Thursday, 4 July 2024
World

‘ไชน่า อีสเทิร์นฯ’ ลุยสร้าง ‘โรงเก็บเครื่องบิน’ ใหญ่สุดในเอเชีย รองรับการซ่อมบำรุงได้ถึง 9 ลำ คาด!! แล้วเสร็จ-ส่งมอบปี 2026

(4 มิ.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ ของจีน เริ่มต้นการก่อสร้างฐานการบริการซ่อมบำรุงทางการบินระหว่างประเทศของสายการบินฯ ในเขตสินค้าทัณฑ์บนครบวงจรพิเศษหยางซาน เทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน

ทั้งนี้ ฐานดังกล่าวใช้เงินลงทุน 1.5 พันล้านหยวน (ราว 7.5 พันล้านบาท) และพื้นที่รวมกว่า 110,000 ตารางเมตร จะประกอบด้วยโรงเก็บเครื่องบิน 3 หลัง รวมถึงห้องปฏิบัติงานและสิ่งอำนวยความสะดวกสนับสนุนการซ่อมแซมและปรับแต่งอุปกรณ์เสริม

ด้าน ฟางจ้าวย่า ประธานบริษัทเทคโนโลยีของไชน่า อีสเทิร์น กล่าวว่า โรงเก็บเครื่องบินหมายเลข 1 จะเป็นโรงเก็บเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยมีความยาว 316 เมตร ความลึก 146 เมตร และสามารถรับรองการซ่อมบำรุงเครื่องบินลำตัวกว้างพร้อมกัน 9 ลำ

อย่างไรก็ตาม โครงการฐานการบริการซ่อมบำรุงทางการบินระหว่างประเทศนี้ มีกำหนดเสร็จสิ้นและส่งมอบภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 และจะให้บริการซ่อมบำรุงเครื่องบิน 1.8 ล้านชั่วโมงต่อปี

‘สหรัฐฯ’ จ่อโหวตร่างกม.คว่ำบาตร 'ศาลอาญาโลก' โต้หมายจับ 'เนทันยาฮู' ไม่หวั่น!! แม้ลบหลู่ระเบียบระหว่างประเทศที่ สหรัฐฯมีส่วนช่วยสร้างขึ้นมา

เมื่อวานนี้ (3 มิ.ย. 67) เว็บไซต์ The Hill รายงานว่า คณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ผ่านร่างรับตัวกฎหมาย ด้วยคะแนน 9-3 โดยมีวัตถุประสงค์ในการคว่ำบาตร เจ้าหน้าที่ของศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ไอซีซี เป็นการตอบสนองต่อ อัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ คาริม เอ. เอ. คาน กับข้อกล่าวหาและความพยายามในการออกหมายจับต่อ นายกรัฐมนตรี นายเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล และ ผู้นำของกลุ่มฮามาส ยายาห์ ซินวา ในฐานะอาชญากรสงคราม

อย่างไรก็ตาม การตอบสนองของทำเนียบขาวก่อนหน้านี้นั้น ไม่ได้สนับสนุนตัวร่างกฎหมาย คารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกของทำเนียบขาว ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อจุดยืนของทำเนียบขาวว่า แม้ว่าจะสนับสนุนการตอบโต้ข้อกล่าวหาที่เสนอโดยไอซีซี แต่ไม่ได้สนับสนุนการคว่ำบาตรต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ

"เราปฏิเสธคำร้องของอัยการไอซีซี ในการออกหมายจับผู้นำอิสราเอล แต่การจะคว่ำบาตรไอซีซีนั้น เราไม่เชื่อว่าเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพหรือเหมาะสม" คารีน กล่าว

นอกจากนี้มีรายงานว่าฝ่ายบริหารในทำเนียบขาว คัดค้านร่างกฎหมายนี้อย่างมาก และมีความเป็นไปได้สูงว่า หากตัวร่างสามารถผ่านสองสภาไปได้จนถึง ประธานาธิบดี โจ ไบเดน มีความเป็นได้สูงว่าประธานาธิบดีไบเดนจะใช้อำนาจวีโต้ของตัวเอง ในการหยุดตัวกฎหมายเอาไว้

ถึงอย่างนั้น มาตรการอื่นที่เป็นตัวเลือกตอบโต้ของสหรัฐฯ ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัด เนื่องด้วยสหรัฐฯ ไม่เคยลงสัตยาบันยอมรับอำนาจและหลักการของศาลอาญาระหว่างประเทศมาตั้งแต่ต้น ด้วยเหตุนี้ในทางปฏิบัติแล้ว สหรัฐฯ ไม่เคยอยู่ในอำนาจตุลาการของศาลอาญาระหว่างประเทศ ในขณะเดียวกันรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ก็ไม่ได้มอบเงินทุนสนับสนุนในการปฏิบัติงานของศาลอาญาโลก

