Sunday, 16 June 2024
NEWS

'โกมล' ยืนยัน!! คนไทยได้ดูฟรีฟุตบอลยูโรครบทุกแมตช์  ปัดตอบมูลค่าลิขสิทธิ์ แต่แง้ม!! มากกว่าคราวที่แล้ว

(6 มิ.ย.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการ บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด (Aerosoft) ให้สัมภาษณ์ว่า การเข้ามาซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลยูโรครั้งนี้ สืบเนื่องจากเห็นว่าถ้าประเทศไทยไม่มีการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลดังกล่าว จะทำให้เราเสียโอกาสในเรื่องการท่องเที่ยว เพราะในช่วงที่มีการแข่งขันตรงกับช่วงที่มีนักท่องเที่ยวที่มาจากทวีปยุโรปที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมาก ตนจึงมีความยินดีและจริงใจอย่างยิ่งที่เข้ามาช่วยสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล 

ส่วนสถานีโทรทัศน์ที่จะเป็นผู้ถ่ายทอดสดการแข่งขันนั้น เบื้องต้นกำหนดไว้ว่าจะมีสามช่อง โดยช่องหลักคือสถานีโทรทัศน์ PPTV ช่อง 36 เพราะเป็นช่องที่ถ่ายทอดด้วยระบบ HD ภาพมีความคมชัดสูง ส่วนจะมีสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นใดเข้ามาร่วมถ่ายทอดด้วยนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยหารือกันเกี่ยวกับเรื่องระบบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอด ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันที่ 7 มิ.ย. นี้ และขอยืนยันว่าประชาชนจะได้ดูการแข่งขันฟุตบอลยูโรครั้งนี้ผ่านฟรีทีวีครบทุกนัดแน่นอน

เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีอยากให้สถานีโทรทัศน์ NBT ของกรมประชาสัมพันธ์ และสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ (ช่อง 9) ร่วมถ่ายทอดสดด้วยนั้น นายโกมล กล่าวว่า นายกฯ มีความปรารถนาดี อยากให้สถานีโทรทัศน์ของรัฐได้ร่วมถ่ายทอดด้วย แต่ว่าอย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับแต่ละช่อง ซึ่งจะได้ข้อสรุปในวันพรุ่งนี้ (7 มิ.ย.) และจะมีตารางการถ่ายทอดสดออกมาให้ชัดเจน

ผู้สื่อข่าวถามถึงมูลค่าการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลยูโรครั้งนี้ นายโกมลกล่าวว่า ไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขได้ เพราะว่าเป็นความลับระหว่างลับระหว่างทางภาคเอกชนกับทางสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) แต่บอกได้เพียงว่ามูลค่ามากกว่าการแข่งขันฟุตบอลยูโรคราวที่แล้ว

เมื่อถามว่า เพลงที่จะใช้ในการโปรโมทการถ่ายทอดสดครั้งนี้จะยังคงใช้เพลงที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลยูโรครั้งที่แล้วหรือไม่ นายโกมล กล่าวว่า กำลังทาบทามศิลปินนักร้องหลายคน แต่ยังอยากให้เป็นเพลงที่มีความสนุกสนานแบบเดิม

นราธิวาส-ผู้ว่าฯ นราธิวาส ให้การต้อนรับ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมหารือข้อราชการสำคัญ ที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินงานของ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดนราธิวาส

วันนี้ 6 มิ.ย.67 เวลา 09.40 น. ที่ห้องรับรอง ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส แห่งที่ 2 ต.ลำภู อ.เมืองนราธิวาส พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และคณะ เดินทางมาพบปะ ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม 
ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส  ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดนราธิวาสจังหวัดนราธิวาส  เพื่อหารือข้อราชการในพื้นที่   โอกาสที่เดินทางมาตรวจเยี่ยม ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดนราธิวาส และ ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดนราธิวาส  โดยมีพลเรือตรี มรุเดช  บุญนิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานฝ่ายอำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2  นาวาเอก ธัชธรรม์ ณ สงขลา  รองผู้อำนวยการรักษาความมันคงภายในจังหวัดนราธิวาส   นาวาเอก กาจ บุญวิทยา รองผู้อำนวยการศูนย์รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดนราธิวาส และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมต้อนรับ

พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ  รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล กล่าวว่า การลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการในพื้นที่ และรับทราบปัญหาอุปสรรค ข้อขัดข้อง และเพื่อตรวจติดตามสถานการณ์ ของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลซึ่งมีนายกรัฐมนตรีฯ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ  โดยนายกรัฐมนตรี ได้เน้นเน้นย้ำ  เรื่องการแก้ปัญหายาเสพติด การป้องกันการลักลอบขนย้ายยาเสพติดทางทะเล  ให้ร่วมกันป้องกันและแก้ปัญหาดังกล่าวให้เห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อประเทศชาติและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

นอกจากที่ทางกองทัพเรือ ได้ติดอาวุธทางปัญญา ได้จัดการอบรมเรื่องการประชาสัมพันธ์ ให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับทางภาครัฐ

พร้อมกล่าวอีกว่า เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ได้มอบนโยบายให้ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ทุกหน่วย ดำเนินการจัดโครงการบำเพ็ญประโยชน์เก็บขยะบริเวณชายหาด  บำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม 

ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม  ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า อยากให้มีการบูรณาการร่วมกันในเรื่องการซักซ้อมแผนทางทะเล  ควบคู่กับการให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ที่เป็นภาคีเครือข่าย เกี่ยวกับการใช้อาวุธ การป้องกันตัว ขณะปฏิบัติหน้าที่ ในการทำงานร่วมกับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่

สำหรับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล  มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภายใต้การบังคับบัญชา ของนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศรชล. โดยมุ่งเน้นความมั่นคงทางทะเลแบบองค์รวม จึงมีการบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานหลักของ ศรชล. 7 หน่วยงาน ในการบังคับใช้กฎหมายในทะเล และให้ความคุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล สำหรับผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ คือ การช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยวในทะเล, การส่งกลับผู้เจ็บป่วยสายแพทย์ การบูรณาการหน่วยงานทางทะเลและหน่วยงานความมั่นคงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในการสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายทางทะเล, การทำลายสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง ,การส่งเสริมการท่องเที่ยว, การสร้างความตระหนักรู้ผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เพื่อตอบสนองภารกิจในการจัดการแก้ไขปัญหาและเพิ่มขีดความสามารถของหน่วยงานของรัฐในการป้องกัน ปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายที่กระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมะนุ จ.นราธิวาส

‘ดร.มานะ’ แฉวงจรโกง ‘รุกป่า-ฮุบที่ ส.ป.ก.’ ลุกลาม นายทุนอยากได้ ขบวนการสมคบคิดช่วย ‘ออกโฉนด’

(6 มิ.ย. 67) ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) โพสต์เฟซบุ๊กในรูปบทความเรื่อง ‘รุกป่า โกงที่ ส.ป.ก. : โกงยังไง’ ระบุว่า...

รุกป่า โกงที่ ส.ป.ก. : โกงยังไง

ผืนป่าจำนวนมากถูกบุกรุกกลายเป็นโรงแรม รีสอร์ท โรงงาน บ้านพักตากอากาศ ตกเป็นคดีครึกโครมระดับชาติจำนวนมาก เช่น ที่ดินรถไฟเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ สนามกอล์ฟและสนามแข่งรถที่เขาใหญ่ ฟาร์มเป็ดที่ราชบุรี การออก ส.ป.ก. ทับที่เขาใหญ่ เป็นต้น

ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ในปี 2567 มีคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั่วประเทศ 1,513 เรื่อง เฉพาะที่เกิดขึ้นในจังหวัดภูเก็ต 30 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นการร้องเรียนพฤติกรรมของผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าฯ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามด้วยเจ้าหน้าที่ที่ดิน และ ส.ป.ก.

โกงยังไง!! วันนี้จะเล่าเรื่องบุกรุกผืนป่าในทำเลทอง โดยนำเหตุการณ์จริงในคดีออกโฉนดทับที่ป่าสงวนริมหาดยามู จ.ภูเก็ต มาอธิบาย และคอร์รัปชันเกี่ยวกับที่ดิน ส.ป.ก.

โกงเป็นเครือข่ายใหญ่..

เริ่มจากกลุ่มนายทุน (1) (ดูภาพประกอบ) เมื่ออยากได้ที่ดินป่าสงวนในทำเลทองก็ชี้เป้าที่ดินผืนที่ต้องการและมอบเงินค่าดำเนินการก้อนใหญ่ให้กลุ่มผู้ดำเนินการหรือผู้ประสานงาน (2) ไปหาทางออกโฉนดที่ดินแปลงนั้น แล้วขบวนการสมคบคิดก็เริ่มต้นโดยทุกคนที่เกี่ยวข้องต่อไปนี้ต้องมาวางแผนรับรู้ร่วมกัน

ขั้นต่อไปเมื่อมีการยื่นเรื่องขอออกโฉนดที่ดิน เจ้าหน้าที่ที่ดิน (4) จะออกทำรังวัดและแจ้งให้เจ้าของที่ดินข้างเคียงมารับรองแนวเขต ในกรณีนี้เป็นที่ป่าสงวน เจ้าหน้าที่ ‘ป่าไม้’ (3) ที่รับผิดชอบเขตดังกล่าวได้ออกจดหมายแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ที่ดินด้วยข้อมูลเท็จว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่นอกเขตป่าสงวน จดหมายนี้กลายเป็นสารตั้งต้นไปจนจบกระบวนการออกโฉนด

ขั้นตอนนี้มักมีการสอบยืนยันข้อมูลการใช้ที่ดินจากฝ่ายปกครองในท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านด้วย

ในการออกสำรวจรังวัดในสถานที่ เจ้าหน้าที่ที่ดิน (4) และนายช่างรังวัดพร้อมแผนที่และอุปกรณ์ ย่อมต้องเห็นสภาพแท้จริง แต่ก็ไม่บันทึกข้อมูลหรือตั้งข้อสังเกตว่าที่ดินแปลงนั้นอาจอยู่ในเขตป่าสงวนหรือไม่  แล้วจัดทำเอกสารตามขั้นตอนในสำนักงานที่ดิน ก่อนส่งเรื่องถึงผู้ว่าราชการจังหวัด (5) เพื่อพิจารณาอนุมัติตามขั้นตอน เนื่องจากเป็นที่ดินไม่มีเอกสารแจ้งการครอบครอง (เช่น ส.ค.1 - น.ส.3)

เมื่อผู้ว่าฯ ลงนามอนุมัติแล้ว ส่งเรื่องกลับไปยังเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อออกโฉนด ขั้นตอนมากมายนี้กลุ่มผู้ดำเนินการเป็นผู้เดินเรื่องทั้งสิ้น ในขณะที่กลุ่มนายทุนมีหน้าที่จ่ายเงิน ลงนามทำนิติกรรมแล้วรอรับโฉนดสกปรกไปนอนกอด

แน่นอนว่า เจ้าหน้าที่รัฐทุกคนที่กล่าวถึงนี้ต่างได้รับเงินใต้โต๊ะก้อนใหญ่ทุกครั้ง โดยรับรู้กันว่างานใหญ่มูลค่าสูงมักมีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ร่วมรับผลประโยชน์ด้วย

ปัจจุบันคดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา

ปรกติแล้วกลุ่มนายทุนมีหลากหลายทั้งชาวไทยและต่างชาติ พวกเขาไม่ชอบลงทุนคนเดียวแต่ร่วมมือเป็นเครือข่าย เพื่อช่วยเหลือกันและกระจายความเสี่ยงในหลายโครงการที่ลงทุนอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ดำเนินการที่มีอยู่จำนวนมากและพร้อมรับงานจากนายทุนทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ ทั่วประเทศ ในแต่ละกลุ่มจะแบ่งงานกันทำและพึ่งพาเครือข่ายเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกัน

เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามคดีด้านนี้กล่าวว่า กลุ่มนายทุนและกลุ่มผู้ดำเนินการต่างทำงานเป็นเครือข่ายอาชญากรรม (Organized Crime) แบ่งงานกันวิ่งเต้นติดสินบนอย่างต่อเนื่องด้วยความชำนาญ รอบรู้กฎหมาย ช่องทางราชการและตัวเจ้าหน้าที่ทุกระดับ จึงเป็นงานหนักและยากที่จะปราบปราม

คอร์รัปชัน ที่ดิน ส.ป.ก. ..

การครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. เกิดเป็นคดีความ 3 รูปแบบหลัก ๆ

รูปแบบแรก เป็นการซื้อขายเปลี่ยนมือผู้ครอบครอง ส.ป.ก. จากเกษตรกรรายเดิม แต่ผู้ซื้อผิดคุณสมบัติ ผิดเงื่อนไขของกฎหมาย เช่น ไม่ใช่เกษตรกรจริง หรือบุคคลเดียวถือครองที่ดินหลายแปลง

รูปแบบที่สอง การออกเอกสาร ส.ป.ก. ใหม่ให้ผู้ขอ แต่ผิดเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ได้รับ หรือที่ดินแปลงนั้นยังเป็นป่าสมบูรณ์ หรือไม่เหมาะกับการเกษตรเช่น ที่ลาดเชิงเขา

รูปแบบที่สาม เกิดการบุกรุกป่าและเร่งออก ส.ป.ก. ใหม่จำนวนมากอย่างรวดเร็วผิดปรกติ หลายกรณีเข้าข่ายผิดกฎหมาย อันเป็นผลมาจากรัฐบาลมีนโยบายเปลี่ยนให้สิทธิ์ครอบครอง ส.ป.ก. สามารถซื้อขายได้ จำนองได้ ใช้ที่ดินเพื่อการพาณิชย์ก็ได้ จนเกิดเหตุการณ์ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ แสดงความกล้าหาญเปิดวิวาทะกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ หลังการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ผู้ออกเอกสาร ส.ป.ก. ทับที่ป่าเขาใหญ่จำนวนมาก

ในโพสต์หน้าจะกล่าวถึงสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้การรุกป่า โกงที่ ส.ป.ก. บานปลายทั่วประเทศ

ดร. มานะ นิมิตรมงคล
เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
6 มิถุนายน 2567

'อลงกรณ์' ชี้ ประเทศกำลังเข้าสู่ภาวะอับจนทางเศรษฐกิจ เพราะรัฐบาลไร้แผนรับมือ

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์อดีตรัฐมนตรีและส.ส.6สมัยโพสต์ในเฟสบุ๊ควันนี้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศโดยชี้ว่า “ประเทศกำลังเข้าสู่ภาวะอับจนทางเศรษฐกิจเพราะรัฐบาลไม่มีแผนรับมือที่ชัดเจนไม่มีแผนแม่บทในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจรวมทั้งแผนปฏิรูปเศรษฐกิจเชิงโครงสร้าง ทั้งที่รัฐบาลทำงานมาเกือบปี ล่าสุดเพิ่งเรียกประชุม“ครม.เศรษฐกิจ”

ครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมาแต่ก็ไม่มีแผนหรือมาตรการใดๆออกมาอย่างเป็นรูปธรรม แม้จะมีสัญญาณชัดเจนว่าเศรษฐกิจกำลังทรุดหนักมาหลายเดือนแล้วเช่นตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้เติบโตเพียง 1.5 %ต่ำที่สุดในอาเซียนและต่ำกว่าปี2566ที่ขยายตัว 1.9 %

ในขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI)น้อยกว่าอินโดนีเซีย7เท่า มาเลเซีย6เท่าและเวียดนามกว่า2เท่าโดยปี 2566 เอฟดีไอ.ไหลเข้าอินโดนีเซีย 21,701 ล้านดอลลาร์, มาเลเซีย 18,500 ล้านดอลลาร์, เวียดนาม 8,255 ล้านดอลลาร์ และไทย 2,969 ล้านดอลลาร์ 

เมื่อไม่มีการลงทุนใหม่ๆก็ไม่มีการจ้างงานเพียงพอต่อลูกหลานที่จบออกมาในแต่ละปี ส่วนมูลค่าการส่งออกที่เป็นเครื่องยนต์สร้างรายได้หลักของประเทศก็โดนเวียดนามและมาเลเซียแซงหน้าไปแล้วโดยการส่งออก 4 เดือนแรกของปี 2567 มีมูลค่า 94,274 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่เวียดนามมีมูลค่า 123,928 ล้านดอลลาร์ และมาเลเซียมีมูลค่า 100,836 ล้านดอลลาร์สะท้อนถึงภาวะถดถอยของขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการค้าระหว่างประเทศของไทย

นอกจากนี้เรายังมีปัญหาโคลนติดล้อ นั่นคือ“หนี้สาธารณะ” ณ 31 มี.ค. 2567 มีจํานวน
11,474,153 ล้านบาท คิดเป็น 63.67% ของ GDP โดยเป็นหนี้ของรัฐบาลกว่า 10,087,188 ล้านบาท ในขณะที่รัฐบาลยังมีแผนก่อหนี้เพิ่มขึ้นกว่าล้านล้านบาทในปีงบประมาณ2567-2568แต่ไม่มีแผนสร้างรายได้ที่จับต้องได้

“ประเทศต้องการการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาวไปพร้อมๆกันโดยมีแผนและกลไกที่เป็นรูปธรรม รัฐบาลจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเดียวไม่ได้ 

