Thursday, 4 July 2024
World

'ครูสหรัฐฯ' ถอดใจ!! ขอลาออก หลังนักเรียนติดมือถือหนัก เปรียบการใช้มือถือของเด็กยุคนี้ ไม่ได้ต่างจาก 'การติดยา

(30 พ.ค. 67) คุณครู มิตเชลล์ รูเทอร์ฟอร์ด เป็นที่สนใจของสื่อหลายสำนัก นับจาก วอลล์ สตรีท เจอร์นัล สื่อแถวหน้าของสหรัฐฯ ลงข่าวเป็นที่แรกในรายงานพิเศษที่ฉายภาพปัญหาการเรียนการสอน ในยุคที่สมาร์ตโฟนยึดห้องเรียน ครูเกิดวิกฤติความมั่นใจ สอนไปไม่มีใครฟัง ส่วนนักเรียนก็ขาดแรงกระตุ้นในการเรียน

คุณครูท่านนี้ สอนวิชาชีววิทยา ที่โรงเรียนมัธยมปลาย (Sahuaro High School) เมืองทูซอน รัฐแอริโซนา มานาน 11 ปี จนถึงวันพฤหัสบดีที่แล้ว (23 พ.ค.) เป็นวันสุดท้ายของการทำงานที่นั่น โดยบอกเหตุผลว่า ทำทุกอย่างแล้วเท่าที่ทำได้ จนสภาพจิตใจตัวเองก็ย่ำแย่ไปด้วย เพื่อให้นักเรียนเลิก 'เสพติด' โทรศัพท์มือถือ

ครู วัย 35 ปี บอกว่า โรงเรียนที่เขาสอน มีระเบียบห้ามใช้มือถือในห้องเรียน แต่การบังคับใช้เป็นหน้าที่ครู ซึ่งเป็นเรื่องยากมาก ตลอดสองสามปีมานี้ เขาพยายามหลายรูปแบบ เพื่อให้นักเรียนเข้าใจอันตรายจากการใช้มือถือตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน ทั้งให้คะแนนพิเศษ ชวนสร้างนิสัยใหม่ ๆ พูดคุยเรื่องการนอนว่าสำคัญมากแค่ไหน และทำอย่างไรเพื่อลดเวลาอยู่หน้าจอตอนนอน เขาพูดคุยเรื่องนี้กับนักเรียนทุกวัน และทำตะกร้าขึ้นมาใบนึงเรียกมันว่า 'คุกมือถือ' วันแรกมีนักเรียนนำมือถือไปใส่ครึ่งหนึ่ง วันต่อมาก็ลดลง ที่สุดก็ว่างเปล่า เขาเปรียบเทียบการใช้มือถือของเด็ก ว่าไม่ได้ต่างจาก ติดยา หรืออาจจะหนักกว่าติดยาบางอย่างด้วยซ้ำ

ในการให้สัมภาษณ์กับ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ครูชายคนนี้ ยังบอกว่า เขาเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่างหลังโควิด-19 ระบาด เป็นการเปลี่ยนไปในทางแย่ลงหลังจากต้องปิดโรงเรียนในช่วงนั้น ก่อนหน้าโควิด-19 เวลาเตือน นักเรียนยังฟังบ้างเมื่อขอให้เก็บมือถือ แต่เวลานี้ยากกว่าเดิมหลายเท่า เขาเริ่มคิดว่า ตัวเองคือปัญหา มีนักเรียนหลายคนบอกว่า ไม่สนใจว่าจะได้เกรดเท่าไหร่

รูเทอร์ฟอร์ด บอกว่า เขาไม่ได้โทษปัญหานี้ที่ตัวเด็กทั้งหมด แต่สังคมต้องให้ความสำคัญกับการศึกษาของเยาวชนเป็นอันดับหนึ่ง ปกป้องคุ้มครองพวกเขา ให้สมองและทักษะทางสังคมได้พัฒนา และทำให้ความสุข เกิดขึ้นแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งมือถือ

ในฐานะครู บางครั้งอดคิดไม่ได้ว่า กำลังทิ้งลูกศิษย์ เพราะเขาบอกนักเรียนให้พยายามตลอดเวลา แต่ตัวเองกำลังจะถอดใจ แต่ก็คิดว่า นี่เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองและครอบครัว เพื่อไปลองทำอย่างอื่นดูบ้างที่ไม่ดูดพลังตัวเองไปหมดแบบนี้

‘รปภ.’ สะบัดดินสอหนึ่งแท่งวาดรูป ‘แมวหลง’ เพื่อตามหาเจ้าของ สุดท้ายหาบ้านจนเจอ ทำชาวเน็ตอึ้ง!! ‘สีหน้า-แววตา’ เป๊ะทุกจุด

(30 พ.ค. 67) สื่อต่างประเทศ SOHU รายงานเรื่องราวสุดน่ารักเรียกรอยยิ้มจากโลกโซเชียล เมื่อ ‘รปภ.’ ประจำหมู่บ้านแห่งหนึ่ง บังเอิญพบ ‘เจ้าเหมียว’ หลุดออกมาเดินเล่น ขณะที่เขากำลังปฏิบัติหน้าที่

