจเคยพบกันมาก่อนหน้านั้นแล้ว จึงเป็นเหตุให้ทั้งคู่สนิทสนมกันดังที่ปรากฏในภาพ ซึ่งหากย้อนกลับไปในช่วงปีที่แล้ว เคยมีภาพของพระเอกหนุ่ม ‘พัค โบกอม’ เดินทางมากินอาหารที่ร้านของ ‘เจ๊ไฝ’ และเมื่อทั้งสองได้พบกันอีกครั้งที่ประเทศเกาหลีจึงเกิดเป็นภาพน่ารัก ๆ ดังกล่าว

ทางด้านแฟนคลับแห่คอมเมนต์อยากเป็นเจ๊ไฝกันถ้วนหน้า สงสัยงานนี้เจ๊ไฝจะมีคู่แข่งทำไข่เจียวปูขายเพิ่มขึ้นอีกเพียบ เพราะใคร ๆ ก็อยากเป็นเจ๊ไฝ

‘ไฮโซน้ำหวาน’ จัดโปรแกรมทดลองตั้งครรภ์ให้ ‘นาวินต้าร์’ บอก!! อยากให้เข้าใจว่าตอนอุ้มท้องเหนื่อยขนาดไหน

เพราะกำลังจะใช้สเตตัสคุณแม่ลูก 3 งานนี้ไฮโซสาวโปรไฟล์หรู ‘น้ำหวาน พัสวี’ ภรรยาคนสวย ของศิลปินหนุ่ม ขวัญใจแฟนคลับยุค 90 ‘ดร.นาวิน เยาวพลกุล’ หรือ ‘นาวินต้าร์’ ก็เลยต้องจัดโปรแกรมพิเศษให้คุณสามีทดลองการใช้ชีวิตขณะอุ้มท้องดูบ้าง

โดยเจ้าตัวได้นำเอาคลิปวิดีโอโมเมนต์ดังกล่าวมาแชร์ผ่านอินสตาแกรม @numwanz พร้อมแคปชันว่า "สามีจะได้รู้ว่าการตั้งท้องมันเหนื่อยขนาดไหน นี่แค่ 2-3 ชม. นะ สามียังไม่ไหวเลย แล้วนี่ 3 คน" 

ซึ่งเผยให้เห็นภาพของ นาวินต้าร์ ในชุดคอสตูม ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเอง จากผลไม้ 2 ชนิดคือ แตงโม และ ส้มโอ เพื่อจำลองสภาพร่างกายให้มีความคล้ายคลึงกับผู้หญิงที่ต้องอุ้มท้องมากที่สุด

นอกจากนั้นแล้วในคลิปวิดีโอนี้เราก็จะได้เห็นด้วยว่า นาวินต้าร์ ต้องใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยตัวเองแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น ลุก-นั่ง ขึ้นบันได ก้มเก็บของ เข้ารถ ไปจนถึงลงแช่ตัวในสระน้ำ ซึ่งแต่ละท่วงท่านั้นเป็นไปด้วยความยากลำบากและทุลักทุเลสุด ๆ

งานนี้ทำเอาแฟน ๆ รวมถึงบรรดาแม่ ๆ ที่ได้เห็นคลิปวิดีโอต่างก็เข้ามากดไลก์ให้กับไอเดียความน่ารักของ ไฮโซน้ำหวาน และ นาวินต้าร์ อย่างล้นหลาม แถมยังไม่ลืมคอมเมนต์แท็กเรียกคุณสามีเข้ามารับชมคลิปนี้ไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย

‘ต่าย อรทัย’ ผู้ไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาศักยภาพของตัวเอง และทลายกำแพงบนเส้นทางการเป็นนักร้องตลอด 20 ปี

(7 ก.ย. 66) ถูกแฟนๆ ยกให้เป็น ‘นักร้องหญิงอันดับ 1’ ซึ่ง ‘ต่าย-อรทัย ดาบคำ’ บอกว่าเธอรับทราบด้วยความขอบคุณ และรู้สึกว่า ‘นั่นก็เป็นกำลังใจให้เรา’

กับเส้นทาง 20 ปี บนถนนสายนักร้อง ต่ายบอกว่า พอหวนคิดย้อนก็รู้สึกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในวันนี้ได้ตอกย้ำให้เห็นว่า 20 ปีที่สู้มาไม่ได้เสียหลายอะไรเลย ที่เราอดทน ต่อสู้ แล้วก็บากบั่น ตั้งใจกับทุกอย่าง โอกาสที่เข้ามาในชีวิต วันนี้ดีใจมากนะคะ ทุกวินาทีที่มีโอกาสได้เป็นศิลปิน ก็ดีใจมาก ทุกคนยังอยู่ร่วมเส้นทาง 20 ปีกับต่าย อรทัย มาโดยตลอด