โดยรายละเอียดของตัวร่างกฎหมาย ถูกนำเสนอโดยสมาชิกสภาคองเกรส จากรัฐเท็กซัสสังกัด พรรครีพับลิกัน ชิป รอย ด้วยการสนับสนุนจากสมาชิกคองเกรสคนอื่นๆ มากกว่า 60 คน โดยในด้านของรายละเอียดตัวกฎหมายประกอบด้วยมาตรการต่างๆ อย่าง การกีดกันการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินในสหรัฐฯ หรือ การเพิกถอนวีซ่าเข้าประเทศสหรัฐฯ และ มาตรการอื่นๆ โดยมีเป้าหมายเป็นเจ้าหน้าที่ของศาลอาญาระหว่างประเทศ ที่ทำการสืบสวน หรือ จับกุม พลเมืองในเขตอำนาจของสหรัฐฯ รวมไปถึงพันธมิตรของสหรัฐฯ

มีรายงานว่า มีการคาดการณ์และคาดหวังว่าตัวร่างกฎหมายจะผ่านการโหวตไปในสภาคองเกรสไปอย่างง่ายได้ ด้วยที่พรรครีพับลิกันครอบครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมีเสียงสนับสนุนของสมาชิกสภาคองเกรสอีกจำนวนหนึ่ง จากพรรคเดโมแครต ที่แสดงจุดยืนอย่างแข็งกร้าวในการสนับสนุนอิสราเอลในสงครามกับฮามาส แต่ว่าจุดยืนของประธานาธิบดี โจ ไบเดน อาจจะมีอิทธิพลต่อ สมาชิกสภาคองเกรสของพรรคเดโมแครตในการตัดสินใจ

แต่ในสภาสูงนั้นเป็นไปในทางตรงกันข้าม เนื่องด้วยที่สภาสูงของสหรัฐ อยู่ในการควบคุมของพรรคเดโมแครต ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าต่อให้ร่างกฎหมายจะผ่านสภาร่างมาได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะถูกปัดตกโดยการโหวตของสมาชิกวุฒิสภา

จิม แมคกอฟเวิร์น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคเดโมแครตจากมลรัฐแมสซาชูเซตส์ ให้ความเห็นต่อร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า เป็นร่างกฎหมายที่แย่ โดยให้เหตุผลว่าศาลอาญาระหว่างประเทศเป็นสถาบันที่สำคัญในการรักษา และ ปกป้องหลักการสิทธิมนุษยชนสากล โดยที่หลักศีลธรรม หรือ หลักการทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ไม่ควรส่งผลต่อการออกแบบนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ในการเข้าไปขัดขวางศาลอาญาระหว่างประเทศในการทำหน้าที่โดยกำเนิดของตัวสถาบัน

โดยแมคกอฟเวิร์น ยังระบุด้วยว่า "ร่างกฎหมายนี้ จะเป็นการลบหลู่ระเบียบระหว่างประเทศ ซึ่งสหรัฐฯ มีส่วนช่วยสร้างมันขึ้นมา"

เรื่องนี้ยังคงต้องจับตา ตัวร่างกฎหมาย ที่จะเข้าสู่การประชุมและโหวตในสภาคองเกรส โดยคาดการณ์ว่าด่านแรกอย่าง สภาคองเกรสจะมีการโหวตภายในสัปดาห์หน้า

ทีมผู้สร้างโปรแกรม AI ของ Stanford ยอมรับผิด หลังลอกผลงานของทีมนักพัฒนา AI จากจีน

เรื่องอื้อฉาวของแวดวง AI วันนี้ ต้องยกให้กับข่าวการโพสต์ข้อความขอโทษอย่างเป็นทางการจาก 2 สมาชิกในทีมนักพัฒนาโปรแกรม AI จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สถาบันการศึกษาระดับโลกในรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ถูกจับได้ว่าลอกงานเขียนโปรแกรมของทีมนักพัฒนา AI ของจีน

2 สมาชิกคนดังกล่าวคือ Siddharth Sharma และ Aksh Garg หนึ่งในสมาชิกทีมพัฒนา Llama3-V ที่ใช้รูปแบบโมเดลภาษาของ Meta AI ซึ่ง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เคยกล่าวว่าเป็นรูปแบบภาษาที่มีความล้ำหน้า หลากหลาย ที่ใช้ไฟล์ขนาดเล็กกว่า GPT งานของ Open AI ค่ายคู่แข่งหลายเท่า 

ซึ่ง Llama3-V เพิ่งปล่อยออกมาในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 โดยทีม Stanford AI และได้เปิดหลักสูตรอบรม Llama3-V ตัวใหม่ ที่เคลมว่ามีศักยภาพเหนือกว่าโปรแกรมอื่น ๆ อย่าง GPT-4V Gemini Ultra และ Claude Opus ในราคาคอร์สละ 500 ดอลลาร์ 

แต่ต่อมา ผู้ที่เข้าร่วมคอร์ส Llama3-V ได้ตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมโครงสร้างโปรแกรมของ Llama3-V หลายจุด เหมือนกับ โปรแกรม MiniCPM-Llama3-V 2.5 ผลงานของบริษัท ModelBest ที่ร่วมกับทีมนักพัฒนาจาก มหาวิทยาลัยชิงหวาของจีน ไม่มีผิดเพี้ยน และได้นำโค้ดของทั้ง 2 โปรแกรมมาเทียบให้ดู เพื่อให้ชาวเน็ตผู้เชี่ยวชาญด้านโปรแกรมมาพิสูจน์ความเหมือน

