Sunday, 30 June 2024
ทหาร

รัฐบาลทหารพม่าไม่หวั่น!! เดินหน้าจัดงานวันกองทัพ ย้ายฤกษ์สวนสนามจาก 'รุ่งอรุณ' เป็น 'อาทิตย์อัสดง'

กองทัพพม่า ยังเดินหน้าจัดงานสวนสนามครั้งใหญ่เพื่อเฉลิมฉลองวันกองทัพ ที่ตรงกับวันที่ 27 มีนาคมของทุกปี ในกรุงเนปิดอว์ ท่ามกลางเสียงนักวิจารณ์ที่ตั้งข้อสงสัยถึงกำลังพลในกองทัพพม่าว่ายังเหลืออยู่เท่าไหร่ หลังถูกกดดันอย่างหนักจากกองกำลังฝ่ายกบฏและถูกมองว่ากองทัพพม่าอยู่ในยุคที่ตกต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปี

โดยในปีนี้ กองทัพพม่ายังคงจัดงานฉลองวันกองทัพตามปกติ และ นายพลอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ นายกรัฐมนตรีพม่า จะยังเข้าร่วมเป็นประธานในพิธี แม้กองทัพพม่ากำลังเผชิญสถานการณ์ที่ย่ำแย่ สูญเสียดินแดนจำนวนมากให้กองทัพชาติพันธุ์ เป็นเหตุให้เกิดกระแสขับไล่นายพล มิน อ่อง หล่าย อย่างกว้างขวางแม้ในแวดวงกลุ่มคนสีเขียวก็ตาม

และการจัดงานสวนสนามในปีนี้ มีความพิเศษกว่าทุกปี ที่มักจัดขึ้นในช่วงเช้า ซึ่งปีนี้ รัฐบาลพม่าจะเปลี่ยนมาจัดพิธีสวนสนามในช่วงเย็น โดยอ้างเหตุปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่ทำให้ช่วงเช้าอากาศร้อนเกินไป จึงเลือกมาจัดงานในตอนเย็น ช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ที่จะช่วยให้การแสดงการบินของกองทัพอากาศมีความตระการตามากขึ้นด้วย

ด้านสำนักข่าวอิรวดี สื่อพม่า ชี้ว่า กองทัพพม่าบรรจงเลือกช่วงเริ่มพิธี ในเวลา 17.15 น. หรือ 5 โมง 15 นาที ตามแนวพิธีกรรมไสยเวทย์ ที่เลือกฤกษ์เวลาที่ประกอบด้วยตัวเลข 3 หลัก คือ 5, 5 และ 1 (5.15 PM) ที่รวมกันแล้วได้ 11 ที่จะช่วยหลีกเลี่ยงภยันตราย 11 ประการ ตามความเชื่อดั้งเดิมของพม่า  รวมถึงการเปลี่ยนช่วงเวลาพาเหรดมาเป็นช่วงเย็นเพราะเชื่อว่าดวงอาทิตย์จะไม่ตกใส่กองทัพพม่า 

แต่บรรยากาศในงานพาเหรดที่มีเป้าหมายเพื่อแสดงแสนยานุภาพของกองทัพในปีนี้ มีความแตกต่างจากปีที่ผ่าน ๆ มาอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากเป็นวันกองทัพครั้งแรกหลังจากที่รัฐบาลพม่า เพลี่ยงพล้ำให้กับกองทัพชาติพันธุ์ติดอาวุธ หลังปฏิบัติการ 1027

โดยกลุ่มพันธมิตรสามภราดรภาพ อันประกอบด้วยกองกำลัง โกก้าง, ตะอ่าง และ อารกัน ได้รวมกลุ่มโจมตีกองกำลังพม่าอย่างฉับพลัน ในแผนปฏิบัติการ 1027 ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ที่ทำให้กองทัพพม่าสูญเสียฐานที่มั่นในพื้นที่เขตปกครองชาติพันธุ์ไปเกือบทั้งหมด ต้องถอยมาปักหลักในเมืองศูนย์กลางที่ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และกรุงเนปิดอว์

ความเสียหายหลังถูกโจมตีโดยปฏิบัติการ 1027 ได้สะท้อนความอ่อนแอภายในกองทัพพม่าอย่างที่ถูกซุกไว้ใต้พรมมานานหลายปี กลายเป็นแรงกดดันพุ่งสู่ นายพล มิน อ่อง หล่าย ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นผู้นำที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของกองทัพพม่า และกระแสเรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่ง  

และความระส่ำระสายนี้ ทำให้รัฐบาลพม่าจำเป็นต้องออกกฎหมาย เรียกระดมพลเพิ่ม โดยอนุญาตให้เรียกผู้ชายอายุ 18-35 ปี และผู้หญิงอายุ 18-27 ปีเข้าประจำการเป็นเวลา 2 ปี ทำให้คนหนุ่มสาวในพม่าจำนวนมากพยายามหลบหนีออกนอกประเทศ ซึ่งจุดหมายแรกของชาวพม่าที่เข้าเกณฑ์ถูกหมายเรียกคือประเทศไทย ที่มีชาวพม่าแห่ขอวีซ่าที่สถานทูตไทยในย่างกุ้งเป็นจำนวนมาก 

ดังนั้น งานสวนสนามประจำปีในวันกองทัพพม่าในวันนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกองทัพพม่าเหมือนอย่างที่แล้วมา แต่เป็นเหมือนการเรียกขวัญ กำลังใจทหารในกองทัพในยามสิ้นหวัง และอาจเป็นโอกาสสุดท้ายของนายพล มิน อ่อง หล่าย ที่ต้องพยายามรักษาแสงอาทิตย์ของเขาไว้ให้ได้ แม้ต้องยืนในยามอาทิตย์ใกล้อัสดงก็ตาม 

