Sunday, 30 June 2024
เด็กไทย

'อ.ไชยันต์' ตั้งคำถามถึงโพลวันเด็กจาก Rocket Media Lab เมื่อมีผลลัพธ์ ก็ควรต้องบอกเหตุอธิบายถึงผลด้วยหรือไม่?

เมื่อวานนี้ (14 ม.ค. 67) เฟซบุ๊ก ‘Chaiyan Chaiyaporn’ หรือศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ 5 คำถามถึงระบบการศึกษา หลังโพสต์ภาพผลโพลวันเด็กปีนี้ นักเรียนต้องการอะไรมากที่สุด? ผลสำรวจความเห็นนักเรียน ต้นปี 67
จาก Rocket Media Lab

1. ยกเลิกวิชาลูกเสือ 61.26% (1,216 คน)
2. ลดชั่วโมงเรียน 38.14% (757 คน)
3. ยกเลิกกฎทรงผม 49.87% (990 คน)
4. ปรับปรุงห้องน้ำ 96.92% (388 คน)
5. เลิกลงโทษด้วยการประจาน 39.14% (777 คน)
6. เลิกกิจกรรมหน้าเสาธง 26.8%
(532 คน)

ผลสำรวจจากเด็กทั่วประเทศ 1,985
คนทั้ง ประถม, มัธยม, ปวช.

พร้อมระบุข้อความว่า…

1. ต้องการยกเลิกวิชาลูกเสือ เพราะอะไร?
2. ลดชั่วโมงเรียน แล้วไปทำอะไร?
3. ยกเลิกกฎทรงผม ถ้ารู้จักดูแลความสะอาด และไม่ใช้เงินมากจากพ่อแม่ปู่ย่าตายายไปในเรื่องผม ก็เอาเลย
4. ปรับปรุงห้องน้ำ เห็นด้วย เมื่อปรับปรุงแล้ว ก็ต้องรู้จักช่วยกันดูแลความสะอาดด้วย
5. เลิกลงโทษด้วยการประจาน แล้วเปลี่ยนไปลงโทษด้วยวิธีอะไร?
6. เลิกกิจกรรมหน้าเสาธงนี่ หมายถึง เคารพธงชาติตอนเช้า ใช่ไหม ? ถ้าใช่ เลิกเพราะอะไร?”

ทั้งนี้ หลังโพสต์ดังกล่าวทำให้เกิดข้อถกเถียงตามมา มีหลายรายที่เห็นด้วยและมีอีกหลายรายที่ไม่เห็นด้วย ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นร่วมกันจำนวนมาก

‘หนุ่มอังกฤษ’ ใจงาม!! ออกวิ่งจาก ‘อ.แม่สาย’ สู่ ‘อ.เบตง’ ระดมเงิน 1.4 แสนบาท ช่วยเหลือเด็กกำพร้า-ยากไร้ในไทย

‘Chris Russell’ หนุ่มชาวอังกฤษออกวิ่งจากอำเภอแม่สายมาถึงอำเภอเบตงภายในระยะเวลา 50 วัน เพื่อระดมเงินให้เด็กกำพร้าและโรงเรียนยากไร้ในไทย ซึ่งขณะนี้วิ่งถึงที่หมายแล้ว พร้อมยอดบริจาคล่าสุดประมาณ 140,000 บาท

เมื่อวานนี้ (29 ก.พ. 67) Mr.Chris Russell นักวิ่งชาวอังกฤษที่ได้ออกวิ่งจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย มาถึง อ.เบตง จ.ยะลา ภายในระยะเวลา 50 วัน ใช้ชื่อว่า Run Thailand 2,100 KM. เพื่อหาเงินบริจาคให้เด็กกำพร้าและโรงเรียนยากไร้ในประเทศไทย ซึ่งล่าสุดได้รับบริจาคกว่า 3,962 ปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 140,000 กว่าบาท โดย Chris Russell นักวิ่งชาวอังกฤษได้วิ่งเข้าเขตอำเภอเบตง จังหวัดยะลาแล้ว