จนกระทั่งวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมาบริษัท ModelBest ออกมาพูดถึงกรณีนี้ว่า โปรแกรมที่พัฒนาโดยทีมจากสแตนฟอร์ดนั้น ใช้โค้ดเหมือนกับ MiniCPM ของจีนจริง และยังมีความสามารถที่เหมือนกันคือ สามารถแยกตัวอักษรจีนโบราณได้ และมีจุดบกพร่องในตำแหน่งเดียวกันอีกด้วย จึงยืนยันได้ว่าเป็นการลอกผลงานจริง 

หลี ต้าไห่ ประธานบริษัท ModelBest ยังกล่าวอีกว่า "การได้รับการยอมรับจากทีมพัฒนาระดับนานาชาตินั้นเป็นเรื่องดี และเราเชื่อมั่นในการสร้างสังคมที่เปิดใจกว้าง มีความร่วมมือ และไว้วางใจซึ่งกันและกัน ซึ่งเราก็อยากให้ผลงานของทีมเราได้ถูกค้นพบ และได้รับการยกย่องอย่างที่ควรจะเป็น แต่ไม่ใช่ในลักษณะนี้”

เมื่อหลักฐานชัดเจน 2 สมาชิกจากทีมผู้พัฒนา Llama3-V ก็ได้ออกมาโพสต์ยอมรับความผิด และขอโทษทีมผู้สร้าง MiniCPM ผ่าน X จากการทำงานที่ขาดความรอบคอบ จนสร้างปัญหาให้กับทีมงานทั้งหมดของโปรเจกต์ Llama3-V และกับทีม MiniCPM ของจีน รวมถึงผู้ที่ติดตามผลงานวิชาการของทีมนักศึกษาสแตนฟอร์ด และสถาบัน ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ข่าวนี้ก่อให้เกิดประเด็นถกเถียงในแวดวงนักพัฒนา AI เป็นวงกว้าง เริ่มจาก คริสโนเฟอร์ แมนนิ่ง ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ และ ภาษาศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด พ่วงตำแหน่งผู้อำนวยการห้องวิจัยปัญญาประดิษฐ์ของมหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความประณามผ่าน X ถึงเรื่องอื้อฉาวนี้ว่า "ปลอมตั้งแต่ยังไม่สร้าง ก็เป็นได้แค่สินค้าไร้ราคาในซิลิคอน วัลเลย์" 

ด้าน ลูคัส เบเยอร์ นักวิจัยประจำห้องแล็บ AI DeepMind ของ Google แสดงความเห็นผ่านโซเชียลเช่นกันว่า จากข่าวนี้ทำให้คนในวงการได้รู้จัก MiniCPM-Llama3-V 2.5 ซึ่งถือว่าเป็นโมเดลที่ดีทีเดียว เพียงแค่คนไม่ค่อยสนใจเพราะมองว่าเป็นผลงานของนักพัฒนาจีน ไม่ใช่งานของเด็ก Ivy League เท่านั้นเอง  

หลิว จือหยวน หัวหน้าทีมวิจัยของ ModelBest และรองศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยชิงหวา ได้โพสต์ข้อความผ่าน WeChat เช่นกันว่า ตอนที่เราเริ่มโครงการนี้ เรารู้ถึงช่องว่างที่ห่างมากระหว่างเทคโนโลยี AI ของจีนในตอนนั้น กับ งานพัฒนาชั้นนำของชาติตะวันตกอย่าง Sora และ GPT-4 แต่เราก็พัฒนาได้เร็วมาก จาก Nobody แห่งวงการเมื่อสิบปีก่อนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในกุญแจขับเคลื่อนสำคัญของนวัตกรรมเทคโนโลยี AI ได้ในวันนี้

ในขณะที่ข่าวนี้ ทำให้ทีมหนึ่งดับ แต่อีกทีมหนึ่งกำลังจะดัง เป็นที่รู้จักในวงการมากขึ้นว่า 'AI ของทีมจีนนั้นดูแคลนไม่ได้' เพราะยิ่งเทคโนโลยีล้ำหน้ามากเท่าไหร่ ยิ่งพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า ทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ

โล่งใจ!! 'ทุเรียนไทย' ยังอร่อย-ครองใจชาวจีนเสมอ  แม้มีข่าวกุ 'ทุเรียนเหงียน' ถูก-ดี ไทยซื้อต่อมาส่งจีน

ไม่นานมานี้ นายตฤณ วุ่นกลิ่นหอม นายกสมาคมการค้าดิจิทัลไทยและเคยทำงานในมูลนิธิแจ๊คหม่า อาลีบาบา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'วันนี้คุณได้มีส่วนช่วย ดิสเครดิต ประเทศตัวเองรึยัง?' ระบุว่า...

