Tuesday, 2 July 2024
World

‘เดโมแครต’ เครียด!! ‘ไบเดน’ สภาพแย่ ‘ดีเบตรอบแรก’ ทั้ง ‘ไอ-เสียงแหบ-พูดซ้ำคำเดิม’ ส่ง ‘ทรัมป์’ ชนะใส

(28 มิ.ย. 67) บลูมเบิร์กของสหรัฐฯ รายงานว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตแสดงความผิดพลาดมากมายระหว่างการดีเบตรอบแรก ยิ่งเป็นแรงส่งให้เกิดความวิตกมากขึ้นถึงอายุที่สูงวัยของเขาและการที่เขาจะทำให้การหาเสียงประสบความสำเร็จและเอาชนะในการเลือกตั้งปลายปีได้อย่างไร

บนเวทีบลูมเบิร์กชี้ว่า ไบเดนนั้นทั้งไอ เสียงแหบ พูดซ้ำประโยคเดิม หยุดนิ่งไม่ไหวติง และเขายังพูดติด ๆ ขัด ๆ เมื่อกล่าวถึงตัวเลขเป็นต้นว่า จำนวนของงานที่สร้างใหม่ในสมัยของเขา การจำกัดเพดานจำนวนเงินสูงสุดที่ประชาชนอเมริกันต้องจ่ายสำหรับค่ายารักษาโรคและอินซูลิน ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของไบเดนในการให้ได้รับเลือกกลับเข้ามา ซึ่งในสหรัฐฯ ดินแดนเสรีนิยมที่มีค่ารักษาพยาบาลพุ่งสูง

การแสดงออกของไบเดนซึ่งเป็นที่น่าผิดหวังของไบเดนยิ่งทำให้ฝ่ายพรรครีพับลิกันลิงโลด และกระพือไฟโหมความอ่อนแรงและชราภาพของไบเดนให้ปรากฏ

ทรัมป์ฮุกหมัดใส่ไบเดนระหว่างเขาพลาดในประเด็นผู้อพยพเข้าสหรัฐฯ

ทรัมป์กล่าวว่า “ผมไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าเขาได้พูดอะไรออกมาในสิ่งนี้ และผมไม่รู้ว่าเขารู้หรือเปล่าถึงในสิ่งที่เขาได้เอ่ย”

บลูมเบิร์กรายงานว่า แต่ใช่ว่าทรัมป์จะทำผลงานดี เพราะเมื่อผู้จัด CNN ถามเขาเกี่ยวกับปัญหาโอปิออยด์ (opioid) ที่กำลังทำร้ายอเมริกันชน อดีตผู้นำสหรัฐฯ โบ้ยตอบเรื่องนักข่าววอลล์สตรีทเจอร์นัลถูกรัสเซียควบคุมตัวแทน และโกหกคำโตด้วยการกล่าวอ้างบรรดาผู้สนับสนุนกบฏบุกรัฐสภา 6 ม.ค. ปี 2021 นั้นได้รับเชิญให้เดินเข้าไปภายในรัฐสภาสหรัฐฯ

โพลด่วนของ CNN จัดทำโดย SSRS ได้แสดงให้เห็นว่าผู้ชมการดีเบตส่วนใหญ่ลงความเห็นให้ทรัมป์ชนะเหนือไบเดน

โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่ลงทะเบียนและได้ชมการดีเบตรอบแรกคืนวันพฤหัสบดี (27) 67% ต่อ 33% ชี้ว่า ทรัมป์แสดงความสามารถในการดีเบตได้ดีกว่า

ซึ่งก่อนการดีเบต พบว่ากลุ่มผู้ร่วมแบบสอบถามคนเดิมกล่าวว่า 55% ต่อ 45% ที่คาดว่าทรัมป์จะแสดงความสามารถในการดีเบตได้ดีกว่าไบเดน

และโพลด่วนของ CNN พบว่าผู้ชม 8 ใน 10 หรือราว 81% ต่างชี้ว่า การดีเบตไม่มีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ส่วนอีก 14% ชี้ว่าการดีเบตทำให้คนเหล่านี้กลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้งแต่ไม่เปลี่ยนใจ ส่วนอีก 5% กล่าวว่าเปลี่ยนใจจากผู้สมัครที่ตั้งใจจะเลือกก่อนหน้า