ด้วยความเป็นห่วง และคิดว่าเจ้าเหมียวอาจเป็นสัตว์เลี้ยงของลูกบ้านในหมู่บ้าน เจ้าตัวเลยโชว์สกิลเทพ วาดภาพแมวด้วยตัวเอง พร้อมเขียนข้อความประกาศตามหาเจ้าของ และภารกิจพาเจ้าเหมียวกลับบ้านก็เริ่มต้นขึ้น

อย่างที่หลายคนทราบกันว่า การวาดภาพเหมือนเป็นเรื่องที่ยากมากหากทำโดยผู้ที่ไม่มีทักษะ และการใช้มือถือถ่ายภาพคงเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า แต่ไม่ใช่กับ รปภ. รายนี้ ที่มี ‘ดินสอเพียงหนึ่งแท่ง’ ก็สามารถช่วยชีวิตเจ้าเหมียวได้

โดย เขาวาด เจ้าเหมียว ที่มีใบหน้ากลม ตาโต สีหน้าเบื่อหน่ายโลก เนื่องจากมีดินสอเพียงแท่งเดียว การลงสีขนจึงทำได้เพียงแรเงาให้คล้ายที่สุดเท่านั้น และมีข้อความเขียนว่า “แมวใครหาย หน้าตาประมาณนี้ สามารถติดต่อรับได้ที่ป้อม รปภ.”

อย่างไรก็ตาม เมื่อภาพดังกล่าวถูกแชร์ออกไปทั่วโลกโซเชียล ก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจำนวนมาก หลายคอมเมนต์คิดว่า นี่เป็นเพียงมุกตลกที่ทำขึ้นมาเล่น ๆ เท่านั้น

แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น เมื่อมีเจ้าของมาติดต่อเพื่อขอรับน้องแมวตัวดังกล่าวกลับบ้านจริง ๆ ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า ติดตามมาจากภาพวาดดังกล่าว

งานนี้ก็ทำเอาชาวเน็ตฮือฮายิ่งไปอีก เมื่อมีการเปิดเผยภาพเจ้าเหมียวตัวจริง เปรียบเทียบ กับภาพวาด เรียกได้ว่า เป๊ะทุกจุด ทั้งสีหน้า แววตา รวมไปถึงสีขน จนแห่ชื่นชมความสามารถในการวาดภาพของ รปภ. รายนี้เลยจริง ๆ

ทั้งนี้ สำหรับความคิดเห็นส่วนหนึ่งจากชาวเน็ต มีดังนี้…
- นึกว่าเป็นรูปที่วาดขึ้นมาขำ ๆ เท่านั้นนะเนี่ย
- พูดจริง ๆ นะ น้องแมวเหมือนการ์ตูนเลย อ้วนกลม หน้าเบื่อโลก

อีกทั้งยังมีชาวเน็ตบางส่วน แชร์ประสบการณ์เคยพบการวาดภาพประกาศตามหาแมวด้วยเช่นกัน และกลายเป็นโมเมนต์น่ารักขำขัน อบอุ่นใจเลยทีเดียว

‘ศาลฮ่องกง’ พิพากษา นักเคลื่อนไหว 14 คน โทษ ‘จำคุกตลอดชีวิต’ ฐาน ‘ล้มล้างการปกครอง’

(30 พ.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศาลสูงฮ่องกงนัดอ่านคำพิพากษา ‘คดีล้มล้างการปกครอง’ ในวันนี้ กรณีที่อัยการเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนักเคลื่อนไหว ชุดแรกจำนวน 16 คน ศาลใช้เวลาไต่สวนกว่า 1 ปี นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 พบว่านักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย 14 คน มีความผิดล้มล้างการปกครอง ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติปี 2563 มีโทษจำคุกตลอดชีวิต เช่น นายลัม ชูค-ติง นางเฮเลนา หว่อง 2 อดีต สส. และนายกอร์ดอน อึ้ง นักเคลื่อนไหวที่จัดการเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อสรรหาผู้สมัครจากฝ่ายค้าน สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นในเดือนกรกฎาคม 2564

ส่วนนักเคลื่อนไหวอีก 2 คน ศาลมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง คือ นายลอเรนซ์ เลา นักกฎหมาย และ นายลี ยูเอะ ชุน อดีตสมาชิกสภาเขต ทำให้ทั้งสองคนพ้นมลทินจากข้อหาล้มล้างการปกครอง ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 31 คน รวมถึงนายโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวชื่อดังของฮ่องกง ซึ่งให้การรับสารภาพ ศาล จะนัดอ่านคำพิพากษาต่อไป

ทั้งนี้ ทางการฮ่องกงเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณศาล เพื่อให้การอ่านคำพิพากษาของศาลดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่กลุ่มนักวิจารณ์ รวมถึงองค์กรสิทธิมนุษยชนของฮ่องกง วิจารณ์ว่า คำพิพากษาเช่นนี้อาจจะกระทบต่อการจัดกิจกรรมรณรงค์ประชาธิปไตยของนักการเมืองฝ่ายค้านและกระทบต่อภาพลักษณ์ของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการเงินระดับโลก และคดีที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากบรรดานักการทูต นักสิทธิมนุษยชนและกลุ่มธุรกิจในฮ่องกง