สืบเนื่องจากประชุมออนไลน์กับทีม สภาการค้าจีน มีประเด็นที่ผมโดนถามว่า ทุเรียนไทยที่ส่งออกมาให้จีน เอาของเวียดนามมาสวมจริงไหม 

ผมก็ตอบว่าไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด แต่คิดว่ามีใน % น้อย เพราะปกติเราเคยนำเข้าทุเรียนจากเพื่อนบ้านมาทั้งแปรรูป และบริโภค ในภาวะฝนแล้ง อยู่แล้ว แต่ปีนี้อาจจะนำเข้ามามากหน่อย แต่ส่วนใหญ่กว่า 95% ทุเรียนที่ส่งให้จีน จะเป็นของไทยซะส่วนมาก

สืบได้ความว่า สื่อต่างชาติปล่อยข้อมูล ให้สื่อไทยงับ คนไทยแชร์ และเอามาแปลต่อเป็นจีน เพื่อดิสเครดิต และทิ้งทวนว่า ครั้งหน้าคนจีนควรซื้อทุเรียนเวียดนามไปเลยจะได้ราคาดีกว่า เพราะคุณภาพไม่แตกต่างกัน

... พอจบประชุม เพื่อน ๆ ในออนไลน์ฝั่งจีน ก็บอกว่า อย่าคิดมากไป ของไทยอร่อยกว่ามาก แต่จะทำยังไงให้คนจีนที่เหลือเชื่อ ก็คงต้องรอให้กระแสข่าวนี้ตกไปก่อน... 

สงสารชาวสวนทุเรียนปีนี้ โดนภัยแล้ง และโดนคนไทยด้วยกัน ดิสเครดิต โดยไม่รู้ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมการค้าเพื่อนบ้าน

‘เด็กฉนวนกาซา’ เผชิญวิกฤต ‘ขาดแคลนอาหาร’ รุนแรง เสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการ ที่เป็นภัยคุกคามถึงชีวิต

(6 มิ.ย.67) กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ออกมาระบุว่า เด็ก 9 ใน 10 คนในฉนวนกาซาไม่ได้รับประทานอาหารที่มีสารอาหารต่าง ๆ เพียงพอต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดีของพวกเขา

“หลายเดือนมาแล้วสงครามและข้อจำกัดด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาได้พังทลายลง ทั้งระบบอาหารและสุขภาพ ส่งผลให้เกิดหายนะต่อเด็กและครอบครัวของพวกเขา” ยูนิเซฟกล่าว

ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูล 5 ชุด ระหว่างเดือนธันวาคม 2023 - เมษายน 2024 และพบว่าเด็ก 9 ใน 10 คนในฉนวนกาซา ซึ่งตกเป็นเป้าโจมตีอย่างหนักจากการรุกรานของอิสราเอลตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน กำลังทุกข์ทรมานจากความขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้พวกเขาอยู่รอดได้ด้วยสารอาหารเพียง 2 กลุ่มหรือน้อยกว่านั้นต่อวัน

โดยยูนิเซฟระบุว่า นี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงผลกระทบอันน่าสยดสยองของความขัดแย้ง และข้อจำกัดที่มีต่อความสามารถของครอบครัวในการตอบสนองต่อความต้องการอาหารของเด็กและความรวดเร็วที่ทำให้เด็กเสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการที่เป็นภัยคุกคามถึงชีวิต

ด้านอิสราเอลอ้างว่า พวกเขาไม่ได้จำกัดปริมาณสิ่งของด้านมนุษยธรรมของพลเรือนในฉนวนกาซา และกล่าวโทษสหประชาชาติว่าจัดส่งสิ่งของล่าช้า เพราะการดำเนินงานไม่มีประสิทธิภาพ แต่ด้วยความอดอยากมากมายที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา ทำให้เด็กบางคนเสียชีวิตจากภาวะทุพโภชนาการและภาวะขาดน้ำ

กระนั้นก็ดี เพื่อให้เด็กมีความหลากหลายของโภชนาการสำหรับพัฒนาการทางสุขภาพที่ดี เด็ก ๆ จะต้องทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนอย่างน้อย 5 จาก 8 กลุ่มตามความหลากหลายของอาหารที่ยูนิเซฟและองค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนด

ยูนิเซฟบอกด้วยว่า เด็กทั่วโลก 27% ประสบปัญหาความยากจนด้านอาหารอย่างรุนแรงในวัยเด็ก ซึ่งคิดเป็นจำนวนของเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ขวบถึง 181 ล้านคน

เปิดภาพ 'ธงชาติจีน' จากยานฉางเอ๋อ-6 บนด้านลึกลับของดวงจันทร์ หนักแค่ 11 กรัม ทอจากเส้นใยหินบะซอลต์ ทนทานนานนับหมื่นปี

(6 มิ.ย. 67) ChinaReport รายงานว่า ธงชาติจีนผืนนี้ ผืนที่กางออกจากยานฉางเอ๋อ-6 บน 'ด้านไกล' ด้านลึกลับของดวงจันทร์

- ยานสำรวจดวงจันทร์ฉางเอ๋อ-6 ของจีน คลี่ธงชาติจีนเมื่อภารกิจเก็บตัวอย่างบนดวงจันทร์ด้านไกลเสร็จสิ้น ธงชาติจีนผืนนี้ไม่ธรรมดา มีความพิเศษ หนักเพียง 11 กรัม ทอจากเส้นใยหินบะซอลต์ เส้นใยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1/3 ของเส้นผม

- โจว ฉางอี้ หัวหน้าผู้ออกแบบและนักวิจัยของศูนย์วิทยาศาสตร์อวกาศแห่งชาติ สถาบันวิทยาศาสตร์จีน ระบุว่า ธงชาติจีนผืนนี้ สามารถคงทนบนดวงจันทร์นาน 10,000 ปี เพราะทำจากวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อน ความร้อน และความเย็น ในสภาวะอวกาศ

