Monday, 1 July 2024
กระทรวงมหาดไทย

‘อนุทิน’ ปลื้ม!! ‘OTOP Midyear 2023’ โกยรายได้ทะลุ 400 ล้าน ชวนซื้อของไทย-ใช้ของไทย หนุนเงินทองหมุนเวียนในประเทศ

(1 ต.ค. 66) ที่อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย คุณสุภานัน นิราษิท ภริยา เยี่ยมชมและให้กำลังใจผู้ประกอบการ OTOP ในงาน OTOP Midyear 2023 โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุลชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทยด้านบริหาร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศศิธร จันทมฤก อุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ ประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมด้วยผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมให้การต้อนรับและนำชม

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสำหรับงาน ‘OTOP Midyear 2023’ โดยตลอด 8 วันที่ผ่านมา ได้รับความเมตตาและการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนร่วมจับจ่ายใช้สอยและเลือกซื้อเลือกหาอุดหนุนสินค้าชุมชนของผู้ประกอบการ จนมียอดจำหน่ายสูงถึง 375 ล้านบาท ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 300 ล้านบาท คาดว่าก่อนปิดงานในช่วง 21.00 น.วันนี้ จะมียอดจำหน่ายไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท

ซึ่งการจัดงาน ‘OTOP Midyear 2023’ ในครั้งนี้ เป็นการกระตุ้นให้คนไทยเชื่อมั่นในสินค้าที่เกิดจากภูมิปัญญาพี่น้องประชาชน ไม่มีอะไรดีหรือประเสริฐไปกว่าคนไทยเราช่วยกัน เงินทองก็ไม่รั่วไหลไปไหน หมุนเวียนอยู่ภายในประเทศ

“ผมกล้าการันตีว่า สินค้า OTOP นี้ดีกว่าสินค้าแบรนด์เนมแน่นอน ดีกว่า ทนกว่า คุ้มค่ากว่า เกิดประโยชน์ เกิดคุณค่ามากกว่า และในด้านการส่งเสริม Soft Power เรามีกรมการพัฒนาชุมชน มีทีมไปเสริมทักษะ เสริมเรื่องคุณค่า คุณภาพ มูลค่าเพิ่มให้กับพี่น้องประชาชน เราช่วยยกระดับทำให้สินค้าของไทยที่ทำด้วยคนไทย ได้รับการเสริมสร้างความรู้ให้เขารู้ว่าตลาดในประเทศและต่างประเทศ ณ เวลานี้เป็นยังไง ดังสโลแกน ‘ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที’ ที่สอดคล้องกับทุกสถานการณ์ ณ วันนี้เรามีผ้าไทยลายแบบไหนที่คนชื่นชมชื่นชอบ ออกแบบยังไง ใช้ยังไง ใช้วัสดุอะไร ใช้เส้นด้ายยังไงที่เหมาะกับสภาพภูมิอากาศคนไทย ใส่แล้วไม่ร้อน ไม่อึดอัด ดูแลรักษาง่าย เรามีกรมการพัฒนาชุมชนไปช่วยในเรื่องของการ สร้างเสริมการเรียนรู้ให้กับชาวบ้าน เพื่อทำให้สินค้า OTOP เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ได้รับความนิยมชมชอบในระดับสากล” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมอุดหนุน ร่วมให้กำลังใจ ผู้ประกอบการ OTOP ในงาน ‘OTOP Midyear 2023’ ที่มีร้านค้ามากกว่า 2,000 ร้าน ทั้งของกิน ของใช้ และเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มจากทั่วฟ้าเมืองไทย 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ในวันนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายยังมีของดีๆ อีกจำนวนมาก มีร้านอาหารโซน OTOP ชวนชิม ซึ่งโซนนี้ขอการันตีว่าของกินเด็ดๆ ที่ไม่ต้องซื้อตั๋วเครื่องบินหรือขับรถยนต์ไปกินทั่วประเทศ ได้มารวมที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี และวันนี้เอง พี่น้อง OTOP จะได้จำหน่ายสินค้าในลักษณะ ลด แลก แจก แถม โปรโมชั่นมากมาย โดยสามารถเดินทางมาเลือกซื้อสินค้า OTOP กันได้ถึงเวลา 21.00 น.วันนี้

โดยตลอดการเยี่ยมชมงาน นายอนุทินฯ ได้สาธิตตีขิม และเป่าขลุ่ย บริเวณโซนศิลปิน OTOP และเดินพบปะให้กำลังใจผู้ประกอบการ เลือกซื้อสินค้า พร้อมทั้งทักทาย และขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาเที่ยวชมงานด้วยความเป็นกันเอง