‘ญี่ปุ่น’ จ่อเปลี่ยนที่บังวิว จุดถ่ายรูป ‘ฟูจิ’ ตรงลอว์สันให้แข็งแรงขึ้น หลัง นทท.ไม่รามือ!! แอบเจาะตาข่ายจนพรุน หวังแชะรูปให้ได้

เมื่อวานนี้ (30 พ.ค.67) สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า ทางการเมืองฟูจิคาวากุชิโกะ ซึ่งเป็นที่ตั้งหนึ่งในจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิยอดนิยมของญี่ปุ่นในจังหวัดยามานาชิ จะทำการเปลี่ยนที่บังวิวใหม่ บริเวณจุดถ่ายรูปฮอตฮิตตรงร้านสะดวกซื้อ ‘Lawson’ ที่มีวิวด้านหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ

โดยจะติดตั้งที่บังวิวซึ่งทำจากวัสดุที่แข็งแรงขึ้น หลังจากการใช้ตาข่ายสีดำ ขนาดสูง 2.5 เมตร และยาว 20 เมตร ติดตั้งบังวิวฟูจิจากร้านสะดวก ‘Lawson’ ไปก่อนเมื่อไม่กี่วันก่อน ปรากฏว่ายังมีนักท่องเที่ยวมือบอนมาแอบเจาะตาข่ายที่บังวิวให้เป็นรูเล็ก ๆ อย่างน้อย 10 รู ในความพยายามจะถ่ายรูปวิวภูเขาไฟฟูจิหลังร้านสะดวกซื้อแห่งดังกล่าวผ่านรูเล็ก ๆ บนที่บังวิวนั้นให้ได้

สำนักข่าวเกียวโดและสื่ออีกหลายสำนักรายงานว่า ที่บังวิวใหม่จะทำให้แข็งแรงขึ้นและอาจเปลี่ยนเป็นสีที่อ่อนลง เช่น สีฟ้าหรือสีเขียวแทน

ด้าน นายฮิเดยูกิ วาตานาเบะ นายกเทศมนตรีเมืองฟูจิคาวากุชิโกะ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนหวังจะให้มีการเปลี่ยนที่บังวิวใหม่โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนช่วงฤดูร้อนนี้

ทั้งนี้ การตัดสินใจติดตั้งที่บังวิวบริเวณจุดถ่ายรูปฮิตที่ร้านสะดวกซื้อ ‘Lawson’ แห่งนี้ มีขึ้นเพื่อแก้ปัญหานักท่องเที่ยวล้นและการไม่เคารพกฎจราจรของนักท่องเที่ยว เช่น การข้ามถนนไปมาเพื่อที่จะถ่ายรูปซึ่งถือเป็นอันตราย ทำให้ทางการญี่ปุ่นต้องจัดหามาตรการเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว

คณะลูกขุน ตัดสิน ‘ทรัมป์’ ผิดทุกกระทง ‘คดีจ่ายเงินลับ’ หวั่น!! โดนตัดสิทธิ์ ลงสมัครเลือกตั้ง ‘ปธน.’ ปี 2567

(31 พ.ค. 67) เอเอฟพีรายงาน กล่าวว่า เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว อัลวิน แบรกก์ อัยการเขตแมนฮัตตันในมหานครนิวยอร์กได้ยื่นฟ้องอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ในความผิดคดีอาญาฐานจ่ายเงินให้แก่บุคคลเพื่อปกปิดข้อมูลอันอาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2559


ทรัมป์ถูกตั้งข้อหาในความผิดทางอาญา 34 กระทง จากการปลอมแปลงบันทึกทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินค่าปิดปาก 130,000 ดอลลาร์ให้กับสตอร์มี แดเนียลส์ วัย 44 ปี ซึ่งเป็นดาราหนังโป๊ รวมทั้งการจ่ายเงินปิดปากนางแบบเพลย์บอย และคนเฝ้าประตู

ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดี การพิจารณาคดีครั้งแรกที่ศาลอาญาแมนฮัตตันจบลงด้วยการที่ทรัมป์ วัย 77 ปี ​​ถูกตัดสินว่ามีความผิดใน 34 กระทงดังกล่าวตามคำฟ้องของอัยการ และผู้พิพากษาฮวน เมอร์ชานเสนอให้เขาต้องโทษจำคุก

จากนั้น ทรัมป์ซึ่งได้รับการปล่อยตัวโดยไม่ต้องอาศัยหลักประกันและเตรียมยื่นอุทธรณ์ในขั้นตอนต่อไป ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังออกจากศาลและประณามผลการตัดสินของคณะลูกขุนว่า ‘ขี้โกง’ และ ‘น่าอับอาย’ โดยท้าให้รอดูคำตัดสินที่แท้จริงที่จะมาจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พฤศจิกายน

ทั้งนี้ คณะลูกขุนทั้ง 12 คนใช้เวลาพิจารณาอรรถคดีนานกว่า 11 ชั่วโมงในช่วงเวลา 2 วัน ก่อนประกาศข้อสรุปที่เป็นเอกฉันท์ภายในไม่กี่นาที โดยตัวตนของพวกเขาทั้ง 12 คนถูกเก็บเป็นความลับตลอดการพิจารณาคดี ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่มักพบบ่อยในกรณีที่เกี่ยวข้องกับมาเฟียหรือจำเลยที่มีอิทธิพล

