Sunday, 16 June 2024
NEWS

สมุทรปราการ-ระดับตำนาน!! นักเตะลิเวอร์พลู!! เยือน PWS สอนทักษะด้านกีฬา ภาษา มุ่งเน้นความเป็นเลิศ

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567 โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ชั้นประถม และโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ชั้นมัธยม สังกัดเทศบาลตำบลแพรกษา กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย จัดกิจกรรม “การพัฒนาทักษะทางด้านภาษาและกีฬาบูรณาการ” ร่วมต้อนรับนักเตะทีมชาติอังกฤษ (VIP) ที่มาพัฒนาทักษะทางภาษา สอนทักษะกีฬา พูดคุยใกล้ชิด พร้อมทั้งแจกของรางวัล ให้กับเด็กๆ นักเรียน โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษาทั้งชั้นประถม และชั้นมัธยม

โดย ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จังหวัดสมุทรปราการ (สมัยที่ 25) และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ได้ให้เกียรติกล่าวทักทายต้อนรับ ณ ห้องเธียร์เตอร์ โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (ฝ่ายประถม)

โดยมีนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ นำโดย Mr.Paul Bell ผู้จัดการทีม และนักเตะทีมชาติอาวุโส อีกทั้ง ยังเคยเล่นฟุตบอลให้กับทางสโมสรต่างๆ ชื่อดังในอังกฤษและอีกหลายๆประเทศ เดินทางมาร่วมกิจกรรมการสื่อสารภาษา การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม พบปะพูดคุย และเปิดโครงการความร่วมมือ 2 ประเทศ ก่อนร่วมกิจกรรม คลีนิก ฟุตบอล (Football for PWS Kids) ที่ สนามฟุตบอลหญ้าเทียม โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) และ Mini Match ร่วมกับเด็กนักเรียน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาลตำบลแพรกษา (ฟุตบอล 5 คน)

จากนั้น ทีมฟุตบอลอังกฤษ ได้เดินทางมาที่โรงเรียนมัธยมแพรกษาวิเทศศึกษา ร่วมกิจกรรม Sport and Langauge camp for PWSs students ณ บริเวณลานกีฬา หลังเสร็จสิ้นภารกิจ นักฟุตบอลอาวุโสทีมชาติอังกฤษ ได้เดินทางไปที่สนามกีฬากรมศุลกากร ลาดกระบัง เพื่อเปิดแคมป์ “Thailand 🇹🇭 Sport for Kids”  โดยมี นักเรียนโรงเรียนประถมและมัธยมแพรกษาวิเทศศึกษา เข้าร่วมการฝึกในครั้งนี้ จำนวน 50 คน

โดยทางด้าน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร อดีต ส.ส.สมุทรปราการ กล่าวว่า ทางผู้บริหารของเทศบาลตำบลแพรกษา โดยท่าน นายกอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา เปิดโอกาสให้กับนักเรียนโดยได้ดึงนักเตะอาวุโส จากประเทศอังกฤษ เดินทางมาเยี่ยมเยียนนักเรียนโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา และโรงเรียนมัธยมแพรกษาวิเทศศึกษา เพื่อมาสอนทักษะ ในการเล่นฟุตบอล และในเรื่องการสื่อสารทางภาษาฯ ทำให้เด็กๆได้มีทักษะในการเล่นฟุตบอล ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เด็กๆ จะได้สัมผัสนักฟุตบอลทีมชาติระดับตำนานของประเทศอังกฤษในอดีตที่ผ่านมา ทำให้เราได้เรียนรู้ทั้งภาษาและทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลมากยิ่งขึ้น

ซึ่งทางผู้บริหารของเทศบาลตำบลแพรกษา ได้มีโอกาสเชื่อมโยงความสัมพันธ์อันดีกับผู้บริหารนักฟุตบอลของประเทศอังกฤษ ก็ถือเป็นโรงเรียนอันดับต้นๆ ของสมุทรปราการ ที่มีโอกาสได้ทำกิจกรรมแบบนี้ เชื่อว่าเป็นกิจกรรมที่ทำให้เด็กๆ ได้ตื่นตัวที่ได้สัมผัสกับนักฟุตบอลทีมชาติ ขณะนี้ทางเทศบาลตำบลแพรกษาได้มีนโยบายสนับสนุนกีฬาฟุตบอล โดยจะสร้างสนามกีฬาฟุตบอล 11 คน ในเร็วๆ นี้ ที่โรงเรียนมัธยมแพรกษาวิเทศศึกษา และสนับสนุนทุกช่องทาง ทางด้านกีฬา เพื่อมุ่งเน้นความเป็นเลิศด้านกีฬาต่อไป

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

‘จูราสสิค เวิลด์’ เตรียมยกกองมาถ่ายทำที่ ‘ไทย’ 13 มิ.ย.-16 ก.ค.นี้ เผย!! แม้มีไม่กี่ฉาก แต่เกิดการจ้างงาน ส่งเสริมท่องเที่ยวไทยได้แน่

(7 มิ.ย.67) ความคืบหน้ากองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ บริษัท เปสตัน ฟิล์ม จำกัด ยื่นเรื่องขอถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย เรื่อง ‘จูราสสิค เวิลด์’

โดยใช้พื้นที่ 3 จังหวัด ประกอบด้วย หาดซันเซ็ท เกาะกระดาน อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทำที่ น้ำตกห้วยโต้ อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา จ.กระบี่ และ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 13 มิ.ย. - 16 ก.ค. 2567