Mr.Chris Russell นักวิ่งชาวอังกฤษ บอกว่า ตลอดเส้นทางที่วิ่งผ่านมามีประชาชนคอยให้กำลังใจมาตลอดทาง และในแต่ละวันเมื่อถึงเวลาค่ำถึงที่ไหนจะพักที่นั่นเลย ล่าสุดก่อนถึงอำเภอเบตง ได้เข้าพักที่เชิงเขารีสอร์ตอัยเยอร์เวง โดยเจ้าของรีสอร์ตให้นอนพักได้โดยไม่คิดเงิน ทำให้ซาบซึ้งในน้ำใจของคนไทยจริงๆ

ซึ่งตนได้เริ่มวิ่งตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.67 โดยตนได้บอกกับเพื่อนชาวอังกฤษว่าตนเดินทางมาวิ่งตามความยาวของประเทศไทย โดยได้เริ่มที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งเป็นจุดเหนือสุดของประเทศไทยซึ่งติดกับประเทศพม่า และไปสิ้นสุดที่ อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งเป็นทางใต้สุดของประเทศไทย รวมระยะทางกว่า 2,100 กม. และมีแผนจะเสร็จสิ้นภายใน 50 วัน และเมื่อถึงอำเภอเบตงแล้วจะเดินทางต่อไปประเทศมาเลเซีย เพื่อท่องเที่ยวและอาจจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ จากสนามบินในประเทศมาเลเซีย

Chris Russell นักวิ่งชาวอังกฤษบอกทิ้งท้ายอีกว่า Run Thailand คือการระดมทุนจากมวลชนเพื่อเป็นการระดมเงินจำนวนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือเด็ก ๆ ในประเทศไทย เงินที่ได้จากการระดมทุนทั้งหมดจะมอบให้โรงเรียนและสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในประเทศไทย ซึ่งการรับบริจาคเงินเพื่อหาเงินบริจาคให้เด็กกำพร้าและโรงเรียนยากไร้ในประเทศไทย ตนได้ลงในเว็บไซต์ของตัวเองที่ชื่อว่า https://www.justgiving.com/crowdfunding/runacrossthailand โดยได้รับบริจาคจากเพื่อน ๆ ในอังกฤษและคนไทยตามเส้นทางที่วิ่งผ่าน นอกจากได้ระดมทุนเพื่อให้เด็กกำพร้าและโรงเรียนยากไร้ ยังได้ชมวิวสวย ๆ ข้างทางอีกด้วย

‘เด็กไทยบางส่วน’ ยึดค่านิยมตาม ‘เด็กฝรั่ง’ อยากใช้ชีวิตเอง ไม่ต้องดูแลพ่อแม่ แต่กลับ ‘ประพฤติตน’ ตรงกันข้าม

(12 เม.ย. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Vee Chirasreshtha’ โพสต์ข้อความระบุว่า…

“อยากเป็นอย่าง ‘ฝรั่ง’ อยากมีค่านิยมแบบ ‘เลี้ยงตัวเอง’ ไม่ต้องเลี้ยงพ่อแม่แบบฝรั่ง แต่ไม่ทำอย่างเด็กฝรั่ง ไม่ไปหาเงินเองตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ไม่ไปทำงานพาร์ตไทม์ เสียภาษีหนัก ๆ แบบวัยรุ่นฝรั่งเขาทำกัน ‘ตลกดี’ วัยรุ่นฝรั่งอายุ 16 เขาไปทำงานหาเงิน จ่ายค่าเทอม ค่าน้ำมันรถ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ทำได้อย่างเขาหรือเปล่า?”

