Tuesday, 10 June 2025
POLITICS TEAM

‘โฆษกฯศบค.’ แจง ปรับปรุงแอพฯ “หมอชนะ” ใส่แค่ข้อมูลจำเป็นให้ประชาชนสะดวกลงทะเบียน-ระบบน่าเชื่อถือ ลั่น ถ้าไม่ป่วยไม่ต้องง้อหน้ากากทางการแพทย์ ชวนใส่หน้ากากผ้าดีสุด

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ (ศบค.)กล่าวถึงข้อสังเกตการประเมินความเสี่ยงในแอพพลิเคชั่น “หมอชนะ” ซึ่งบางคนใส่ข้อมูลความเสี่ยงสูงทุกข้อ แต่เมื่อแอพฯประเมินออกมาระบุว่าเสี่ยงน้อยถือว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ว่า เรื่องนี้ศบค.ชุดเล็ก และหน่วยงานที่รับผิดชอบแอพฯ รวมถึงกรมควบคุมโรค มาไล่เรียงข้อมูลที่มีความจำเป็น และตัดชุดคำถามให้เหลือเพียงการลงทะเบียน ถ่ายภาพใบหน้าจริง ซึ่งจะปรากฏคิวอาร์โค้ดสีเดียวออกมา ถ้าไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีการติดเชื้อหรือเป็นขอบของ 28 จังหวัด ที่มีผู้ติดเชื้อสูงเมื่อใส่ข้อมูลต่างๆ เข้าไปแล้วระบบจะบอกด้วยว่ามีความเสี่ยงแค่ไหน ซึ่งวันนี้มีคนลงทะเบียนรวม 4.8 ล้านคน และยิ่งลงทะเบียนกันมากขึ้นจะมีระบบนิเวศน์ของคนจะเกิดระบบการเตือนและจะบอกข้อมูลเราได้ทันที และเชื่อว่าคงไม่ยุ่งยากในการแปลผล เพื่อให้ประชาชนสะดวกในการใช้งาน

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อห่วงใยจากกรณีที่มีผู้ติดเชื้อที่จังหวัดพิษณุโลก มีอาชีพส่งของในบริษัทส่งของเอกชน จะทำให้เกิดความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เรื่องนี้อาจทำให้เกิดความวิตกกังวล แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นเรื่องดี เพราะในความเป็นจริง ถ้ามีการสัมผัสสิ่งของก็มีโอกาสติดเชื้อได้ ขอให้คิดไว้ก่อนว่าทุกคนมีโอกาสแพร่เชื้อได้จึงต้องเน้นย้ำเรื่องสุขลักษณะส่วนตัว ถ้าไม่อยากล้างมือบ่อยสามารถใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ได้ ให้ป้องกันไว้จะดีที่สุด ซึ่งการสวมหน้ากากผ้ายังมีความสำคัญ อย่าไปแย่งซื้อหน้ากากอนามัย ถ้าไม่มีขายก็ไม่ต้องง้อถ้าไม่ป่วย แต่ถ้าป่วยก็จำเป็นต้องใช้ ย้ำว่าเวลานี้หน้ากากผ้าดีที่สุด

โฆษกกองทัพเรือ เผย ผลการสอบสวนและควบคุมโรคของกำลังพลเรือหลวงจักรีนฤเบศรจำนวน 270 นาย มีผลตรวจเป็นลบ หลังพบกำลังพลจำนวน 2 นาย ติดเชื้อ COVID - 19 ทำให้ต้องมีการกักตัว

พล.ร.ท.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวปรากฏว่ากำลังพลเรือหลวงจักรีนฤเบศร จำนวน 2 นาย ติดเชื้อ COVID - 19 ทำให้ ต้องมีการกักตัว และทำการตรวจหาเชื้อกำลังพลเรือหลวงจักรีนฤเบศรจำนวน 270 นาย นั้น ล่าสุด กรมแพทย์ทหารเรือ ได้ส่งผลการตรวจการสอบสวนและควบคุมโรค ของกำลังพลเรือจักรีนฤเบศวร ที่กักตัวควบคุมโรคครบแล้วทุกนาย ซึ่งกำลังพลทั้ง 3 กลุ่ม คือ

1. ผู้ที่กักตัวที่อาคารรับรองสัตหีบ จำนวน 210 นาย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ

  1.1 กำลังพลกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง จำนวน 9 นาย กักตัวสังเกตอาการระหว่าง 10-24 ม.ค.64 ได้ทำการตรวจหาเชื้อ COVID – 19 ผลตรวจไม่พบเชื้อ

  1.2 กำลังพลกลุ่มที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง จำนวน 201 นาย กักตัวที่อาคารรับรอง ฐานทัพเรือสัตหีบ สังเกตอาการระหว่าง 11 - 25 ม.ค.64 ได้รับการตรวจหาเชื้อ COVID – 19 ในวันที่ 11 ม.ค.64 ผลตรวจไม่พบเชื้อ

2. ผู้ที่กักตัวที่เรือ ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่เตรียมความพร้อมอยู่บนเรือหลวงจักรีนฤเบศร เช่น การดูแลรักษาอุปกรณ์ ป้องกันเพลิงไหม้ และเข้ายามรักษาการณ์ จำนวน 60 นาย ได้รับการตรวจหาเชื้อ COVID – 19 ในวันที่ 11 ม.ค.64 เรียบร้อย ผลตรวจไม่พบเชื้อ ทุกคนยังคงแข็งแรงและปฏิบัติงานได้ตามปกติ

3. ผู้ที่กักตัวที่บ้าน (ผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติงานที่เรือในห้วงเวลาเดียวกับผู้ติดเชื้อ และผู้ที่เดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงอื่นๆ ก่อนหน้านี้) จำนวน 17 นาย ผลตรวจไม่พบเชื้อ

ทั้งนี้ กองทัพเรือ ขอขอบคุณ บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน ที่ช่วยดูแลกำลังพลของเรือหลวงจักรีนฤเบศรเป็นอย่างดี ตลอดจนบุคคลทั่วไปที่ส่งกำลังใจมาตลอดตามสื่อต่างๆ โดยกองทัพเรือขอให้คำมั่นว่า จะยังคงปฏิบัติงานตามหน้าที่อย่างเข้มแข็งต่อไป และคงทำกำลังให้พร้อมสำหรับทุกภารกิจอยู่เสมอ เพื่อให้สมดังเจตนารมณ์ในการเป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่น และภาคภูมิใจตลอดไป

กูเกิล ประกาศระงับบัญชียูทูปของประธานาธิบดี ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ แห่งสหรัฐเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน โดยระบุว่า ปธน.ทรัมป์ได้อัปโหลดวิดีโอที่มีเนื้อหาละเมิดนโยบายด้านการยั่วยุความรุนแรง หลังเกิดเหตุจลาจลครั้งใหญ่ที่รัฐสภาสหรัฐเมื่อสัปดาห์ก่อน

อัลฟาเบท อิงค์ บริษัทแม่ของกูเกิล สั่งระงับบัญชียูทูบ (YouTube) ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้บัญชียูทูบที่มีชื่อว่า “Donald J. Trump” ที่มีผู้ติดตามกว่า 2.77 ล้านคน จะไม่สามารถอัปโหลดวิดีโอใหม่หรือถ่ายทอดสดผ่านคลิปวิดีโอได้เป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน หรืออาจจะนานกว่านั้น

แน่นอนว่า การดำเนินการล่าสุดของกูเกิลครั้งนี้ ส่งผลให้ปธน.ทรัมป์ไม่สามารถอัปโหลดวิดีโอใหม่ๆ ลงในยูทูบ นอกจากนี้ กูเกิล ยังสั่งปิดช่องการแสดงความเห็นใต้เนื้อหาที่อัปโหลดในยูทูบด้วย

ทั้งนี้ กูเกิลมีมาตรการ 3 ระดับในการเตือน ก่อนที่จะสั่งระงับบัญชีเป็นการถาวรสำหรับผู้ที่ละเมิดกฎระเบียบของบริษัท โดยแถลงการณ์ของบริษัทระบุว่า “หลังจากที่ได้ทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว รวมทั้งเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ กูเกิลได้ตัดสินใจระงับบัญชียูทูบ Donald J. Trump เนื่องจากมีเนื้อหาละเมิดนโยบายของเรา นอกจากนี้ เรายังปิดคอมเมนต์ทางช่องยูทูบของปธน.ทรัมป์ เช่นเดียวกับที่เราดำเนินการกับช่องอื่นๆที่ละเมิดกฎระเบียบ”