ทหารใหม่ยุคเศรษฐา มาแล้วเน้นคุณภาพชีวิตหลังกองทัพขานรับปรับปรุงสถานที่รับพลัดหนึ่ง

บิ๊กทินสั่ง กองทัพเร่งปรับปรุงอาคารสถานที่รับทหารใหม่ผลัดหนึ่ง ทบ.ขานรับ สั่งยกเลิกนอนมุ้งจัดมุ้งลวดพร้อมเพิ่มสปริงเกอร์ลดร้อน มั่นใจเน้นคุณภาพทหารใหม่ไทยยุคใหม่ต้องไม่แพ้ชาติใดในโลก 

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า หลังการจบห้วงวาระการเกณฑ์ทหาร ตั้งแต่ วันที่ 2 ถึง 12 เมษายน ที่ผ่านมาพบว่านโยบายของรัฐบาลโดยกระทรวงกลาโหมในการจูงใจให้มีผู้มาสมัครการเกณฑ์ทหารนั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยปีนี้มีผู้มาคัดเลือกทหารแบบสมัครใจกว่า สี่หมื่นนายสูงกว่าทุกๆปีที่ผ่านมา ซึ่งนโยบายนี้เป็นนโยบายที่รัฐบาลกำหนดไว้ว่าจะต้องนำไปสู่การยกเลิกการเกณฑ์ทหารในอนาคตอันใกล้นี้  โดยนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ให้นโยบายต่อเหล่าทัพที่จะต้องรับทหารใหม่ผลัด 1 เข้ากองทัพในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยให้แต่ละเหล่าทัพไปสำรวจและเร่งดำเนินการพัฒนาปรับปรุงสถานที่ต่างๆ ที่ทหารใหม่จะต้องเข้ามาประจำการใช้ อาทิ สถานที่ฝึก โรงนอน เป็นต้น         

ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพทหารบกได้รายงานว่า ผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งการให้สำรวจและพัฒนาปรับปรุงสถานที่ต่างๆ ของกองทัพบกทั่วประเทศที่จะต้องรับทหารใหม่โดยให้ดำเนินการปรับปรุงโรงนอนทหารใหม่จำนวน 366 แห่ง ทั่วประเทศแล้วโดยล่าสุดได้เพิ่มระบบการระบายอากาศให้ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้น้อง ๆ ทหารใหม่พักผ่อนได้สบายมากขึ้น เพื่อคุณภาพในการพัฒนากำลังพลโดยยึดหลักการพัฒนาคุณภาพทรัพยากรมนุษย์ ของประเทศ ให้ดีขึ้น       

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า กองทัพบก ได้ขานรับนโยบายรัฐบาลเป็นนโยบายเร่งด่วน โดยล่าสุด กองทัพบกได้ให้หน่วยทหารช่างเร่งดำเนินการปรับปรุงโรงนอน ทหารใหม่แล้วอาทิ ติดมุ้งลวดโรงนอน และทยอยยกเลิกการนอนกางมุ้ง นอกจากนี้ยังเพิ่มระบบระบายอากาศด้วยการเพิ่มพัดลมขนาดใหญ่เพื่อทำให้อากาศหมุนเวียน นอกจากนั้นดำเนินการจัดทำระบบสปริงเกอร์ รดน้ำหลังคาไล่ความร้อนสะสมออกจากหลังคาและเพดาน ทำให้โรงนอนอากาศดีขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้กระทรวงทางกลาโหม ได้รับรายงานจากกรมการทหารช่างของกองทัพบก ว่าจะดำเนินให้เสร็จเรียบร้อย ก่อนวันที่ 1 พฤษภาคมนี้เพื่อพร้อม ต้อนรับทหารใหม่ผลัด1 ที่จะ มารายงานตัวในช่วง เดือนพฤษภาคนี้ ส่วนกองทัพอื่นๆอยู่ระหว่างการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลเช่นเดียวกัน

‘สุทิน’ ขอให้มั่นใจ!! ไม่เอา ‘ข้าวเก่า’ ให้ทหารกิน ลั่น!! ทุกคนมาเป็นทหาร ‘ต้องอยู่ดี กินดี สุขภาพดี’

(13 พ.ค. 67) ที่กองพันมณฑลทหารบกที่ 15 ค่ายเพชรบุรีราชสิรินธร จ.เพชรบุรี นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและบำรุงขวัญกำลังพล หน่วยฝึกทหารใหม่ โดยได้มีการรับรายงานผู้บังคับบัญชาประจำกองถึงจำนวนผู้สมัครเข้ามาเป็นทหารเกณฑ์ พร้อมชมวิธีการฝึกทหารและปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากนั้น ได้มอบสิ่งของเครื่องใช้ให้นายทหารใหม่ ที่มีภรรยาและลูกน้อย จำนวน 2 ราย 

โดยนายสุทิน ได้ให้โอวาทกับทหารใหม่ ว่า วันนี้ตนดีใจที่ได้มาพบมาเยี่ยม เพราะตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้คิดและทุ่มเทกับการที่จะให้พวกเราซึ่งเป็นทหารใหม่เข้ามาในค่ายอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีอนาคตที่ดี และเพื่อให้กองทัพมีกำลังพลที่มีคุณภาพแข็งแกร่ง ฉะนั้น การคิดและการออกมาตรการมา วันนี้ได้มาเห็นดอกผลในสิ่งที่เราคิด ซึ่งก็ดีใจและมีความสุขหลายเรื่อง เดิมทีวันนี้คิดว่าต้องมามอบนโยบายเพิ่มหลายอย่าง แต่เมื่อเข้ามาแล้วเห็นว่านโยบายที่ตนคิด ทางผู้บังคับบัญชามอบให้ไปแล้วและลงมือปฏิบัติแล้ว ซึ่งเป็นผลที่น่าพอใจ จึงแทบจะไม่ต้องมอบนโยบายอีก 