ภายหลังจากโพสต์ข้อความไปแล้ว ก็มีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก เช่น 

-เลือกเอาเฉพาะที่ถูกใจ หลัก ๆ คืออันไหนที่กูสบายนะแหล่ะเอาหมด

-ไม่ต้องฝรั่งเลย คนไทยที่ไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือ เกิดที่นั้น ก็ทำงานหาเงินเองทั้งนั้น

-20 แล้วยังขอตังค์อยู่เลย

-ก็รับงานทำลายชาติ หาเงินเลี้ยงดูพ่อแม่ ออกจากบ้านและระบบการศึกษาตั้งแต่อายุ 14 แล้วไง เงินดี ภาษีไม่ต้องเสีย เป็นไอดอลให้คนทำตาม แต่คนทำตามไม่ได้อะไรนะ

- เอาไรมาก ภาษีกู = Vat7% อยู่เลย เป็นต้น

‘รร.นครนายกวิทยาคม’ โชว์งานศิลปะฝีมือ ‘นักเรียนม.ปลาย’ หลังเนรมิตกล่องกระดาษ ประดิษฐ์เป็น ‘หุ่นทศกัณฐ์’

(30 พ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แฟนเพจเฟซบุ๊ก ‘ประชาสัมพันธ์โรงเรียนนครนายกวิทยาคม’ โพสต์รูปภาพงานศิลปะจากกล่องกระดาษที่จัดทำขึ้นเป็นหุ่น ‘ทศกัณฐ์’ ตัวละครจากวรรณคดีดังเรื่อง ‘รามเกียรติ์’ พร้อมระบุข้อความว่า

“ชื่นชมผลงานการสร้างสรรค์ ‘ทศกัณฐ์’ #ศิลปะจากกล่องกระดาษของนักเรียนโรงเรียนนครนายกวิทยาคม จัดแสดง ณ ระเบียงหน้าบันไดทางขึ้นอาคารนาครส่ำฯ ผลงานสร้างสรรค์โดย : นายนันทิพัฒน์ จันนา M.6/2”

เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีผู้คนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นชื่นชมนักเรียน ผู้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้เป็นจำนวนมาก อาทิ

- “ชื่นชมผลงานรุ่นหลาน ๆ นะครับ สุดยอดจริง ๆ “
- “สวยค่ะ วันนี้ไปส่งลูกสาวหน้าอาคารเรียนพอดี”
- “สวยงามมากค่ะ นักเรียนเก่งมากเลยค่ะ”
- “มีของครับแบบนี้ ชื่นชมน้องครับ”
- “ชื่นชม ๆ ทำได้ยอดเยี่ยม”

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนันทิพัฒน์ นักเรียนชั้น ม.6 เจ้าของผลงาน ยังได้เปิดเผยกับ โหนกระแส ว่า ตนผมเริ่มจากความชอบ โดยตนเป็นคนที่ชอบสร้างสรรค์งานประดิษฐ์ รวมถึงงานประติมากรรมอยู่แล้ว เคยมีโอกาสไปร่วมงานแข่งสร้างสรรค์ประติมากรรม ในกิจกรรมศิลปหัตถกรรมนักเรียน ทำให้มีแนวคิดว่างานประติมากรรม ก็น่าสนใจดี อีกทั้งตนก็มีความสนใจและชื่นชอบเรื่องราวของรามเกียรติ์เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจ ในการลงมือทำประดิษฐ์ หัวโขนชิ้นแรก ชิ้นที่สองและชิ้นที่สาม

นายนันทิพัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า พอมีคนให้ความสนใจและชื่นชอบ ตนจึงเกิดความคิดอยากลองทำอะไรที่ยังไม่เคยลองทำ ด้วยการสร้างหุ่นนี้ขึ้นมา ในช่วงเวลาปิดภาคเรียนจากวัสดุที่หาได้ทั่วไปอย่างกล่องกระดาษ นับว่าเป็นการท้าทายความสามารถตัวเองไปในตัวด้วย และยังเป็นวิธีการบริหารเวลาว่างให้มีความสุข

‘รัฐบาล’ ห่วงใยความปลอดภัยเด็ก ขณะใช้บริการ ‘รถโรงเรียน’ กำชับ!! กรมขนส่งฯ รุดตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐาน

(6 มิ.ย. 67) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงนี้อยู่ระหว่างโรงเรียนเปิดเทอม ประกอบกับมีฝนตกทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และมีข่าวปรากฏบนโลกโซเชียลบ่อยครั้งเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุของรถโรงเรียน รัฐบาลห่วงใยเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางของเด็กและนักเรียน

นายคารม กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบก กำชับและสั่งการให้สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศไทย ตรวจสอบความปลอดภัยและการให้บริการของรถโรงเรียน และรถที่รับจ้างรับส่งนักเรียนในพื้นที่รับผิดชอบทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด ทั้งด้านมาตรฐานความปลอดภัยของตัวรถ และพนักงานขับรถต้องนึกถึงความปลอดภัยของเด็ก ๆ นักเรียนทุกคนที่โดยสารมากับรถ และตัวรถที่ใช้รับส่งนักเรียนต้องมีสภาพที่แข็งแรงต้องชำระภาษีรถประจำปีอย่างถูกต้อง พร้อมที่จะให้บริการรับส่งนักเรียนได้อย่างปลอดภัย สำหรับการนำรถยนต์ส่วนบุคคลทั้งในลักษณะรถสองแถวและรถตู้มาใช้รับส่งนักเรียน กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้ต้องผ่านการรับรองจากโรงเรียนหรือสถานศึกษา และต้องขออนุญาตใช้รถให้ถูกต้อง นำรถเข้าตรวจสภาพ ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดที่โรงเรียนหรือสถานศึกษาตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 

นายคารม กล่าวว่า เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยที่ทางราชการกำหนด ซึ่งจะได้รับอนุญาตครั้งละ 1 ภาคการศึกษาเท่านั้น (ไม่เกินวัน ปิดเทอมของแต่ละภาคการศึกษา) ภายในรถต้องมีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับช่วยเหลือนักเรียนเมื่อมีอุบัติเหตุ เช่น ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก ที่นั่งผู้โดยสารต้องยึดแน่นมั่นคงแข็งแรง กรณีเป็นรถสองแถวหากมีทางขึ้นลงอยู่ ด้านท้ายต้องปรับปรุงตัวรถให้มีประตูและที่กั้นป้องกันนักเรียนตกหล่นจากรถ ส่วนรถตู้ต้องจัดวางที่นั่งเป็นแถวตอนตามความกว้างของตัวรถเท่านั้น ห้ามดัดแปลงสภาพรถ ห้ามเพิ่มเบาะที่นั่งหรือการต่อเติมกระบะท้ายเพื่อให้รับนักเรียนได้มากเกินจำนวนบรรทุกที่ปลอดภัย ต้องมีป้าย สีส้มสะท้อนแสง มีข้อความ ‘รถโรงเรียน’ ให้เห็นชัดเจน พร้อมติดไฟสัญญาณสีเหลืองไว้ที่ด้านหน้า และด้านท้ายของตัวรถ หากพบการฝ่าฝืนจะพิจารณาสั่งเพิกถอนหนังสืออนุญาตให้ใช้รถทันที และไม่สามารถขออนุญาตได้อีกจนกว่าจะพ้น 1 ปีไปแล้ว

‘นักเรียนไทย’ สุดเจ๋ง!! คว้า 1 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิก ระดับเอเชีย ณ ประเทศมาเลเซีย

เมื่อวานนี้ (10 มิ.ย. 67) รองศาสตราจารย์ ดร.ธีระเดช เจียรสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เปิดเผยว่าตามที่ได้คัดเลือกและจัดส่งผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับทวีปเอเชีย ประจำปี พ.ศ.2567 ระหว่างวันที่ 3 - 10 มิถุนายน 2567 ณ เมืองกัมปาร์ รัฐเปรัก สหพันธรัฐมาเลเซีย ผลปรากฏว่านักเรียนไทยสามารถทำได้ 1 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง 2 เกียรติคุณประกาศ และ 1 เกียรติบัตรเข้าร่วมการแข่งขัน ดังนี้