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังคงมีสิทธิ์ในการรณรงค์แคมเปญเลือกตั้งประธานาธิบดีต่อไป จนกว่าจะถึงวันที่ 11 กรกฎาคมที่คณะลูกขุนจะพิจารณาว่าจะตัดสินโทษออกมาแบบใด และจะตัดสิทธิ์ลงรับสมัครของเขาหรือไม่

ช่วงเวลาดังกล่าวจะคาบเกี่ยวกับการประชุมใหญ่ระดับชาติของพรรครีพับลิกันในเมืองมิลวอกี ซึ่งทรัมป์มีกำหนดได้รับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการจากพรรคเพื่อเป็นตัวแทนในการเผชิญหน้ากับโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต

ทรัมป์ถูกกล่าวหาว่าสั่งการให้ไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความส่วนตัวจัดเตรียมการจ่ายเงินให้แดเนียลส์ก่อนการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2559 เพื่อไม่ให้แพร่งพรายความสัมพันธ์ลับ ๆ ที่เคยมีต่อกันที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในทะเลสาบทาโฮ

จากนั้นมีการจ่ายเงินอีก 30,000 ดอลลาร์เพื่อปิดปากของอดีตคนเฝ้าประตูทรัมป์ทาวเวอร์ที่รู้ข้อมูลลับว่าทรัมป์มีบุตรนอกสมรส และจ่ายเงิน 150,000 ดอลลาร์ให้กับคาเรน แม็คดูกัล นางแบบนิตยสารเพลย์บอย เพื่อแลกกับการไม่เปิดเผยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเพศที่ยาวนานเกือบหนึ่งปีในฐานะชู้รักกับทรัมป์

ในการพิจารณาคดี สตอร์มี แดเนียลส์ (ซึ่งมีชื่อจริงว่าสเตฟานี คลิฟฟอร์ด) ได้อธิบายต่อศาลอย่างละเอียดถึงสิ่งที่เธอบอกว่าเป็นการมีเพศสัมพันธ์กับทรัมป์ที่แต่งงานแล้วในปี 2549 และคำให้การดังกล่าวช่วยให้อัยการประสบความสำเร็จในการดำเนินคดีปกปิดการจ่ายเงินอย่างผิดกฎหมายอันเป็นส่วนหนึ่งของอาชญากรรมในวงกว้างเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ลงคะแนนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของตัวทรัมป์เอง ซึ่งเป็นการโน้มน้าวการเลือกตั้งด้วยความทุจริต

ขณะที่ทนายฝ่ายจำเลยแย้งแทนลูกความว่า ‘การพยายามโน้มน้าวการเลือกตั้งเป็นเพียงการแสดงออกตามครรลองประชาธิปไตย และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่ได้ทำอะไรผิด’
ความเพลี่ยงพล้ำของทรัมป์ในครั้งนี้ทำให้ทีมหาเสียงของโจ ไบเดนออกแถลงการณ์ขยี้ซ้ำว่า กระบวนการยุติธรรมในการพิจารณาคดีแสดงให้เห็นแล้วว่า ‘ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย’ และเสริมว่า ‘ภัยคุกคามจากชายชื่อโดนัลด์ ทรัมป์มีผลใหญ่หลวงต่อประชาธิปไตยของประเทศยิ่งนัก’

แม้การพิจารณาคดีดังกล่าวทำให้ทรัมป์เสียสมาธิจากการรณรงค์หาเสียงเพื่อขับไล่ไบเดนออกจากทำเนียบขาว แต่เขากลับใช้โอกาสมาขึ้นศาลแต่ละครั้งในการเรียกร้องความสนใจจากสื่อไปทั่ว โดยกล่าวปราศรัยต่อหน้ากล้องของสื่อมวลชนอยู่เสมอ ในประเด็นการตกเป็นเหยื่อทางการเมือง

ตามทฤษฎีแล้ว ทรัมป์อาจเผชิญโทษจำคุกสูงสุด 4 ปีสำหรับการปลอมแปลงบันทึกทางธุรกิจแต่ละครั้ง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายกล่าวว่า ในฐานะผู้กระทำผิดครั้งแรก เขาไม่น่าจะถึงขั้นโดนจำคุกจริงและอาจโดนแค่คุมประพฤติ ส่วนกระบวนการการอุทธรณ์อาจใช้เวลาอีกหลายเดือนจึงจะเสร็จสมบูรณ์

ทว่าหลังจากนี้ โดนัลด์ ทรัมป์อาจเผชิญอีกหนึ่งข้อหาที่หนักหน่วง คือสมรู้ร่วมคิดล้มล้างผลการเลือกตั้งปี 2563 จากกรณียุยงผู้สนับสนุนให้บุกโจมตีรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 และข้อหาแอบเก็บเอกสารลับทางราชการและไม่ยอมส่งคืนหลังหมดวาระจากทำเนียบขาว

‘เยอรมนี’ เผย!! จำนวน ‘ผู้แปลงสัญชาติ’ พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ หลังรัฐเอื้อ ‘แรงงานย้ายถิ่น’ ช่วยเคลื่อน ศก. ในยามสูงวัยเกลื่อน