ผมเคยเสนอนายกรัฐมนตรีให้หยุดหรือลดการเดินสายทั้งในและต่างประเทศลงบ้างแล้วหันมาจัดทำแผนแม่บทในการกอบกู้และปฏิรูปเศรษฐกิจโดยเร่งด่วนให้แล้วเสร็จแต่ก็ไม่ฟังกันจนเศรษฐกิจเริ่มชะงักงัน ถ้ารัฐบาลยังทำงานแบบที่ผ่านมา คนที่เดือดร้อนลำบากที่สุดคือประชาชนและประเทศไทยจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังในการแข่งขันระดับโลกไม่สามารถก้าวพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลางที่ติดหล่มมากว่า20ปี“

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอบคุณพี่น้องประชาชน ร่วมใจเปิดทางให้ตำรวจนำส่งอวัยวะหัวใจ ดวงที่ 97 ระยะทางเกือบ 300 กม. ใช้เวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเศษ ถึงที่หมายทันเวลา

วันนี้ (6 มิถุนายน 2567) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร เปิดเผยว่า คณะทำงานฯ ขอขอบคุณตำรวจจราจรในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ระยอง และชลบุรี , ตำรวจทางหลวง , ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ กองบังคับการตำรวจจราจร ที่ร่วมอำนวยความสะดวกการจราจรเร่งนำส่งอวัยวะหัวใจส่งโรงพยาบาลศิริราช ดวงที่ 97 และขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความร่วมมืออย่างดีตลอดเส้นทางในการเปิดทางให้กับรถฉุกเฉิน จึงนำส่งได้ทันเวลาทำให้ภารกิจส่งต่อชีวิตใหม่ในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี พร้อมกันนี้ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของทีมตำรวจจราจรทุกนายที่มีส่วนร่วมในภารกิจนี้อย่างอย่างมืออาชีพ มีทักษะคล่องแคล่ว สามารถให้ความช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ซึ่งถือเป็นหนึ่งตัวอย่างของตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตอาสาบริการ มีมาตรฐานสากล ตามแนวทางการสร้าง “สุภาพบุรุษจราจร” ที่คณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจรกำลังขับเคลื่อนสร้างมาตรฐานตำรวจจราจรทั่วประเทศ เพื่อยกระดับการบริการประชาชน สร้างความเชื่อถือศรัทธา และนำไปสู่การลดอุบัติเหตุบนท้องถนนในที่สุด
 
โดยเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 12.20 น. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำกับดูแลงานจราจร สั่งการให้ตำรวจจราจรและตำรวจทางหลวงตลอดเส้นทางตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลต้นทางใน จ.จันทบุรี ถึงโรงพยาบาลศิริราช ได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกการจราจร โดยทำหน้าที่รถนำให้แก่รถพยาบาลของโรงพยาบาลศิริราช ในการนำส่งหัวใจที่ได้รับการบริจาคไปปลูกถ่ายให้กับผู้รอรับบริจาค เพื่อส่งต่อโอกาสและชีวิตใหม่ให้กับผู้ป่วย และด้วยความร่วมมือในครั้งนี้จากตำรวจจราจรทุกทางร่วมทางแยก และความร่วมมืออย่างเต็มที่จากประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนที่เปิดทางให้ จึงใช้เวลาเดินทางทั้งหมดเพียง 2 ชั่วโมง 19 นาที ในระยะทางเกือบ 300 กิโลเมตร นำส่งถึงมือแพทย์ที่รออยู่ในห้องผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อยทันเวลา 

นอกจากนี้ พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวว่า กรณีนำส่งอวัยวะหัวใจในครั้งนี้นับเป็นรายที่ 97 แล้ว ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำส่งอวัยวะลุล่วงจนแพทย์สามารถปลูกถ่ายหัวใจ ต่อชีวิตใหม่ให้กับผู้รับบริจาคได้ ซึ่งการนำส่งอวัยวะหัวใจนั้น ถือเป็นภารกิจที่สำคัญ เนื่องจากผู้บริจาคอวัยวะหัวใจ และครอบครัวของผู้บริจาคยอมมอบบริจาคหัวใจ เพื่อส่งต่อโอกาสและชีวิตใหม่ให้กับผู้รอรับบริจาค ซึ่งระยะเวลานับจากเวลาที่ปิดทางเดินเลือดในการผ่าตัดหัวใจของผู้บริจาค จนกระทั่งเปิดให้เลือดผ่านหัวใจใหม่ในร่างกายของผู้รับการปลูกถ่ายผ่าตัดหัวใจของผู้บริจาค มีเวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น จึงเป็นภารกิจที่ต้องแข่งกับเวลา 

ทั้งนี้ ขณะนี้ยังมีผู้รอรับการบริจาคอวัยวะอยู่ประมาณ 7,000 คนทั่วประเทศ จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมต่อลมหายใจให้กับผู้ป่วย โดย 1 ผู้ให้ สามารถช่วยได้ 8 ชีวิต การบริจาคอวัยวะแก่เพื่อนมนุษย์ คือที่สุดแห่งการให้ โดยตำรวจจราจรพร้อมสานต่อเจตนารมณ์ของผู้บริจาค และเติมเต็มความหวังของผู้รับบริจาค เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชีวิตใหม่ อำนวยความสะดวกนำทางส่งต่ออวัยวะสำคัญ และหากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อประสานงานตำรวจโครงการพระราชดำริฯ ได้ที่สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197

‘โจ มณฑานี’ แชร์เรื่องราว ร้านอาหารไฟไหม้ 10 ชีวิตเดือดร้อนหนัก ‘ในหลวง ร.10’ ทรงเมตตา พระราชทานสิ่งของช่วยเหลือทันท่วงที

(6 มิ.ย.67) จากเฟซบุ๊ก 'Jo Montanee' โดยคุณโจ มณฑานี ตันติสุข ดีเจ พิธีกร นักวิจารณ์ นักเขียนและวิทยากรชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

“ไปเจอเรื่องดีงามมาใน tiktok ห้องพูดคุยเรื่อง #ชาลีกามิน ค่ะ

มีสมาชิกห้องมาส่งข่าวว่าจะคอมเมนต์ไม่ได้ไปสักพัก เนื่องจากบ้านไฟไหม้หมด รถเสียหายไปหกคัน แต่..พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานความช่วยเหลือมาแล้ว

พี่โจเลยถามน้องว่าไหม้ชุมชนหรือว่าไหม้บ้านเราหลังเดียว? 