ด้าน นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าฯ ตรัง เปิดเผยว่า เบื้องต้นทีมงานได้มาดูสถานที่จริง จากนั้นเจ้าของพื้นที่คือ กรมอุทยาน สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะควบคุมดูแลในรายละเอียดต่อไป ว่าการมาถ่ายทำภาพยนตร์จะกระทบสิ่งแวดล้อม มีการขุดต้นไม้ ทลายดินหรือไม่

เบื้องต้นทีมงานแจ้งว่า จะไม่มีการทำลายหรือสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด พร้อมแจ้งคร่าว ๆ ว่า ซีนที่จะมาถ่ายทำ เป็นฉากเรือล่มและคนมาติดเกาะ ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา

จริง ๆ เขามาถ่ายทำหลายจังหวัด แต่จะอยู่ที่ตรัง 3 สัปดาห์ การถ่ายภาพยนตร์ระดับฮอลลีวูด แม้จะถ่ายไม่กี่ฉาก แต่เขาจะถ่ายหลายมุมและเลือกมุมที่ดีที่สุดมาตัดต่อเป็นฉากในภาพยนตร์ คนใน จ.ตรัง ที่ได้ไปร่วมงานกับเขาย่อมได้รับค่าจ้างที่ดี มีสวัสดิการที่ดี ตนเชื่อว่าการมาถ่ายทำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ครั้งนี้ จะไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.ตรัง อีกด้วย

สำหรับ ‘เกาะกระดาน’ ได้รับเลือกให้เป็นชายหาดที่ดีที่สุดในโลก 2 ปีซ้อน (2566-2567) จากเว็บไซต์แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวชายหาด World Beach Guide ประเทศอังกฤษ

3 ข้อคิดถึงพ่อแม่ ช่วยละลายพฤติกรรมคนเมืองให้หลุดจากหัวเด็ก ลดปัญหา 'วัยรุ่นโปรไฟล์ดี' ก่อเหตุร้ายแรงแบบไม่แคร์สังคม

(7 มิ.ย. 67) จากเฟซบุ๊ก 'Pathom Indraroshom' โดย คุณปฐม อินทโรดม ได้โพสต์เนื้อหาชวนคิดในหัวข้อ 'อะไรทำให้วัยรุ่น 'โปรไฟล์ดี' จากครอบครัวอบอุ่นออกมาก่อเหตุร้ายแรงจนเป็นข่าวมากมาย??' ว่า...

ผมเชื่อว่าเหตุร้ายแบบนี้จะไม่เกิดถ้าพ่อแม่ชนชั้นกลางไม่เลี้ยงลูกเป็น 'เทวดา' เหมือนทุกวันนี้ที่ยิ่งได้เรียนโรงเรียนดี ๆ แล้วเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำแทบจะเห็นโลกแค่มิติเดียว ซึ่งเป็นมิติที่พ่อแม่อยากให้เห็น คือ ได้อยู่ในสังคมที่ดี เพื่อน ๆ ฐานะร่ำรวย ใช้ชีวิตหรูหราสบาย ๆ เพราะคิดว่าเด็กจะได้ดีถ้าไม่ต้องสัมผัสกับมิติอื่นที่อาจเจอสิ่งเลวร้ายอย่างยาเสพติด เซ็กซ์ การทะเลาะวิวาท ฯลฯ เหมือนลูกคนจนที่ตัวเองรังเกียจ

ผลที่ได้คือ ลูกรู้จักแค่โลกกลวง ๆ มิติเดียว และคิดว่านั่นคือโลกทั้งใบ เมื่อเจอกับความผิดหวังก็รับไม่ได้ เพราะคิดว่าโลกนี้มีแค่นั้น ทั้งที่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่!

ลองเปลี่ยนแนวคิดใหม่ ผมเองขอสนับสนุนให้...

1. ทำงานหาเงินด้วยตัวเองในช่วงปิดเทอม อันนี้ทำได้ตั้งแต่ยังเรียนมัธยม เลิกคิดได้แล้วว่าลูกฉันเป็นคนชั้นสูงจะต้องไม่ทำงานใช้แรงงาน เพราะยิ่งคิดแบบนี้ก็ยิ่งส่งเสริมให้เขาอยู่ในโลกแคบ ๆ การทำงานจะล้างจานหรือเป็นเด็กเสิร์ฟจะทำให้เขารู้จักค่าของเงินและทำให้เขาได้สัมผัสคลุกคลีกับเพื่อนร่วมงานที่มาจากครอบครัวที่แตกต่างหลากหลาย ทำให้เขามองโลกได้หลายมิติมากขึ้น

พ่อแม่ต้องไม่อายที่บอกว่า 'ลูกฉันเป็นเด็กเสิร์ฟ' แต่ต้องพูดให้ลูกภูมิใจว่าลูกฉันรู้จักรับผิดชอบและเปิดโลกหาประสบการณ์ด้วยตัวเอง

อย่า! ส่งเสริมให้ลูกทำงานฉาบฉวยที่ไม่ได้สร้างความรู้ใด ๆ แต่ได้เงินง่าย ๆ เพราะเก็งกำไร เช่นเอาเงินเก็บไปลงทุนคริปโตตามกระแส หรือการขายของออนไลน์ที่แค่หาของถูกมาขายแพง ๆ โดยไม่ได้พัฒนาความรู้ใด ๆ เพราะทำแบบนี้อาจได้เงินง่ายแต่ไม่ยั่งยืนและเขาจะเมินงานทั่วไปที่สร้างความมั่นคงระยะยาวแต่เขาจะดูถูกว่าได้เงินน้อย