เมื่อวานนี้ (30 พ.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักงานสถิติกลางแห่งเยอรมนี เปิดเผยจำนวนผู้ที่แปลงสัญชาติในเยอรมนีอยู่ที่ราว 200,100 คน ในปี 2023 ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่มีการเริ่มบันทึกในปี 2000

จำนวนการแปลงสัญชาติเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นแล้วร้อยละ 28 จากในปี 2022 โดยมีผู้คนจาก 157 ประเทศได้รับสัญชาติเป็นพลเมืองเยอรมัน

สำนักงานฯ ระบุว่าพลเมืองที่ได้รับสัญชาติมีอายุเฉลี่ย 29.3 ปี ซึ่งอายุน้อยกว่าอายุของประชากรโดยรวมที่ 44.6 ปีอย่างมีนัยสำคัญ และส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย

อนึ่ง เยอรมนีเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยปัจจุบันมีจำนวนประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้น และจำเป็นต้องพึ่งพากลุ่มแรงงานย้ายถิ่นฐาน

เยอรมนียังเผชิญกับการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะเป็นอย่างมาก ซึ่งรัฐบาลกำลังแก้ไขโดยการแก้ไขกฎหมายการย้ายถิ่นฐานของผู้มีทักษะความสามารถของเยอรมนี (The Skilled Immigration Act) เพื่อให้แรงงานที่มีคุณสมบัติจากต่างประเทศนอกสหภาพยุโรปสามารถหางานทำในเยอรมนีได้ง่ายขึ้น

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บุนเดสรัต (Bundesrat) หรือสภาสูงของรัฐสภาเยอรมนี อนุมัติการปรับแก้กฎหมายสัญชาติของเยอรมนีให้เป็นสมัยใหม่ โดยปัจจุบันพลเมืองสามารถมีสองสัญชาติได้ และการแปลงสัญชาติอาจใช้เวลาดำเนินการเพียง 3 - 5 ปี หากการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมเป็นไปด้วยดี

แนนซี ฟาเซอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของเยอรมนี กล่าวหลังการมีมติของสภาสูงว่ารัฐบาลตระหนักถึงประวัติศาสตร์และความสำเร็จของผู้คนจำนวนมากที่โยกย้ายมาและมีส่วนร่วมในประเทศนี้มาเป็นเวลานานแล้ว

‘แม่เด็ก 8 ขวบ’ แชร์อุทาหรณ์ ‘ลูกสาว’ เคราะห์ร้ายป่วยสมองอักเสบ เหตุโดน ‘จุ๊บปาก’ หลังเกิดได้ 2 วัน จากพิษของน้ำลายที่แทรกซึม

(31 พ.ค. 67) สื่อต่างประเทศ รายงานว่า เด็กหญิง 8 ขวบ สมองพิการ หลังโดนจุ๊บปากตอนอายุได้ 2 วัน โดย เด็กสาวผู้เคราะห์ร้ายมีชื่อว่า ‘บริลิน’ ซึ่งแม่ของเธอเล่าว่า ในเวลานั้นระบบภูมิคุ้มกันของลูกสาวยังไม่ได้รับการพัฒนา ไวรัสได้สร้างความเสียหายต่อสมองทำให้โรคไข้สมองอักเสบแพร่กระจาย

แม่ของบริลิน เผยต่อว่า ในตอนแรกลูกสาวเกิดมามีสุขภาพดี และสบายดี เมื่ออายุได้ 2 วัน ก็มีคนตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นเธอ และพวกเขาจุ๊บเธอที่ปาก แต่แล้ว 2 สัปดาห์ต่อมา ลูกก็เริ่มมีอาการชัก

อาการชักเกิดจากการที่สมองถูกทำลายอย่างมาก หรือที่เรียกว่า ‘ภาวะสมองอักเสบจากเชื้อไวรัส’ ซึ่งจัดว่าเป็นโรคที่หาได้ยาก และเป็นเคสที่เกิดขึ้นได้ใน 1 ต่อ 5 แสนคนต่อปีเท่านั้น

“การจูบปากส่งผลให้น้ำลาย หรือของเหลวแทรกซึมเข้าไปยังสมองของเธอ และติดเชื้อเป็นเวลาต่อมา โดยเชื้อโจมตีสมองซีกซ้ายเป็นส่วนใหญ่ (60%) พอเราเริ่มรักษา เชื้อมันก็เริ่มลามไปยังสมองซีกขวา (10%)” แม่ของบริลิน กล่าว

ทั้งนี้ แม่ของบริลิน เปิดใจต่อว่า แม้ว่าลูกสาวจะได้ได้รับบาดเจ็บจากการจูบ แต่เธอก็ให้อภัยกับคนเหล่านั้นแล้ว เพราะมันเป็นอุบัติเหตุ และพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ

‘จีน’ เผย รายงานความเลวร้าย ‘การละเมิดสิทธิมนุษยชน’ ในสหรัฐอเมริกา ชี้!! ความเป็น ‘เจ้าโลก’ สร้างวิกฤตเพิ่มการ 'เหยียดเชื้อชาติ-เหลื่อมล้ำ-ละเมิดสิทธิ'