เดอะการ์เดียนชี้ว่า อดีตผู้อำนวยการด้านการสื่อสารของไบเดน เคท เบดิงฟิลด์ (Kate Bedingfield) แสดงความเห็นต่อผลงานของไบเดนว่า ‘มันเป็นการแสดงความสามารถดีเบตที่น่าผิดหวังของประธานาธิบดีโจ ไบเดน’

ขณะที่อดีตนักวางแผนทางยุทธศาสตร์ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา เดวิด แอ็กเซิลร็อด (David Axlerod) กล่าวว่า พวกเดโมแครตพากันวิตกเป็นอย่างมากและกำลังสงสัยว่าประธานาธิบดีไบเดนสมควรไปต่อในการเดินหน้าหาเสียงเลือกตั้ง

ทีมนักวิจัย ‘ม.เทลอาวีฟ’ สุดเจ๋ง!! พัฒนาสุดยอดวัสดุแก้ว ก่อตัวเมื่อโดนน้ำ-ซ่อมแซมตัวเองได้-ทนกว่าวัสดุแก้วทั่วไป

เมื่อวานนี้ (29 มิ.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มหาวิทยาลัยเทลอาวีฟ (TAU) ของอิสราเอล เผยว่าทีมนักวิจัยได้พัฒนาวัสดุแก้วชนิดใหม่ที่ก่อตัวขึ้นเองเมื่อสัมผัสโดนกับน้ำ และมีหลายคุณสมบัติพิเศษเฉพาะ เช่น สามารถซ่อมแซมตัวเองได้

การวิจัยที่เผยแพร่ในวารสารเนเจอร์ (Nature) ระบุว่าแก้วชนิดใหม่นี้สร้างจากโครงสร้างทางชีวภาพ มีความแข็งมากกว่าวัสดุแก้วธรรมดามากและมีคุณสมบัติยึดติดสูง สามารถยึดชิ้นส่วนแก้วต่างๆ เข้าด้วยกันและซ่อมแซมรอยแตกที่เกิดขึ้นภายในได้ อีกทั้งมีระดับความโปร่งใสครอบคลุมตั้งแต่แสงที่มองเห็นได้จนถึงอินฟราเรดย่านกลาง

มหาวิทยาลัยฯ ระบุว่านวัตกรรมแก้วดังกล่าวมีศักยภาพที่จะสามารถปฏิวัติอุตสาหกรรมต่างๆๅ เช่น ทัศนศาสตร์และอิเล็กโทร-ออปติกส์ (electro-optics) การสื่อสารผ่านดาวเทียม การสำรวจระยะไกล และชีวการแพทย์

ปกติแล้ววัสดุแก้วจะผลิตขึ้นจากการทำให้วัสดุหลอมเหลวเย็นลงอย่างรวดเร็ว หรือ ‘แช่แข็ง’ วัสดุเหล่านั้นในสถานะอสัณฐาน (amorphous) ซึ่งเป็นโครงสร้างรูปแบบหนึ่งของของแข็ง ก่อนที่จะตกผลึก ส่งผลให้เกิดคุณสมบัติทางแสง เคมี และทางกลที่เป็นเอกลักษณ์ รวมทั้งมีความทนทาน ปรับใช้ได้หลายรูปแบบ และมีความยั่งยืน

ในการศึกษาล่าสุดนี้ นักวิจัยค้นพบเปปไทด์ (peptide) ลักษณะเฉพาะที่มีพฤติกรรมแตกต่างจากวัสดุที่เป็นที่รู้จัก โดยก่อตัวเป็นโครงสร้างอสัณฐานและไม่เป็นระเบียบอันเป็นลักษณะของแก้ว

แก้วชนิดใหม่นี้ก่อตัวได้เองตามธรรมชาติโดยไม่จำเป็นต้องใช้พลังงาน เช่น ความร้อนหรือความดันสูง เพียงแค่ละลายสารจำเพาะที่อยู่ในรูปแบบผงในน้ำ คล้ายกับการผสมเครื่องดื่มปรุงแต่งรส เปปไทด์อะโรมาติก ซึ่งประกอบด้วยลำดับกรดอะมิโน 3-ไทโรซีน (three-tyrosine amino acid) จะก่อตัวเป็นโมเลกุลแก้ว หลังจากมีการระเหยสารละลายในน้ำที่อุณหภูมิห้อง