2. หาที่ฝึกงาน จะบริษัทเล็กใหญ่ไม่ต้องเลือกมาก ยิ่งได้ทำงานที่ตรงกับสาขาที่เรียนก็ยิ่งดี และต้องไม่เกี่ยงแม้เขาจะใช้เราแค่ไปชงกาแฟก็ตาม การฝึกงานเป็นการได้คลุกคลีกับคนที่ทำงานในสายเดียวกัน ได้รู้จักทำงานเป็นทีม

ไม่ต้องรอให้ถึงชั้นปี 3 ค่อยไปฝึกงานตามระเบียบมหาวิทยาลัย แต่ไปได้เร็วเท่าไรยิ่งดี เดี๋ยวนี้เด็กปี 1 ก็เริ่มมาฝึกงานกันแล้ว

3. ไปออกค่ายอาสาสมัคร ไปเป็นครูอาสา ใช้ชีวิตกินนอนอยู่ในพื้นที่ห่างไกลสัก 1-2 เดือนช่วงปิดเทอม ได้สัมผัสกับวิถีชาวบ้าน ได้เห็นว่าเพื่อนวัยเดียวกันเขาไม่ได้แค่เรียนหนังสือ แต่เขาทำงานเก็บเงินสร้างบ้าน บางคนเป็นหัวหน้าครอบครัวเพราะพ่อตายตั้งแต่ยังเด็ก เขาจะหันมานับถือคนเหล่านี้ ว่าเป็น 'คนจริง' ไม่ใช่นับถือลูกคนรวยขับซูเปอร์คาร์ที่ได้มาจากธุรกิจสีเทา 

ทั้งหมดคือ การละลายพฤติกรรมคนเมือง ซึ่งพ่อแม่ชนชั้นกลางพยายามทำสิ่งที่ตรงกันข้ามมาโดยตลอด ผมเชื่อว่าผลจากการประคบประหงมลูกเกินความจำเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กยุคนี้มีปัญหาครับ

คำสอนดีๆ จาก ‘บอสชาตรี’ ถึง ‘รถถัง’

เมื่อครั้งหนึ่งบอสชาตรี ได้ให้คำสอนดี ๆ แก่รถถัง #พี่สอนน้องอย่าปล่อยตัว

แต่งตั้ง 'สุรเกียรติ์ เสถียรไทย' นั่งนายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เมื่อวานนี้ (6 มิ.ย.67) ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งนายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า...

ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายภิรมย์ กมลรัตนกุล ให้ดำรงตำแหน่ง นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อไปอีกวาระหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 นั้น

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 19 (1) แห่งพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2551 ที่ประชุมสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครั้งที่ 882 เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ได้มีมติเห็นชอบให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง 'นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย' ดำรงตำแหน่ง นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งต่อไปแล้ว

บัดนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งบุคคลดังกล่าว ให้ดำรงตำแหน่งนายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2567

ประกาศ ณ วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2567

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

อนุทิน ชาญวีรกูล
รองนายกรัฐมนตรี

ทัพเรือภาคที่ 1 จัดพิธีถวายภัตตราหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ในโครงการอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ ฯ

ในวันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน 2567  เวลา 09.30 น. พลเรือโท สุระศักดิ์  สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมผู้บังคับบัญชา  และกำลังพลทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุในโครงการอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมสิริบูรพาธรรมสถาน ตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

มูลนิธิราชสกุลอาภากร ในพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ร่วมกับกองทัพเรือ จัดโครงการอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีกำลังพลของกองทัพเรือร่วมอุปสมบท จำนวน 73 นาย ซึ่งจะปฏิบัติธธรรม ศึกษาพระธรรมวินัย ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน  ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมสิริบูรพาธรรมสถาน ตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

#ทัพเรือภาคที่1  
#เทิดทูนสถาบัน_ ยึดมั่นระเบียบวินัย_ประชาชนภูมิใจ_ทะเลไทยมั่นคง
#Fit_For_ The_Future

สำนักงานตำรวจแห่งชาติมุ่งมั่นคุ้มครองประชาชนจากภัยอาชญากรรมไซเบอร์ เดินหน้า 'ล้มคน-ล้มเสา-ล้มบัญชี'

วันนี้ (7 มิถุนายน 2567) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสืบสวนปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเข้มข้นนั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลการปฏิบัติ 3 ด้านดังต่อไปนี้

- “ล้มคน” สืบสวนจับกุมกลุ่มผู้กระทำความผิดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งหลอกลงทุน เว็บพนันผิดกฎหมาย โดยในห้วง 1 ต.ค.66 ถึง 30 เม.ย.67 ได้มีการจับกุมผู้กระทำความผิดรวมกว่า 14,826 คน

- “ล้มเสา” ร่วมมือกับสำนักงาน กสทช. สืบสวนการลักลอบติดตั้งอุปกรณ์ส่งสัญญาณบริเวณชายแดน ซึ่งเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพที่ใช้ในการกระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง และสามารถยึดอุปกรณ์ของกลุ่มมิจฉาชีพได้เป็นจำนวนมาก