“ขอย้ำว่า ผมอยากคุยกับทหารใหม่ว่ายินดีกับพวกเราที่ได้เข้ามาเป็นทหาร ความเป็นลูกผู้ชาย ผมคิดว่าประสบการณ์สำคัญที่สุดคือประสบการณ์ที่จะต้องมาฝึกความเข้มแข็ง มาฝึกวิทยาการและการเตรียมความพร้อมที่จะรับใช้ประเทศชาติในบทบาทของการที่จะเป็นผู้ป้องกันประเทศ วันนี้ยินดีด้วยที่ได้รับโอกาสที่ดี และยินดีด้วยที่มาในยุคที่เราเป็นทหารที่ไม่ใช่มาเสียโอกาส แต่เรามาได้โอกาสที่ดี ส่วนอะไรบ้างที่เป็นโอกาสที่ดีก็อยากจะย้ำว่าเราอยากจะรับใช้ชาติ มาฟื้นฟูร่างกาย มาสร้างเสริมร่างกายให้แข็งแกร่ง หมายความว่าเรามาฝึกที่นี่เพื่อให้ร่างกายที่แข็งแรงถือเป็นลาภอันประเสริฐ เป็นโชคที่ดี เพราะหากอยู่บ้านก็ไม่มีโอกาสได้ดูแลสุขภาพที่ดีเช่นนี้ ตรงกันข้ามอาจปล่อยปะละเลย แต่การมาอยู่นี่ทำให้เราได้ฝึกระเบียบวินัย ซึ่งจะทำให้เราได้กำไรชีวิต” นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน กล่าวด้วยว่า หลายคนพลาดพลั้งในชีวิต เช่น อาจจะเผลอไปเสพยาเสพติด เลิกไม่ได้ แต่เชื่อมั่นว่าหากพวกเรามาอยู่ที่นี่ มาเป็นทหาร ก็จะสามารถหันหลังให้กับยาเสพติดได้ ถือเป็นโอกาสที่ดี กระบวนการที่นี่จะดูแลเอาใจใส่พิเศษกับคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง คนที่เสพยาเสพติดไม่ใช่คนชั่ว แต่อาจจะผิดพลาดไป ทุกคนเป็นคนที่มีคุณค่าต่อครอบครัวและสังคม จึงต้องให้โอกาส และเชื่อว่าพวกเขาจะหายได้

นายสุทิน กล่าวต่อว่า เรามาอยู่ที่นี่ไม่ได้มาอยู่เปล่า ๆ ตนเห็นในประเทศเพื่อนบ้านที่สมัครไปเป็นทหาร เขาไม่ได้รายได้สักบาท มีแค่ข้าวกิน และมีที่นอน แต่ของเรามีเบี้ยเลี้ยงให้ เงินที่ได้บางคนอาจคิดว่าน้อยแต่บางคนอยู่บ้านก็ไม่เคยมีรายได้เช่นนี้ ซึ่งก็เป็นรายได้ที่ไม่น้อย และบางคนส่งให้ครอบครัวใช้ด้วย หรือบางคนเมื่อฝึกจบก็มีเงินติดตัวไป 20,000-30,000 บาท นอกจากนี้ ยังจะเรียนหนังสือด้วย ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมก็ได้มีการจัดระบบการศึกษาให้กับนายทหารใหม่ทุกระดับ เพื่อให้สามารถศึกษาต่อได้เมื่อฝึกจบ และเมื่อปลดประจำการก็สามารถได้วุฒิได้เลย ตนบอกได้เลยว่ายุคนี้คนที่โชคดีที่สุดคือคนที่ได้เข้ามาเป็นทหาร เป็นคนที่มีสิทธิ์พิเศษเพราะจะสามารถรับราชการทหารและตำรวจนั้นได้ไม่ยาก เนื่องจากได้ให้โควตาทหารถึงร้อยละ 80 และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ให้โควตาทหารเข้าไปรับราชการตำรวจถึงร้อยละ 50 

นายสุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนใครที่ไม่อยากรับราชการตนก็ได้เซ็นเอ็มโอยูกับบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่หลายบริษัท ซึ่งสามารถที่จะไปสมัครกับบริษัทเหล่านี้ได้ แล้วพวกเขาก็พร้อมที่จะรับเข้าทำงาน นอกจากนี้ ใครที่มาเป็นทหารหากกลับบ้านไปแล้วต้องมีเกียรติกลับไปด้วย รวมถึงจะทำให้ใครที่เข้ามาเป็นทหารมีโอกาสได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 