ทีมงานได้ทดลองพัฒนาเลนส์จากวัสดุแก้วใหม่นี้แล้ว พวกเขาเพียงแค่หยดสารละลายลงบนพื้นผิวเพื่อควบคุมความโค้ง และปรับเปลี่ยนปริมาตรของสารละลายเพื่อควบคุมจุดโฟกัส แทนที่จะใช้กระบวนการตัดเจียรและขัดเงาที่กินเวลานานกว่า

อีฮัด กาซิต นักวิจัยของมหาวิทยาลัยฯ กล่าวว่าแก้วชนิดใหม่มีคุณสมบัติที่ไม่พบในวัสดุแก้วอื่น ๆ ในโลก ทำให้มีศักยภาพที่สำคัญในด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ ทั้งหมดนี้ได้มาจากเปปไทด์เพียงตัวเดียว ซึ่งเป็นชิ้นส่วนขนาดเล็ก ๆ ของโปรตีน

‘เกาหลีเหนือ’ ประหารชีวิตหนุ่มวัย 22 ปี ในที่สาธารณะ  เหตุ!! ฟัง K-POP 70 เพลง - ชมภาพยนตร์ 3 เรื่อง

(30 มิ.ย.67) สื่อต่างประเทศรายงานว่า จากรายงานเรื่องสิทธิมนุษยชนเกาหลีเหนือประจำปี 2024 ที่เผยแพร่โดยกระทรวงการรวมชาติของเกาหลีใต้ ได้รวบรวมคำให้การจากผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือ 649 คน

ผู้แปรพักตร์ไม่ระบุชื่อ ให้การว่า ชายหนุ่ม 22 ปี จากจังหวัดฮวางแฮใต้ถูกประหารชีวิตต่อสาธารณะในปี 2565 ฐานฟังเพลงเกาหลีใต้ 70 เพลง ชมภาพยนตร์ 3 เรื่อง และจัดจำหน่าย ถือเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายเกาหลีเหนือ ที่ห้ามเสพหรือครอบครองวัตถุที่สื่อถึงอุดมการณ์และวัฒนธรรม

นอกจากนี้ จากรายงานเผยว่า ทางการมักสอดส่องโทรศัพท์มือถือของประชาชน เพื่อตรวจสอบการสะกดคำ ไม่ว่าจะเป็นชื่อผู้ติดต่อ สำนวนภาษาที่ใช้ และคำสแลงต่างๆ ว่าใช้คำที่มีอิทธิพลจากเกาหลีใต้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีมาตรการที่รุนแรงเช่นนี้ แต่อิทธิพลของวัฒนธรรมเกาหลีใต้ รวมถึงรายการโทรทัศน์ที่เพิ่งออกอากาศไม่นาน ดูเหมือนจะเล็ดลอดผ่านพรมแดนเข้าไปฝั่งเหนือได้อยู่ดี

“หลังจากดูละครเกาหลี คนหนุ่มสาวจำนวนมากสงสัยว่า ทำไมเราต้องใช้ชีวิตแบบนี้ ฉันคิดว่าฉันขอตายดีกว่าที่จะใช้ชีวิตอยู่ในเกาหลีเหนือ” ผู้แปรพักตร์ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว

'จีน' จัดแข่งกล่าวสุนทรพจน์ภาษาไทยระดับอุดมศึกษา เพิ่มโอกาส นศ.จีนเข้าถึงตลาดไทย ตามความร่วมมือ 'ไทย-กว่างซี'

ไม่นานมานี้ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทางสถานกงสุลใหญ่ของไทย ณ นครหนานหนิง และมหาวิทยาลัยชนชาติกว่างซี ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน ได้จัดการแข่งขันทักษะภาษาไทยและการกล่าวสุนทรพจน์ภาษาไทยระดับมหาวิทยาลัยแห่งกว่างซี ครั้งที่ 17