- “ล้มบัญชี“ สืบสวนขยายผลผ่านเส้นทางการเงิน บัญชีม้า และมีการอายัดเงินอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างวันที่ 1 พ.ย.66 ถึง 30 เม.ย.67 อายัดเงินได้รวม 4,561,641,953 ล้านบาท และได้ร่วมมือกับ ป.ป.ง. เพื่อเฉลี่ยทรัพย์คืนให้กับผู้เสียหายต่อไป

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังคงมุ่งมั่นตั้งใจในการปกป้องคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน จากภัยอาชญากรรมทุกรูปแบบ และขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ โดยหากประชาชนได้รับความเสียหายจากคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th เว็บไซต์เดียวเท่านั้น และที่หมายเลขโทรศัพท์ 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

'เผ่าภูมิ' เปิดตัว 'หวยเกษียณ' ซื้อหวย เงินไม่หาย กลายเป็นเงินออมยามเกษียณ ถูกรางวัลได้เงินทันที

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันไทยมีปัญหาประชาชนเข้าสู่วัยเกษียณ แต่ไร้เงินเก็บ ปัญหานี้จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็วของไทย และปัญหานี้แก้ไม่ได้ด้วยการอัดงบประมาณในรูปแบบเบี้ยคนชราจำนวนสูงๆ ซึ่งในที่สุดแล้วระบบงบประมาณไม่มีทางรับไหว

กระทรวงการคลังกำลังพิจารณานโยบาย “สลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ” หรืออาจเรียกสั้นๆว่า “สลากเกษียณ” หรืออย่างไม่เป็นทางการว่า “หวยเกษียณ” ซึ่งเป็นนวัตกรรมเชิงนโยบายที่รวมเอาลักษณะการชอบเสี่ยงดวงของคนไทยมาเป็นแรงจูงใจในการเก็บออมที่สามารถถอนเงินที่ซื้อสลากทั้งหมดออกมาได้ตอนเกษียณ (อายุ 60 ปี) โดยมีรายละเอียดเบื้องต้น (สามารถเปลี่ยนได้ภายหลัง) ดังนี้

1. กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ออกสลากขูดแบบดิจิทัล ใบละ 50 บาท เพื่อขายให้กับสมาชิก กอช. ผู้ประกันตน ม. 40 และแรงงานนอกระบบ (กลุ่มเป้าหมายจะเพิ่มเติมภายหลัง) ซื้อได้ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อเดือน
2. สามารถซื้อสลากได้ทุกวัน แต่ออกรางวัลทุกวันศุกร์เวลา 17.00 น. ผู้ถูกรางวัลจะได้เงินรางวัลทันที โดยที่เงินค่าซื้อสลากถูกเก็บเป็นเงินออม แม้ว่าจะถูกรางวัลหรือไม่ก็ตาม
3. รางวัลของ “ทุกวันศุกร์” กำหนดดังนี้ (อาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม)
3.1. รางวัลที่ 1 จำนวน 1,000,000 บาท จำนวน 5 รางวัล
3.2. รางวัลที่ 2 จำนวน 1,000 บาท จำนวน 10,000 รางวัล
4. “เงินค่าซื้อสลากทั้งหมดจะเป็นเงินออมของผู้ซื้อสลาก” (เงินสะสม) ซึ่งจะนำเงินส่งเข้าบัญชีเงินออมรายบุคคลกับ กอช. โดย กอช. จะเป็นผู้บริหารจัดการเงินจำนวนดังกล่าว และเมื่อผู้ซื้อสลากอายุครบ 60 ปี จะสามารถถอนเงินทั้งหมดที่ซื้อสลากมาทั้งชีวิตออกมาได้

นโยบายนี้จะเข้าแก้ไขปัญหาคนไทยแก่แต่จน แก่แต่ไม่มีเงินเก็บ เพราะการออมภาคสมัครใจในปัจจุบันไม่ได้ผล ต้องอาศัยการออมที่ผูกกับแรงจูงใจ

ซื้อสลาก ถูกกฎหมาย เงินไม่หาย กลายเป็นเงินออมยามเกษียณ ถูกรางวัลได้เงินเลย ไม่ถูกทุกบาททุกสตางค์จะถูกเก็บเป็นเงินออมยามเกษียณ ซื้อมาก ได้ลุ้นมาก มีเงินออมมาก

นโยบายนี้อยู่ระหว่างขัดเกลารายละเอียด และต้องใช้เวลาในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ( 6 เดือน – 1ปี) ไม่เกิดขึ้นเร็วอย่างแน่นอน แต่จะเร่งรัดให้เร็วที่สุด 

ศรชล.ภาค 1 ฝึกซ้อมลำเลียงผู้ป่วยจากเหตุเรือไฟไหม้ในทะเล

เมื่อ 6 มิ ย.67 ศรชล.ภาค 1 โดยนายธวัชชัย ศรีทอง ผอ.ศรชล.จว.ชบ./ผวจ.ชลบุรี น.อ.พินัย จินชัย รอง ผอ.ศรชล.จว.ชบ., น.อ.คงศักดิ์ อยู่คง หน.ศคท.จว.ชบ. และกำลังพล ศรชล./ศคท.จว.ชบ. พร้อมด้วย เรือปฏิบัติการความเร็วสูง ของ ศรชล.ภาค 1 รวมกำลังพล 15 นาย ร่วมการฝึกซ้อมแผนเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางทะเลโดยเรือ ประจำปี 2567 ณ ห้องประชุมลีลาวดี 1 ชั้น 5 อาคารอนุสรณ์ 100 ปี และบริเวณสถานที่ฝึกท่าเรือสำหรับรับผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 