การอยู่ยั้งมายาวนานขนาดนี้ ต่ายบอกว่า สาเหตุหนึ่งเพราะเธอยึดรุ่นพี่หลายคนเป็นแบบอย่าง

“มองพี่ๆ คนอื่นๆ ศิลปินในค่าย รุ่นใหญ่อย่างพี่เบิร์ด (ธงไชย แมคอินไตย์) พี่ก็อต (จักพรรณ อาบครบุรี หรือในชื่อใหม่ จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ) พี่นาง (ศิริพร อำไพพงษ์) พี่ไมค์ (ไมค์ ภิรมย์พร) ทุกคนร้องเพลงออกมาจากใจ เราสัมผัสได้ ทุกคนเป็นต้นแบบ เป็นครูให้มาโดยตลอด เราก็เฝ้ามองพี่ๆ ดูว่าทุกคนทำยังไง ถึงอยู่มาได้นานกว่าเราอีก เราอยู่มา 20 ปี แต่ก็มีอะไรที่ต้องเรียนรู้ หลังจาก 20 ปีนี้ไปเราจะยังอยู่ตรงนี้ได้อีกไหม เหมือนพี่ๆเขาหรือปล่า อยากจะบอกว่าคนอื่นๆก็เป็นตำนานให้กับต่ายเหมือนกัน เป็นต้นแบบให้กับเรา”

ส่วนเรื่องที่มีคนบอกว่าเธอเองก็เป็นต้นแบบ เป็นไอดอลของเขา เธอก็ขอบคุณกลับ พร้อมรอยยิ้ม

“ขอบคุณอีกครั้งที่นอกจากฟังเพลงแล้ว ยังยกให้เป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ ดีใจที่วันนี้ต่ายไม่ได้แค่ร้องเพลงออกไปให้ทุกคนได้ฟังความไพเราะ แล้วมีความสุข แต่ว่าบทเพลงและก็เส้นทางชีวิตที่บางคนอาจจะได้ฟังบทสัมภาษณ์ มันอาจจะไปโดนความรู้สึกของใครบางคน ที่อยากจะลุกขึ้นมาต่อสู้ แล้วทำในสิ่งที่ดี หรือทำในสิ่งที่ต่ายเคยทำแล้ว ทำได้ ประสบความสำเร็จ น้องๆก็อาจจะอยากลองทำเหมือนพี่ต่ายบ้าง อันนี้แอบรู้สึกดีใจมาก และขอบคุณที่หลายคนกลับมาเล่าให้ฟัง ว่าหนูเรียนจบเพราะพี่นะ หนูมีงานทำที่ดีเพราะพี่ จากการที่เป็นคนไม่เอาไหนก็ได้เรียนรู้เส้นทางของพี่ต่าย แล้วเอาไปเป็นต้นแบบ จนเขาสามารถที่จะก้าวข้ามอะไรบางอย่าง จากคนที่ไม่ได้ตั้งใจทำอะไร ก็มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาภูมิใจได้ ในความเป็นต้นแบบของเรา ดีใจมากค่ะ”

ในส่วนของงาน ที่ล่าสุดจากคนที่ร้องแต่เพลงช้าๆ จนเป็นเอกลักษณ์ ตอนนี้กลับลุกขึ้นเต้น ในเพลงใหม่ ‘ลืมอ่านไลน์กลุ่ม’ นั้น เจ้าตัวหัวเราะเขินๆ แล้วรับว่า นี่คือความพยายามในการปรับตัวเอง เพราะหวังจะให้เกิดความแปลกใหม่ เพื่อจะได้มีพื้นที่อยู่ในวงการให้ยาวนานมากขึ้น