-นายภัทรภณ ธนพิทักษ์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ เหรียญเงิน
-นายทัดภู อุดมเกียรติ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ เหรียญทองแดง
-นายธนัสร  วรรณสม โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม จังหวัดเชียงราย เหรียญทองแดง
-นายภพสุข สุเมธเชิงปรัชญา โรงเรียนกำเนิดวิทย์ จังหวัดระยอง เหรียญทองแดง
-นางสาวธีร์จุฑา สุขแสง โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ เหรียญทองแดง

-นายกันตพิชญ์ เพิ่มวัฒนชัย โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา เกียรติคุณประกาศ

-นายปัณณทัต รัตนะมงคลกุล โรงเรียนเบญจมราษฎร์รังสฤษฎิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เกียรติคุณประกาศ
-นายพสธร จินดาวงศ์ โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย จังหวัดสงขลา เกียรติบัตรเข้าร่วมการแข่งขัน

คณะอาจารย์ผู้ควบคุมทีมประกอบด้วย ดร.ธารา เฉลิมทรงศักดิ์ มหาวิทยาลัยมหิดล หัวหน้าทีม, ผศ.ดร.มนต์สิทธิ์ ธนสิทธิโกศล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี รองหัวหน้าทีม, ดร.อุชุพล เรืองศรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ผู้ช่วยหัวหน้าทีม, รศ.ดร.สุดารัตน์ ชาติสุทธิ มหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้ช่วยหัวหน้าทีม และ นายกฤษชพล ทิวพุดซา สสวท. ผู้จัดการทีม

‘เพจดัง’ ชี้!! ‘เด็กไทย’ เรียนเลขโหด โจทย์ยาก เครื่องคิดเลขก็ห้ามใช้ ในยุคเร่งคนให้ทันชาติอื่น เพื่อพาไทยสู่ประเทศเทคโนโลยีขั้นสูง

(13 มิ.ย.67) จากเพจ ‘สานต่อเจตนารมณ์ อาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

เห็นว่านี่คือข้อสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าเรียน ม.1 โรงเรียนสวนกุหลาบ

ทำกันได้ไหมครับ 555

เด็กไทยเรียนเลขกันโหดมาก ดู ๆ แล้วเด็กสมัยนี้เรียนเลขกันหนักกว่าสมัยผมเรียนมัธยมอีก

ตอนผมไปเรียนต่อมัธยมที่นิวซีแลนด์ตอน ม.4 จำได้ว่าไม่ต้องเรียนเลขอะไรใหม่เลยจนถึง ม.6 ที่นั่น

คือเลขที่เรียนถึง ม.4 ไทย ใช้ได้จนเกือบจบมัธยมที่นิวซีแลนด์ นี่คือตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว

ที่ต่างกันคือที่ไทยห้ามนักเรียนใช้เครื่องคิดเลข แต่ที่นิวซีแลนด์นักเรียนทุกคนต้องมีเครื่องคิดเลขวิทยาศาสตร์พกติดตัวและต้องใช้ให้คล่อง

ที่นั่นไม่เน้นคิดเลขในหัวเร็ว เน้นให้นักเรียนเข้าใจวิธีแก้โจทย์ เข้าใจตรรกะ (เพราะเลขหลัก ๆ แล้วคือการฝึกให้คิดตามตรรกะ) แล้วไปกดเครื่องให้คิดตัวเลขออกมาให้

ม.ปลายนิวซีแลนด์ ให้นักเรียนเลือกวิชาเรียนตามความสนใจ ไม่ได้แบ่งว่าเป็นสายวิทย์ สายศิลป์เลข ศิลป์ภาษา แล้วเรียนวิชาบังคับตามแต่ละสาย