โดยมี รศ.นพ.โศภณ นภาธร ผช.เลขาธิการสภากาชาดไทย และ ผอ.รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา เป็นประธานเปิดการฝึก มี นพ.ขจรยุทธ์ บางท่าไม้ แพทย์เวชศาสตร์ทางทะเลฯ รพ.สมเด็จฯ ณ ศรีราชา เป็นผู้อำนวยการฝึกฯ

โดยได้มีการบรรยายถึง การขนส่งวัตถุและสินค้าอันตราย ในอุตสาหกรรมพาณิชยนาวี มีนายภาณุวัฒน์ ผิวพรรณ สจป. เป็นวิทยากร มีการบรรยายถึงขั้นตอนการดำเนินการ เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้เรือสินค้า มีนายเลิศชาย อินทรชิต หัวหน้าแผนกการจัดการท่าเรือแหลมฉบัง เป็นวิทยากร 

มีการบรรยาย ถึงขั้นตอนการลำเลียงผู้บาดเจ็บทางทะเล โดย น.อ.ณัฐศักดิ์ วรเจริญศรี หน.กองปฎิบัติการ ศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินทางทะเล  รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นวิทยากร 

โดย นายธวัชชัย ศรีทอง ผอ.ศรชล.จว.ชบ./ผวจ.ชลบุรี ได้เดินทางมาสังเกตการณ์การฝึก และลงเรือ ศรชล.4001 ชมการฝึกลำเลียงผู้ป่วย จากเรือ Pilatus 33 ซึ่งได้สมมุติเป็นเรือไฟไหม้ที่ร้องขอความช่วยเหลือ รับ-ส่ง ผู้ป่วยเร่งด่วน และเริ่มสถานการณ์ ฝึกการช่วยเหลือและลำเลียงผู้ป่วยทางทะเล โดยเรือ ศรชล.+ เรือ ตรน. รวม 3 ลำ และทีมแพทย์ฉุกเฉินฯ ที่ร่วมการฝึกในครั้งนี้

โดย นายธวัชชัย ศรีทอง ผอ.ศรชล.จว.ชบ./ผวจ.ชลบุรี ได้กล่าวให้โอวาท และให้คำแนะนำการฝึกกับผู้ร่วมการฝึกฯ เพื่อนำไปใช้ในสถานการณ์จริง ต่อไปอีกด้วย

ซึ่งผลการปฏิบัติของเรือ ศรชล.4001 ได้รับการชื่นชม จากแพทย์ผู้รับผิดชอบการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลของ รพ.สมเด็จฯ ณ ศรีราชา, รพ.สมิติเวช ศรีราชา และ รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ฯ ว่ามีความเหมาะสมในการลำเลียงผู้ป่วยทางทะเล เนื่องจากมีพื้นที่ในการรับผู้ป่วยที่อาจจะมีการลำเลียงด้วยเครน บันไดลิง รวมถึงการลำเลียงผู้ป่วยผ่านบันไดข้างเรือ (Gangway) 

และสำคัญ เรือ ศรชล.4001 มีความคล่องตัวสูง และการทรงตัวที่ดี ทำให้การปฏิบัติการทางการแพทย์ที่เข้าให้การช่วยเหลือ เป็นไปด้วยความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ

‘จิราพร‘ เอาจริง สั่งระงับการขายอาหารเสริมแบรนด์ดังหลังพบสารเสพติด ‘ไซบูทรามีน‘

‘จิราพร‘ เอาจริง สั่งระงับการขายอาหารเสริมแบรนด์ดังบนแพลตฟอร์มออนไลน์ หลังตรวจพบสารเสพติด ’ไซบูทรามีน’

วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2567 จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจพบไซบูทรามีน ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อิชช่า เอ็กซ์เอส (ตรา อิชช่า) วันที่ผลิต MFG : 10/01/2024 วันหมดอายุ EXP : 09/01/2026 โดยประกาศให้ประชาชนระมัดระวังในการซื้อหรือบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารดังกล่าว

ล่าสุด นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เร่งสั่งการให้แพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ Shopee Lazada  TikTok  และแพลตฟอร์มอื่นๆ ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) นำสินค้าดังกล่าวออกจากระบบโดยทันทีแล้ว เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้บริโภค พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมต่อไปเพื่อป้องกันการเกิดกรณีข้างต้นในผลิตภัณฑ์อื่นๆ

ทั้งนี้ “ไซบูทรามีน” (Sibutramine) จัดเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในประเภท 1 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 พ.ศ.2565 ซึ่งเป็นอาหารที่น่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรืออนามัยของประชาชน อ้างอิงตามผลการตรวจวิเคราะห์ที่ชี้ให้เห็นผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้เกิดผลเสียร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต

‘น้าแจ่ม AZC’ โดน ‘โจรเมืองเบียร์’ ฉกปาเต๊ะราคา 6 ล้านบาท วอน!! ใครอยู่แถวนั้น-ช่วยได้ มีรางวัลมอบให้ 1 ล้านบาท

