Sunday, 16 June 2024
NEWS

ตำรวจ ปส. รวบคาด่าน เครือข่ายยาเสพติดหัวใส หลังลอบขนยาบ้า 12 ล้านเม็ด ซุกในกล่องเลี้ยงผึ้ง

สืบเนื่องจากการสืบสวนของตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 เกี่ยวกับกลุ่มเครือข่ายของ นายชาญณรงค์ พบว่ากลุ่มเครือข่ายดังกล่าวจะมีการเคลื่อนไหวในช่วงวันที่ 12-13 มิ.ย.67 โดยการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ อ.ปาย จว.เชียงใหม่ เขามายังพื้นที่ กทม. ด้วยการใช้เส้นทางระหว่างหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้าน เพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจของตำรวจ จนเวลา 01.58 น. ของวันที่ 13 มิ.ย.67 ตำรวจพบรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ยจ 5143 เชียงใหม่ ซึ่งเป็นรถที่นายชาญณรงค์ ขับผ่านเส้นทางที่กำลังซุ่มอยู่ จึงติดตาม และพบว่ามีการขับรถยนต์ที่แปลกไปจากปกติ คือการจอดหยุดพักหลายครั้ง ลักษณะเหมือนขับรอใคร  จากนั้นตำรวจพบรถอีกคันคือ หมายเลขทะเบียน ผต 2508 นครปฐม ในเส้นทางเดียวกับรถของนายชาญณรงค์ จึงแบ่งกำลังติดตาม ต่อมา เวลาประมาณ 07.00 น. พบว่ารถทะเบียนนครปฐม ขับแซงขึ้นไปอยู่ด้านหน้า ส่วนรถของนายชาญณรงค์ ก็มีการลดความเร็วลงเพื่อจะตรวจสอบว่ามีรถตำรวจติดตามมาหรือไม่  กระทั่งใกล้ถึง ด่านตรวจวังดิน หมู่ 3 ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ จว.ลำพูน รถยนต์ที่นายชาญณรงค์ เป็นผู้ขับขี่มาได้ทำการเร่งความเร็ว ก่อนจะแซงหน้ารถยนต์  ผต 2508 นครปฐม เพื่อจะนำทางเข้าด้านตรวจ ระหว่างนั้นตำรวจ ปส. ได้ประสานงานกับตำรวจด่านตรวจวังดิน เพื่อทำการหยุดรถยนต์ทั้ง 2 คัน จากการสกัดจับกุมรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ผต 2508 นครปฐม โดยมีนายศราวุธ เป็นผู้ขับขี่ ตรวจค้นรถพบยาบ้า จำนวน 12,000,000 เม็ด ถูกซุกซ่อนมากับกล่องเลี้ยงผึ้งสีขาว ซึ่งถูกดัดแปลงเพื่อบรรจุยาเสพติดจำนวนมาก ส่วนรถหมายเลขทะเบียน ยจ 5143 เชียงใหม่ ที่มีนายชาญณรงค์ เป็นผู้ขับขี่ทำหน้าที่ขับนำทาง เพื่อตรวจสอบด่านตรวจ และคอยเฝ้าระวังการติดตามจากตำรวจ เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชนอันเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” วันที่13มิ.ย.67 เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวชัย ผบช.ปส. ได้เดินทางไปร่วมตรวจดูของกลางและซักถามผู้ต้องหาด้วยตนเอง เปิดเผยว่า คดีนี้เป็นการขยายจากกลุ่มเครือข่ายผู้ค้าในจังหวัดสิงห์บุรี ที่ว่าจ้างกลุ่มนักบินมาลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่อ.ปาย จ.เชียงใหม่ เพื่อนำลงไปส่งกลุ่มผู้ค้าในพื้นที่กรุงเทพฯและภาคกลาง ขณะนี้ผู้ตัวผู้สั่งการแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดจับกุมจะได้ขยายผลรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับต่อไป

‘รพ.ศรีนครินทร์ฯ’ แจง ปมหลอดเก็บเลือด ‘หลวงพ่อคูณ’ แชร์ว่อน ชี้!! ตามหลักการนำออกมาไม่ได้ หลังชาวเน็ตสงสัยหลุดมาได้ยังไง

(14 มิ.ย.67) จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพหลอดเก็บตัวอย่างเลือด มีสติกเกอร์แปะข้อความชื่อระบุว่า หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ 87 ปี และมีรหัสระบุอักษรภาษาอังกฤษและตัวเลข AN : 543333

โดยผู้โพสต์ได้มีการโพสต์ลงในกลุ่มเฟซบุ๊กชื่อ ‘หลวงปู่ศิลา สิริจันโท รุ่นยอดเศรษฐี’ ซึ่งระบุข้อความเอาไว้ด้วยว่า “โลหิตธาตุ หลวงพ่อคูณ น้ำตาจะไหล กราบขอบพระคุณครับ #รุ่นยอดเศรษฐี”

ซึ่งมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ทั้งสาธุที่ได้เห็นเป็นบุญตา และบางคนก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นอีกแง่มุมที่กรณีนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นได้ และอาจจะไม่ใช่ของจริงเป็นการทำมาหากินบนความเชื่อความศรัทธาประชาชน 

พร้อมอยากให้ทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ตรวจสอบว่าหลอดเก็บตัวอย่างโลหิตดังกล่าวนั้นออกมาสู่ภายนอกได้อย่างไร เพราะจะต้องผ่านกระบวนการเก็บหรือทำลายที่ถูกต้องในโรงพยาบาลเท่านั้น

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบได้ถามไปยังโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่หลวงพ่อคูณ ระบุในพินัยกรรมว่า มอบสรีรสังขารให้ทางคณะแพทย์ได้ใช้เป็นครูใหญ่ ให้นักศึกษาแพทย์ได้หาความรู้จากสรีรสังขารหลังมรณภาพ

จากการสอบถามถึงกรณีโลหิตธาตุของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ทราบว่า หลอดเก็บตัวอย่างเลือดดังกล่าวนั้นไม่ได้เป็นของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และก็ไม่ใช่ของโรงพยาบาลมหาราชที่จังหวัดนครราชสีมาด้วยเช่นกัน