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊กและยูทูปสั่งลบวิดีโอคลิปของปธน. ทรัมป์ออกจากแพลตฟอร์ม เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าคลิปดังกล่าวยุยงให้เกิดความรุนแรง หลังจากกลุ่มผู้สนับสนุนปธน. ทรัมป์ ได้บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา เพื่อขัดขวางการประกาศรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

ขณะที่ อะมาซอนดอทคอม ได้สั่งระงับการใช้งานพาร์เลอร์ สื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยมของกลุ่มผู้สนับสนุนผู้นำสหรัฐเช่นเดียวกัน

กองสลากฯ ยืนยัน ไม่เลื่อนวันออกหวย งวด 17 ม.ค. 64 และงวด 1 ก.พ. 64 พร้อมให้เปิดขายได้ตามปกติ แต่ยกเลิกหวยสัญจรเหตุโควิด-19 ระบาดหลายพื้นที่

นายธนวรรธน์ พลวิชัย โฆษกกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล มีมติจะไม่มีการเลื่อนจำหน่าย หรือออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลออกไปตามข้อเสนอของบางฝ่าย โดยทุกงวดจะยังเปิดให้ซื้อจองและออกรางวัลได้ตามปกติ รวมถึงงวดวันที่ 17 ม.ค. 64 และงวดวันที่ 1 ก.พ. 64 โดยได้กำชับให้ผู้ค้าสลากต้องปฏิบัติตัวตามแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัด

ส่วนขั้นตอนออกรางวัลจะมีการจำกัดจำนวนผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ออกรางวัล พร้อมกับทำความสะอาดพื้นที่และอุปกรณ์ออกรางวัลด้วยน้ำยาทำความสะอาดและแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อตลอดจนการจัดสถานที่เว้นระยะห่างทางสังคม

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ยกเลิกออกรางวัลสลากสัญจรประจำปี 64 ซึ่งมีการจัดใน 3 จังหวัด ได้แก่ งวดวันที่ 1 ก.พ. 64 ที่จังหวัดชุมพร งวดวันที่ 2 พ.ค. 64 ที่จังหวัดมหาสารคาม และงวดวันที่ 1 ส.ค.64 ที่จังหวัดลำปาง โดยทุกงวดให้กลับมาออกรางวัลที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรีแทน

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เผย แรงงานสนใจเข้าฝึกอบรมออนไลน์คึกคัก หลังจัดหลักสูตรพิเศษผ่านระบบ Application Zoom Meeting สมัครแล้วกว่า 2,000 คน โดยหลักสูตรด้านดิจิทัลติดอันดับยอดฮิต คนแห่สมัครเพียบ

ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า การอบรมออนไลน์ช่วยให้แรงงานได้รับโอกาสเข้าฝึกอบรมได้เป็นจำนวนมาก สามารถเข้าอบรมพร้อมกันถึง 100 คนต่อรุ่น เพื่อช่วยเหลือแรงงาน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน จึงจัดหลักสูตรพิเศษ แบบออนไลน์ ผ่านระบบ Application Zoom Meeting โดยหน่วยงานในสังกัด กพร. ที่มีความพร้อมจำนวน 50 จังหวัด ปัจจุบัน ได้รับความสนใจจากผู้ใช้แรงงานสมัครเข้าฝึกอบรมแล้วกว่า 2,000 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 13 มกราคม 2564) เหลืออีกเพียง 30 จังหวัดเท่านั้น ที่ผู้สมัครยังไม่เต็ม 100 คน

หลักสูตรที่ได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก เช่น เทคนิคการสร้างร้านค้าและขายสินค้าออนไลน์ การผลิตสื่อโฆษณาและหนังสั้นด้วยสมาร์ทโฟน การสร้างอินโฟกราฟิกเพื่อธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ การออกแบบและตกแต่งภาพด้วยโปรแกรม Photoshop และ Illustrator การใช้โปรแกรม Microsoft Excel Advance และภาษาพม่าเบื้องต้นเพื่อการทำงาน เป็นต้น สังเกตได้ว่า แรงงานให้ความสนใจเกี่ยวกับการเรียนรู้ด้านดิจิทัลมากขึ้น ดังนั้น หลักสูตรการฝึกจึงต้องปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวต่อว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แสดงความห่วงใยต่อแรงงานทั่วประเทศที่กำลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ covid-19 โดยสั่งการให้กระทรวงแรงงานเร่งให้ความช่วยเหลือและเยียวยาแรงงานทุกประเภทรวมถึงผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งการจัดหางาน การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน เพื่อส่งเสริมด้านอาชีพแก่แรงงานให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน พร้อมทั้งบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยภายใต้ชีวิตวิถีใหม่