(6 มิ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภฤศ สิทธิสาร หรือ น้าแจ่ม AZC อินฟลูเอนเซอร์ สายแต่งรถ ซึ่งมีผู้ติดตามในเฟซบุ๊กกว่า 5.2 แสนคน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paris Sittisarn เพื่อเตือนภัยและขอความช่วยเหลือ เนื่องจากโดนกระชาก นาฬิกาหรู บริเวณแถวโบสถ์ St.Paul’s Church เมือง frankfurt ประเทศเยอรมัน โดยระบุว่า…

“เตือนภัยและขอความช่วยเหลือ ใครอยู่เยอรมันบ้างครับ ผมโดนกระชาก ขโมยนาฬิกา บริเวณแถวโบสถ์ เซนต์ พอล St.Paul’s Church เมือง frankfurt โจรเยอรมัน ได้ปาเต๊ะซื้อมาราคาร่วม 6 ล้านบาทไทย กระชากขาดแล้ววิ่งหนี ผมไม่สามารถตามได้ทัน ใครพอมีช่องทาง ช่วยแนะนำ หรือกระจายข่าวที ผมต้องขึ้นเครื่องแล้ว แจ้งตำรวจไป ก็ดูไม่ค่อยเข้าใจ

คนร้ายแกล้งมาคุย พอผมเริ่มรู้ตัวจะหนี มันกระชากไปเลย ผมลงรูปคนร้ายและนาฬิกาไว้ แต่ของผมสายสีเทา ใครอยู่ถิ่นนี้หรือรู้จักตำรวจหรือช่องทาง ผมมีรางวัลให้ 1 ล้านบาทไทย ขอบคุณครับ”

ทั้งนี้ นาฬิกาดังกล่าว เป็น ‘Patek Philippe Nautilus’ Chronograph 18kt Rose Gold’ มูลค่ากว่า 6 ล้าน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปนั้น มีผู้เข้ามาแสดงความเห็น จำนวนพร้อมกับแชร์ไปแล้วโพสต์ดังกล่าวไปแล้วกว่า 3 พันครั้ง

โดยมีความคิดเห็นที่ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งให้กำลังใจและบอกว่ามีโอกาสที่จะได้คืนน้อยมาก อีกทั้งยังมีการแชร์ประสบการณ์ที่เคยเจอเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นเดียวกัน

‘ชัชชาติ’ สั่งสอบปม ‘ซื้อเครื่องออกกำลังกาย’ แพงเกินเหตุ ลั่น!! ผิดเป็นผิด หากพบทุจริตพร้อมดำเนินการตามกฎหมาย

(6 มิ.ย.67) จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย เปิดเผยถึงข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างของ กทม. โดยพบเห็นความผิดปกติในการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย ส่อแพงจริง โดยเป็นการจัดซื้อของ ศูนย์กีฬาวารีภิรมย์ และศูนย์กีฬาวชิรเบญจทัศ รวมกัน 2 ที่เกือบ 10 ล้านบาท แบ่งเป็นที่ศูนย์วารีภิรมย์ 4,999,990 บาท และ ศูนย์วชิรเบญจทัศ วงเงิน 4,998,800 บาทนั้น

ที่ศาลาว่าการกทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. และนายต่อภัสร์ ยมนาค ผู้พัฒนาระบบ actai.co แถลงกระบวนการตรวจสอบการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายในศูนย์กีฬาฯ

นายชัชชาติ กล่าวว่า กทม.ทราบเรื่องการถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องการจัดซื้อที่มีความผิดปกติจาก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว จากการสุ่มตรวจของ สตง. ซึ่งยอมรับว่าจากข้อมูลบางส่วนพบการจัดซื้อมีราคาสูงกว่าท้องตลาด แต่ขั้นตอนทางฝ่ายสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กทม.ชี้แจงว่า เป็นไปตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง ปี 2560 มีการทำ TOR ผ่านขบวนการ e-bidding เรียบร้อยแล้ว

การจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง ให้อำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบในการอนุมัติวงเงินแตกต่างกันไปตามลำดับตำแหน่ง ผู้บริหารกทม.ไม่สามารถเข้าไปสั่งการนอกเหนือ พ.ร.บ.กำหนดไว้ได้ และยืนยันฝ่ายบริหาร กทม.ไม่เคยสั่งการให้ทุจริต

ทั้งนี้ กรณีการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย กทม.ได้ตั้งคณะกรรมการป้องกันการทุจริต ตรวจสอบและรายงานข้อมูล ให้ สตง.รับทราบแล้ว ถ้าตรวจสอบพบคนที่กระทำความผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เราเอาจริงเอาจัง ไม่ยอมรับต่อการทำผิด ข้อมูลที่ออกมาเชื่อว่าประชาชนรับไม่ได้ หากราคาเกินไป อธิบายไม่ได้ คงต้องมีคนรับผิดชอบ

นายชัชชาติ กล่าวด้วยว่า โครงการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายดังกล่าว คณะกรรมการได้ตรวจรับมาแล้ว จึงไม่อยากให้โทษผู้ว่าฯ คนเก่า ไม่เกี่ยวกับโครงการเก่า เป็นโครงการในสมัยนี้ มีบางโครงการที่ถูกตัด จึงต้องใส่โครงการใหม่เพิ่มตามงบประมาณ การจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายมีมานานแล้ว หลายผู้ว่าฯ ราคาอาจจะอ้างอิงมาจากสมัยก่อน แต่การซื้ออยู่ในงบประมาณที่เราอนุมัติ ดังนั้น จึงไปโทษคนอื่นไม่ได้