การแข่งขันข้างต้นมีนักศึกษาจากวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยในกว่างซี 15 แห่ง รวม 51 คน เข้าร่วมแข่งขันรอบคัดเลือก รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ โดย 'ถูจื่อฮุ่ย' นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาภาษาไทยของมหาวิทยาลัยฯ ได้รับรางวัลชนะเลิศเป็นบัตรโดยสารเที่ยวบินไป-กลับ เส้นทางหนานหนิง-กรุงเทพฯ ระยะ 7 วัน

รายงานระบุว่าการแข่งขันในปีนี้แบ่งกลุ่มเป็นมืออาชีพและมือสมัครเล่น โดยหัวข้อของการแข่งขันกล่าวสุนทรพจน์รอบรองชนะเลิศคือ 'เตรียมรับมืออย่างไร เมื่อปัญญาประดิษฐ์กำลังจะครองโลก' และรอบชิงชนะเลิศคือ 'ปัญญาประดิษฐ์ในชีวิตประจำวัน'

เบญจมาศ ตันเวทยานนท์ กงสุลใหญ่ของไทย ณ นครหนานหนิง กล่าวว่า หัวข้อของการแข่งขันในปีนี้สอดคล้องกับวิถีชีวิตปัจจุบันที่มีการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้น ซึ่งเหล่านักศึกษาชาวจีนนำเสนอมุมมองต่อประเด็นนี้ได้อย่างโดดเด่นและสร้างสรรค์

นอกจากนั้นเบญจมาศเสริมว่า การแข่งขันนี้เป็นโอกาสดีของนักศึกษาชาวจีนที่เรียนภาษาไทยในกว่างซีได้แสดงความรู้ความสามารถทางภาษาไทย และเป็นพื้นที่ให้ฝึกฝนภาษาไทยและเพิ่มพูนความมั่นใจ รวมถึงขยายโอกาสการมีงานทำของนักศึกษาและเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันข้ามวัฒนธรรม

ด้าน เหวยเสวี่ยฟาง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของมหาวิทยาลัยฯ กล่าวว่า การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างกว่างซีกับไทยมีความครอบคลุมรอบด้านเพิ่มขึ้น และความต้องการผู้เชี่ยวชาญภาษาไทยจะเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคต ขณะมีการดำเนินงานตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

'มารีน เลอเปน' คว้าชัยเลือกตั้งฝรั่งเศสรอบแรก  ความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของ 'ซ้าย-กลาง-พันธมิตรมาครง'

(1 ก.ค.67) เอ็กซิทโพลระบุว่า พรรคขวาจัดของฝรั่งเศส National Rally (RN) ของนางมารีน เลอเปน คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งรอบแรกของฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ตามผลโพลก่อนหน้านี้ แต่ต้องรอการเลือกตั้งรอบ 2 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 กรกฎาคม จึงจะบอกได้ว่า พรรคฝ่ายขวาจะสามารถยึดครองเสียงข้างมากในการเลือกตั้งฝรั่งเศสได้ในท้ายที่สุดหรือไม่

การสำรวจเอ็กซิทโพลของหลายสำนัก อาทิ Ipsos, Ifop, OpinionWay และ Elabe เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า พรรค RN คว้าชัยด้วยคะแนน 33.2% ตามด้วยพรรค New Popular Front ที่ 28.1% และพรรค Ensemble presidential alliance ของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ที่ได้ไป 21%

ผลสำรวจดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า พรรคขวาจัดเอาชนะพรรคคู่แข่งฝ่ายซ้ายและฝ่ายกลางไปได้อย่างสบาย ๆ รวมถึงเอาชนะกลุ่มพันธมิตรของมาครง ทำให้การเลือกตั้งรอบแรกกลายเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในเดิมพันของมาครงที่ประกาศเลือกตั้งล่วงหน้า หลังากที่พรรคแนวร่วมของเขาประสบความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งรัฐสภายุโรปในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

จอร์แดน บาร์เดลลา หัวหน้าพรรค RN วัย 28 ปี ประกาศความพร้อมที่จะก้าวขึ้นมาบริหารประเทศว่า “ผมตั้งเป้าที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของชาวฝรั่งเศสทุกคน หากชาวฝรั่งเศสลงคะแนนให้เรา”