ซึ่งในส่วนของโรงพยาบาลศรีนครินทร์นั้น รับสรีรสังขารหลวงพ่อคูณ ในขณะที่ท่านมรณภาพไปแล้ว จึงจะไม่มีในส่วนของขั้นตอนการเก็บตัวอย่างตรวจโลหิต รวมทั้งข้อมูลรหัสที่ติดอยู่หลอดเก็บตัวอย่างโลหิตก็ไม่ใช่ของทั้งสองโรงพยาบาล และจะไม่ใช้ชื่อที่เป็นฉายาพระ โดยจะใช้ชื่อตามบัตรประชาชนเท่านั้น

แต่ตามหลักการแล้วนั้นจะไม่สามารถนำออกมาได้อย่างเด็ดขาด แต่ก็ไม่สามารถที่จะระบุได้ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม หรือใครเป็นคนเอาออกมา และรหัส AN คือรหัสที่ผู้ป่วยนอนโรงพยาบาล

สวนสัตว์เปิดเขาเขียว เข้าร่วมพิธีมอบพันธุ์ไม้ตามโครงการ 72 ล้านต้นพลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

วันที่ 14 มิถุนายน 2567 เวลา 13.00 น. นายณรงวิทย์ ชดช้อย ผู้อำนวยการสวนสัตว์เปิดเขาเขียว มอบหมายให้ นายสมชาย ส่งเสริม หัวหน้าฝ่ายรายได้ ธุรกิจและสารสนเทศ  เข้าร่วมในพิธีรับมอบพันธุ์ไม้ต้นประดู่ป่า ตามโครงการ 72 ล้านต้นพลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567  โดยมีนายอำนาจ เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธี ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดชลบุรี 

ภายในงานมีการมอบพันธุ์ต้นประดู่ป่า ให้กับตัวแทนส่วนราชการต่างๆเพื่อนำไปปลูกไว้ในพื้นที่ที่เหมาะสม ซึ่งทางสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชลบุรีและสำนักงานจังหวัดชลบุรี  ร่วมกับทุกภาคส่วนในการดำเนินโครงการ ดังกล่าวขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ทั้งยังเพื่อเป็นการสืบสาน รักษา ต่อยอด พระราชปณิธาน การพัฒนางาน ด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ สนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชน รวมพลังร่วมใจปลูกต้นไม้ และปลูกป่า พร้อมทั้งบำรุงรักษาต้นไม้ให้เจริญเติบโตงอกงาม ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว ฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้มีความอุดมสมบูรณ์ช่วยป้องกันและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ลดฝุ่นและหมอกควัน อีกทั้งลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย 

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง 'สร้างอาชีพ สร้างชีวิต' มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรีแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และสงขลา

วันนี้ (วันที่ 14 มิถุนายน 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดสงชลา มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อย มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม จำนวน 8 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 153,800 บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นสามพันแปดร้อยบาทถ้วน) เพื่อให้สตรีได้นำวัสดุอุปกรณ์ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว อันเป็นการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน โดยมี  นางณิชาพัชฌ์ เพ็ชรพันธุ์ ผู้อํานวยการสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 พร้อมด้วย นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคใต้ จังหวัดสงขลา และ นายสรัณยศ บุญไข่ ผู้อำนวยการกลุ่มคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ์ ร่วมในพิธี พร้อมกันนี้ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้นำทีมหน่วยแพทย์ฯ ลงพื้นที่ให้บริการประชาชน ฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น และบริการตัดผม ฯลฯ โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคใต้ จังหวัดสงขลา

วานนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ลงพื้นที่มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรีของสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 6 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 112,085 บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นสองพันแปดสิบห้าบาทถ้วน) ณ นิคมสร้างตนเองท้ายเหมือง จังหวัดพังงา

โครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อย มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม มีความรู้ความสามารถ แต่ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ โดยมูลนิธิฯ มุ่งหวังในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างชีวิต ให้กับสตรีได้นำวัสดุอุปกรณ์ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูนลำปาง เชียงราย และจังหวัดพิษณุโลก 

โดยตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรีไปแล้ว 4 แห่ง จำนวน 24 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 620,299 บาท (หกแสนสองหมื่นสองร้อยเก้าสิบเก้าบาทถ้วน)

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป

ติดตามข่าวสารและกิจกรรมด้านสาธารณกุศลช่วยเหลือสังคมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เพจเฟซบุ๊กมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง www.facebook.com/atpohtecktung

เศร้า!! สภาพ 'ปาลิโอ เขาใหญ่' อดีตแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต ความทรงจำแห่งความสุข ที่เริ่มเลือนหายไปตามกาลเวลา

(14 มิ.ย.67) เคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่มีคนเข้าไปเที่ยวไม่น้อย สำหรับ ‘ปาลิโอ เขาใหญ่’ จ.นครราชสีมา ซึ่งได้ปิดตัวไปเมื่อกรกฎาคม พ.ศ. 2563 พร้อมรอให้กลุ่มทุนใหญ่เทกโอเวอร์ หลังจากร้านค้าทยอยปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

ล่าสุดผู้ใช้ติ๊กต็อกชื่อ ‘กินไหนดีโคราช’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอลงในติ๊กต็อก ทำให้คนนำมาโพสต์ต่อในทวิตเตอร์ กลายเป็นคนให้ความสนใจจำนวนไม่น้อย

โดยมีข้อความว่า “ปาลิโอ เขาใหญ่ ในยุคหนึ่งเคยรุ่งเรืองสุด ๆ มีทั้งร้านอาหาร และร้านค้าต่าง ๆ มากมาย แถมมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เยอะมาก ใครมีความทรงจำกับที่นี่บ้าง คอมเมนต์เล่าให้ฟังกันบ้างน้าา”