“พยายามที่จะทำลายกำแพงตรงนี้มานานหลายปีมากนะคะ จริงๆ ถ้าหลายๆ คนได้ติดตามเพลงของต่าย จะเห็นว่ามันจะมีอยู่เพลงนึงชื่อเพลงว่า ‘ผู้บ่าวนินจา’ ซึ่งตอนนั้น คิดว่าเป็นความตั้งใจของครูสลา (สลา คุณวุฒิ) นะคะ ว่าอยากจะให้มีภาพที่เปลี่ยน เพราะว่าต่ายเองร้องเพลงช้ามาตลอด เป็นภาพจำไปแล้ว แล้วเราก็รู้สึกว่าเราก็ถนัด และรู้สึกมั่นใจที่จะร้องเพลงช้า แต่ว่าเพลงนั้นมันอาจจะด้วยอะไรไม่รู้ ด้วยกำแพง ด้วยความไม่กล้า ด้วยความที่เรามีประสบการณ์น้อย แล้วก็มีเวลาในการพร้อมน้อยมากๆ มันทำให้ไม่กล้าที่จะกลับไปดูมิวสิกวิดีโอของตัวเองเลยจนบัดนี้”

“แต่ว่าพอครั้งนี้ก็คือครูสลาให้โจทย์มา ว่าจะต้องเต้น ตอนแรกคือจะร้องเพลงนี้เราไม่ได้ติดเลย ตั้งใจร้องเพลงอยู่แล้ว คิดว่าในห้องอัดไม่น่าจะมีปัญหา ครูบาอาจารย์นำพาเราให้ร้องเพลงออกมาได้อย่างสมบูรณ์แน่นอนอยู่แล้วในศักยภาพที่เรามี แต่ว่าพอมาถึงเรื่องของการเต้นคือเอาอีกแล้ว…แต่คิดว่าครูน่าจะอยากจะมีภาพเปลี่ยน แล้วให้หน้าเวทีมันมีอะไรที่ดูเปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช่เพียงแค่มีภาพวัฒนธรรม การฟ้อนรำ แล้วเป็นเรื่องของเพลงช้า เพลงดัง เพลงฮิต ซึ่งเรามีมาหมดแล้ว”

กับการเต้น ต่ายบอกว่าตั้งแต่รับโจทย์มาเธอก็ตั้งใจซ้อมเต็มที่ อย่างไรก็ดีก็จะเขินทุกทีเวลามีคนขอมาหน้าเวที ว่าให้เราเต้น

“ก็ยังติดความเขินอายอยู่ แต่ว่าก็ทำได้เต็มที่ วันนี้คิดว่าได้ทำลายกำแพงอะไรบางอย่างไปประมาณนึงแล้ว”

แต่กระนั้นก็ “ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องพัฒนาตัวเองเหมือนกัน”

นักร้องคนดังผู้ไม่หยุดยั้งที่จะก้าวข้าม ทำลายกำแพงของตัวเองบอกอย่างนั้น

'สกายวอล์กพระธาตุดอยเวา' ใกล้แล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้สัมผัสลมหนาว 18 พ.ย.นี้

(7 ก.ย. 66) หลังจาก วัดพระธาตุดอยเวา ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ติดชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งกำลังมีการก่อสร้างโครงการทางเดินกระจกเพื่อชมทิวทัศน์ชายแดนหรือ ‘สกายวอล์ก’ โดยโครงการตั้งอยู่บนยอดเขาดอยเวาหันไปทางทิศเหนือ ทางชายแดนไทย-เมียนมา ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ทั้งฝั่ง อ.แม่สาย และ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ได้สุดลูกหูลูกตา

ล่าสุด วัดพระธาตุดอยเวาได้ประกาศว่า ‘สกายวอล์กพระธาตุดอยเวา เหนือสุดในสยาม’ ได้มีการยกโครงโลหะที่มีลักษณะเป็นสะพานที่แยกเป็นส่วนๆ ยกขึ้นไปประกอบติดกันบนเสาแล้วเสร็จตลอดแนวแล้ว โดยสะพานมีลักษณะเป็นทรงโค้งขนานไปกับถนนทางลงดอยเวา และรอให้มีการนำกระจกไปติดตั้งต่อไป ในวันที่ 12 ก.ย.2566 ซึ่งการติดตั้งกระจกจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้นจะมีการทดสอบการใช้งานและประดับตกแต่งสถานที่เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นชมต่อไป

สำหรับโครงการนี้จะมีการประกอบพิธีเปิดสกายวอล์กในเวลา 18.00 น. ของวันที่ 9 พ.ย.2566 ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถมาร่วมสัมผัสทรงโค้งของสกายวอล์กแห่งนี้ที่มีความยาวประมาณ 150 เมตร ซึ่งถือว่านอกจากจะอยู่เหนือสุดในสยาม แถมยังมีความยาวมากที่สุดในประเทศไทยได้ในอีกไม่นาน