ซึ่ง กพร. ได้ปรับรูปแบบการฝึกอบรม เป็นการฝึกอบรมออนไลน์ ผ่านระบบ Application Zoom Meeting ทั้งการฝึกตามโครงการปกติและโครงการพิเศษ การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานตามโครงการปกตินั้น กพร. ปรับแผนการฝึกให้สอดคล้องกับสถานการณ์และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด เช่น สาขาอาชีพที่ต้องมีการฝึกภาคปฏิบัติ ต้องจัดเว้นระยะห่าง จำกัดจำนวนคนเข้าฝึกภาคปฏิบัติ ส่วนภาคทฤษฎีจัดอบรมแบบออนไลน์ผ่านระบบ ZOOM เป็นต้น มาตรการอื่น ๆ ให้มีการตรวจคัดกรอง การจัดเจลแอลกอฮอล์ ไว้ประจำจุดฝึกอบรม/ทดสอบมาตรฐานฝีมือ และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเข้มข้น

ผู้ว่างงานที่สนใจเข้าอบรมสามารถสมัครได้ที่ www.dsd.go.th เลือก สมัครฝึกอบรม และค้นหา “ของขวัญปีใหม่” (โครงการนี้รับ 100 คน/รุ่น) ส่วนการฝึกตามโครงการปกติรับ 20 คน/รุ่น ส่วนใหญ่เป็นหลักสูตรที่ต้องฝึกภาคปฏิบัติด้วย สามารถสมัครได้ที่ www.dsd.go.th เลือก สมัครฝึกอบรม

‘หมอเอก ก้าวไกล’ ชี้ไม่ใช่หน้าที่ภาระท้องถิ่น ปมจัดหาวัคซีนเอง ซัดรัฐต้องจัดวัคซีนฟรีสำหรับทุกคน เเนะใช้กลไกท้องถิ่นกระจายวัคซีน เพื่อความทั่วถึง เท่าเทียมทุกคน

นายเเพทย์เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย เขต1 พรรคก้าวไกล กล่าวแสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับกรณีการจัดหาวัคซีน เพื่อยับยั้งการระบาดไวรัสโคโรนา 2019 ว่า ตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา ประเด็น “วัคซีนโควิด” เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ที่พูดคุยกันของทุกคนเพราะในหลายประเทศได้ให้การรับรอง และเริ่มกระจายฉีดให้กับประชาชนของตนเองแล้ว เพื่อหวังที่จะยับยั้งการระบาดของโคโรน่าไวรัส 2019 ให้เราสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติแบบที่เคยเป็นกันมา เพื่อให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด

ดังนั้น “การบริหารจัดการวัคซีนแบบมีประสิทธิภาพ” จึงเป็นปัจจัยสำคัญ ในวันที่ทั่วโลกมีความต้องการวัคซีนพร้อมๆ กัน และมีการเร่งผลิตวัคซีนออกมาให้เพียงพอต่อความต้องการของประชากรโลก โดยวัคซีนที่ผลิตออกมามีหลายเทคโนโลยีที่ใช้ผลิต มีผลการศึกษาทดลองที่ให้ผลในการป้องกันโควิดที่แตกต่างกันแม้จะมีการให้การรับรองในหลายประเทศแล้ว แต่ก็เป็นการรับรองในกรณีพิเศษ-ฉุกเฉิน เพื่อยับยั้งการระบาดเท่านั้น แต่เรายังไม่ทราบระยะเวลาการคงอยู่ของภูมิต้านทานหลังฉีดวัคซีน รวมทั้งผลข้างเคียงในระยะยาวที่อาจจะพบได้เพิ่มเติมจากที่พบในขั้นตอนการวิจัย