เมื่อวานนี้ (31 พ.ค. 67) สำนักงานสารนิเทศของสภาแห่งรัฐจีน (China's State Council Information Office ) ออกรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2567 โดยเปิดเผยสถานการณ์สิทธิมนุษยชนที่เลวร้ายลงของประเทศด้วยข้อเท็จจริงและตัวเลข

รายงานดังกล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ดําเนินมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อจัดการกับปัญหาสิทธิมนุษยชน และตอบสนองต่อความคาดหวังของประชาชนชาวอเมริกัน และข้อกังวลระหว่างประเทศ

รายงานระบุว่า สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในสหรัฐอเมริกายังคงเลวร้ายลงในปี 2566 และเสริมว่าสิทธิมนุษยชนกําลังมีการแบ่งขั้วมากขึ้นในประเทศ

ในขณะที่ชนกลุ่มน้อยที่ปกครองมีอํานาจทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม แต่คนธรรมดาส่วนใหญ่กลับถูกกีดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ โดย ‘สิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพวกเขาถูกเพิกเฉย’
สังเกตว่า สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองลดลงเหลือเพียงการพูดคุยในสหรัฐอเมริการายงานนี้ดึงความสนใจไปที่ปัญหาที่เลวร้ายลงรวมถึงความรุนแรงจากปืนการต่อสู้ของพรรคพวกความโหดร้ายของตํารวจและระบบความรับผิดชอบในการบังคับใช้กฎหมายของตํารวจที่ไม่มีประสิทธิภาพการจําคุกจํานวนมากและการบังคับใช้แรงงานการแบ่งขั้วทางการเมืองการจัดการการเลือกตั้งและความน่าเชื่อถือของรัฐบาลที่ลดลง

โรคเรื้อรังของการเหยียดเชื้อชาติยังคงมีอยู่" รายงานระบุ โดยเน้นว่าชาวแอฟริกันอเมริกันเผชิญกับการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติอย่างร้ายแรงและความไม่เท่าเทียมกันในด้านต่างๆ เช่น การบังคับใช้กฎหมายและบริการทางการแพทย์

ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียประสบกับการเลือกปฏิบัติที่รุนแรงขึ้นสิทธิของชนพื้นเมืองอเมริกันถูกละเมิดอย่างต่อเนื่องและ "อุดมการณ์เหยียดเชื้อชาติกําลังแพร่กระจายอย่างรุนแรงในสหรัฐอเมริกาและทะลักข้ามพรมแดน

รายงานระบุว่า ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมที่เพิ่มขึ้นทําให้ชีวิตคนยากจนยากลําบากอย่างยิ่ง โดยตั้งข้อสังเกตว่าสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะให้สัตยาบันกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมถูกตีตราว่าเป็น ‘ชีสสวัสดิการ’ ในสหรัฐอเมริกา และปรากฏการณ์ของ "ความยากจนในที่ทํางาน" ก็แพร่หลาย โดยช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนกว้างขึ้นอีก

สหรัฐอเมริกายังไม่ได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ และยังคงเป็นรัฐสมาชิกสหประชาชาติเพียงประเทศเดียวที่ไม่ได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก โดยกล่าวเตือนถึงการละเมิดสิทธิสตรีและเด็กในประเทศอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันนักการเมืองได้ ‘ละทิ้งสิทธิและสวัสดิการของผู้อพยพ’

ในต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้ไล่ตามลัทธิเจ้าโลกมานานฝึกฝนลัทธิฝ่ายเดียวและการเมืองเชิงอํานาจและสร้างวิกฤตด้านมนุษยธรรม

ในสหรัฐอเมริกา สิทธิมนุษยชนเป็นสิทธิพิเศษที่คนเพียงไม่กี่คนได้รับเท่านั้น ปัญหาสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ ของประเทศคุกคามและขัดขวางการพัฒนาที่ดีของสาเหตุสิทธิมนุษยชนโลกอย่างร้ายแรง รายงานระบุ

รายงานประกอบด้วยคํานํา สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองกลายเป็นการพูดคุยที่ว่างเปล่า โรคเรื้อรังของการเหยียดเชื้อชาติ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมที่เพิ่มขึ้น การละเมิดสิทธิสตรีและเด็กอย่างต่อเนื่อง การต่อสู้ที่บีบคั้นหัวใจของผู้อพยพที่ไม่มีเอกสาร และความเป็นเจ้าโลกของอเมริกาสร้างวิกฤตด้านมนุษยธรรม

‘BYD’ เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด รุ่นที่ 5 เพิ่มประสิทธิภาพ วิ่งได้ไกล 2,100 กิโลเมตร

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บีวายดี (BYD) บริษัทยานยนต์พลังงานใหม่รายใหญ่ของจีน เปิดตัวเทคโนโลยีไฮบริดสองระบบ (DM) รุ่นที่ 5 สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ซึ่งมาพร้อมระยะทางวิ่งไกล 2,100 กิโลเมตร

หวังฉวนฝู ประธานบีวายดี ซึ่งร่วมงานเปิดตัวเทคโนโลยีข้างต้นในนครซีอัน มณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน กล่าวว่าเทคโนโลยีใหม่นี้จะช่วยให้ยานยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริดของบีวายดีก้าวเป็นผู้นำโลกในหลายด้าน