ทั้งนี้ ทางด้านพระครูประยุตเจติยานุการ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยเวา ได้ขอความร่วมมือไปยังบรรดาพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดดอยเวา ซึ่งเป็นตลาดชายแดนที่ตั้งอยู่ติดถนนทางขึ้นไปยังพระธาตุ ให้ย้ายส่วนเกินของร้านออกไปจากผิวถนนเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางขึ้นลงได้โดยสะดวก ซึ่งได้รับความร่วมมือจากบรรดาผู้ค้าทั้งหมดเป็นอย่างดี และในวันที่ 5-15 ก.ย.2566 ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.จะมีการปิดถนนทางขึ้นวัดและงดให้บริการไฟฟ้าเพื่อรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและพัฒนาเส้นทางเพื่อให้สามารถเดินทางขึ้นลงได้อย่างสะดวกทำให้ร้านค้าที่ติดถนนต้องปิด แต่ตลาดที่ไม่ติดถนนยังเปิดตามปกติ

รายงานข่าวแจ้งว่าปัจจุบันมีโครงการสกายวอล์กในพื้นที่ จ.เชียงราย แล้ว 2 แห่ง คือ ที่วัดพระธาตุผาเงา อ.เชียงแสน ติดแม่น้ำโขงชายแดนไทย-สปป.ลาว ซึ่งมีทิวทัศน์ของแม่น้ำโขงและชายแดนโดยเฉพาะฝั่ง สปป.ลาว ที่งดงาม และที่วัดแสงแก้วโพธิญาณ อ.แม่สรวย และหากโครงการที่วัดพระธาตุดอยเวาแล้วเสร็จ ก็จะเป็นสกายวอล์กแห่งที่ 3 ของ จ.เชียงราย

‘เก้า จิรายุ’ ถึงกับเปิดคอร์ส ‘ไอ้เรามันก็เท่ซะด้วย’ สอนเคล็ดลับ ต้องมีความมั่นหน้า แต่ทำเป็นเกรงใจ!!

(7 ก.ย. 66) มีความมั่นหน้า… แต่ก็เกรงใจ จนเป็นเหตุให้ ‘ว้าวุ่น’ กันทั้งประเทศ!! ‘เก้า จิรายุ’ ถึงกับเปิดคอร์สสอนเสือร้องไห้ “เรามันก็เท่ซะด้วย” ไม่อยากพูดแต่ก็ต้องพูด!!

ฮิตกันทั้งประเทศไปแล้วกับวลีติดปากที่ใครๆ ก็พูด อย่าง “ไอ้เรามันก็เท่ซะด้วย… ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลย” ของดาราหนุ่ม ‘เก้า จิรายุ’ ที่ล่าสุดมาสอนชาวเสือร้องไห้ โดยได้มีการเผยแพร่คลิปผ่านอินสตาแกรม ‘Tigercrys’ พร้อมแคปชัน “เมื่อเก้า จิรายุ มาสอนเสือร้องไห้ให้ว้าวุ่น ช่ายยย ว้าวุ่นกันเลยทีเดียว”

โดย ‘คัตโตะ’ ได้บอกว่า “เก้า สอนพี่หน่อย” จากนั้นเก้า จิรายุก็ทำทีเป็นเขิน พร้อมสอนว่า “ต้องทำท่าทีเป็นม้วนๆ ผมหน่อย แล้วก็อิดออนหน่อย แล้วค่อยพูดว่าไอ้เรามันก็เท่ซะด้วย” ก่อนที่คัตโตะ และเพื่อนๆ จะทำตาม

นอกจากนี้ เก้ายังบอกให้บิลด์อารมณ์ด้วยว่า “คือต้องมีความมั่นหน้า แต่ก็เกรงใจ ไม่อยากพูดแบบนี้เลย แต่ก็ต้องพูด ลองดูพี่” โดยแก๊งเสือร้องไห้บอกเลยว่าทำไม่ได้

โดยมีคอมเมนต์เข้ามาแซวรัวๆ อาทิ
“ว้าวุ่นกันทั้งประเทศ”
“ขรรมจนปวดท้องงงงง 555555 มีความมั่นหน้าแต่ก็เกรงใจ ไม่อยากพูดสิ่งนี้ แต่ก็ต้องพูด ครบมากกกเก้า”
“ถึงกับต้องเปิดคอร์สสอนค่ะ พวกพี่ทำให้ชายไทยทั้งประทศเท่น้อยลงค่ะ”’
“น้องเก้าดูเท่ แต่พวกพี่ๆ ดูว้าวุ่น วุ่นวายอยู่กับผมค่ะ 555” เป็นต้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top