ซึ่งก็มีคนเข้าไปคอมเมนต์จำนวนมาก อาทิ…

- “สมัยรุ่งเรืองได้แค่ถ่ายรูปอยู่ด้านนอกไม่กล้าเข้า”
- “ละครช่อง 3 4 หัวใจแห่งขุนเขา ทำให้อยากไปเที่ยวตรงนี้มากกก จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ไปเลย”
- “ออกรถยนต์ครั้งแรก ที่เที่ยว ที่ขับรถไปครั้งแรก ก็ปาลิโอ เขาใหญ่ครับ ภาพความสุข ความทรงจำในอดีตวันวานยังสวยงามเสมอ”
- “เคยไปเที่ยว เมื่อ 14-15 ปีที่แล้ว สวยดีนะ ไม่คิดว่าจะปิดตัวร้างแบบนี้”
- “เคยไปทัศนศึกษาตอนเรียนเมื่อหลายปีแล้ว บรรยากาศดี สวยดี”

ลูกสาวพาพ่อใกล้สิ้นใจ มานอนรอความตายที่วัด เข้าใจเจ้าของบ้านเช่า ด้าน รพ.รุดให้การช่วยเหลือ

เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ วัดโคกสมานคุณ (พระอารามหลวง) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดย น.ส.พัชรา เกื้อกูล หรือนุ่ม อายุ 23 ปี ได้พา นายยง โกมาร อายุ 63 ปี ผู้เป็นพ่อ มานอนรอความตายที่ศาลาตั้งศพภายในวัดโคกสมานคุณ เนื่องจากใกล้เสียชีวิต ร่างกายไม่ตอบสนอง มีแค่ลมหายใจเข้าออก และกลายเป็นภาพที่สะเทือนใจกับผู้ที่พบเห็น เนื่องจากใกล้ ๆ มีศาลาตั้งศพกำลังมีจัดงานศพอยู่ด้วย

ทั้งนี้ จากการสอบถาม น.ส.พัชรา กล่าวว่า พ่อประสบอุบัติเหตุขี่รถจยย.ชนกันกับรถจยย.อีกคัน ตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา นอนรักษาตัวเรื่อยมาเกือบ 6 เดือน ครั้งแรกรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สงขลานครินทร์ (มอ.) และเพิ่งย้ายมารักษาต่อที่ รพ.หาดใหญ่ ได้ 13 วัน พบว่าอาการทรุดหนักหมดทางรักษา แม้จะผ่าตัดมาแล้ว 4 ครั้ง ญาติจึงยอมยุติการรักษาให้แพทย์ถอดเครื่องช่วยหายใจออก เพื่อไม่ให้พ่อทรมานและจากไปอย่างสงบ ก่อนพาพ่อออกจากโรงพยาบาล แต่ว่าเจ้าของบ้านเช่าไม่ต้องการให้นำพ่อกลับไปตายที่บ้านเช่า

ตนต้องจำใจพาพ่อมาอยู่ที่ศาลาตั้งศพภายในวัดโคกสมานคุณไปก่อน เพราะไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ไม่มีญาติพี่น้อง เพราะเดิมเป็นคนจ.หนองคาย ไม่ใช่คนหาดใหญ่ และมาเช่าบ้านทำมาหากินอยู่ที่หาดใหญ่ โดยอาศัยอยู่กับแม่พี่สาวส่วนพ่อจะไป ๆ มา ๆ

โดย น.ส.พัชรา กล่าวต่อว่า ตนเข้าใจทุกฝ่ายดีทั้ง รพ.หาดใหญ่ กรณีคนไข้ยุติการรักษา ญาติก็ต้องรับกลับบ้าน เข้าใจเจ้าของบ้านเช่าเพราะไม่มีใครอยากให้มีคนเข้าไปตายในบ้านเขา แต่สงสารพ่อที่ต้องมานอนรอความตายอยู่ภายในศาลาตั้งศพที่วัด แทนที่จะอยู่ได้กลับมาตายที่บ้าน เพราะไม่รู้ว่าจะพาพ่อที่ใกล้ตายไปอยู่ที่ไหน

ขณะที่ นายณรงค์พร ณ พัทลุง หรือปลัดแป้น อดีตนายอำเภอหาดใหญ่ และอดีตปลัด จ.สงขลา ได้เดินทางมาเป็นประธานฌาปนกิจศพ และทราบเรื่องก็ได้ช่วยประสานงานกับวัด ครั้งแรกได้จัดที่ให้นำ นายยง ไปอยู่ภายในศาลาตั้งศพอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเป็นอาคารปิดมิดชิด ไม่อุจาดตาและสะดวกกว่าศาลาตั้งศพเดิม ซึ่งเป็นที่โล่งแจ้งไม่ทำให้รู้สึกสะเทือนใจกับผู้พบเห็น

จากนั้น นายณรงค์พร ได้ประสานไปยัง รพ.หาดใหญ่ อีกครั้ง เพื่อดูว่าจะช่วยเหลือ นายยง ได้อย่างไรบ้าง เพราะดูอาการแล้วน่าจะยังอยู่อีกหลายวันไม่น่าเสียชีวิตทันทีในวันนี้ หากปล่อยให้อยู่ในศาลาตั้งศพแบบนี้ไม่เหมาะสมและสงสารครอบครัวด้วย

เมื่อ รพ.หาดใหญ่ ทราบเรื่องก็รีบช่วยเหลือทันที แม้ว่าญาติคนไข้รายนี้จะยุติการรักษาแล้ว พร้อมจัดรถพยาบาลมารับ นายยง ไปดูแลที่ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูโรงพยาบาลบางกล่ำ ซึ่งเป็นเครือข่าย รพ.หาดใหญ่ จนกว่าจะเสียชีวิต

นายณรงค์พร กล่าวว่า หาก นายยง เสียชีวิตให้ตั้งบำเพ็ญกุศลศพภายในวันโคกสมานคุณได้เลย ซึ่งหากตั้งวันเดียวก็ไม่มีค่าใช้จ่าย หากตั้งศพ 2 วันต้องจ่าย 3,000 บาท ตั้งศพ 3 วันจ่าย 7,000 บาท ตนจะช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายให้

ทางด้าน น.ส.พัชรา กล่าวอีกว่า ถ้าพ่อเสียชีวิตอาจจะตั้งศพวันเดียวแล้วเผาเลย และขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ยื่นมือมาให้การช่วยเหลือ ให้พ่อได้มีที่อยู่ก่อนที่จะเสียชีวิต เพราะพวกตนก็ไม่รู้ว่าจะพาพ่อไปอยู่ที่ไหนแล้ว ตอนนี้ทำได้เพียงดูแลพ่อจนลมหายใจสุดท้ายเท่านั้น