ส่วนราคาเครื่องออกกำลังกายแพงหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้ อาจเป็นการชี้นำ หากเกิดข้อสงสัย ต้องมีการตรวจสอบและชี้แจง และจะขยายการปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ ในระดับโครงสร้างเพื่อให้โครงการอื่นมีความโปร่งใส เนื่องจากปัญหาทุจริตมีมานานและฝังรากลึก

“ผมไม่กลัว เพราะไม่เคยสั่งให้ทำอะไรผิด ไม่เคยบอกให้ทำอะไรไม่ดี เรายินดีให้ตรวจสอบ ผมยืนแก้ผ้าให้ดูได้เลย เพราะไม่เคยกลัว ผิดก็ต้องผิด เพราะไม่เคยสั่งให้ทำผิด เราไม่กลัวที่จะไปสอบทุกคน ฝ่ายบริหารยืนยันว่าไม่เคยไปสั่งให้ทำไม่ดี เราเน้นความโปร่งใส” นายชัชชาติ กล่าว

ด้านนายศานนท์ กล่าวว่า เรื่องการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายในศูนย์กีฬาฯ มีการจัดซื้อจัดจ้างมาตั้งแต่เดือน มี.ค.65 ก่อนที่ผู้บริหาร กทม.ชุดนี้จะเข้ามา ราคาประมาณ 600,000 บาท ตลอดจนปี 66 และ 67 มีการจัดซื้อ และมาเกิดเรื่องตามข่าวในปี 67

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวและโครงการอื่น ๆ มีรายละเอียดจำนวนมาก จำเป็นต้องช่วยกันตรวจสอบหลายฝ่าย โดยในปี 2568 กทม.มีแผนจัดทำร่างโครงการ Open Bangkok โดยร่วมกับ https://actai.co เพื่อสามารถตรวจสอบได้ทั่วถึง ให้ทุกโครงการ ตรวจสอบได้ เช่น หากพบการเสนอราคาต่ำเกินกว่า 40% ประชาชนสามารถร้องเรียนเพื่อตรวจสอบได้

ขณะที่นายต่อภัสร์ กล่าวว่า เว็บไซต์ actai.co เป็นการเชื่อมข้อมูลกับกรมบัญชีกลาง เพื่อเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่าง ๆ ทั้งหมดโดยละเอียด เช่น สัญญา งบประมาณ ประวัติผู้เสนอราคา สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ 5 ปี เมื่อประชาชนเข้าไปค้นหาและรับทราบข้อมูลแล้วพบว่ามีความเสี่ยง สามารถนำข้อมูลไปร้องเรียนเพื่อการตรวจสอบต่อไปได้ โดยเว็บไซต์ดังกล่าว เป็นเพียงการนำเสนอ เปิดเผยข้อมูลต่อประชาชนเท่านั้น ในอนาคตอาจมีการเชื่อมโยงข้อมูลทรัพย์สินนักการเมืองเพิ่มเติม

นางวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัจจุบัน สตง. สุ่มตรวจโครงการของ กทม. ซึ่ง กทม.ให้ข้อมูลทั้งหมด 9 โครงการที่มีการตรวจสอบซึ่งอยู่ในส่วนของสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว (สวท.) ซึ่ง กทม.พร้อมให้ความร่วมมือ ส่วนผลการตรวจสอบเป็นอย่างไรจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง โดยการป้องปรามการกระทำทุจริตได้เน้นย้ำตามนโยบายของผู้ว่าฯ มาตลอด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้การต้อนรับและแสดงความขอบคุณคณะตำรวจอินโดนีเซียที่เดินทางร่วมในภารกิจควบคุมตัว “แป้ง นาโหนด” กลับมาดำเนินคดียังประเทศไทย

วันนี้ (6 มิถุนายน 2567) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ต.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ รอง ผบช.ส. , พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สตม. และ พ.ต.อ.ณัฏฐ์ สุวรรณวัฒนะ รอง ผบก.ตท. ให้การต้อนรับคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซียจำนวน 10 นาย ที่เดินทางด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำจากประเทศอินโดนีเซีย ในภารกิจควบคุมตัวนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด กลับมาดำเนินคดียังประเทศไทย นำโดย พ.ต.อ.(พิเศษ) ออดี้ ซนนี ลาตูเฮรู หัวหน้าแผนกอาชญากรรมระหว่างประเทศ ตำรวจสากลอินโดนีเซีย ณ ห้องพรหมนอก อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทั้งนี้ ตำรวจอินโดนีเซียได้เยี่ยมคารวะ พูดคุยกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือของตำรวจสองประเทศ จากนั้น รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ได้มอบใบประกาศเกียรติคุณความร่วมมือในการคุมตัวนายเชาวลิตฯ ให้กับคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซียด้วย