สาเหตุที่ถามคือถ้าไหม้ชุมชนใหญ่ออกข่าวไปทั่ว ปกติในหลวงของเราจะทรงงานช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนอย่างว่องไวอยู่แล้ว แต่ถ้าไหม้บ้านหลังเดียวแล้วพระองค์ทรงพระราชทานความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้จริง ๆ ค่ะ 🙏

น้องตอบกลับมาว่าไหม้ร้านอาหารครอบครัวที่มีญาติพี่น้องอยู่กัน 10 คนค่ะ

นี่คือเครื่องยืนยันอย่างเด่นชัดว่าในหลวงของเราทรงเห็นความทุกข์ของประชาชนทุกคนจริง ๆ

#เทิดไว้เหนือเกล้า”

'สาว' โพสต์ตัดพ้อ ถูกพ่อแม่ตัดขาด เพราะไม่มีเงินเปย์น้องสาว ด้าน 'ชาวเน็ต' เมนต์สนั่น!! เวรกรรมมาในรูปแบบของครอบครัว

เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘สตาร์วาไรตี้’ โพสต์ข้อความเรื่องราวของหญิงสาวรายหนึ่งที่เป็นพี่คนโต ได้ออกมาเปิดใจทั้งน้ำตา หลังพยายามหาเงินส่งเสียให้น้องเรียนต่ออเมริกา จ่ายให้หมดทั้งค่ากินอยู่ ค่าช้อปปิ้ง ค่าอาหาร ค่าเที่ยว แต่พอจ่ายไม่ไหวกลับถูกพ่อแม่ตัดขาด หาว่าขี้งก ไม่รักน้อง อกตัญญู โดยระบุว่า…

ผู้ใช้ Tiktok รายหนึ่งได้โพสต์คลิปวิดีโอระบายความอัดอั้นตันใจ หลังถูกพ่อแม่ตัดขาด เหตุเพียงเพราะเธอไม่สามารถจ่ายเงินค่าสิ้นเปลืองให้กับน้องสาวที่ไปเรียนต่อในสหรัฐอเมริกาได้ แต่น้องสาวกลับไม่เห็นใจเธอ

หลายครั้งที่เธอต้องจ่ายหนี้แทนน้องสาว รวมทั้งยังต้องจ่ายช้อปปิ้ง ค่าอาหาร ค่าเที่ยวสถานบันเทิงจนเธอเริ่มรู้สึกว่าไม่ไหว พอบอกว่าให้น้องสาวรับผิดชอบรายจ่ายของตัวเอง เอง เธอกลับถูกครอบครัวต่อว่า หาว่าขี้งก ไม่รักน้อง อกตัญญู

เธอมาอยู่จุดนี้ได้ก็เพราะครอบครัว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เธอต้องตอบแทนให้ครอบครัวบ้าง เป็นความรับผิดชอบของเธอที่ต้องดูแลพ่อแม่ และน้องสาว เธอบอกว่าเธอนั้นรักครอบครัวมาก เธอสามารถทำให้ได้ทุกอย่าง

แต่มันกลายเป็นว่าตอนนี้การขอนั้นไม่มีขอบเขต มันเกินจุดที่เธอจะรับไหว และเธอรู้สึกว่าตนเองเป็นแค่กระเป๋าเงินที่กำลังถูกครอบครัวรุมถลุงใช้เท่านั้น

ท่ามกลางชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

รถดีเซลรางฯ ‘KiHa 40’ และ ‘KiHa 48’ จาก ‘ญี่ปุ่น’ ถึงไทยแล้ว!! เร่งขนย้ายไป ‘แหลมฉบัง’ เตรียมดัดแปลง เพื่อนำไปใช้งานต่อไป

(ุ6 มิ.ย. 67) จากเพจเฟซบุ๊ก LIM-Catalogue ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า ‘ในที่สุด... รถดีเซลราง KiHa 40 และ KiHa 48 (キハ40和キハ48系気動車) จาก JR East (JR東日本) ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 20 คัน ที่ให้ รฟท. ฟรีๆ ได้เดินทางมาถึงท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง จ.ชลบุรี ในช่วงเช้า ตี 5 ของวันนี้แล้วครับผม’

ซึ่งเดินทางมาโดยเรือ Jutha Malee (จุฑามาลี)

ต่อจากนี้ไป ก็จะเป็นการผ่านพิธีศุลกากร ชำระภาษีต่างๆ รวมไปถึงขนรถดีเซลรางชุดนี้ไปไว้ที่สถานีรถไฟแหลมฉบัง พร้อมทั้งนำชุดแคร่ไปทำการแปลงล้อ จากขนาด 1.067 เมตร ให้เป็นขนาด 1.000 เมตร

ก่อนจะนำแคร่มาใส่กับรถดีเซลรางเหล่านี้ พ่วงขบวนลากไปตรวจสภาพ และซ่อมแซมต่อไป

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างชีวิต อย่างยั่งยืน แก่ชาวมหาสารคาม มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน มอบจักรยานให้กับโรงเรียนในพื้นที่ชนบท พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการฟรี

วานนี้ (วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายนิพนธ์ โชคภิรมย์วงศา กรรมการปฏิคม นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ และนางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ร่วมในพิธีมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม จำนวน 23 ครัวเรือน พร้อมทั้งมอบรถจักรยานในโครงการ “จักรยานเพื่อน้องสัญจร” จำนวน 50 คัน กระบอกน้ำ จำนวน 250 ใบ  ให้แก่โรงเรียนที่ขาดแคลน รวม 5 แห่ง เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน ร่วมกัน รวมมูลค่าสิ่งของที่มอบในครั้งนี้ทั้งสิ้น 658,430 บาท (หกแสนห้าหมื่นแปดพันสี่ร้อยสามสิบบาทถ้วน) โดยมี นางสาวปราณี วงศ์บุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วย นางนวลจันทร์ ศรีมงคล ผู้ตรวจราชการ กรมการพัฒนาชุมชน นางสาวนิภา ทองก้อน ผู้อำนวยการสำนักเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชน เป็นประธานร่วมในพิธี นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์  คณะมูลนิธิมหาสารคามการกุศล คณะสมาคมชาวจังหวัดมหาสารคาม ร่วมในพิธี รวมทั้ง ประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ บริเวณวัดขุนพรหมดำริ (บ้านอุปราช) ตำบลท่าสองคอน อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม

พร้อมกันนี้ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมหน่วยแพทย์ฯ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ  แผนกบรรเทาสาธารณภัยฯ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น  และบริการตัดผม ฯลฯ โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมากกว่า 600 คน

โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้สนับสนุนอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจน  ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดงบประมาณดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพมอบให้แก่ครัวเรือนยากจน ให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยในกลุ่มเป้าหมายแรกดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง 17 จังหวัด รวม 98 ครัวเรือน ต่อมา ได้ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 230 ครัวเรือน ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในขณะได้พิจารณาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี มุกดาหาร หนองบัวลำภู บึงกาฬ ยโสธร ศรีสะเกษ มหาสารคาม ขอนแก่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ สกลนคร เลย หนองคาย และ นครพนม ซึ่งปัจจุบันทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ลงพื้นที่มอบไปแล้วรวมทั้งสิ้น 11 จังหวัด

ตลอดระยะเวลา 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

อาลัย!! 'พลเรือเอก นายแพทย์ หม่อมเจ้า ปุสาณ สวัสดิวัตน์' เจ้านายที่มีพระชนม์อยู่เป็นองค์สุดท้ายของราชสกุลสวัสดิวัตน์

(6 มิ.ย. 67) ม.จ.จุลเจิม ยุคล โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ขอแสดงความอาลัยต่อ ราชตระกูล สวัสดิวัตน์ ต่อการสิ้นชีพิตักษัย ของ พลเรือเอก นายแพทย์ หม่อมเจ้า ปุสาณ สวัสดิวัตน์

ทั้งนี้ พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ เป็นเจ้านายฝ่ายหน้าที่ชันษาสูงที่สุดในปัจจุบัน และเป็นเจ้านายที่มีพระชนม์อยู่เป็นองค์สุดท้ายของราชสกุลสวัสดิวัตน์

อีกทั้งหม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ ยังเป็นหนึ่งในพระอนุวงศ์ผู้ใหญ่ที่ครั้นถึงเทศกาลสงกรานต์ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชสำนักผู้ใหญ่ เชิญเครื่องสรงน้ำสงกรานต์ไปพระราชทาน เป็นการแสดงพระราชกตัญญุตาธรรมตามโบราณราชประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ

>>ในด้านการทรงงานและกรณียกิจ

พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ ทรงจบการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล และทรงสำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เมื่อปี พ.ศ. 2505

ทรงเข้ารับราชการตั้งแต่ พ.ศ. 2505 โดยทรงปฏิบัติหน้าที่เป็นนายแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพ กรมแพทย์ทหารเรือ ต่อมาเป็นรองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า และเป็นนายแพทย์ประจำสำนัก กองบัญชาการทหารสูงสุด เป็นต้น

พ.ศ. 2534 เป็นราชองครักษ์พิเศษ และวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2552 ได้รับพระราชทานพระยศ พลเรือเอก เป็นกรณีพิเศษ และแต่งตั้งเป็นนายทหารพิเศษประจำกองบังคับการกรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์ กองนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และงานพิเศษ พ.ศ. 2528

หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ เป็นแพทย์ไทยที่นำวิทยาการด้านรังสีวิทยามาใช้ในการตรวจวิเคราะห์ และวินิจฉัยอาการป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้วิทยาการด้านรังสีวิทยาประเมินอาการของโรคได้อย่างแม่นยำ

ทรงเป็นแพทย์ไทยท่านแรกที่ได้นำเครื่องมืออัลตราซาวนด์มาใช้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ทำให้วิทยาการด้านนี้เป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วประเทศ เป็นที่ยอมรับและนิยมใช้โดยทั่วไป

‘รัฐบาล’ ห่วงใยความปลอดภัยเด็ก ขณะใช้บริการ ‘รถโรงเรียน’ กำชับ!! กรมขนส่งฯ รุดตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐาน

(6 มิ.ย. 67) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงนี้อยู่ระหว่างโรงเรียนเปิดเทอม ประกอบกับมีฝนตกทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และมีข่าวปรากฏบนโลกโซเชียลบ่อยครั้งเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุของรถโรงเรียน รัฐบาลห่วงใยเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางของเด็กและนักเรียน

นายคารม กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบก กำชับและสั่งการให้สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศไทย ตรวจสอบความปลอดภัยและการให้บริการของรถโรงเรียน และรถที่รับจ้างรับส่งนักเรียนในพื้นที่รับผิดชอบทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด ทั้งด้านมาตรฐานความปลอดภัยของตัวรถ และพนักงานขับรถต้องนึกถึงความปลอดภัยของเด็ก ๆ นักเรียนทุกคนที่โดยสารมากับรถ และตัวรถที่ใช้รับส่งนักเรียนต้องมีสภาพที่แข็งแรงต้องชำระภาษีรถประจำปีอย่างถูกต้อง พร้อมที่จะให้บริการรับส่งนักเรียนได้อย่างปลอดภัย สำหรับการนำรถยนต์ส่วนบุคคลทั้งในลักษณะรถสองแถวและรถตู้มาใช้รับส่งนักเรียน กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้ต้องผ่านการรับรองจากโรงเรียนหรือสถานศึกษา และต้องขออนุญาตใช้รถให้ถูกต้อง นำรถเข้าตรวจสภาพ ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดที่โรงเรียนหรือสถานศึกษาตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 