‘เพจเลี้ยงลูกชื่อดัง’ โพสต์ไม่ได้รับความเท่าเทียม หลังถูก รร.เรียกพบ สุดท้ายขอโทษ-ปิดเพจ 15 วัน หลังโดนตอกกลับไม่เป็นความจริง

เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย. 67)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์มีประเด็นถกเถียงและวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก หลังจากที่เพจ ‘Tor Rungrojn ผู้ชายเลี้ยงลูก’ ที่มีผู้ติดตาม 3.5 แสนคน ซึ่งเป็นเพจบอกเล่าประสบการณ์ของคุณพ่อในการเลี้ยงลูก ออกมาโพสต์เรื่องความไม่เท่าเทียมกันในโรงเรียน โดยคุณพ่อยกประเด็นว่า ถูกโรงเรียนเรียกไปพูดคุยเรื่องการให้ ‘ลูกขี่คอ’ พร้อมกับระบุว่า ถูกสั่งห้ามไม่ให้ทำลักษณะนี้อีก

ซึ่งโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ไปจำนวนมาก และมีคนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของโรงเรียนในแง่ลบจำนวนมาก

ทั้งนี้ ทางโรงเรียนได้ออกมาชี้แจงถึงประเด็นดราม่าดังกล่าว พร้อมกับออกแถลงการณ์ชี้แจงรายละเอียดเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วย

โดยเบื้องต้นโรงเรียนชี้แจงระบุว่า โรงเรียนอมาตยกุล ขอชี้แจงดังนี้

โรงเรียนไม่เคยนำเรื่องความเท่าเทียมมาเชื่อมกับการที่นักเรียนขี่คอผู้ปกครอง กรุณาทบทวนสิ่งที่ อ.เกียรติวรรณ คุยกับคุณพ่ออีกครั้ง

ล่าสุด 27 พ.ค.67 ทาง ร.ร.เชิญผู้ปกครองเจ้าของเพจมาพบ เพราะมีผู้ปกครองที่เป็นคู่กรณีขอพบ และขอให้โรงเรียนเป็นตัวกลาง เราติดต่อกับผู้ปกครองหลายๆ ท่านทางโทรศัพท์เป็นประจำ มีทั้งโทรไปชม และแจ้งเรื่องด่วน เจ้าของเพจไม่ต้องตกใจหากได้รับโทรศัพท์
ทราบว่าคุณพ่อรักโรงเรียน แต่ขอเรียนว่า ข้อมูลการรับนักเรียนที่เขียนในเพจ มีหลายประการที่ไม่ถูกต้อง และขอให้ข้อมูลที่ถูกต้องดังนี้

3.1 โรงเรียนมีค่าแรกเข้า ไม่ใช่ไม่มี ตามที่เจ้าของเพจเขียน

3.2 โรงเรียนไม่ได้ใช้ระบบจับสลาก

3.3 ไม่ได้มีคนสมัครล้นทุกชั้น

3.4 ไม่ได้ให้ผู้ปกครองใช้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

จึงเรียนมาเพื่อทราบและขออนุญาตชี้แจง อ.เกียรติวรรณ อมาตยกุล ครูกุ้ง และคณะครู

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โรงเรียนชี้แจงไป ทางเพจออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า “ผมขอโทษ และน้อมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง ตอนนี้สภาพจิตใจผมย่ำแย่มาก ขอปิดเพจ 15 วัน หรือจนกว่าสภาพจิตใจผมจะดีขึ้น”

“เชียงราย”ตม.เชียงราย เข้มด่านแม่สายสกัดกั้นผลักดันต่างด้าวค้าแรงงานเถื่อนเข้าพักในไทย”

วันที่ 14 มิถุนายน 2567 ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ เทียนทอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย
พ.ต.ท.หญิง ธาราทิพย์ จำรัส รอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย พ.ต.ท.ภัทรพงศ์ ชูชื่น สว.ตม.จว.เชียงราย โดย ร.ต.อ.จตุพล กัลยา,ร.ต.อ.รัชภูมิ ฤทธิศร,ร.ต.อ.หญิงชยาภรณ์ วงษ์สุวรรณ์ รอง สว.ตม.จว.เชียงราย ได้คัดกรองบุคคลที่สุ่มเสี่ยงตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และคาดว่าจะมาทำงานในประเทศไทยในช่วงวันที่1-14 มิถุนายน2567 ที่ผ่านมาตรวจพบบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาจากการสัมภาษณ์ทั้งสิ้น1,988 รายได้ปฎิเสธการเข้าเมืองไปแล้วทั้งสิ้น705 ราย โดยจากการสอบถามกลุ่มบุคคลดังกล่าวส่วนใหญ่ แจ้งความประสงค์ จะเดินทางเข้าไปรับจ้างทำงานในพื้นที่ชั้นในของประเทศไทยและเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบปัจจัยยังชีพในการเดินทางพบว่าไม่มีปัจจัยยังชีพ จึงได้ปฎิเสธเข้าเมือง ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 12(2) (3)  และได้ทำการผลักดันกลับออกนอกราชอาณาจักรต่อไป

สันติ วงศ์สุนันท์/หัวหน้าศูนย์ข่าวอำเภอแม่สายจังหวัดเชียงราย/รายงาน

‘ชาวบ้านดงไชย’ โอด!! ‘วัยรุ่นลำปาง’ มักใช้สวนสาธารณะเคลียร์ปัญหา นัดตบตีแทบทุกวัน-ใช้ปืนขู่-กลางคืนแว้นรถ วอน!! จนท.รุดตรวจสอบ

(14 มิ.ย.67) เป็นเรื่องขึ้นมาอีกจนได้ หลังมีคลิปของนักเรียนหญิง 2 สถาบันดังในลำปางนัดเคลียร์ปัญหากันภายในสวนสาธารณะภิรมย์ธาร ข้างเขื่อนยาง บ้านดงไชย เทศบาลนครลำปาง ซึ่งเป็นที่สาธารณะและมีประชาชนมาออกกำลังกายเกือบตลอดทั้งวันไปยันดึก เนื่องจากมีการติดไฟแสงสว่างทั้งคืน