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ กล่าวว่า ในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะแสดงความขอบคุณอย่างสูง ต่อความร่วมมืออันยอดเยี่ยมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย ที่ได้มอบให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทยในคดีส่งตัวนายเชาวลิต ทองด้วง ผู้ร้ายข้ามแดนชาวไทยที่หลบหนีคดีอาญาที่ร้ายแรงในประเทศไทย คดีนี้มีความท้าทายเป็นพิเศษ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพของทั้งสองประเทศ  ความสำเร็จของการปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นหลักฐานแสดงถึงความทุ่มเทอย่างไม่ลดละ และการสื่อสารที่ต่อเนื่องระหว่างหน่วยงานของทั้งสองประเทศ โดยต้องอาศัยความร่วมมือที่ซับซ้อนและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับระบบกฎหมายของแต่ละประเทศ การส่งมอบตัวผู้ต้องหากลับไทยจนประสบความสำเร็จในครั้งนี้ เสริมสร้างความมุ่งมั่นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติของทั้งสองประเทศ ในความร่วมมือเพื่อรักษาหลักนิติธรรม และร่วมกันป้องกันปราบปรามอาชญากรรมระหว่างประเทศต่อไปในอนาคต

ชาวเน็ตพากันโล่งใจ แห่ขอบคุณแทนน้องหมา หลัง ‘บูม เทยกะทะ’ รับดูแล เพื่อนน้องหมวยเล็ก

(ุ6 มิ.ย. 67) กลายเป็นข่าวสะเทือนใจคนรักสุนัข อย่างมาก หลังมีคลิปวิดีโอ สาวโปรไฟล์ดี ลงโทษสุนัขที่เลี้ยงไว้ โดยการผูกเชือกไว้ในห้องน้ำ ก่อนใช้น้ำร้อนราดไปบนตัวสุนัข สร้างความเจ็บปวดทรมานอย่างที่สุดให้กับน้องหมวยเล็ก สุนัขตัวดังกล่าว

โดยต่อมา สามีของหญิงสาวคนดังกล่าว ได้หาบ้านใหม่เพื่อดูแลเจ้าหมวยเล็กได้แล้ว โดยเจ้าของใหม่ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า เล็กเล็ก ทั้งนี้ มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ เข้าแจ้งความเอาผิดกับหญิงสาวอดีตเจ้าของหมวยเล็กแล้วที่ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

อย่างไรก็ตาม ยังมีคนเป็นห่วง เพราะในบ้านหลังดังกล่าวนี้ หญิงสาวกับสามี ยังเลี้ยงสุนัขเอาไว้อีก 3 ตัว ซึ่งหลายคนกลัวว่า สุนัขที่เหลืออยู่ในบ้านหลังดังกล่าว จะโดนทำร้ายแบบเจ้าหมวยเล็กอีกนั้น

ล่าสุด วันที่ 6 มิถุนายน บูม หมูทะ อินฟลูเอนเซอร์ เจ้าของร้านหมูกะทะชื่อดัง และเจ้าของสุนัขที่เก็บมาเลี้ยงซึ่งเป็นที่รู้จักกันในโลกโซเชียล 2 ตัว คือ เจ้าเป้บซี่ และเจ้าหมูทะ โดยก่อนหน้า บูมได้ออกมาต่อว่าหญิงสาวคนที่เอาน้ำร้อนลวก เจ้าหมวยเล็กอย่างหนักนั้น วันนี้ บูมได้โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า

‘น้องหมาที่อยู่ในบ้านหลังเดียวกับน้องหมวยเล็ก
น้องหมาที่โดนน้ำร้อนลวก
ไม่ต้อง เป็นห่วงแล้วนะคะตอนนี้บูมได้รับน้องมาดูแลต่อแล้วค่ะ’

โดยมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความยินดี และขอบคุณแทนน้องหมาทั้งหมดอย่างมากที่บูมทำเช่นนี้

บลูเทคซิตี้ "ร่วมแจกข้าวกล่อง"ในโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชนุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร

วันนี้( 06 มิ.ย 67 )ณ องค์การบริหารส่วนตำบลเขาดิน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานเปิดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชนุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร  ประจำปีงบประมาณ 2567 พร้อมด้วย นางสาวกมลชญา ประเสริฐสิน นายอำเภอบางปะกง ,นายดนัย ปัญจพิทยากุล เกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา และผู้นำชุมชน ประชาชนเข้าร่วมงานจำนวนมาก 
ซึ่งจังหวัดฉะเชิงเทราได้ดำเนินการ จัดเก็บข้อมูลวิเคราะห์ถึงปัญหาด้านการเกษตรในพื้นที่ เพื่อจัดให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในรูปแบบบูรณาการ งานบริการวิชาการเกษตรทุกสาขาการสาธิตส่งเสริมอาชีพให้แก่เกษตรกร จัดนิทรรศการความรู้ทางการเกษตรเครื่องมือ อุปกรณ์เข้าช่วยในการปฏิบัติงาน ณ จุดเดียวในรูปแบบให้บริการเคลื่อนที่ ในวันนี้เปิดให้บริการคลินิกเกษตร ได้แก่ คลินิกพืช คลินิกดินคลินิกข้าว คลินิกปศุสัตว์ คลินิกประมง คลินิกชลประทาน คลินิกสหกรณ์คลินิกบัญชี คลินิกกฎหมาย คลินิกส่งเสริมการเกษตร และคลินิกทั่วไปโดยมีเกษตรกรในพื้นที่ตำบลเขาดิน และตำบลใกล้เคียงของอำเภอบางปะกง เข้าร่วมงาน จำนวน ๑๐๐ ราย

ทั้งนี้บลูเทค ซิตี้ ได้เข้าร่วมโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชนุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยการ นึกข้าวกล่อง จำนวน 200 กล่อง มาแจกฟรี ให้กับผู้ที่มาเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ จึงมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top