- ธงชาติจีนถูกกางออกจากยานอวกาศฉางเอ๋อ-6 ซึ่งทะยานขึ้นจากพื้นผิวดวงจันทร์แล้วช่วงเช้าวันอังคารที่ 4 มิ.ย. พร้อมตัวอย่างที่เก็บจากด้านไกลของดวงจันทร์นำกลับสู่โลก เป็นความสำเร็จอันมิเคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การสำรวจดวงจันทร์ของมนุษย์

- ยานอวกาศฉางเอ๋อ-6 เดินทางจากโลกสู่อวกาศเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ลงจอดที่แอ่งขั้วใต้-เอตเคน ด้านไกลของดวงจันทร์เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.

‘อิสราเอล’ เล็งเป้า ‘เลบานอน’ หลังจบศึกทำลายล้างกาซา เมินเสียงเตือน ‘ผู้นำสหรัฐฯ’ ที่หวั่นเหตุลุกลาม-สูญเสีย

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ระบุในวันพุธ (5 มิ.ย.) อิสราเอลเตรียมพร้อมยกระดับปฏิบัติการเข้มข้นขึ้นตามแนวชายแดนติดกับเลบานอน บริเวณที่ทหารอิสราเอลยิงตอบโต้กับพวกนักรบฮิซบอลเลาะห์แทบทุกวัน เมินเสียงทัดทานจาก โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ที่เตือนว่าสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายจะก่อความเสี่ยงด้านความมั่นคงแก่อิสราเอลเอง

(6 มิ.ย.67) เกือบ 8 เดือนแห่งการปะทะกันอย่างต่อเนื่องระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ ขบวนการเคลื่อนไหวที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านและเป็นพันธมิตรของฮามาส การยิงตอบโต้กันไปมาระหว่าง 2 ฝ่ายได้ทวีความรุนแรงขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่อิสราเอลโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของเลบานอน

"เราเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการที่เข้มข้นอย่างมากในทางเหนือ เราจะกอบกู้ความมั่นคงสู่ทางเหนือของเรา" เนทันยาฮูกล่าวระหว่างเดินทางเยือนพื้นที่ตามแนวชายแดน

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ฮิซบอลเลาะห์ เปิดฉากโจมตีหลายระลอกใส่ฐานที่มั่นต่าง ๆ ของอิสราเอลในวันเดียวกัน ในนั้นรวมถึงยิงขีปนาวุธนำวิถีเข้าใส่ฐานปล่อยไอรอนโดม ในค่ายทหารรามอต นาฟตาลี

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา อิสราเอลได้ยกระดับโจมตีเล่นงานเป้าหมายพวกนักรบฮิซบอลเลาะห์และพันธมิตรอย่างพวกกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์และกลุ่มติดอาวุธเลบานอน ที่อยู่ในรถยนต์และกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ในเลบานอน

อิตามาร์ เบน กาวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ พันธมิตรในรัฐบาลผสมขวาจัดของเนทันยาฮู และเบซาเกล สโมทริช รัฐมนตรีคลัง ต่างเรียกร้องในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ให้ปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูความมั่นคงทางเหนือของอิสราเอล "พวกเขาเผาผลาญเรา ป้อมปราการของฮิซบอลเลาะห์ทั้งหมดต้องถูกเผาผลาญและทำลาย สงคราม!" เบน กาวีร์ เขียนบนเทเลแกรมในวันอังคาร (4 มิ.ย.)

ความรุนแรงที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม สังหารผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 455 รายในฝั่งเลบานอน ส่วนใหญ่เป็นนักรบ แต่ก็มีพลเรือนรวมอยู่ด้วย 88 ราย ส่วนฝั่งอิสราเอลมีทหารอย่างน้อย 14 นาย และพลเรือน 11 คนเสียชีวิต

การเตรียมพร้อมยกระดับปฏิบัติการของอิสราเอล มีขึ้นแม้สหรัฐฯ พันธมิตรสำคัญส่งเสียงเตือนเนทันยาฮูในวันพุธ (5 มิ.ย.) ว่าสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายในเลบานอน อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของอิสราเอลเอง

"เราไม่ต้องการเห็นสถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย ซึ่งรั้งแต่จะนำมาซึ่งการเสียชีวิตเพิ่มเติมจากทั้งประชาชนอิสราเอลและประชาชนเลบานอน และจะก่ออันตรายใหญ่หลวงแก่ความมั่นคงโดยรวมของอิสราเอลและเสถียรภาพในภูมิภาค" แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับผู้สื่อข่าว

อย่างไรก็ตาม มิลเลอร์ ปฏิเสธข้อสันนิษฐานที่ว่าสงครามกับเลบานอนใกล้เข้ามาแล้ว "ถ้อยแถลงต่าง ๆ จากรัฐบาลอิสราเอล บอกว่าพวกเขาพร้อมสำหรับปฏิบัติการทางทหารถ้าจำเป็น ซึ่งมันมีความแตกต่างจากที่พวกเขาเคยบอกว่าได้ตัดสินใจดำเนินการปฏิบัติการทางทหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรายังคงอยู่ในขั้นที่เชื่อว่า พวกเขาอยากหาทางออกทางการทูตมากกว่า"