เมื่อเคลียร์กันไม่ได้จึงใช้กำลังตบตี ถีบ เยาวชนหญิงที่มีเพื่อนมาด้วยน้อยกว่าแบบ 6 รุม 1 โดยมีเพื่อนคอยถ่ายคลิปไว้ ก่อนจะนำไปแชร์ต่อกันและกระจายเป็นวงกว้าง

จากการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นเวลาประมาณ 18.00 น. ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในสวนฯ บันทึกไว้ได้ จะเห็นว่ามีนักศึกษา และนักเรียน 2 กลุ่ม โดยกลุ่มที่สวมชุดนักศึกษาจะมีจำนวนมากกว่าคือประมาณ 10 กว่าคน ส่วนฝ่ายนักเรียนมีประมาณ 4 คน ได้มานัดเจอกันที่ทางเดินภายในสวนใกล้ห้องน้ำสาธารณะ

ทั้งหมดได้ยืนพูดคุยกันสักพักก่อนที่จะพากันหลบมุมกล้องเข้าไปด้านข้างห้องน้ำ ซึ่งมีต้นไทรบังอยู่ ไม่นาน..ก็มีนักเรียนหญิงวิ่งออกมา โดยมีกลุ่มนักศึกษาหญิงและเพื่อนวิ่งไล่ตามตบตีถีบล้มลุกคลุกคลานออกมาบริเวณทางเดินหน้าห้องน้ำ โดยมีเพื่อนชาย-หญิงคอยถ่ายคลิปไว้ จากนั้นอีกไม่นานฝ่ายนักศึกษาก็พากันแยกย้ายวิ่งออกจากสวนสาธารณะ เหลือฝ่ายนักเรียน 4 คนยืนอยู่ในที่เกิดเหตุ

จากการสอบถามกลุ่มเพื่อนที่ถูกทำร้ายร่างกาย ทราบว่าก่อนหน้านั้นทั้งคู่เคยเขม่นกันมาก่อน และมีการโพสต์แซะกันไปมา กระทั่งนัดเคลียร์กันที่จุดดังกล่าวแบบตัวต่อตัว แต่เมื่อเริ่มฝ่ายเพื่อนของนักศึกษาก็เข้ามารุมตบตีตามที่เห็นในภาพ แบบ 6 ต่อ 1 จนน้องนักเรียนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และยังไม่พอหลังเกิดเหตุแล้วฝ่ายนักศึกษาได้มีการโพสต์แซะในเฟซบุ๊กส่วนตัวเหมือนเย้ยฝ่ายตรงข้าม โดยโพสต์เสื้อที่มีรอยเปื้อนคล้ายเลือดและเขียนข้อความว่า…“คนต่อไปคือมึงนะ สุดสวยด้วย”

ทั้งนี้ จากการสอบถามกลุ่มนักศึกษาที่รู้จักกับกลุ่มที่ก่อเหตุรุมทำร้ายร่างกายฝ่ายนักเรียน ทราบว่ามักจะก่อเหตุในลักษณะนี้และมีการถ่ายคลิปเก็บไว้และส่งไปให้เพื่อนดูจนมาครั้งนี้คลิปเกิดหลุดออกมา

ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่บ้านดงไชยและอยู่ใกล้สวนสาธารณะฯ วอนเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบเข้มงวดมากขึ้น เพราะทุกวันนี้ชาวบ้านเอือมระอากับเยาวชนทั้งชาย-หญิง ที่มักจะใช้โซนเหนือ และโซนใต้ของสวนสาธารณะเป็นที่เคลียร์ปัญหา นัดชกต่อยตบตีกันแทบทุกวัน บางรายใช้ปืนยิงขู่ กลางคืนก็แว้นรถ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ชาวบ้านมาก บางวันต้องแจ้งตำรวจ 2-3 รอบ ตำรวจก็มาบ้างไม่มาบ้าง และแค่ตักเตือนเพราะเป็นเยาวชน

ล่าสุดกลุ่มเยาวชนหญิงก็มาตบตีกัน ครั้งนี้อาจจะใช้แค่กำลัง หากอนาคตมีการใช้อาวุธเกิดขึ้นก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งจะเห็นว่าเยาวชนไม่กลัวอะไรเลยแม้ว่าสวนสาธารณะจะมีการปรับปรุงดีขึ้นกว่าเดิม เพิ่มไฟส่องสว่างตลอด 24 ชั่วโมงก็ยังไม่กลัวกันเลย

กมธ.วิสามัญ 'บุหรี่ไฟฟ้า' แถลงใหญ่เตรียมชง 3 ทางเลือกแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า

(13 มิ.ย.2567 รัฐสภา) นายนิยม วิวรรธนดิฐกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย แถลงว่าคณะกรรมาธิการ 35 คนมาจากหลากหลายองค์กร ส่วนราชการ ภาคสังคม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้ามาให้ความคิดเห็น ซึ่ง กมธ. ได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิและศึกษาผลกระทบต่างๆ ไม่ว่าด้านสุขภาพ ด้านสังคม ด้านเด็กและเยาวชน ด้านเศรษฐกิจและการบังคับใช้กฎหมาย ตลอดจนคำนึงสภาพความเป็นจริงของประเทศไทย ซึ่งเป็นปัญหาของสังคมไทยตลอดมา ลั่นทำเพื่อประเทศชาติ ไม่มีใบสั่ง ไม่อยู่ภายใต้การกดดันของใคร ชี้ศึกษาดูงานจีน “แหล่งผลิต” ภายในสิ้นเดือนนี้ ย้ำชัดการปกป้องเด็กและเยาวชนต้องมาก่อน

นายนิยม กล่าวว่า วันนี้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ใช้กันแพร่หลาย กมธ.จะต้องหามาตรการด้านกฎหมาย การควบคุมที่เหมาะสอดคล้องกับสถานการณ์ และสภาพความเป็นจริง และบริบทของประเทศไทยเราด้วย ดังนั้นคณะ กมธ. ได้ตั้งคณะอนุ กมธ.2 คณะ คือคณะอนุ กมธ. พิจารณามาตรการด้านกฎหมาย และคณะอนุ กมธ.จัดทำรายงาน