เทคโนโลยีดังกล่าวมีประสิทธิภาพทางความร้อนร้อยละ 46.06 อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 2.9 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร แม้อยู่ในสถานะขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า และระยะทางวิ่งไกล 2,100 กิโลเมตร เมื่อยานยนต์ชาร์จแบตเตอรี่เต็มและน้ำมันเต็มถัง

นอกจากนั้นบีวายดีเปิดตัวยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ ฉิน แอล ดีเอ็ม-ไอ (Qin L DM-i) และซีล 06 ดีเอ็ม-ไอ (Seal 06 DM-i) ซึ่งจะใช้เชื้อเพลิงเพียงหนึ่งในสามของยานยนต์รุ่นเก่าและมีระยะทางวิ่งเพิ่มขึ้นสามเท่า ราคา 99,800-139,800 หยวน (ราว 4.99-6.99 แสนบาท)

หวังกล่าวว่าบีวายดีเชื่อมั่นในการเป็นผู้นำการพัฒนาเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด ในระดับโลกและส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านอันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก หลังจากทำยอดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริดสะสมมากกว่า 3.6 ล้านคัน

อนึ่ง ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีนระบุว่ายอดการผลิตและจำหน่ายยานยนต์พลังงานใหม่ของจีน ช่วงเดือนมกราคม-เมษายนของปีนี้ รวมอยู่ที่ 2.985 ล้านคัน และ 2.94 ล้านคัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.3 และร้อยละ 32.3 เมื่อเทียบปีต่อปี

'ฮามาส' ขานรับ!! ข้อเสนอใหม่ 'ไบเดน' หยุดยิงใน 'กาซา' ภายใต้ท่าที 'อิสราเอล' ที่ยังอยากกำราบศักยภาพฮามาส

(1 มิ.ย.67) พวกฮามาสขานรับในทางบวก หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯเปิดเผยในวันศุกร์ (31พ.ค.) ว่าอิสราเอลเสนอโร้ดแมปใหม่ที่มุ่งหน้าสู่สันติภาพอย่างถาวรในกาซา พร้อมเรียกร้องนักรบปาเลสไตน์กลุ่มนี้ให้ตอบรับข้อตกลงที่น่าประหลาดใจดังกล่าว ระบุ ‘ถึงเวลาแล้วที่ต้องยุติสงครามนี้’

ในการกล่าวแบบจริงจังเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับโร้ดแมปล่าสุดที่ถูกเสนอให้เป็นทางออกของความขัดแย้ง ไบเดนระบุว่าข้อเสนอ 3 ขั้นพร้อมด้วยการหยุดยิงโดยสิ้นเชิงใน 6 สัปดาห์ จะพบเห็นอิสราเอลถอนกำลังออกจากพื้นที่ที่มีประชากรอยู่อาศัยทั้งหมดของกาซา

ถึงเวลาแล้วที่สงครามนี้ต้องยุติลง 'ไบเดน' กล่าวปราศรัยผ่านโทรทัศน์จากทำเนียบขาว อิสราเอลเสนอข้อเสนอใหม่อย่างครอบคลุม มันคือโร้ดแมปสำหรับการหยุดยิงที่ยาวนานและปล่อยตัวประกันทั้งหมด

ไบเดน วัย 81 ปีจากพรรคเดโมแครต ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในสหรัฐฯ ให้หาทางยุติสงครามกาซา ก่อนถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกาในเดือนพฤศจิกายน ที่เขาต้องต่อสู้กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ท่ามกลางการประท้วงตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศและเสียงขุ่นเคืองภายในพรรคของเขาเอง

ประธานาธิบดีรายนี้บอกว่าภาระหน้าที่สำหรับสันติภาพจะตกอยู่บนบ่าของพวกนักรบปาเลสไตน์ฮามาส ซึ่งเปิดฉากจู่โจมอิสราเอล พันธมิตรของสหรัฐฯ อย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีก่อน จุดชนวนความขัดแย้งทำลายล้างในกาซา ‘ฮามาสจำเป็นต้องรับข้อตกลง’

อย่างไรก็ตาม ไบเดน เปิดเผยว่าเขาได้เรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู และผู้นำอิสราเอลคนอื่น ๆ เช่นกัน ว่าอย่าปล่อยให้เวลานี้สูญเสียไป โดยบอกว่าปฏิบัติการรุกรานของอิสราเอลกัดเซาะศักยภาพของพวกฮามาสลงไปได้อย่างมากแล้ว ‘ฮามาส ไม่มีศักยภาพการโจมตีแบบเดียวกับ 7 ตุลาคม อีกแล้ว’ ผู้นำสหรัฐฯระบุ พร้อมบ่งชี้ว่าเขาเชื่อว่าอิสราเอลบรรลุเป้าหมายสงคราม และควรลดระดับปฏิบัติการดังกล่าวได้แล้ว

เกี่ยวกับข้อเสนอโร้ดแมป ไบเดน กล่าวว่าในช่วง 6 สัปดาห์ จะรวมไปถึงการหยุดยิงอย่างสมบูรณ์และโดยสิ้นเชิง ถอนกำลังทหารอิสราเอลออกจากพื้นที่ประชากรทั้งหมดของกาซา ปล่อยตัวประกันจำนวนหนึ่ง ในนั้นรวมถึงพวกผู้หญิง คนชรา ผู้ได้รับบาดเจ็บ แลกกับการปล่อยนักโทษปาเลสไตน์หลายร้อยคน