และวัคซีนที่มีหลายชนิดจะมีการแบ่งการจัดซื้อและแบ่งการฉีดอย่างไร ในส่วนวัคซีนของ Sinovac ที่ยังไม่มีการรายงานผลการทดลองในชั้นคลินิกเฟส 3 เลย และล่าสุดมีข่าวว่าบางประเทศไม่พอใจผลของการทดลองวัคซีนนี้เพราะมีประสิทธิภาพเพียง 50.4% เท่านั้น (อ้างอิง https://www.bbc.com/news/world-latin-america-55642648 ) แต่จะมีการนำเข้ามาใช้ในเดือนกุมภาพันธ์แล้ว เราจะมีระบบการอนุมัติแบบพิเศษจาก อย. อย่างไร? ประเด็นนี้ทางรัฐบาลไทยจะต้องมีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างชัดเจนเพื่อให้สาธารณชนได้วางใจได้ ซึ่งที่ผ่านมาถือว่ารัฐบาลสอบตกในประเด็นนี้

ส่วนกรณีที่มีข่าวองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่ง เปิดเผยว่า สนใจจัดหาวัคซีนเพื่อฉีดให้กับคนในพื้นที่ได้นั้น ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องดีและอยู่ในวิสัยของกรอบระเบียบกฎหมายที่จะทำได้ แต่มีประเด็นที่ต้องคำนึงถึงอยู่บ้าง คือการจัดซื้อวัคซีนแบบแยกซื้อย่อมจะส่งผลต่อราคาวัคซีนที่จะแพงกว่าการจัดซื้อรวม ในขณะที่วัคซีนชนิดอื่นรัฐได้รวบการจัดซื้อโดยข้ออ้างในเรื่องราคา แล้วทำไมวัคซีนโควิดถึงไม่ได้มีการพูดถึงเหตุผลข้อนี้ (และการจัดซื้อโดย อปท. ที่มีความพร้อมด้านงบประมาณนั้นแน่นอนว่าจะไม่ได้มีทุก อปท. ที่มีความพร้อม จะส่งผลต่อการวางแผนการกระจายของวัคซีนในภาวะที่ต้องการวัคซีนเพื่อหยุดการระบาด ไม่ได้ต้องการวัคซีนเพื่อป้องกันโรคเท่านั้น)

โดยรัฐบาลควรต้องตั้งเป้าหมายการจัดหา และฉีดวัคซีนให้ประชาชนครบ 100% โดยไม่ปล่อยให้เป็นภาระขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดหา โดยมีจุดประสงค์เพื่อยับยั้งการระบาดในวงกว้าง และป้องกันปัจเจกบุคคลจากการติดเชื้อ โดยยุทธศาสตร์ที่ทางรัฐบาลและองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศควรทำงานร่วมกัน คือ

1.ให้ผู้จัดหาวัคซีนยังคงเป็นรัฐบาลอยู่ แต่ต้องกระจายความเสี่ยงของวัคซีนให้มีหลายเจ้ามากขึ้น และมุ่งเน้นเจ้าที่มีประสิทธิภาพสูง และจะต้องมีจำนวนโดสครอบคลุมการฉีดให้ประชากรทั้งประเทศ 100%

2.ส่วนองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นจะเข้ามามีบทบาทร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ผ่านทางโรงพยาบาลและ รพ.สต. ในการกระจายฉีดวัคซีนให้ประชาชน เนื่องจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นมีความใกล้ชิดประชาชนมากกว่า เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง ที่อาจจะต้องได้รับวัคซีนก่อนในลำดับแรกๆ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงและทางองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นมีข้อมูลของกลุ่มนี้อยู่แล้ว

3.สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือ “ความโปร่งใส” ในการบริหารจัดการ ดังนั้นรัฐบาลต้องเปิดเผยรายละเอียด ตัวเลข หลักเกณฑ์ วิธีการ และเหตุผลในการดำเนินการต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสาธารณชน ให้ไว้วางใจการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนคนไทยกลับมาใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยได้ตามปกติอีกครั้งโดยเร็วที่สุด

รัฐบาลญี่ปุ่น จะประกาศภาวะฉุกเฉินสกัดการระบาดของไวรัสโควิดเพิ่มเติมอีก 7 จังหวัด นอกเหนือจากกรุงโตเกียวและรอบข้าง หลังผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุบสถิติเป็นเกือบ 8,000 คนต่อวัน

นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่าเขาจะขยายการประกาศภาวะฉุกเฉินให้ครอบคลุมจังหวัดโอซากา เกียวโต เฮียวโงะ ไอจิ กิฟุ ฟูกูโอกะ และโทชิงิ ในวันนี้ (13 ม.ค.) เพื่อหยุดยั้งการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินสำหรับกรุงโตเกียวและอีก 3 จังหวัดติดกัน คือ ไซตามะ คานางาวะ และชิบะ แต่ในพื้นที่จังหวัดใหญ่อื่น ๆ ก็มีจำนวนการติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว บรรดาผู้ว่าการจังหวัดต่างร้องขอให้รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉิน เพื่อให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณในการเยียวยาธุรกิจต่าง ๆ ที่ถูกขอให้ลดเวลาทำการลง

นายซูงะกล่าวว่า รัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการโดยพุ่งเน้นเป้าหมายจำเพาะเจาะจงไปที่ธุรกิจที่มีความเสี่ยงในการแพร่ระบาด และพื้นที่มีผู้ติดเชื้อพุ่งสูง จึงไม่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ และขอให้โรงเรียนและธุรกิจต่าง ๆ ปิดทำการแบบถ้วนหน้าเหมือนเมื่อเดือนเมษายน ปีที่แล้ว

ผู้นำญี่ปุ่นต้องการหยุดยั้งการติดเชื้อด้วยมาตรการสำคัญ 4 ข้อ ได้แก่ ขอให้บาร์และร้านอาหารปิดภายในเวลา 20.00 น., ให้บริษัททั้งหลายสนับสนุนให้พนักงานทำงานทางไกล โดยลดจำนวนพนักงานในสำนักงานของตนลงร้อยละ 70, ให้ประชาชนงดออกจากบ้านหลัง 20.00 น. และจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ลงครึ่งหนึ่ง

นายฮิโรฟูมิ โยชิมูระ ผู้ว่าการจังหวัดโอซากา ระบุว่า ขณะนี้จังหวัดโอซากาขอให้ร้านอาหาร และบาร์ปิดร้านในเวลา 21.00 น. แต่หากรัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉิน เขาจะให้ร้านต่าง ๆ ปิดร้านเร็วขึ้นอีก 1 ชั่วโมง คือ 20.00 น. เช่นเดียวกับในพื้นที่กรุงโตเกียวและรอบข้าง

เมื่อวันศุกร์ที่ 8 ม.ค. ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่สูงสุด 7,900 คน โดยจังหวัดโอซากา เกียวโต เฮียวโงะ ที่อยู่ในรายชื่อภาวะฉุกเฉินครั้งใหม่นี้ก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงเป็นประวัติการณ์

มาตรการฉุกเฉินของญี่ปุ่นเป็นเพียงการ “ขอความร่วมมือ” ไม่ใช่การ “บังคับ” แต่รัฐบาลกำลังจะเสนอแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้ใช้มาตรการลงโทษกับธุรกิจและผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือตามมาตรการฉุกเฉินได้ โดยจะเสนอร่างแก้ไขกฎหมายต่อรัฐสภาในวันจันทร์หน้า และจะประกาศใช้ให้เร็วที่สุด


ที่มา : https://mgronline.com/japan/detail/9640000003235

‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประชุมติดตาม 9 มาตรการแก้แล้ง ย้ำต้องเสร็จก่อนฤดูแล้งนี้ ให้ประชาชนมีน้ำอุปโภคบริโภค/เกษตร/อุตสาหกรรม เพียงพอ พร้อมสั่งเร่งช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้ขณะนี้

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ผอ.กอนช. ได้เป็นประธานการประชุม กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ครั้งที่ 1/2564 ณ ห้องประชุมกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ อาคารจุฑามาศ สทนช.