“ผมขอเรียนด้วยความมั่นใจอีกครั้งว่าอยู่ที่นี่ตนได้กำชับมาแล้วว่าอาหารการกินต้องมีคุณภาพที่ดี ต้องกินอิ่มและนอนอุ่น เนื่องจากทางกระทรวงได้จัดสรรงบประมาณมาให้มาอย่างเพียงพอ และหากซื้ออาหารที่ไม่มีคุณภาพ ทางกระทรวงก็ต้องลงมาตรวจสอบและจัดการให้พวกเราได้อยู่ดี กินดี ส่วนข่าวที่ออกมาว่าจะซื้อข้าวเก่าให้ทหารกิน ขออย่าไปสนใจเพราะไม่เคยคิด แต่ที่ผมพูดไปเพราะผมเป็นรัฐมนตรีซึ่งเราจะต้องตอบคำถามให้สอดคล้องกับรัฐบาล สิ่งที่ผมจะทำคือทำให้ทุกคนได้อยู่ดี กินดีที่สุด เพื่อที่รุ่นน้องจะได้เข้ามาสมัครกันเยอะ ๆ ย้ำว่าถ้าอยากให้คนเข้ามาสมัครกันเยอะคือต้องทำให้อยู่ดี กินดี มีโอกาสที่ดี และอย่าไปคิดว่าจะได้กินข้าวที่ไม่ดี ไม่มีทาง ขอให้ทุกคนมั่นใจ“ นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน กล่าวอีกว่า สำหรับคนที่สมัครเข้ามาถือว่าเป็นคนที่มีสำนึกที่ดีต่อประเทศชาติ และปีต่อไปก็อยากให้มาสมัครเป็นทหาร 100% ส่วนคนที่จับฉลากก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีสำนึกที่ดี เพราะอาจจะมีการวางแผนชีวิตไว้อย่างอื่น หรือมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ จึงไม่อยากมาสมัคร ซึ่งก็เข้าใจได้ แต่เมื่อจับสลากติดแล้ว ก็ขอต้อนรับที่จะเข้ามารับใช้ชาติให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ทั้งกลุ่มที่สมัครและกลุ่มที่จับฉลากได้ถือเป็นความหวังของประเทศ

ทั้งนี้ ภายหลังจากการให้โอวาทกับทหารใหม่จบแล้ว นายสุทินได้วิดีโอคอลเฟอเรนซ์กับญาติของทหารใหม่ โดยได้ถามว่ากังวลหรือไม่ ที่บุตรหลานเข้ามาเป็นทหารเกณฑ์ ซึ่งญาติของทหารเกณฑ์ได้ตอบนายสุทินว่า ไม่กังวล เพราะเชื่อกองทัพจะดูแลบุตรหลานของเขาอย่างดี

'เยอรมนี' เตรียมออกกฎหมายเกณฑ์ทหารเพิ่ม เพื่อสู้ศึกกับรัสเซีย เล็งคนอายุ 18 ปีทั้งหมด ส่วนจะทั้ง 'ชาย-หญิง' หรือไม่? ต้องรอลุ้น!!

ไม่นานมานี้ เยอรมนีกำลังพิจารณาทางเลือกที่เป็นไปได้ในการออกกฎหมายเกณฑ์ทหารเพิ่มสามแนวทาง คือ...

ประการแรกการพยายามเพิ่มการสมัคร โดยให้เข้าเป็นทหารแบบสมัครใจ ด้วยการส่งแคมเปญข้อมูลไปยังเด็กอายุ 18 ปี 

ประการที่สอง กฎหมายนี้จะใช้กับผู้ชายอายุ 18 ปีเท่านั้น โดยกฎหมายกำหนดให้พวกเขาต้องลงทะเบียนในแบบฟอร์มออนไลน์ จากนั้นจึงอาจได้รับเลือกเข้าเป็นทหาร

ทางเลือกที่สาม จะต้องรับราชการทหารเป็นเวลาหนึ่งปีสำหรับชายหนุ่มและหญิงสาวทุกคน เมื่ออายุครบ 18 ปี

นายบอริส พิสโตเรียส รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า กองทัพเยอรมันหรือบุนเดสแวร์ จะต้อง ‘พร้อมทำสงคราม’ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากรัสเซีย เมื่อต้นปีที่ผ่านมา รัฐมนตรีกลาโหมของเยอรมนีกล่าวว่าประเทศสามารถเพิ่มการใช้จ่ายทางทหารได้มากถึง 3.5% ของผลผลิตทางเศรษฐกิจ

เยอรมนีได้ตั้งเป้าหมายในการเพิ่มขนาดกองทัพจากประมาณ 180,000 นายในปัจจุบันเป็นมากกว่า 200,000 นาย

‘ทหารอาสาสมัครจากตะวันตก’ เข้าร่วมสู้รบต่อต้าน ‘รัฐบาลทหารเมียนมา’ อ้าง!! ได้แรงบันดาลใจ จากความกล้าหาญ ของพวกขัดขืนรัฐประหาร

(19 พ.ค.67) เจสัน (ใช้นามแฝงเนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย) เป็นอดีตทหารราบที่เคยประจำการในอัฟกานิสถาน ใช้เวลา 8 สัปดาห์ในแนวหน้าทางตะวันออกของพม่า ก่อนเดินทางกลับมาตุภูมิในช่วงปลายเดือนเมษายน เขาให้คำจำกัดความนักรบฝ่ายต่อต้านว่า "พร้อมตายเพื่อเป้าหมาย" และเน้นว่าคนเหล่านี้มีความกล้าหาญเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับความขัดแย้งอื่นๆที่เขาประสบมา

ฝ่ายต่อต้าน ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ต่างๆนานาและได้รับการสนับสนุนจากอาสาสมัครต่างประเทศบางส่วน สู้รบกับกองทัพพม่ามานานหลายทศวรรษ อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2021 ความขัดแย้งได้ขยายวง แผ่ลามสู่ภูมิภาคต่างๆในแถบตอนกลางของประเทศ ในขณะที่กองทัพ ซึ่งมีเครื่องบินขับไล่ที่ผลิตโดยรัสเซีย ถูกกล่าวหากระทำการโหดร้ายป่าเถื่อนต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงโจมตีไม่เลือกหน้าและเผาหมู่บ้าน จนถูกสหประชาชาติและกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายตราหน้าว่าอาจเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม

แม้ใช้ยุทธวิธีโหดเหี้ยมเหล่านี้ แต่คณะรัฐประหารต้องประสบปัญหาในการปราบปรามการลุกฮือ ความเคลื่อนไหวต่อต้านได้ก่อความสูญเสียใหญ่หลวงและรุกคืบด้านดินแดน เบื้องต้นใช้อาวุธดั้งเดิม แต่ตอนนี้มีอาวุธที่ดียิ่งขึ้น สืบเนื่องจากการบริจาคของประชาชน แรงสนับสนุนจากกองทัพชาติพันธุ์ และใช้อาวุธที่ยึดมา

พม่า ไม่ได้พบเห็นการไหลบ่าเข้ามาของอาสาสมัครนานาชาติ อย่างเช่นความขัดแย้งในยูเครนหรือซีเรีย ไม่มีความพยายามอย่างเป็นระบบในการเกณฑ์นักรบต่างแดน และกลุ่มติดอาวุธทั้งหลายในประเทศปฏิบัติการอย่างเป็นอิสระ อย่างไรก็ตามพบเห็นอาสาสมัครอย่าง เจสัน เข้าร่วมสู้รบหลายคน แม้มีความเสี่ยงถูกดำเนินคดีทางกฎหมายในประเทศบ้านเกิดก็ตาม

รายงานข่าวของอัลจาซีราห์ ระบุว่าพบเห็นคลิปวิดีโอและภาพถ่ายของเจสัน กำลังสู้รบเคียงข้างฝ่ายต่อต้านในภาคตะวันออกของพม่า ขณะที่ เจสัน ซึ่งเคยต่อสู้ในยูเครน ตามหลังการรุกรานของรัสเซีย เน้นย้ำว่าเขาไม่ใช่ทหารรับจ้าง แต่ต่อสู้ในเหตุผลที่เขาเชื่อถือศรัทธา "ผมไม่ใช่ทหารรับจ้าง ผมทำมันเพื่อคนที่ผมคิดว่าเป็นฝ่ายถูก"

เจสัน มีแผนที่จะจัดตั้งทีมงานของทหารที่มีประสบการณ์จากสหราชอาณาจักร สหรัฐฯ แคนาดาและออสเตรเลีย สำหรับมอบความช่วยเหลือแก่ฝ่ายต่อต้านทหารพม่า และเป้าหมายของทีมงานนี้ก็คือทำงานอยู่ภายใต้กรอบระบบของฝ่ายต่อต้าน ไม่ใช่จัดตั้งองค์กรแยกตัวออกมา

"เรามีความรู้จาก 4 กองทัพที่ต่างกัน ที่เราสามารถใช้สอนพวกเขา" เขากล่าว "ประสบการณ์คือจุดแข็งที่ผมสามารถช่วยพวกเขา พวกเขาแค่ต้องการมีเสรีภาพและประชาธิปไตย เราไม่ต้องการเป็นคนขาวผู้กอบกู้ ด้วยทีมงานของเรา เราอยากทำงานภายใต้ระบบของพวกเขามากกว่าจัดตั้งองค์กรของเรา เราจะทำมันทั้งหมดอย่างอิสระ"

ในรัฐชิน ติดชายแดนอินเดีย กองกำลังพิทักษ์ประชาชนโซแลนด์ โพสต์ภาพอาสาสมัครต่างชาติ 1 คน ได้แก่ อาซาด จากทางใต้ของสหรัฐฯและอีกคนเป็นชาวสหราชอาณาจักร ทั้งนี้ อาซาด ไม่ได้มีภูมิหลังด้านการทหาร แต่เคยสมัครใจร่วมสู้รบร่วมกับกองกำลังวายพีจี ที่นำโดยเคิร์ด ในซีเรีย เขาทำหน้าที่สอนพลซุ่มยิงและหลักสูตรทหารราบ และเขามองว่าการปฏิวัติพม่าคือส่วนหนึ่งในความพยายามของโลก ไม่ต่างจากการสู้รบในซีเรียและการป้องกันตนเองของยูเครน จากการรุกรานของรัสเซีย

รายงานข่าวระบุว่ากลุ่มมนุษยธรรมคริสเตียน Free Burma Rangers (FBR) ก็มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้งเช่นกัน โดบมอบความช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาลและสิ่งของบรรเทาทุกข์แก่ชุมชนต่างๆที่ต้องไร้ถิ่นฐาน ท่ามกลางเหตุล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนต่างๆนานา ทั้งนี้แม้เป็นองค์กรช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ แต่พบเห็นสมาชิกของ FBR ติดอาวุธเพื่อการคุ้มกันด้วย

ในส่วนของรัฐบาลพม่า ได้เสริมความเข้มแข็งแก่กองทัพ ด้วยแรงสนับสนุนจากต่างชาติ โดยในเดือนเมษายน พวกเจ้าหน้าที่เดินทางเยือนรัสเซียและจีน เพื่อจัดซื้อโดรนสู้รบ ในขณะที่พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการกองทัพ พบปะกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และเจ้าหน้าที่รัสเซีย ณ พิธีสวนสนามของกองทัพพม่า ท่ามกลางรายงานข่าวว่าครูฝึกทหารรัสเซียได้ช่วยฝึกฝนทหารพม่าในการใช้อาวุธรัสเซีย แม้ไม่มีข้อมูลยืนยันในเรื่องนี้

ผู้บัญชาการฝ่ายต่อต้านในเมืองเพคง ในรัฐฉาน ทางใต้ของพม่า อ้างว่าได้ยินข่าวว่าพบเห็นพวกครูฝึกทหารรัสเซียอยู่ใกล้ๆแนวหน้า แม้คำยืนยันเกี่ยวกับการพบเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ 4 เดือนก่อน และว่ากันว่าครูฝึกเหล่านั้นได้อพยพออกมาแล้ว ท่ามกลางการโจมตีอันดุเดือด

‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ ถาม!! ทหารสอนเด็กรักชาติไทย ไม่ดียังไง? หลัง ‘เจี๊ยบ ก้าวไกล’ โพสต์แซะ!! “ไม่ใช่กิจของทหาร”