"จากนั้นอิสราเอลและฮามาสจะใช้เวลา 6 สัปดาห์เหล่านี้ เจรจาหาทางบรรลุข้อตกลงหยุดยิงที่ยั่งยืน แต่การหยุดยิงเบื้องต้นจะถูกขยายออกไปหากการเจรจายังไม่ได้ข้อสรุปและยังคงเดินหน้าต่อไป" ไบเดนกล่าว "ตราบใดที่พวกฮามาสทำตามคำมั่นสัญญาของพวกเขา ตามถ้อยคำในข้อเสนอของอิสราเอล การหยุดยิงชั่วคราว จะกลายมาเป็นการยุติความเป็นปรปักษ์อย่างถาวร" ไบเดนกล่าว

สำหรับขั้นที่ 3 จะเกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูที่สนับสนุนโดยนานาชาติ ซึ่งจะใช้เวลานานหลายปี

ฮามาสระบุในวันศุกร์ (31พ.ค.) ว่าพวกเขา มองในแง่บวก ต่อโร้ดแมปของอิสราเอลในการมุ่งหน้าสู่ข้อตกลงหยุดยิง ที่แถลงโดยประธานาธิบดีไบเดน หลังสงครามในกาซาลากยาวมานานเกือบ 8 เดือน

ถ้อยแถลงของนักรบปาเลสไตน์ระบุว่า ฮามาสพิจารณาในทางบวก ต่อบริบทในคำปราศรัยของไบเดน ก่อนหน้านี้ในวันศุกร์ ในเรื่องเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงถาวร การถอนกองกำลังอิสราเอลออกจากกาซา การบูรณะฟื้นฟูและแลกเปลี่ยนนักโทษ

คำแถลงของไบเดน มีขึ้นหลังจากความพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าในการยุติสงครามต้องมีอันหยุดชะงักลง และมีสัญญาณว่าข้อตกลงอาจดับสนิทตั้งแต่ยื่นให้พิจารณา

เนทันยาฮู กล่าวหลังคำปราศรัยของไบเดน ว่าสงครามในกาซาจะไม่ยุติจนกว่าจะสามารถกำจัดศักยภาพในการปกครองและทำสงครามของพวกฮามาส ขณะที่พวกฮามาส ซึ่งได้รับข้อเสนอในวันพุธ (29พ.ค.) ผ่านคนกลางอย่างกาตาร์ ยืนยันว่าข้อตกลงหยุดยิงใด ๆ ควรเป็นข้อตกลงถาวร

ทางกลุ่มบอกก่อนหน้านี้ในวันศุกร์ (31 พ.ค.) ว่าได้แจ้งกับพวกคนกลางว่าพวกเขาจะเห็นชอบข้อตกลงหยุดยิงอย่างครอบคลุม ในนั้นรวมถึงแลกเปลี่ยนตัวประกัน หากอิสราเอลระงับปฏิบัติการรุกราน ขณะที่อิสมาอิล ฮานิเยห์ แกนนำฝ่ายการเมืองของฮามาส ที่พำนักอยู่ในกาตาร์ เน้นย้ำว่าข้อเรียกร้องหลักของทางกลุ่ม ในนั้นรวมถึงการหยุดยิงถาวรและอิสราเอลถอนกำลังออกไปทั้งหมด เป็นสิ่งที่ไม่อาจเจรจาต่อรองได้

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ บอกว่าข้อเสนอใหม่ของอิสราเอล แทบจะเหมือนกับที่ ฮามาส เสนอมาเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน แต่ยอมรับว่ายังคงมีข้อเห็นต่างเล็ก ๆ น้อย ๆ

ไบเดน ไม่ได้พูดถึงปฏิบัติการจู่โจมของอิสราเอล เล่นงานเมืองราฟาห์ ทางใต้ของกาซา ที่ทางกองทัพอิสราเอลเปิดเผยในวันศุกร์ (31 พ.ค.) ว่าได้เดินหน้าเข้าสู่ใจกลางเมืองแล้ว แม้มีเสียงคัดค้านจากนานาชาติ แต่ ไบเดน ยอมรับว่าชาวปาเลสไตน์ เหมือนตกอยู่ในขุมนรกอย่างแท้จริง

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากนานาชาติ ต่อกรณีที่พวกให้การสนับสนุนอิสราเอล นับตั้งแต่เกิดเหตุโจมตีนองเลือดในกาซา ทำค่ายผู้ลี้ภัยที่แออัดไปด้วยผู้คน เกิดไฟลุกไหม้ในวันอาทิตย์ (26 พ.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 45 รายและบาดเจ็บ 250 คน

กระนั้นทำเนียบขาวบอกในช่วงกลางสัปดาห์ ว่าแม้การโจมตีของอิสราเอลได้ก่อการทำลายล้าง แต่ไม่ถือว่าละเมิดเส้นตายของไบเดน ที่ขีดไว้สำหรับระงับการส่งมอบอาวุธแก่พันธมิตรหลักของสหรัฐฯแห่งนี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top