มิลเลอร์ บอกว่าสหรัฐฯ เข้าใจดีถึงสถานการณ์ที่ควบคุมไม่อยู่สำหรับอิสราเอล ตามแนวชายแดนทางเหนือของประเทศ "พลเมืองอิสราเอลหลายแสนคนไม่อาจกลับสู่บ้านพักทางเหนือของอิสราเอล เพราะว่ามันไม่ปลอดภัย เพราะว่าพวกฮิซบอลเลาะห์ยังคงยิงปืนใหญ่ และโจมตีด้วยโดรนเล่นงานพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง"

‘กัมพูชา’ ฟื้นฟู ‘ยุทธกรมขอม’ ศิลปะการต่อสู้ใหม่ ดึงดูดหนุ่มสาวเขมร หลัง ‘กุนขแมร์-โบกาตอร์’ แป๊ก

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘The Better’ ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้อีกแบบของกัมพูชา หรือที่เรียกกันว่า ‘ยุทธกรมขอม’ โดยระบุว่า… 

สำนักข่าว AFP รายงานจากเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งของกัมพูชาใกล้ริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นแหล่งเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้โบราณของชาวเขมร ที่นั่น นักศึกษากฎหมายที่ชื่อ เอิน บุนธาว เกร็งลำตัวที่เรียวเล็กและทำตัวเองให้แข็งเหมือนเหล็กตัวเอง เพื่อรับการฟาดศอกเข้าที่ศีรษะ

บุนธาวเป็นหนึ่งในเยาวชนชาวกัมพูชา 20 คนที่เป็นสมาชิกของสโมสรกลางแจ้งใน ‘กรุงอริยะกษัตริย์’ สถานฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้แบบเขมรโบราณที่เรียกว่า ‘ยุทธกรมขอม’ (Yutkromkhorm หรือ យុទ្ធក្រមខម)

ศิลปะการต่อสู้แบบนี้ส่วนใหญ่ถูกลืมเลือนไปแล้วหลังจากที่อาจารย์หลายคนถูกสังหารในการกวาดล้างปัญญาชนภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์เขมรแดงระหว่างปี 1975 ถึง 1979 แต่บุนธาวและเพื่อนนักเรียนของเขามุ่งมั่นที่จะเรียนรู้เทคนิคและรักษามรดกทางวัฒนธรรมของพวกเขาให้คงอยู่

นักเรียนวิชานี้จะสวมผ้าคาดผมและผูกแขน ส่วนการฝึกอบรมจะรวมถึงการเรียนรู้ที่จะชกแบบน็อกเอาต์ด้วยหมัด การเตะที่แม่นยำด้วยพลังสูง และการโจมตีด้วยข้อศอกและเข่าอย่างรวดเร็ว

การต่อสู้ด้วยไม้ ดาบ และหอกก็อยู่ในหลักสูตรเช่นกัน

“ผมจะพยายามฝึกมันให้ดีที่สุด เพื่อจะได้รู้เรื่องนี้ได้ชัดเจน และพยายามรักษาศิลปะการต่อสู้นี้ไว้สำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป” บุนธาว บอกกับ AFP

>>เกิดจากสงคราม 
ยุทธกรมขอม ซึ่งแปลว่า ‘ศิลปะแห่งสงคราม’ ในภาษาเขมร ถือกำเนิดมาจากสงครามหลายครั้งหลายหนในสมัยอาณาจักรเขมรโบราณ

ยุทธกรมขอมมีองค์ประกอบสามส่วน ได้แก่ ศิลปะแห่งสงคราม เวทมนตร์คาถา และกลยุทธ์ทางทหาร

“สมัยโบราณพวกเขาไม่มีอาวุธสมัยใหม่เหมือนทุกวันนี้” นัก รินดา อาจารย์วัย 25 ปี ผู้นำชั้นเรียนของสถาบันกรุงอริยะกษัตริย์ กล่าว

“ในสมัยโบราณผู้คนใช้ศิลปะการต่อสู้ประเภทนี้ เช่น ต่อย ศอก เตะ เข่า ดาบ หอก และลูกธนู เพื่อปกป้องประเทศของเราจากการรุกรานของศัตรู” เขากล่าวเสริม โดยอธิบายว่าเทคนิคของศิลปะนี้ได้รับการขัดเกลาและสมบูรณ์แบบโดยเหล่านักรบในอดีตตามกาลเวลาที่ผ่านไป 

ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ปรมาจารย์ยุทธกรมขอมบางคนโผล่ออกมาจากเงามืดและเริ่มแสดงศิลปะการต่อสู้ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก

ยุทธกรมขอมได้รับการแนะนำให้รู้จักในหน่วยงานของกองทัพกัมพูชาและมหาวิทยาลัยบางแห่ง แต่ส่วนใหญ่ยังคงไม่เป็นที่รู้จักของสาธารณชน ซึ่งคุ้นเคยกับมวยเขมร หรือ กุนแขมร์ และศิลปะการต่อสู้โบราณอีกประเภทหนึ่งอย่าง คือ โบกกะโต มากกว่า