สำหรับแนวทางการพิจารณาของกมธ. มีความเป็นอิสระตามบริบทของประเทศไทย ดังนั้น เมื่อกรรมาธิการฯมีข้อสรุปแล้วเสร็จจึงจะนำเสนอต่อสภาฯ เพื่อให้ฝ่ายบริหารหรือรัฐบาลตัดสินใจเลือกแนวทาง สำหรับการเดินทางไปศึกษาดูงานของคณะกมธ.จะเดินทางไปศึกษาดูงานในประเทศจีนระหว่างวันที่ 26-29 มิ.ย.เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านกฎหมาย เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อปรับแนวทางของกฎหมายให้สะท้อนสถานการณ์ปัจจุบัน

ด้าน นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ สส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย เลขานุการฯ และในฐานะประธานคณะอนุ กมธ. พิจารณามาตรการด้านกฎหมายเพื่อควบคุมกํากับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย กล่าวว่า คณะทำงานเข้าใจในบริบทของสุขภาพและการป้องกันการเข้าถึงของเด็กและเยาวชน แต่ปัจจุบันกฎหมายยังมีช่องโหว่การบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งคณะอนุฯได้ศึกษาแนวทางและได้เสนอต่อ กมธ.ชุดใหญ่ใน 3 แนวทางคือ
(1) กำหนดให้การใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจัง โดยแบ่งเป็น 2 ทางเลือกคือ (1.1) แก้กฎหมายปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นประกาศกระทรวงพาณิชย์ คำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อให้มีความชัดเจนและครอบคลุมถึงการครอบครองและผลิต เพื่อให้มีผลบังคับใช้อย่างจริงจัง และ (1.2) แก้กฎหมายใหม่ในระดับพระราชบัญญัติ เพื่อกำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมายแบบเบ็ดเสร็จ โดยรวมหลักการ มาตรการทุกมิติไว้ในกฎหมาย การห้ามผลิต ห้ามนำเข้า การจำหน่าย ห้ามครอบครอง ห้ามโฆษณาการสื่อสาร ต่างๆ รวมถึงห้ามการสูบด้วย
(2) กำหนดให้ผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน คือ Heated Tobacco Product หรือ Heat Not Burn Tobacco เป็นสิ่งที่ถูกควบคุมตามกฎหมาย โดยแก้ไขกฎหมายให้ผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อนเป็นสิ่งที่ถูกควบคุมตามกฎหมาย แก้ประกาศกระทรวงพาณิชย์ แก้คำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงต้องบัญญัติกฎหมายเพิ่มเติมเพื่อควบคุมยาสูบแบบให้ความร้อน ให้เป็นยาสูบตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต เก็บภาษีได้ เข้าไปดูในมิติของการควบคุม การเข้าถึง การโฆษณา การสื่อสาร ภายใต้ผลิตภัณฑ์ยาสูบ เป็นต้น
(3) กำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้า E-cigarettes และผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน Heated Tobacco Product ทั้งสองอย่างเป็นสิ่งที่ถูกควบคุมตามกฎหมาย โดยแก้กฎหมาย แต่จะคุมอย่างเข้มงวด ซึ่งทั้ง 3 แนวทางจะนำเสนอ กมธ.ชุดใหญ่ในเร็ววันนี้

นพ.ภูมินทร์ กล่าวเสริม คณะอนุกมธ.มีข้อสังเกตเพื่อพิจารณาปรับปรุงกฎหมาย คือ เพิ่มนิยามคำว่า “บุหรี่ไฟฟ้า” “น้ำยา” “อุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า” ตลอดจนผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น “บุหรี่ไฟฟ้าแบบให้ความร้อน” หรือ Heated Tobacco Product ให้มีความชัดเจน เพื่อให้บังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีมีประสิทธิภาพ มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางกฎหมาย และที่สำคัญที่สุดคือการเพิ่มความเข้มข้นของทุกมาตรการเพื่อป้องกันการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน

สำหรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ กมธ.บินไปดูงานบุหรี่ฟ้าที่ประเทศจีน นายนิยม กล่าวว่า การเดินทางไปประเทศจีนก็ไม่มีผลกระทบใดๆ ในการตัดสินใจของกมธ.เป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นการศึกษาดูงานในประเทศที่มีขนาดใหญ่ การไปดูงานไม่ได้เป็นการไปโน้มน้าวจิตใจ เพราะทุกคนไม่ได้มีผลประโยชน์ มีอิสระในการที่จะคิดและทำเพื่อส่วนรวม

ท้ายสุดจะส่งให้ กมธ.วิสามัญ ทั้ง 35 คน จากโควต้าทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ให้ลงมติว่าจะยึดแนวทางไหน คงจะมีการฟังเสียงข้างมาก เสียงข้างน้อย ซึ่งทุกความเห็นของ กมธ.ก็จะบันทึกหมดให้กับสภาฯ เพื่อพิจารณาต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตือน ดูบอลให้สนุก อย่าต้องทุกข์เพราะการพนัน

วันนี้ (14 มิถุนายน 2567) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่ามีพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ต้องสูญเสียทรัพย์สินให้กับการพนัน และตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน ถึง 14 กรกฎาคม 2567 มีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 17 หรือ ฟุตบอลยูโร 2024 ซึ่งเว็บไซต์การพนันผิดกฎหมายต่าง ๆ อาจเปิดรับพนันผลการแข่งขันฟุตบอลเพื่อล่อลวงพี่น้องประชาชน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงขอให้พี่น้องประชาชนรับชมการแข่งขันฟุตบอลอย่างสร้างสรรค์ อย่าหลงผิดไปเล่นพนันฟุตบอล เพราะผลเสียที่จะตามมานั้นมีมากมาย เช่น

1. เสียทรัพย์ - การพนันอาจนำไปสู่การสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถก่อให้เกิดหนี้สินและปัญหาทางการเงินในระยะยาว

2. เสียมิตร - การเสพติดการพนันสามารถทำลายความสัมพันธ์กับครอบครัวและเพื่อนฝูงได้ และการเล่นพนันมากเกินไปอาจทำให้เวลาและเงินที่ควรใช้ในการดูแลครอบครัวลดลง