ทั้งนี้ พรรคขวาจัดของฝรั่งเศสไม่เคยชนะการเลือกตั้งรัฐสภารอบแรกมาก่อน สิ่งที่มารีน เลอเปน ผู้นำที่เป็นที่รู้จักในฐานะตัวแทนพรรคขวาจัด และบาร์เดลลา หัวหน้าพรรค RN คนปัจจุบันต้องการ คือเสียงข้างมาก 289 ที่นั่งจาก 577 ที่นั่ง โดยการคาดการณ์บ่งชี้ว่าพวกเขาอาจไม่ได้สิ่งที่ต้องการในการเลือกตั้งรอบ 2 ด้วยเช่นกัน

หากไม่มีเสียงข้างมากอย่างสมบูรณ์ ฝรั่งเศสอาจประสบกับภาวะสภาแขวน หรือการมีรัฐบาลที่มีเสียงข้างน้อยในรัฐสภา ซึ่งจะทำให้พรรค RN ไม่สามารถที่จะผลักดันแผนการต่าง ๆ ที่ประกาศไว้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับผู้อพยพ การปรับลดภาษี รวมถึงการควบคุมบ้านเมืองให้เป็นระเบียบเรียบร้อย

การเลือกตั้งรอบแรกนี้ยังมีผู้ออกมาใช้สิทธิมากเป็นประวัติการณ์ที่ราว 65-69% ซึ่งมากกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนหน้านี้ในปี 2022 ซึ่งบ่งชี้ว่าที่สุดแล้วการเลือกตั้งรอบ 2 อาจเป็นการแข่งขันกันระหว่าง 3 พรรคที่ได้คะแนนสูงสุดในการเลือกตั้งรอบแรก เมื่อพรรคฝ่ายซ้ายและพรรคฝ่ายกลางไม่ได้จับมือเป็นพันธมิตรในการเลือกตั้งครั้งนี้ แนวโน้มดังกล่าวน่าจะเป็นประโยชน์กับพรรค RN มากกว่า ทำให้เริ่มมีการรณรงค์จากพรรคฝ่ายซ้ายและฝ่ายกลางที่เรียกร้องให้ผู้สมัครจากพรรคที่ได้คะแนนตามมาในลำดับ 3 ลาออกเพื่อไม่ให้ตัดคะแนนเสียงกันเอง

ขณะที่มีรายงานว่า ผู้ที่ไม่พอใจต่อชัยชนะของพรรค RN ได้ออกมาประท้วงต่อต้านชัยชนะของพรรคขวาจัดทันทีที่ทราบผลเอ็กซิทโพลที่จัตุรัสปลาสเดอลาเรปูบลิก กลางกรุงปารีส

สาวแจ้งลาป่วย แต่ที่จริงแอบเดินทางกลับบ้านเกิด แต่โลกกลม!! ดันมาเจอหัวหน้างานบนเครื่องบิน

(1 ก.ค. 67) เป็นไวรัลบอกเล่าเรื่องราวสุดโป๊ะ เมื่อ 'เกรซ' สาววัย 23 ปี ได้ตัดสินใจเล่าเรื่องประสบการณ์การลางานที่จำไม่รู้ลืม เพราะเธอถูกหัวหน้าจับได้อย่างจัง จะหลบหน้าก็ไม่รอดเพราะอยู่กลางเครื่องบิน!

เกรซมาจากอินโดนีเซียและทำงานเป็นฟรีแลนซ์ในยุโรป โดยเธอมักจะแบ่งเวลาเดินทางไปกลับระหว่างที่ทำงานในยุโรปและบ้านเกิดที่บาหลี

ในวันเกิดเหตุ เธอตัดสินใจลางานโดยอ้างว่ามีนัดพบแพทย์ จึงขอเปลี่ยนวันทำงานเป็นวันอื่นแทน แต่ความจริงแล้วเธอกำลังจะเดินทางไปยังบาหลี นอกจากนี้ เธอยังแจ้งให้ที่ทำงานทราบด้วยว่าในสัปดาห์หน้า เธอจะขอทำงานในช่วงเวลาอื่นเนื่องจากอยู่ที่บาหลี

น่าเสียดายที่ความพยายามในการ 'พักผ่อนอย่างสงบ' ต้องล้มเหลว หลังจากเธอบังเอิญเจอหัวหน้าขณะขึ้นเครื่องบิน และดูเหมือนว่าหัวหน้าของเธอจะพักที่บาหลีด้วย เมื่อหัวหน้าจำเธอได้ เขาก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยแซวการกระทำของเธอว่า “โอ้ ที่นี่คือโรงพยาบาลเหรอ?”