จำได้ว่าวิชาสายวิทย์ผมเลือกเรียนฟิสิกส์กับเคมี แต่ไม่เรียนชีวะเพราะไม่ชอบท่องจำเผ่าพันธ์สัตว์ต่าง ๆ ไม่ชอบกระปุกสัตว์ดอง ไม่ชอบผ่าซากตัวอะไรก็ตาม

วิชาอื่นที่เลือกเรียนจะหนักไปทางวิชาที่เกี่ยวกับการอยู่ด้วยกันของคนในสังคมพวก เศรษฐศาสตร์ บัญชี ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์

น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ในการทำงานเรามักจะเจอฝรั่งที่รู้หลายเรื่อง มองอะไรหลายด้าน และมักจะสรุปประเด็นปัญหาเรื่องใหม่ ๆ ได้ดี เพราะถูกเทรนมาให้มองหลายมุม

เปิดชีวิตปัจจุบัน 'เด็กเก่ง' จากรายการ 'IQ180' หลังผ่านไป 30 ปี ประกอบอาชีพอะไรกันบ้าง

(13 มิ.ย.67) สำหรับรายการ IQ180  คือรายการที่คัดเอานักเรียนเก่ง ๆ จากทุกโรงเรียน มาตอบคำถามทางวิชาการแข่งกัน เพื่อชิงเงินรางวัล ซึ่ง ดำเนินรายการโดย อาจารย์ชัยณรงค์ มนเทียรวิเชียรฉาย ที่คัดนักเรียนเก่ง ๆ จากชั้นมัธยมศึกษาของแต่ละโรงเรียนมาแข่งกัน เพื่อตอบโจทย์ปัญหาด้านคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ และรอบสุดท้ายจะเป็นคณิตคิดเร็ว เพื่อวัดทักษะของนักเรียนแต่ละคน

โดยทาง เฟซบุ๊ก ‘จอห์น ดิกเกิล’ ได้ร่วมย้อนอดีตของรายการ IQ180 ระบุว่า แม้จะเป็นรายการวิชาการ แต่กลับเต็มไปด้วยความสนุก ความตื่นเต้น และความลุ้นระทึก วัดเชาว์ปัญญาของนักเรียนแต่ละโรงเรียนว่าจะสุดยอดแค่ไหน กลายเป็นรายการในตำนานที่ติดตราตรึงใจ และอยู่ในความทรงจำของคนในยุค 90

ทั้งนี้ในการแข่งขันจะมีทั้งหมด 3 รอบ รอบแรกวิชาภาษาไทย รอบ 2 วิชาวิทยาศาสตร์ และรอบสุดท้ายวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งทางรายการจะมีแนวทางให้นักเรียนอ่านมาก่อน เวลาตอบจะได้ไม่ตอบเหวี่ยงแห และจะสังเกตได้เลยว่าแต่ละคนจะตอบเร็วมากเพราะอ่านมาแล้ว แต่สำหรับตนนั้นถูกรายการโทรหาก่อนที่จะอัดรายการไม่กี่ชั่วโมง ตนก็เรียกแท็กซี่จากดาวคะนองไปช่อง 5 และไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน พอไปถึงก็ลงแข่งเลย แต่โชคดีที่ชนะมาได้

อย่างไรก็ตาม ยังมีคนมาถามว่า ส่วนนักเรียนที่เคยไปเข้าแข่งขันในรายการนี้ พอโตขึ้นไปแล้วทำอาชีพอะไร ก็ได้รับคำตอบว่า เป็นอาจารย์ที่คณะเภสัชกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , พนักงานระดับจัดการอุตสาหกรรมในโรงงาน ที่มีคนงานระดับ 1,000 คน เงินเดือนดีมาก , เพื่อนตนเป็นแชมป์รายการนี้หลายสมัย ปัจจุบันทำงานเป็นทันตแพทย์ , ผู้บริหารงานด้านการแพทย์และพยาบาล หรือบางคนได้เป็นแพทย์ก็มีไม่น้อย 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top