นายคารม กล่าวว่า เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยที่ทางราชการกำหนด ซึ่งจะได้รับอนุญาตครั้งละ 1 ภาคการศึกษาเท่านั้น (ไม่เกินวัน ปิดเทอมของแต่ละภาคการศึกษา) ภายในรถต้องมีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับช่วยเหลือนักเรียนเมื่อมีอุบัติเหตุ เช่น ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก ที่นั่งผู้โดยสารต้องยึดแน่นมั่นคงแข็งแรง กรณีเป็นรถสองแถวหากมีทางขึ้นลงอยู่ ด้านท้ายต้องปรับปรุงตัวรถให้มีประตูและที่กั้นป้องกันนักเรียนตกหล่นจากรถ ส่วนรถตู้ต้องจัดวางที่นั่งเป็นแถวตอนตามความกว้างของตัวรถเท่านั้น ห้ามดัดแปลงสภาพรถ ห้ามเพิ่มเบาะที่นั่งหรือการต่อเติมกระบะท้ายเพื่อให้รับนักเรียนได้มากเกินจำนวนบรรทุกที่ปลอดภัย ต้องมีป้าย สีส้มสะท้อนแสง มีข้อความ ‘รถโรงเรียน’ ให้เห็นชัดเจน พร้อมติดไฟสัญญาณสีเหลืองไว้ที่ด้านหน้า และด้านท้ายของตัวรถ หากพบการฝ่าฝืนจะพิจารณาสั่งเพิกถอนหนังสืออนุญาตให้ใช้รถทันที และไม่สามารถขออนุญาตได้อีกจนกว่าจะพ้น 1 ปีไปแล้ว

‘รศ.อัศวิณีย์ หวานจริง’ ชี้!! สอนประวัติศาสตร์ต้องไม่บิดเบือนหรือสร้างนิทานหลอกเด็กให้รังเกียจชังชาติบ้านเกิด

เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย. 67) รองศาสตราจารย์ อัศวิณีย์ หวานจริง อดีตคณบดีคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

“การสอนประวัติศาสตร์…ผู้เรียนมาย่อมสอนได้…ไม่มีข้อห้าม เพียงต้องสอนตามความจริงที่เกิด ไม่บิดเบือนเรื่องราวประวัติศาสตร์ เปิดกว้างการตั้งคำถาม แล้ววิเคราะห์ด้วยเหตุและผล ไม่พยายามสร้างเรื่องใหม่ เป็นนิทานหลอกเด็ก สร้างความก้าวร้าว ให้เยาวชนรังเกียจชาติบ้านเกิด 

ตรงกันข้าม หากมองกลับกัน สังคมปัจจุบันเกิดปัญหามากมาย จากใคร? ที่พยายามสอนบิดเบือนความจริง ยุยงเยาวชนให้เกิดความก้าวร้าวจนเอาไม่อยู่ สอนไม่ได้

ใครอันตรายมากกว่ากัน ระหว่างการสอนจาก…ผู้ที่เสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวมประเทศชาติ กับผู้ที่บ่อนทำลายเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ที่พยายามบิดเบือนประวัติศาสตร์ชาติให้เยาวชนเข้าใจผิด”

‘รัฐบาล-Aerosoft’ มอบความสุขให้คอบอลชาวไทย  เตรียมแถลงถ่ายทอดสด ‘ยูโร 2024’ ให้ชมฟรี!!

(5 มิ.ย.67) รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในวันที่ 6 มิถุนายน เวลา 11.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการแถลงข่าวถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 (UEFA EURO 2024) ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวจิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการ บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด (Aerosoft) ในฐานะผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสด และนายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปรึกษารมว.คมนาคม บุตรชายนายโกมล ตัวแทน ปตท.พร้อมกลุ่มสปอนเซอร์ ร่วมแถลงข่าวดังกล่าว

แหล่งข่าวยังได้เปิดเผยอีกว่า การถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร จะถ่ายทอดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาล คาดว่าเป็นสถานีโทรทัศน์ NBT ซึ่งถือเป็นสื่อกลางในการรับลิขสิทธิ์การแข่งขันให้ประชาชนคนไทยได้รับชม ตามที่นายเศรษฐา เคยมีดำริที่ต้องการส่งมอบความสุขให้คนไทย

ย้อนกลับไปก่อนวันที่ 11 มิ.ย.64 มีคำถามกันหนาหูในหมู่คนไทยว่า จะมี 'ยูโร 2020' มาให้รับชมทางฟรีทีวีหรือไม่ เนื่องจากยังไม่มีการประกาศอย่างชัดเจนจากหน่วยงานใดๆ ว่าจะมีการนำลิขสิทธิ์สัญญาณการถ่ายทอดสด 'ฟุตบอลยูโร 2020' มาเผยแพร่ในช่วงนั้น

เหตุผลที่ทำให้เรื่องนี้ดูนิ่งๆ ไป เพราะต้องยอมรับว่า สถานการณ์ในตอนนั้น ทางภาครัฐบาลไม่สามารถนำงบภาษีที่เก็บจากประชาชนมาคืนความสุข ด้วยการไปร่วมประมูลซื้อลิขสิทธิ์มาถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ (ทีวีพูล) หรือผ่านช่องทางอื่นได้ ต้องเป็นช่องทีวีเอกชนเท่านั้น ถึงจะสามารถประมูลฟุตบอลยูโร มาถ่ายทอดสดให้คนไทยได้ดูกัน เพียงแต่ในช่วงที่ผ่านมาก็ยังไม่มีเอกชนรายใดขอซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาถ่ายทอด จนคนไทยส่วนใหญ่น่าจะไปหวังพึ่งลิงก์เถื่อนที่ดูไปสะดุดไป อย่างไร้อรรถรส