“ฉันลาป่วยเพื่อมาอยู่บนเครื่องบินลำเดียวกับผู้จัดการของฉันเนี่ยนะ สั้น ๆ ก็คือ ตอนที่ฉันกำลังเข้าแถว ฉันเห็นคนหน้าคุ้น ๆ เดินมาหาฉันแล้วเรียกชื่อฉัน”

แม้ในตอนแรกเธอจะตกใจและอับอาย แต่ต่อมาเธอกับหัวหน้าก็สามารถ “หัวเราะด้วยกัน” และ “พูดคุยกันจนจบเที่ยวบิน” นอกจากนี้หัวหน้ายังถ่ายรูปเธอและส่งมาให้เธอดูอีกด้วย

สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ เธอไม่ได้เปิดเผยว่า เธอต้องเผชิญกับปัญหาใด ๆ จากการโกหกหรือไม่ แต่เธอได้ตอบความคิดเห็นบนติ๊กต็อกว่า ขณะนี้เธอและหัวหน้าของเธอได้ 'ลาออก' โดยไม่ได้ระบุเหตุผล

‘ตำรวจสหรัฐฯ’ โหด!! ยิงดับเด็ก 13 ปี  หลังถือปืนปลอมวิ่งหนีเจ้าหน้าที่

(1 ก.ค.67) มาร์ก วิลเลียมส์ ผู้บังคับการตำรวจเมืองยูติกา แถลงว่า เมื่อคืนวันศุกร์ (28 มิ.ย.67) เจ้าหน้าที่ได้เรียกตรวจ เอ็นยาห์ เอ็มเวย์ และเด็กชายวัย 13 ปีอีกคน เนื่องจากทั้งสองมีรูปพรรณสัณฐานตรงกับผู้ต้องสงสัยในเหตุปล้นในเมืองยูติกา เมื่อเร็ว ๆ นี้

ระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนเด็กทั้ง 2 คน เอ็นยาห์ เอ็มเวย์ ได้ฉวยโอกาสวิ่งหนีไป ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องไล่ตาม ระหว่างนั้นตำรวจสังเกตเห็นบางอย่างที่คล้ายอาวุธปืนสั้น

จากนั้นเจ้าหน้าที่รายหนึ่งได้กดเด็กชายลงกับพื้น แต่ระหว่างที่กำลังต่อสู้กันนั้น ตำรวจอีกนายก็ลั่นกระสุน 1 นัดใส่เด็กบริเวณหน้าอก เขาได้รับการปฐมพยาบาลในที่เกิดเหตุ แต่ไปเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลวีนน์ ผู้บังคับการตำรวจระบุ

เมื่อคืนวันเสาร์ (29 มิ.ย.67) ตำรวจได้เผยแพร่วิดีโอบันทึกเหตุการณ์จากกล้องติดตามตัวเจ้าหน้าที่ทั้งหมดซึ่งกินเวลานานหลายนาที หลังจากชาวบ้านในท้องที่เกิดเหตุส่งเสียงโห่แสดงความขุ่นเคืองแทรกเป็นระยะ ๆ ระหว่างที่ผู้บังคับการตำรวจเมืองยูติกาแถลงข่าว ซึ่งมีครอบครัวของเด็กชายเข้าร่วมด้วย 

ไมเคิล กาลิเม นายกเทศมนตียูติกา วิงวอนขอให้ชาวเมืองอยู่ในความสงบ “เราตระหนักดีเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ และเราอยากรับประกันว่าจะมีการทำความเข้าใจกับทุก ๆ รายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”

ภาพในคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นว่า ระหว่างที่เด็กชายวิ่งหนีเขาได้เล็งบางอย่างเข้าใส่ตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตะโกนบอกกันเองว่า “ปืน” ก่อนที่ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นปืนปลอม

ตำรวจแก้ต่างว่า เจ้าหน้าที่เชื่อว่าพวกเขาเห็นอาวุธปืนจริง ก่อนจะทราบว่าแท้จริงแล้วมันเป็นเพียงปืนปลอมเลียนแบบปืนกล็อก 17 ที่สามารถยิงกระสุนบีบีกันได้เท่านั้น

รายงานข่าวระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย อยู่ระหว่างลาดตระเวนในพื้นที่ทางตะวันตกของยูติกา เพื่อสืบสวนเหตุปล้น 2 คดีที่เกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียงเมื่อเร็ว ๆ นี้

'ชาวกะเหรี่ยง' พลัดถิ่นประท้วงตำรวจมะกัน หลังยิงสวน 'เด็กกะเหรี่ยง' วัย 13 ดับ

ชุมชนผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงออกมาไว้อาลัยต่อการเสียชีวิต Nyah Mway เด็กวัยรุ่นชายชาวกะเหรี่ยงวัยเพียง 13 ปี ที่ถูกตำรวจสหรัฐฯ ยิงเสียชีวิต เพราะเข้าใจว่าเขาเป็นขโมย และใช้อาวุธปืนเล็งตำรวจ

เหตุสลดเกิดขึ้นที่เมืองยูทิกา ในรัฐนิวยอร์ก เมื่อเวลา 22.15 น. ของคืนวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุลักขโมย โดยมีผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวเอเชีย 2 คน หนึ่งในผู้ต้องสงสัยพกพาอาวุธปืน จึงได้ออกลาดตระเวนตามท้องถนนในเมือง และได้พบกับ Nyah Mway และเพื่อน ๆ ที่เพิ่งกลับจากงานเลี้ยงฉลองจบชั้นเกรด 8 พอดี 

ตำรวจจึงสั่งให้กลุ่มของ Nyah Mway หยุดเพื่อจับกุมตัว เพราะเข้าใจว่าเขาเป็นคนร้ายที่กำลังตามหา แต่ทว่า Nyah Mway ขัดขืนและวิ่งหนี ตำรวจจึงวิ่งไล่ และเห็นเขากำลังชักอาวุธคล้ายปืนออกมา ตำรวจจึงตัดสินใจยิงสวนทันทีเข้าที่ทรวงอก ทำให้ Nyah Mway บาดเจ็บสาหัส และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา ส่วนอาวุธที่ Nyah Mway พกมา ทราบในภายหลังว่าเป็นเพียงปืนปลอมเท่านั้น

เจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นายที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้แก่ นายแอนดรูว์ ซิทรินิติ, นาย บรูซ แพทเตอร์สัน และ นาย ฮัสเนย์ รับราชการตำรวจมาแล้วตั้งแต่ 2-6 ปี ถูกสั่งให้พักงานโดยได้รับค่าแรงเพื่อการสอบสวนเป็นการภายใน 

เมื่อถูกถามว่าตำรวจทั้ง 3 นายนี้ มีโอกาสถูกดำเนินคดีหรือไม่ กรมตำรวจยูติกายอมรับว่าข้อมูลหลักฐานมีความซับซ้อน ที่ต้องรอผลการสืบสวนจากสำนักงานสืบสวนพิเศษแห่งรัฐนิวยอร์ก ว่าเหตุการณ์นี้ละเมิดกฎหมายของรัฐหรือไม่ แต่ทางตำรวจยูติกา ก็ได้แสดงความเสียใจต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และครอบครัวของเด็กและเยาวชนที่เสียชีวิต

เมื่อสื่ออเมริกันพยายามติดต่อครอบครัว Nyah Mway แต่ทางครอบครัวให้สื่อสารผ่าน เพจ GoFundMe ที่เป็นเพจระดมทุนช่วยเหลือชาวกะเหรี่ยง ที่ประสงค์ลี้ภัยมายังสหรัฐอเมริกา โดยครอบครัวของ Nyah Mway คือหนึ่งในชาวกะเหรี่ยงหลายพันคนที่ลี้ภัยสงครามออกจากพม่า มาตั้งรกรากในสหรัฐฯ เมื่อ 9 ปีที่แล้ว