ที่ประชุม ได้รับทราบสถานการณ์น้ำในปัจจุบันเมื่อ 12 ม.ค.64 สภาพแหล่งน้ำขนาดใหญ่ และขนาดกลาง มีปริมาณน้ำทั้งประเทศ รวม 49,246 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น ร้อยละ 60 ปริมาณน้ำใช้การ จำนวน 25,143 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น ร้อยละ 43 ,รับทราบการให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมภาคใต้ จ.ยะลา และจ.ปัตตานี ซึ่งขณะนี้ สถานการณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว อยู่ในขั้นการช่วยเหลือ ฟื้นฟู ต่อไป

โดย พล.อ.ประวิตร ได้กำชับเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และรับทราบ ผลการติดตามผลการดำเนินงานโครงการงบกลางปี 2563 ตามมติ ครม.เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำในภาพรวมทั้งประเทศ ทั้งสิ้น จำนวน 31,054 โครงการ ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 23,286 โครงการ ทั้งนี้ที่ประชุมได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงาน พร้อมกำชับ สทนช.ให้กำกับ ติดตามการดำเนินโครงการ อย่างต่อเนื่อง ต่อไป

กอนช. ได้พิจารณาเห็นชอบ ผลการดำเนินงานตามมาตรการ แก้ไขปัญหาภัยแล้งปี 63/64 ตามมติ ครม.เมื่อ 3 พ.ย.63 โดยให้มีการควบคุม การจัดสรรน้ำของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ,ปรับปรุงแผนการควบคุมการเพาะปลูกนารอบที่ 2 (นาปรัง) ให้มากกว่าแผนทั้งในเขต และนอกเขตชลประทาน รวมทั้งตรวจสอบพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงภาวะน้ำแล้ง ของประปาท้องถิ่น และติดตามค่าความเค็มของน้ำ ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

และเห็นชอบผลการดำเนินงาน ตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งการ คราวตรวจราชการน้ำท่วมภาคใต้ พื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยมอบให้ สทนช. บูรณาการแผน และงบประมาณ เพื่อแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ,พัฒนาแก้มลิงบริเวณพรุควนเคร็ง และเร่งรัดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่ด้วย รวมทั้งได้เห็นชอบ การขับเคลื่อนโครงการ บรรเทาอุทกภัย พื้นที่ลุ่มน้ำเพชรบุรีปี 2565-2566 ซึ่งมีแผนงานทั้งหมด 7 โครงการ หากดำเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถเพิ่มความจุได้ 21.13 ล้าน ลบ.ม. มีพื้นที่รับประโยชน์ 61,610 ไร่ (41,990 ครัวเรือน)

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ สทนช. ให้กำกับ ติดตามโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง งป.ปี 63/64 อย่างใกล้ชิด พร้อมเร่งรัดหน่วยงานปฏิบัติ ที่รับผิดชอบโครงการต่างๆ จะต้องขับเคลื่อนอย่างจริงจัง เพื่อมุ่งให้ประชาชน ได้มีน้ำใช้ อย่างเพียงพอ ทั้งน้ำอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อการเกษตรกรรม และภาคอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตามพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยซ้ำซาก ที่ผ่านมาก็ต้องเร่งแก้ไข ให้ทันท่วงที โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ บริเวณ จ.นครศรีธรรมราช และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งพื้นที่ลุ่มน้ำเพชรบุรี ตอนล่าง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน อย่างเร่งด่วน ต่อไป

ส.ส.นครศรีธรรมราช “เทพไท เสนพงศ์” เสนอรัฐทบทวนวิธีการเยียวยาใหม่ แจกเงิน 3,500 บาทต่อคน 3 เดือน ใช้ฐานเยียวยาตามบัญชีทะเบียนบ้าน มั่นใจไม่ตกหล่น เป็นธรรมกับทุกคน

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ตนเห็นด้วยกับ 4 มาตรการของรัฐบาล ที่บรรเทาผลกระทบ ที่เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบ 2 คือ 1. ลดค่าไฟฟ้า 2 เดือนตามใบแจ้งหนี้ ก.พ.-มี.ค.64 โดยให้ใช้ไฟฟ้าฟรี 90 หน่วยแรก สำหรับบ้านพักอาศัยที่ใช้ไฟไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน 2. ลดค่าน้ำ 10% เป็นระยะเวลา 2 เดือนตามใบแจ้งหนี้ ก.พ.-มี.ค.64 เฉพาะบ้านที่อยู่อาศัย และกิจการขนาดเล็ก 3. ลดค่าอินเทอร์เน็ต เพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ตบ้านและโทรศัพท์มือถือเพื่อสนับสนุนการทำงานที่บ้านหรือ Work From Home และสนับสนุนการโหลดแอปพลิเคชัน "หมอชนะ" ฟรีโดยไม่คิดค่าดาต้า 3 เดือน และ 4.มาตรการคนละครึ่ง ให้ขยายสิทธิ์เพิ่มอีก 1 ล้านสิทธิ์ โดยจะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนช่วงปลายเดือน ม.ค.นี้