“ศิลปะการต่อสู้เขมรโบราณ คือ ยุทธกรมขอม เกือบจะหายไปแล้ว” รินดา กล่าว

“เราสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ไปจำนวนมาก โดยเฉพาะปัญญาชนที่เสียชีวิตระหว่างการปกครองของเขมรแดง

“ยุทธกรมขอมก็สูญเสียอย่างหนักเช่นกัน

“แต่ตอนนี้เยาวชนของเรากำลังพยายามนำมันกลับมาเพื่อแสดงให้เพื่อนร่วมชาติทุกคนเห็นว่าเรามีศิลปะการต่อสู้แบบโบราณอีกแบบหนึ่งคือยุทธกรมขอม”

>> 'เทคนิคมฤตยู' 
นักศึกษาที่ชื่อ เมา ริดา วัย 18 ปี ซึ่งฝึกฝนมาประมาณ 2 ปี หวังว่าจะใช้ทักษะของเธอเพื่อปกป้องตัวเองจาก ‘คนเลว’

“ในตอนแรก ฉันอยากจะฝึกการใช้มันเพื่อป้องกันตัวเอง เพราะว่าฉันเป็นเด็กผู้หญิง เพื่อที่จะไม่มีใครทำอันตรายฉันได้” ริดา บอกกับ AFP

“เนื่องจากฉันได้เรียนรู้ว่ามันเป็นศิลปะการต่อสู้แบบเขมรโบราณ ฉันจึงอยากได้รับการฝึกฝนให้เป็นผู้ฝึกหัดที่ดี เพื่อช่วยรักษาวัฒนธรรมนี้” เธอกล่าว พร้อมดึงดูดคนหนุ่มสาว โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง ให้ยอมรับศิลปะการป้องกันตัวแนวนี้

“การฟาดศอกนั้นรุนแรงมาก... อาจทำให้ศีรษะได้รับบาดเจ็บได้” เธอเตือน

ที่สโมสร คู่ต่อสู้ของบุนธาวพุ่งไปข้างหน้าและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพร้อมกันในคราวเดียว กระโดดขึ้นและโจมตีจำลองอย่างโหดเหี้ยม

บุนธาว ซึ่งกำลังศึกษาด้านกฎหมายอยู่ชั้นปีที่สาม ฝึกยุทธกรมขอมได้เพียงสองเดือนเท่านั้น แต่การฝึกอบรมได้ช่วยลดระดับความเครียดและทำให้เขามีสุขภาพดีขึ้นแล้ว

“สิ่งที่ผมชอบที่สุดคือศิลปะการกระโดดและฟาดด้วยศอก” เขากล่าวกับ AFP

“หากเรามีส่วนร่วมในการต่อสู้ การฟาดศอกครั้งนี้ถือเป็นเทคนิคที่อันตรายถึงชีวิต”

‘บริษัทจีน’ ทดสอบ ‘โดรนขนส่ง’ บนภูเขาโชโมลังมาสำเร็จ หนุนการปีนเขา-กู้ภัยฉุกเฉิน-คุ้มครองสิ่งแวดล้อม

เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดีเจไอ ผู้ผลิตโดรนชั้นนำของจีน ประกาศความสำเร็จของการทดสอบ ‘โดรนขนส่ง’ บนภูเขาโชโมลังมาจากฝั่งเนปาลเป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งปูทางสู่การเกื้อหนุนการปีนเขา การกู้ภัยฉุกเฉิน และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูง

ทั้งนี้ การทดสอบดังกล่าวใช้โดรนดีเจไอ รุ่นฟายคาร์ท 30 (FlyCart 30) ขนส่งออกซิเจนกระป๋อง 3 กระป๋อง และสิ่งของอื่น ๆ น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม จากเบสแคมป์ (สูงเหนือระดับน้ำทะเล 5,364 เมตร) ไปยังแคมป์ 1 (สูงเหนือระดับน้ำทะเลราว 6,000 เมตร) ส่วนขากลับขนส่งขยะ

โดยรายงานระบุว่า พื้นที่ระหว่างเบสแคมป์และแคมป์ 1 มีธารน้ำแข็งคุมบู ซึ่งเต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งและอันตรายจากหิมะถล่มบ่อยครั้ง โดย ‘มิงมา กยัลเจ เชอร์ปา’ ไกด์ปีนเขาท้องถิ่น เผยว่ามีชาวเชอร์ปาสังเวยชีวิตในปีก่อน 3 ราย และการเดินทางข้ามธารน้ำแข็งนี้ต้องใช้เวลา 6-8 ชั่วโมงต่อวัน

โดรนดีเจไอสามารถขนส่งสิ่งของน้ำหนัก 15 กิโลกรัม ไปกลับระหว่างเบสแคมป์และแคมป์ 1 ด้วยระยะเวลา 12 นาที ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยการทดสอบเมื่อเดือนเมษายน โดรนรุ่นฟายคาร์ท 30 บินสูงถึง 6,191.8 เมตร และสามารถขนส่งสิ่งของอย่างมั่นคง ณ ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 6,000 เมตร