(4 มิ.ย. 67) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า…

“ทหารสอนเด็กรักชาติไทย ไม่ดียังไง จะให้เด็กชังชาติเหมือนพวกเธอหรือ”

ทั้งนี้สืบเนื่องจากกรณี ‘นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล’ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก ‘Amarat Chokepamitkul อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล’ ระบุว่า…

“ไม่ใช่กิจของทหารเที่ยวเดินสายไปอบรมครูอบรมเด็กให้รักชาติ ภารกิจหลักไม่มีทำก็รีบลดขนาดกองทัพอย่าฝืนโลก พร้อมติดแฮชแท็ก #ปฏิรูปกองทัพ”

ชื่นชม!! ‘ทหาร’ เก็บกระเป๋า พ่วงเงิน 3 หมื่น ส่งคืนปชช. ด้านเจ้าของโร่ขอบคุณ พร้อมมอบสินน้ำใจ แต่เจ้าตัวไม่รับ

(13 มิ.ย.67) พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวชื่นชม กำลังพลในสังกัด กองทัพภาคที่ 2 ประกอบจ่าสิบตรี ปริญญา จงสงวนกลาง พลทหาร เทวราช สิงห์ทอง เข้าเวรที่ป้อมตลาดหนองไผ่ล้อม หลังเก็บกระเป๋ามีทรัพย์สินคืน นางพวงแก้ว ศรีนวกุล ประกอบอาชีพค้าขาย อายุ 61 ปี

นางพวงแก้ว กล่าว ยังตื้นตันใจที่ได้กระเป๋าเงินคืน พร้อมเล่าว่า ในกระเป๋ามีบัตรเครดิตหลายใบ และก็มีเงินจำนวน 30,000 บาท ซึ่งตนทำหายในระหว่างไปใช้จ่ายในตลาด ซึ่งก็น่าจะหล่นอยู่ที่ตลาด และมาทราบในช่วงเย็นว่ากระเป๋าสตางค์หายไป จึงได้ดำเนินการรีบโทรอายัดบัตรเครดิตทั้งหมด และทางธนาคารได้แจ้งว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวไม่ได้มีการนำบัตรเครดิตไปใช้งาน เราก็รู้สึกอุ่นใจว่าน่าจะมีคนเก็บได้ หรืออาจหล่นแล้วไม่มีคนเห็น จึงรีบกลับไปที่ตลาดหนองไผ่ล้อม จึงไปถามทหาร ที่ป้อมตลาดหนองไผ่ล้อม เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด เพราะทำกระเป๋าหาย โดยทหารได้สอบถามว่ากระเป๋าสีอะไร โอนถึงแจ้งไปทหารก็บอกว่าได้เก็บเอาไว้ให้ 

"ถือเป็นเหตุการณ์หนึ่งในล้าน ที่กระเป๋าเงินหายแล้วได้คืน แล้วยอมรับว่าดีใจมาก ซึ่งตัวพี่เองจะให้รางวัลกับทหารแต่เขาไม่เอา จึงอยากฝากขอบคุณไปยังแม่ทัพภาคที่ 2 ผู้บังคับบัญชาที่สามารถดูแลกำลังพลในสังกัดให้เป็นที่พึ่งของประชาชนได้และอยากขอบคุณน้องทหารทั้งสองท่านด้วย เพราะเขาเป็นคนดีมาก ถ้าเป็นคนอื่นเก็บกระเป๋าได้ก็เอาเงินไปแล้วโยนกระเป๋าทิ้งก็ได้ " นางพวงแก้ว กล่าว

'เยอรมนี' วางแผนจะนำรูปแบบการเกณฑ์ทหารกลับมาใช้ใหม่ ภายใต้แรงกดดันจากกรณีสงคราม 'ยูเครน-รัสเซีย'

เมื่อวานนี้ (12 มิ.ย. 67) บอริส พิสโทริอุส รัฐมนตรีกลาโหมของเยอรมนี เข้าร่วมแถลงข่าวเรื่องการปฏิรูปการรับราชการทหารในเยอรมนี โดยระบุว่า เยอรมนีกำลังวางแผนปรับรูปแบบการรับราชการทหารใหม่ เนื่องจากประเทศต้องการปรับปรุงกองทัพภายหลังการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

บอริส พิสโทริอุส แสดงความต้องการฟื้นฟูการขึ้นทะเบียนของผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้ารับราชการทหารซึ่งเคยถูกระงับไปเมื่อ 13 ปีที่แล้วสำหรับรูปแบบการเกณฑ์ทหารใหม่ นอกจากนี้นักการเมืองสังกัดพรรคสังคมประชาธิปไตยเยอรมนี (SPD) ยังใช้มาตรการบังคับให้ชายหนุ่มแจ้งข้อมูลในแบบสอบถามเกี่ยวกับความเต็มใจและความสามารถในการรับใช้ราชการทหารของพวกเขาด้วย

ข้อเสนอของนักการเมืองพรรค SPD ถือเป็นก้าวแรกสู่ความเป็นไปได้ในการนำมาตรการรับราชการทหารภาคบังคับกลับมาใช้ใหม่ ขณะเดียวกันพิสโทริอุสต้องการดำเนินการตามขั้นตอนที่ดูเหมือนจะเป็นไปได้จริงในช่วงระยะเวลาของกฎหมายนี้จากข้อมูลของสื่อเยอรมัน แผนการของพิสโทริอุสจำเป็นต้องมีการขยายกรอบกฎหมายการเกณฑ์ทหารสำหรับชายหนุ่ม