นายเทพไท กล่าวต่อว่า สำหรับการจะเยียวยา 3,500 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นเวลา 2 เดือนนั้น ส่วนตัวอยากเสนอให้เยียวยาเป็นเวลา 3 เดือน เท่าโครงการเราไม่ทิ้งกัน แต่ยังไม่ทราบวิธีการเยียวยาของรัฐบาลที่ชัดเจน ว่าจะใช้แนวทางการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น หรือเว็ปไซด์ใหม่ หรือจะใช้ฐานข้อมูลเก่าในโครงการเราไม่ทิ้งกัน ตอนช่วงโควิด-19 ระบาดรอบแรกหรือไม่ เพราะวิธีการดังกล่าว มีจุดอ่อนและปัญหาตามมามากมาย ทำให้คนจนผู้ได้รับผลกระทบจริง ไม่ได้รับการเยียวยา แต่บางครัวเรือนกลับได้รับการเยียวยาหลายคน

จึงอยากจะให้รัฐบาลทบทวนวิธีการเยียวยาใหม่ โดยตนยืนยันแนวความคิดเดิมคือ เยียวยาเป็นรายครัวเรือนตามบัญชีทะเบียนบ้าน ของสำนักทะเบียนราษฏร กระทรวงมหาดไทย ซึ่งมั่นใจว่าจะมีผู้ได้รับการเยียวยาครบทุกครัวเรือน ไม่มีการตกหล่น และเป็นธรรมกับคนไทยทุกคนด้วย ยกเว้นครอบครัวพนักงานรัฐวิสาหกิจ และครอบครัวข้าราชการ ที่ได้รับเงินเดือนประจำจากรัฐบาลอยู่แล้ว เมื่อตัดออกจากจำนวนครัวเรือนทั้งหมด 20 ล้านครัวเรือน จะเหลือครัวเรือนที่ไม่มีสมาชิกในบ้านเป็นข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสากิจประมาณ 15 ล้านครัวเรือนเท่านั้น จึงเป็นการประหยัดเงินงบประมาณ ประหยัดเวลาในการเยียวยา และสามารถเยียวยาทั่วถึงอย่างรวดเร็วทุกคน ส่วนการช่วยเหลือกิจการรายย่อย SME รัฐบาลจะต้องมีรายละเอียดของมาตรการช่วยเหลือเยียวยาต่อไปด้วย

“หมอประสิทธิ์” เผยข่าวดี!!! อาการผวจ. สมุทรสาคร ดีขึ้น เตรียมถอดเครื่องช่วยหายใจพรุ่งนี้ เชื่อไม่มีปัญหา ระบุหากออกไอซียู กักตัวต่อ 14 วันก่อนกลับไปทำงานที่บ้านต่อได้

ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล ออกมาเปิดเผยถึงอาการของนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร หลังติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. โดยระบุว่า วันนี้มีข่าวดี เพราะขณะนี้ผู้ว่าฯ อาการดีขึ้นมาก รู้สึกตัวดี และสามารถหายใจได้ดี คาดว่าช่วงเช้าวันที่ 14 ม.ค. จะสามารถถอดท่อ และเครื่องช่วยหายใจออกได้ เพื่อให้ผู้ว่าฯหายใจได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

รวมถึงตอนนี้แพทย์ได้ถอนยาออกหมดแล้ว เพื่อให้ผู้ว่าฯตื่น และจะประเมินการหายใจ พร้อมทั้งดูการทำงานของสมองต่อไป ส่วนอวัยวะอื่นๆ และการให้อาหารดี ทางเดินอาหารสามารถให้อาหารได้เต็มที่ ดูดซึมได้ดี ผลเลือดดีหมด ซึ่งสามารถฟื้นตัวได้แล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว สำหรับไตก็ดีมาพักใหญ่ ไม่น่ามีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตามเมื่อออกจากห้องไอซียูแล้ว ทางผู้ว่าฯ ต้องพักดูอาการก่อน 14 วันที่โรงพยาบาล จากนั้นสามารถกลับไปทำงาน หรือเวิร์ค ฟอร์ม โฮมที่บ้าน จ. สมุทรสาครได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top