สำหรับ เมืองยูติกา ในรัฐนิวยอร์ก กลายเป็นชุมชนของชาวกะเหรี่ยง และชนกลุ่มน้อยในพม่าที่ลี้ภัยมาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ด้วยความหวังที่จะได้อยู่อย่างสงบสุขในดินแดนแห่งเสรีภาพ แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเศร้า จากการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐต่อประชนต่อพวกเขาอีก 

เพจ GoFundMe ระบุอีกว่า Nyah Mway เป็นเพียงเด็กวัยรุ่นที่ชอบไปขี่จักรยาน เล่นกิจกรรมกลางแจ้ง เป็นเด็กดีของครอบครัว ไม่เคยทำตัวสร้างปัญหา หรือทำผิดกฎหมายมาก่อน  

นั่นจึงทำให้ชุมชนผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงในเมืองยูติกาส่วนหนึ่งไปรวมตัวประท้วงกันที่ศาลาว่าการเมือง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาในขณะที่กรมตำรวจยูติกากำลังแถลงข่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของเด็กชายชาวกะเหรี่ยง 

โดยกลุ่มผู้ประท้วงได้เรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ Nyah Mway พร้อมทั้งตะโกนว่า “No Justice, No Peace” หรือ "ไร้ความยุติธรรม ก็ไร้สันติ" ซึ่งเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า แผ่นดินใดที่ยังไร้ซึ่งความยุติธรรม ก็ยากที่จะหาสันติภาพได้ ไม่ว่าแผ่นดินนั้นจะอยู่บริเวณไหนของโลกก็ตาม

‘ศูนย์ปล่อยยานอวกาศเชิงพาณิชย์แห่งแรกของจีน’ แล้วเสร็จ พร้อมปล่อยจรวดเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2024

(1 ก.ค.67) สำนักงานใหญ่การก่อสร้างศูนย์ปล่อยยานอวกาศเชิงพาณิชย์ไห่หนาน ซึ่งเป็นศูนย์ปล่อยยานอวกาศเชิงพาณิชย์แห่งแรกของจีน ตั้งอยู่ที่เมืองเหวินชาง มณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) ทางตอนใต้ เปิดเผยว่าขณะนี้ศูนย์แห่งนี้สามารถรองรับภารกิจการปล่อยจรวดได้แล้ว

รายงานระบุว่าหลังจากการประเมินอย่างครอบคลุม ศูนย์ดังกล่าวผ่านเกณฑ์ข้อกำหนดทั้งหมดในการเริ่มปฏิบัติการปล่อยจรวด โดยเมื่อวันอาทิตย์ (30 มิ.ย.) ที่ผ่านมาได้มีการจำลองซ้อมปล่อยจรวดด้วย

งานก่อสร้างศูนย์ปล่อยยานอวกาศเชิงพาณิชย์ไห่หนานเริ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2022 ปัจจุบันเป็นพื้นที่ปล่อยยานอวกาศแห่งแรกของจีนที่อุทิศให้กับภารกิจเชิงพาณิชย์โดยเฉพาะ

โครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของศูนย์ฯ ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว อาทิ โครงการที่เกี่ยวข้องกับระบบเชื้อเพลิงและจ่ายก๊าซ สถานีไฟฟ้าย่อย และแท่นปล่อยจรวด

หยางเทียนเหลียง ประธานบริษัท ไห่หนาน อินเตอร์เนชันแนล คอมเมอร์เชียล แอโรสเปซ ลอนช์ จำกัด เผยว่าศูนย์ฯ มีกำหนดปล่อยจรวดครั้งแรกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินการเชิงพาณิชย์

หยางกล่าวว่าแผนการต่อไปคือการขยายพื้นที่ปล่อยจรวดด้วยการติดตั้งแท่นปล่อยจรวดเพิ่มเติม และให้บริการปล่อยจรวดและดาวเทียมสำหรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศเชิงพาณิชย์ของจีน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top