3. เสียจิต- การพนันสามารถทำให้เกิดความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า และผู้ที่พ่ายแพ้ในการเดิมพันอาจรู้สึกผิดหวังและเสียใจมากจนทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่

4. เสียรู้ – การสมัครสมาชิกและเล่นการพนันในเว็บไซต์การพนันผิดกฎหมาย อาจทำให้ข้อมูลส่วนตัว ชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และข้อมูลอื่น ๆ ถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิด และอาจถูกโกงไม่สามารถถอนเงินจากเว็บพนันได้

5. ติดคุก - ผู้เล่น ผู้ชักชวน และผู้จัดให้มีการพนันฟุตบอลจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 12(2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชน ขอให้ช่วยกันหยุดวงจรการพนันออนไลน์ โดยหากพบเห็นการกระทำความผิดหรือพบเบาะแสเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ สามารถแจ้งไปยังสายด่วน 191 หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

คณะนักศึกษาสถาบันจิตวิทยาความมั่นคง วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่น 124 จัดโครงการ "ทิ้งง่าย... เก็บยาก" เยาวชนบางขุนเทียน รักษ์ป่าชายเลน

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ทางคณะนักศึกษาสถาบันจิตวิทยาความมั่นคง วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่น 124 ได้จัดโครงการ "ทิ้งง่าย... เก็บยาก" เยาวชนบางขุนเทียน รักษ์ป่าชายเลน ณ โรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อปลูก ฝังจิตสำนึก ให้เยาวชน ได้ตระหนักถึง ปัญหาเรื่องขยะมูลฝอย จาก ครัวเรือน สู่ชายป่าโกงกาง
ในงานนี้มี นายวรพล จันทร์งาม ที่ปรึกษาพิเศษด้านงานจิตอาสา และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางภัสรา นทีทอง ผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน และพันเอก อาชวกุล กาญจนคม รองผู้อำนวยการ สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมเป็นประธานเปิดงาน กิจกรรมในโครงการดังกล่าว มีตั้งแต่การให้ความ ตระหนักรู้แก่เยาวชน ในเรื่องผลกระทบของขยะมูลฝอย ต่อระบบนิเวศ ของป่าชายเลน การเก็บและคัดแยกขยะ โดยเจ้าหน้าที่ ฝ่ายรักษา เขต บางขุนเทียน ตลอดจน มีการจัดการประกวด ออกแบบ ผลิตภัณฑ์ ของใช้ของชำร่วย จากขยะ ของนักเรียนโรงเรียน คลองพิทยาลงกรณ์ ระดับชั้นประถมศึกษา ปีที่ 1-6 และไฮไลท์สำคัญ ของกิจกรรมนี้ คือการให้นักเรียน โรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์ ได้ลงเก็บขยะ ในป่าชายเลน พื้นที่กว่า 16 ไร่ เพื่อให้เห็นถึงความลำบาก ของเจ้าหน้าที่ เขตบางขุนเทียน ในพันธกิจการเก็บขยะ ในป่าชายเลน

อีอีซี เดินหน้าสร้างการรับรู้ระดับพื้นที่ต่อเนื่อง เปิดศูนย์เครือข่ายพลังสตรี อีอีซี นำร่อง ฉะเชิงเทรา ดึงพลังสตรี ร่วมพัฒนาอาชีพ สานต่อภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างรายได้เข้าถึงชุมชน

ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี ร่วมกับ นายประสิทธิ์ อินทโชติ ปลัดจังหวัดฉะเชิงเทรา นายธีระพล สุ่มมาตย์ นายอำเภอบางน้ำเปรี้ยว และนางธัญรัตน์ อินทร รองเลขาธิการสายงานพื้นที่และชุมชน สกพอ. เข้าร่วมกิจกรรมเปิดศูนย์เครือข่ายพลังสตรี อีอีซี นำร่อง ณ ชมรมผู้สูงอายุ ดอกลำดวน มัสยิดดารุ้ลคอยร็อต อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง และให้กลุ่มสตรีในพื้นที่เป็นกระบอกเสียงสำคัญ บอกเล่าถึงประโยชน์และความคืบหน้าในการพัฒนาพื้นที่ อีอีซี เข้าตรงถึงชุมชน และเป็นศูนย์กลางดำเนินกิจกรรมของเครือข่ายพลังสตรี อีอีซี ในพื้นที่ สร้างโอกาสการพัฒนาและเติบโตไปพร้อมกับการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมทั้งการยกระดับคุณภาพชีวิตให้พื้นที่และชุมชน  

ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ อีอีซี กล่าวว่า การเปิดศูนย์เครือข่ายพลังสตรี อีอีซี นำร่อง ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ครั้งนี้ ถือเป็น ศูนย์ฯ พลังสตรี นำร่องในพื้นที่ อีอีซี ครบทั้ง 3 จังหวัด ซึ่งที่ผ่านมา อีอีซี ได้เปิดอย่างเป็นทางการแล้ว 2 แห่ง ได้แก่ ศูนย์เรียนรู้วิถีชาวนาภูมิปัญญาชุมชน อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี และศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง เพื่อดึงพลังของกลุ่มสตรี มาเป็นตัวแทนสร้างความเข้มแข็งระดับชุมชน ร่วมถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ อีอีซี และประโยชน์สำคัญที่จะได้รับ ผ่านกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึง อีกทั้ง กลุ่มเครือข่ายพลังสตรี อีอีซี จะเป็นกลไกสำคัญผลักดันให้สินค้าและบริการของชุมชนให้เป็นส่วนหนึ่งใน Supply Chain ของนักลงทุน ซึ่งถือเป็นแนวทางสำคัญที่อีอีซี จะส่งเสริมคู่ไปกับการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ศูนย์เครือข่ายพลังสตรี นำร่อง ฉะเชิงเทรา แห่งนี้ จะประสานกับอีอีซี ทำกิจกรรมประโยชน์ต่อสาธารณในพื้นที่ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น สามารถต่อยอดผลิตภัณฑ์ชุมชน สินค้าและบริการ ในระดับวิสาหกิจชุมชน ไปสู่การพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้ ผ่านกลไกความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ให้ผลิตภัณฑ์ชุมชนจากพื้นที่ อีอีซี มีช่องทางการตลาดที่กว้างขวางยิ่งขึ้น สร้างโอกาสให้แก่สินค้าชุมชน สานต่อภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่ รวมถึงการท่องเที่ยวของชุมชนให้มีมาตรฐาน รองรับการเข้ามาใช้จ่ายของนักลงทุน และผู้ที่จะมาทำงาน และอยู่อาศัยในพื้นที่ อีอีซี ต่อไป