อย่างไรก็ตาม ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2020 ตลอด 51 นัด ก็เกิดขึ้นได้ จากผู้สนับสนุนหลักอย่าง บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย รองเท้ายี่ห้อ 'แอโร่ซอฟ' ภายใต้ ‘นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ประธานกรรมการ ผู้ที่ตั้งใจจะมอบความสุขให้แก่คนไทยในยามโรคระบาดยังไม่จางหาย ได้รับชมกันเต็มอิ่มทุกนัดแบบไม่สะดุด

โดยในส่วนของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดในครั้งนั้น ทางแอโร่ซอฟ เป็นภาคเอกชนรายเดียวในการทุ่มงบ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซื้อสิทธิ์การถ่ายทอดสดจากทางสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือ 'ยูฟ่า' เพื่อให้คนไทยได้รับชมการถ่ายทอดสดฟรีทุกนัดตลอด 1 เดือน (11 มิ.ย. - 11 ก.ค.64) ทางช่อง NBT2HD SPORT

ยิ่งไปกว่านั้น 'เวลาแอร์ไทม์' หรือช่วงเวลาที่สามารถนำไปสร้างรายได้จากโฆษณาตลอดช่วงถ่ายทอดสดทั้งหมดนั้น ทาง 'แอโร่ซอฟ' ของ คุณโกมล ก็ไม่ได้นำไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์ใดๆ หากแต่นำเวลาเหล่านั้นมาช่วยผู้ประกอบการรายย่อยคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด19 ด้วยการเปิดโอกาสให้โปรโมทสินค้าและธุรกิจแบบฟรีๆ ตลอดซีซั่นบอลยูโร 2020 อีกด้วย

สำหรับ ‘นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ประธานกรรมการ บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย รองเท้ายี่ห้อ 'แอโร่ซอฟ' ถือเป็นอีกผู้ใหญ่ใจดีของสังคมไทย และเป็นบุคคลที่มักเข้ามาช่วยเหลือเรื่องใหญ่ๆ ในสังคมไทยแบบไม่ออกหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ได้บริจาคเงิน จำนวน 100 ล้านบาท พร้อมด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ประกอบด้วย อุปกรณ์ป้องกันใบหน้าและตา (Face Shield) จำนวน 3,000 ชิ้น และเครื่องช่วยหายใจไฮโฟลว์ (Airvo 2) จำนวน 10 ชิ้น ให้กับมูลนิธิโรงพยาบาลศิริราช เพื่อสนับสนุนการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ใช้ในการรักษา

‘ชาวต่างชาติ’ แชร์คลิป ‘คนไทย’ ลุกทำงานรดน้ำต้นไม้กลางถนน ตอนตี 4 ลั่น!! ดูแลดีกว่าอังกฤษ เพราะปล่อยให้แห้งตาย แนะ ทุกคนควรมาเห็น

เมื่อไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก ‘BKKWheels’ ได้แชร์คลิปวิดีโอติ๊กต็อกของชาวต่างชาติรายหนึ่ง ขณะเดินอยู่ริมถนนประเทศไทย และระหว่างนั้นได้มีรถรดน้ำต้นไม้กำลังทำงานอยู่กับพนักงาน ตอนตี 4 พร้อมบอกชาวโลกที่บอกประเทศไทยเป็นโลกที่สามควรมาเห็นสิ่งนี้ โดยระบุว่า…

“ตอนนี้เป็นเวลาตี 4 คนเหล่านี้ (พนักงานรดน้ำต้นไม้) กำลังขับรถรดน้ำทั้งหมด คุณสามารถเห็นพุ่มไม้ตรงกลางถนนนั้น…”

“อังกฤษไม่เป็นแบบนี้ ที่อังกฤษจะปล่อยให้แห้งตายหมด คนที่บอกว่าไทยเป็นประเทศโลกที่สาม พวกเขาดูแลประเทศของเขาได้ดีกว่าอังกฤษดูแล…คนที่ว่าประเทศไทยเป็นประเทศโลกที่สาม คุณควรมาที่นี่ มาเยี่ยมชม และเห็นสิ่งที่เป็นแบบนี้”

พร้อมบอกทิ้งท้ายฝากให้ทุกคนลองคิดทบทวนในการตัดสินใจอีกครั้ง

‘อย.’ พบ ‘ไซบูทรามีน’ ในอาหารเสริมยี่ห้อดัง ดาราเป็นพรีเซ็นเตอร์ ชี้!! มีฤทธิ์ต่อจิต-ประสาท ส่งผลร้ายแรงต่อระบบหัวใจ-หลอดเลือด

(5 มิ.ย. 67) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผ่านช่องทางออนไลน์จากเฟซบุ๊กเพจชื่อร้าน ‘ITCHA XS by เบนซ์ พรชิตา - เพจหลัก’ ส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยฉลากระบุรายละเอียดผลิตภัณฑ์ ดังนี้ 

“ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อิชช่า เอ็กซ์เอส (ตรา อิชช่า) อย.10-1-03464-5-0018 ผลิตโดย : บริษัท คาร์บีบ๊อค แลบบอราทอรี่ส์ จำกัด เลขที่ 41/160-161 ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบางแค เขตบางแค จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10160 จัดจำหน่ายโดย : บริษัท ไบโอ จีโนมิคส์ จำกัด 30 ซอยสุขุมวิท 61 (เศรษฐบุตร) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110 น้ำหนักสุทธิ : 10 แคปซูล (6.26 กรัม)…วันที่ผลิต MFG : 10/01/2024 วันหมดอายุ EXP : 09/01/2026”

ผลการตรวจวิเคราะห์พบ ‘ไซบูทรามีน’ (Sibutramine) ซึ่งมีรายงานถึงผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้เกิดผลเสียร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต จัดเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในประเภท 1 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 พ.ศ. 2565 ซึ่งเป็นอาหารที่น่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรืออนามัยของประชาชน และเพื่อป้องกันผลกระทบเป็นวงกว้างต่อประชาชน

จึงประกาศเตือนให้ประชาชนระมัดระวังในการซื้อหรือบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารดังกล่าว ทั้งนี้ อย. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด

หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai หรือ E-mail : [email protected] ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top