นักวางแผนทางทหารประเมินว่า ในแต่ละปีจะต้องมีคน 400,000 คนกรอกแบบสอบถาม และคาดการณ์ว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนนั้นอาจแสดงความสนใจ โดยมีแผนจะสั่งผู้สมัคร 40,000 คนเพื่อทำการทดสอบ ขณะนี้ทางกองทัพมีความสามารถในการฝึกอบรมทหารเกณฑ์ได้ 5,000-7,000 คน แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น และการฝึกอบรมจะใช้เวลาหกหรือสิบสองเดือน

บอริส พิสโทริอุส รายงานข้อเสนอเกี่ยวกับแผนการของเขาให้คณะกรรมการรัฐสภากลาโหมทราบในเช้าวันพุธ (12 มิ.ย.) และในช่วงบ่ายเขาได้เปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณะ

เมื่อเร็ว ๆ นี้มีการคัดค้านอย่างชัดเจนต่อแผนการรื้อฟื้นการรับราชการทหารภาคบังคับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบางส่วนของพรรค SPD เอง ‘ลาร์ส คลิงไบล์’ หัวหน้าพรรค SPD กล่าวยืนยันว่าเขายังสนับสนุนการสรรหาบุคลากรทางทหารโดยสมัครใจต่อไป 

“ผมคิดว่าแนวทางการสรรหาด้วยความสมัครใจจะทำให้บุนเดสแวร์ (กองทัพเยอรมัน) น่าดึงดูดใจมากกว่า” 

ส่วน ‘โอมิด นูริปูร์’ หัวหน้าพรรคกรีน กล่าวอย่างชัดเจนเมื่อช่วงปลายปีที่แล้วว่า “ผมไม่เชื่อว่าเราจำเป็นต้องมีการเกณฑ์ทหาร” นอกจากนี้ยังมีเสียงคัดค้านการคัดเลือกกำลังพลภาคบังคับจากพรรคเสรีประชาธิปไตยเยอรมนี (FDP) ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยเช่นกัน

ตามแบบจำลองของพิสโทริอุส ทุกคนจะต้องตอบแบบสอบถามและเข้ารับการทดสอบเมื่อถูกเรียกตัว มีรายงานว่าเขาเห็นชอบที่จะเปิดทางสำหรับการรับราชการทหารภาคบังคับ แม้ในยามสงบ หากไม่สามารถสรรหาทหารเกณฑ์ได้เพียงพอ

การรับราชการทหารภาคบังคับในเยอรมนีเคยถูกระงับไปเมื่อปี 2011 ภายใต้รัฐมนตรีกลาโหม ‘คาร์ล-เทโอดอร์ ซู กุตเทนแบร์ก’ (สังกัดพรรค CSU ซึ่งเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากในขณะนั้น) ซึ่งเท่ากับเป็นการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และทำให้โครงสร้างการรับราชการทหารภาคบังคับเกือบทั้งหมดสลายไปด้วย

แม้จะขาดแคลนกำลังพล แต่ในปีที่แล้วบุนเดสแวร์ก็ลดจำนวนทหารลงเหลือ 181,500 นาย บอริส พิสโทริอุสจึงรื้อฟื้นแบบจำลองการรับราชการทหารภาคบังคับมาตรวจสอบอีกครั้ง ภายใต้แรงกดดันจากสงครามรุกรานของรัสเซียต่อยูเครน เขาได้ชี้แจงอย่างชัดเจนในกระทู้ของรัฐบาลว่า เขาไม่หวังจะพึ่งพาความสมัครใจเพียงอย่างเดียว

ร.อ.ศิรส ฉายโอภาส (ซูม) นายทหารหนุ่มเลือดใหม่แห่งกองทัพอากาศ

​“ความมานะพยายามไม่เคยทำให้ใครต้องผิดหวัง” เหมือนนายทหารอากาศหนุ่มผู้นี้ “น้องซูม-ร.อ.ศิรส ฉายโอภาส” วัย 32 ปี ผู้มีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็น “รั้วของชาติ” มาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะมีแรงบันดาลใจจากการศึกษาที่โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย (รุ่นที่ 81) ซึ่งเป็นโรงเรียนชายล้วนและเป็นสถาบันที่ปลูกฝังเรื่องระเบียบวินัยและความเป็นสุภาพบุรุษ อีกทั้งรุ่นพี่และคุณพ่อรุ่นพี่เป็นทหารกันหลายคนด้วย จึงมองว่าการเป็นทหารน่าจะตอบโจทย์กับการที่ผมถูกฝึกแบบสไตล์ทหารแต่ทว่าโอกาสยังมาไม่ถึง หลังจากที่พลาดการสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว 

เขาจึงตัดสินใจเบนเข็มสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยสอบติดที่คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา (การวิจัยทางสังคม) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

​น้องซูม เปิดเผยว่า ระหว่างนั้นได้หาประสบการณ์จากการทำงานที่หลากหลาย อาทิ บริษัทเอเยนซี่ และ ธนาคาร จากนั้นได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่คณะบริหารธุรกิจ (การตลาด) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) ช่วงนั้นทางผมและครอบครัวได้ช่วยกันหาข้อมูลว่า มีสอบคัดเลือกเป็นข้าราชการที่ไหนบ้าง ซึ่งเป้าหมายไม่เน้นที่ทหาร แต่เป็นอะไรก็ได้ ขอให้เป็นข้าราชการ เนื่องจากทุกคนมีความคิดเห็นตรงกันว่า เป็นอาชีพมั่นคงและมีสวัสดิการดี สามารถดูแลพ่อแม่และครอบครัวได้ แต่ด้วยความบังเอิญที่การสอบคัดเลือกราชการที่เราเจอคือ กองทัพบก เขาประกาศรับและสอบเลย จึงไม่ทันได้เตรียมตัวดีเท่าที่ควร ก็อกหักตามระเบียบ แต่ก็ทำให้ปลุกจิตวิญญาณการอยากเป็นทหารขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ต่อมากองทัพอากาศเปิดรับสมัคร คราวนี้มีเวลามากขึ้นจึงไปสมัครเรียนที่โรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่ง สุดท้ายสมหวังดั่งตั้งใจได้เข้าไปทำงานเป็นทหารรับใช้ชาติในสังกัดกรมยุทธศึกษาทหารอากาศ และ กรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในตำแหน่งนายทหารสื่อสารมวลชน แผนกสื่อสารมวลชน กองประชาสัมพันธ์ สำนักกิจการพลเรือนและประชาสัมพันธ์ตามลำดับโดยได้ทำงานที่ใจรักเรื่อยมาถึงปัจจุบันก้าวเข้าสู่ปีที่ 7  