สำหรับที่ตั้งศูนย์เครือข่ายพลังสตรี อีอีซี ณ ชมรมผู้สูงอายุดอกลำดวน ตั้งอยู่ภายในมัสยิสดารุ้ลคอยร๊อต อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชุมชนชาวมุสลิม แต่สามารถอยู่ร่วมกับชาวพุทธได้อย่างกลมกลืน พื้นที่นี้จึงเป็นสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างแท้จริง รวมทั้งเป็นเครือข่ายศูนย์กสิกรรมธรรมชาติที่เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร และสามารถนำความรู้ประสบการณ์กลับมาขยายผลในพื้นที่ทั้งประชาชนและโรงเรียนต่าง ๆ มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต กิจกรรมตลาดนัดในชุมชนเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน ทำให้มีผู้มาติดต่อ และเข้ามาศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เยาวชนจากโรงเรียนหมอนทองวิทยา ยังเป็นเครือข่ายเยาวชน อีอีซี ที่เข้มแข็งมีผลงานด้านการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชน ได้รับรางวัลจากโครงการ อีอีซี สแควร์ ถึง 2 ปี ศูนย์เครือข่ายพลังสตรี อีอีซี ณ ชมรมผู้สูงอายุดอกลำดวน จึงเป็นอีกกลไกสำคัญของ อีอีซี ที่สามารถขยายการรับรู้และสร้างความเข้มแข็งไปยังกลุ่มผู้นำศาสนา ชุมชน และเยาวชนในพื้นที่ได้อีกด้วย

'โครงการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยลดอุบัติเหตุบนถนน สวมหมวกนิรภัย100%' ครั้งที่ 2

ด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะในการเดินทาง ซึ่งจะเห็นได้ว่าการใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะในการสัญจร นั้นมีจำนวนมากแทบจะมีทุกครัวเรือน และประกอบกับในปัจจุบันมีประชาชนจำนวนมากที่เลือกใช้ยานพาหนะเป็นจักรยานยนต์บางคนขับขี่ไม่ถูกวิธี ไม่มีทักษะในการขับขี่ หรือขับขี่ด้วยความเร็วทำให้เกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีสถิติเสียชีวิตและบาดเจ็บมากที่สุด  พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า รอง ผบช.น. มอบหมายนโยบาย ให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 8 โดย พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.น.8 และคณะผู้เข้าร่วมหลักสูตรการบริหารการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมภาครัฐร่วมเอกชน รุ่น11 (บรอ.11) ตลอดจนภาคีเครือข่ายและหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้เป็นส่วนหนึ่งในการเข้าร่วมบูรณาการโครงการในครั้งนี้

โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมรณรงค์ผู้ขับขี่จักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยและแจกหมวกนิรภัยกันน็อกเพื่อสร้างวินัยจราจรสู่ความปลอดภัยทางถนนเพื่อการขับขี่ปลอดภัยใกล้ไกลใส่หมวกกันน็อกเพื่อลดอุบัติเหตุ และการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของเราเอง ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้น ในวันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน 2567 เวลา13.30-15.00 น. ณ ภายในวงเวียนใหญ่ หน้าอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ในงานมีประชาชนในพื้นที่บริเวณวงเวียนใหญ่ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

‘เด็กตรัง’ ผุดไอเดียพานไหว้ครู ‘ขนม-ลูกอม-เหนียวไก่ทอด’ เสร็จกิจกรรมแบ่งกันกิน - มีความสุขถ้วนหน้า โดยไม่เสียของ

(13 มิ.ย. 67) โรงเรียนเทศบาลวัดตรังคภูมิพุทธาวาส สังกัดเทศบาลเมืองกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ซึ่งมีนักเรียนทั้งหมด 123 คน ภายใต้การนำของ นายกาลสิษฐ์ เพชรคง ผู้อำนวยการโรงเรียน และนายชาตรี บุญมี หรือ ครูแว่นดำ ครูผู้พิการทางการมองเห็นชื่อดัง ในฐานะรองผู้อำนวยการโรงเรียน

โดยได้จัดให้มีพิธีไหว้ครู ประจำปีการศึกษา 2567 ขึ้น เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงความสำคัญของครู ในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ และประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ของชาติ และประชาชนเป็นอันมาก ด้วยการสั่งสอนศิษย์ หรือถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์ เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้มีความรู้ มีคุณธรรม และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีต่อสังคมในภายภาคหน้า

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้พิธีไหว้ครูของปีนี้ มีความแปลกแตกต่างไปจากทุกปี ดังนั้น นายกาลสิษฐ์ จึงคิดใหม่ ทำใหม่ ในยุคใหม่ นอกจากเหนือไปจากการเจิมหนังสือ หรือตำราเรียนแล้ว ยังเจิมไอแพด และสมาร์ตโฟนด้วย ถือว่าเป็นสิ่งที่ลูกศิษย์สามารถเข้าไปหาความรู้ได้เหมือนกัน

นอกจากนี้ ยังให้จัดทำพานไหว้ครูแห่งความสุข ด้วยวัสดุอะไรก็ได้ และความหมายก็ให้คิดกันมาเอง จนทำให้เกิดการทำพานไหว้ครูที่สร้างสรรค์มากมาย เช่น พานข้าวเหนียวไก่ทอด พานเยลลี่ พานขนม พานคุกกี้ พานลูกอม พานตัวการ์ตูน ซึ่งหลังทำพิธีไหว้ครูเสร็จ สามารถกินพานไหว้ครูได้เลย ทำให้นักเรียนมีความสุขกันทุกคน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top