คริสตินา จาง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์องค์กรของดีเจไอ กล่าวว่า ความสามารถขนส่งอุปกรณ์ เสบียง และขยะอย่างปลอดภัยด้วยโดรน มีศักยภาพปฏิวัติโลจิสติกส์ของการปีนเขาโชโมลังมา เกื้อหนุนการเก็บขยะและเพิ่มความปลอดภัยแก่ทุกฝ่าย

ดีเจไอได้ทำสัญญากับบริษัทโดรนของเนปาล หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบข้างต้น เพื่อจัดตั้งปฏิบัติการโดรนขนส่งบนภูเขาโชโมลังมา ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. โดยจากัต ปราสาด พูซัล ซีอีโอของเทศบาลชนบทคุมบู ปาซัง ลามู ของเนปาล เผยว่ามีการใช้โดรนดีเจไอขนส่งขยะอย่างเชือกและบันไดรวม 30 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 29 พ.ค.

พูซัลเสริมว่ามีแผนใช้โดรนดีเจไอที่ภูเขาอามาดาบลัมในฤดูปีนเขาช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ด้วย โดยภูเขาอามาดาบลัม ความสูง 6,812 เมตร ตั้งอยู่แถบเทือกเขาหิมาลัยทางตะวันออกของเนปาล

งานเข้าสังคมชนเผ่าในป่าอเมซอน  หลังอินเทอร์เน็ตเข้าถึง แม้สื่อสารสะดวกขึ้น แต่พฤติกรรม 'ติดจอ-ลามก' เริ่มลุกลาม

(6 มิ.ย.67) สถานีโทรทัศน์ NDTV ของอินเดีย รายงานข่าว Starlink Brings Internet To Remote Tribe. They Get Hooked To Porn ระบุว่า กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยในพื้นที่ป่าอเมซอน กำลังประสบกับสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้า-คายไม่ออก เมื่อเทคโนโลยี ‘สตาร์ลิงก์ (Starlink)’ ระบบอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมที่ได้รับมอบจาก อีลอน มัสก์ (Elon Musk) มหาเศรษฐีนักลงทุนด้านเทคโนโลยี แม้จะทำให้พวกเขาสะดวกสบายด้านการติดต่อสื่อสารมากขึ้น แต่ก็ทำให้มีพฤติกรรมที่ไม่ดีเกิดขึ้นด้วย

ชนเผ่า ‘มารุโบ (Marubo)’ ในบราซิล ซึ่งมีสมาชิกประมาณ 2,000 คน ได้รับมอบระบบสตาร์ลิงก์ เมื่อเดือน ก.ย. 2566 ซึ่งผู้อาวุโสของเผ่า ไซนามะ มารุโบ (Tsainama Marubo) หญิงชราวัย 73 ปี เล่าว่า ด้านหนึ่งอินเทอร์เน็ตทำให้คนในเผ่าสามารถพูดคุยกับคนรักที่อยู่ห่างไกล และขอความช่วยเหลือหากเกิดเหตุฉุกเฉินได้ แต่อีกด้านหนึ่ง ดูเหมือนมันจะทำให้คนหนุ่ม-สาว มีนิสัยเกียจคร้าน รวมถึงทำให้เด็กและเยาวชนเสพติดการพูดคุยและใช้ชีวิตกับหน้าจอ ไปจนถึงการรับข้อมูลสื่อลามกอนาจารและข้อมูลที่ผิดต่างๆ อย่างไรก็ตาม ตนก็ไม่เห็นด้วยหากจะรื้อถอนระบบออกไป

อัลเฟรโด มารุโบ (Alfredo Marubo) หัวหน้าสมาคมชุมชนหมู่บ้านมารุโบ กล่าวว่า ตนไม่สบายใจกับเรื่องสื่อลามกอนาจารมากที่สุด มีการแชร์คลิปเนื้อหาด้านเพศกันในกลุ่มแชทของบรรดาชายหนุ่ม และผู้นำชุมชนบางคนบอกกับตนว่า พวกเขาสังเกตเห็นหนุ่มๆ ในเผ่า มีพฤติกรรมทางเพศที่ดูก้าวร้าวขึ้น ทั้งนี้ เสาอากาศรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตระบบสตาร์ลิงก์ ได้รับบริจาคจาก อัลลิสัน เรโน (Allyson Reneau) นักธุรกิจชาวอเมริกัน

สมาชิกรายหนึ่งในเผ่า กล่าวถึงประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต ว่า ในอดีตการถูกงูพิษกัด ถือเป็นความเสี่ยงอย่างสูงที่คนในเผ่าอาจเสียชีวิตได้ ในอดีตการขอความช่วยเหลือต้องใช้วิทยุสื่อสาร ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่รีบนำเฮลิคอปเตอร์มารับ แต่อินเทอร์เน็ตทำให้ทุกอย่างรวดเร็วขึ้น จึงเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตได้มากขึ้น ขณะที่สมาชิกอีกราย กล่าวว่า อินเทอร์เน็ตสามารถให้อิสระแก่ปัจเจกบุคคลได้ ด้วยสิ่งนี้ พวกเขาสามารถสื่อสารได้ดีขึ้น ในการให้ข้อมูลและบอกเล่าเรื่องราวของตนเอง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top