​น้องซูม กล่าวว่า จากการทำงานเป็นทหารอากาศนั้น ได้ใช้ความรู้ความวสามารถที่มีอยู่ โดยมีหน้าที่คือ การรวบรวมข้อมูล ตรวจสอบข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับกองทัพอากาศ บุคคลในกองทัพอากาศ หรือที่เห็นควร จัดทำข่าวสาร บทความ คำชี้แจง ดำเนินการประสานงาน ชี้แจงข้อเท็จจริง ให้คำแนะนำ อำนวยความสะดวกสื่อมวลชนร่วมทำข่าวกิจการของกองทัพอากาศ กำกับและดูแล ในกรณีรับส่งบุคคลสำคัญ ณ ท่าอากาศยานทหาร รวมทั้งการจัดอีเว้นท์ออกไปช่วยเหลือประชาชนในด้านต่าง ๆ ซึ่งเราเข้าใจความรู้สึกของเขานะ เพราะตัวเราคิดอยู่เสมอว่า เราเป็นทั้งทหารที่ต้องให้ความช่วยเหลือประชาชน และเป็นทั้งประชาชนที่รู้ว่า มีความคาดหวังอยากให้ทหารช่วยเหลือเรื่องอะไรบ้าง ทำให้การสื่อสารออกไปได้ง่าย เขาเข้าใจทหาร

​“สำหรับความประทับใจในอาชีพทหารคือ เป็นหนึ่งในอาชีพที่มีเกียรติ ประชาชนให้การยอมรับ เพราะทุกครั้งที่มีเรื่องเดือดร้อนอะไร ทหารจะเป็นหน่วยงานและที่พึ่งแรก ๆ ที่เข้าไปถึงและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ส่วนในหลักการทำงานนั้น คุณพ่อสุนทร ฉายโอภาส จะสอนลูกอยู่เสมอว่า เวลาได้รับผิดชอบให้ทำงานอะไรไม่มีคำว่าเดี๋ยว ต้องลงมือทำทันที อย่าทำตัวเป็นดินพอกหางหมู ทั้งนี้เราจะได้มีเวลาทำงานมากขึ้นและรู้ว่าปัญหาอุปสรรคมีอะไรบ้าง ข้อดีข้อเสียเป็นอย่างไร แล้วรีบนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ดียิ่งขึ้นก่อนที่จะส่งหรือนำเสนอผลงาน”

น้องซูมได้พูดถึงเป้าหมายในชีวิตว่า จะมีการวางแผนชีวิตการทำงาน หากเราอายุในช่วงนี้ควรจะทำอะไรเพื่อพัฒนาศักยภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มในตำแหน่งและหน้าที่การงานให้กับตนเอง โดยเฉพาะความรู้ทางด้านกองทัพอากาศ เคยผ่านหลักสูตรการอบรม อาทิ หลักสูตรนายทหารชั้นผู้บังคับหมวด รุ่นที่ 78, หลักสูตรนายทหารประชาสัมพันธ์ รุ่น 37 โรงเรียนกิจการพลเรือน กรมกิจการพลเรือนทหารบก, หลักสูตรพัฒนาการสื่อสารยุคดิจิทัล รุ่นที่ 7 สถาบันการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ และ หลักสูตรนายทหารกิจการพลเรือนและประชาสัมพันธ์ รุ่นที่ 7 กรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ทั้งนี้เราต้องเตรียมความตัวและตื่นตัวอยู่ตัวเวลา พร้อมที่จะรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายอย่างสุดความสามารถ ตอนนี้ผมสมัครเข้าเรียนโรงเรียนนายทหารชั้นผู้บังคับฝูง (ระดับนายพัน) และเรียนต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงโรงเรียนเสนาธิการทหาร

​“สิ่งอยากจะฝากกับน้อง ๆ ที่สนใจอยากจะเป็นทหารคือ ให้วางแผนและเตรียมความพร้อมไว้เนิ่น ๆ เอาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ๆ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เวลาไม่เคยรอใคร  ให้เลือกโรงเรียนทหารที่อยากจะสอบเข้าซึ่งมีหลายแห่ง อาจมีที่สำรองไว้เผื่อกันพลาด สำหรับมุมมองต่อคนรุ่นใหม่นั้นเก่งกว่าคนรุ่นก่อน ๆเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีและความคิดความอ่านแบบก้าวกระโดด ปรับตัวได้ดี อยากเรียนอยากรู้อะไรในอินเทอร์เน็ตมีให้ค้นหาหมด ผมอยากให้รุ่นใหม่ได้นำความรู้มาใช้อย่างสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าครับ”

จากมุมมองและวิสัยทัศน์ของนายทหารหนุ่มผู้นี้สะท้อนให้เห็น่วา อนาคตไกลเป็นดาวประดับวงการทหารอากาศอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน!!


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top