‘ชาดา’ เตือน!! อย่ากลั่นแกล้งแจ้งข้อมูลผู้มีอิทธิพลบิดเบือน พร้อมขอเวลา 2-3 เดือน เก็บข้อมูลทุกด้าน ก่อนเริ่มตัดรากถอนโคน

(7 ต.ค.66) นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการจัดทำบัญชีผู้มีอิทธิพล หลังกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จัดทำรายชื่อกว่า 700 รายว่า ได้นำรายชื่อมาทำใหม่ ดูพฤติกรรม สิ่งที่กระทำความผิด และบริวาร รวมถึงข้อมูลที่ประชาชนร้องเรียนมา  ตามเบอร์ 088-8878888 เพราะในอดีต เคยผ่านการบริหาร จัดการเรื่องนี้มาแล้ว แต่มีเพียงการส่งรายชื่อมาเท่านั้น จึงไม่มีประโยชน์อะไร ทั้งนี้ขอให้การส่งข้อมูลมาเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง อย่ากลั่นแกล้งกัน สำหรับรายชื่อที่กระทรวงต่างๆ และบุคคลทั่วไป ส่งมาให้ก็จะผ่านการกลั่นกรองอีกครั้ง

เมื่อถามถึงการจัดระเบียบตามกลุ่มสี รมช.มหาดไทย กล่าวว่า สีแดงคือคนที่กระทำความผิดอยู่ในปัจจุบัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องติดตามดำเนินการอยู่แล้ว อาจยังจับกุมไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐาน แต่ครั้งนี้จะลงไปทั้งระบบ แบบบูรณาการ อย่างเข้มข้น ทั้งอาณาจักรไม่ใช่เพียงตัวอย่างเดียว แต่จะมีหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงเข้าไป มีเรื่องการตรวจสอบภาษี เรื่องเกี่ยวกับการฮั้วประมูล ประมูล จะเข้าไปตรวจสอบดำเนินการตัดรากถอนโคน จึงขอฝากว่าคนที่คิดไม่ดีคิดไม่ถูกต้องรังแกประชาชนอยู่ ขอให้เลิก มิเช่นนั้นจะเจอกับการตรวจสอบทั้งระบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน ส่วนกรอบระยะเวลาในการดำเนินการรวบรวมข้อมูลนั้น ยอมรับว่าใช้เวลาพอสมควร ขณะนี้ยังคงรอหน่วยงานอื่นๆ ส่งข้อมูลมาเพื่อจะรวบรวม คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 เดือนจึงจะเริ่มปฏิบัติการเข้มข้นไปเรื่อยๆ

‘มท.’ ร่วมมือ ‘สตช.-ดีอีเอส’ ปราบปืนเถื่อน ออกมาตรการคุมใช้ปืนเข้ม สั่งห้ามออกใบอนุญาต-พกปืนในจังหวัด พร้อมสกัดซื้อ-ขายออนไลน์

(10 ต.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.รับทราบ ตามที่กระทรวงมหาดไทย รายงานความคืบหน้า มาตรการควบคุมการพกพาอาวุธปืนและกระสุนปืน รวมถึงสิ่งเทียมอาวุธปืนที่ดัดแปลงเป็นอาวุธ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย หลังจากเกิดเหตุการณ์กราดยิงในห้างดัง เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา

โดยกระทรวงมหาดไทย ชี้แจง ครม.ว่าได้ออกคำสั่งให้ดำเนินมาตรการ ดังนี้
1.) ให้เข้มงวดเรื่องการออกใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ระเบิดและดอกไม้ไฟ หรือสิ่งเทียมอาวุธปืน โดยให้นายทะเบียนผู้มีอำนาจในการอนุญาตออกใบอนุญาต งดออกใบอนุญาต ในการสั่งนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืนชนิดแบลงค์กันหรือสิ่งเทียมอาวุธปืนอื่น ที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธโดยง่าย

2.) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด แจ้งนายทะเบียนในท้องที่ ให้แจ้งคนที่ครอบครองแบลงค์กันและสิ่งเทียมอาวุธปืนที่ครอบครองอยู่ ให้มาลงทะเบียนลงบันทึกประจำวันในภูมิลำเนาที่อยู่

3.) การขอมีหรือใช้ซึ่งอาวุธปืน หรือการขอซื้อ สั่ง หรือนำเข้าเครื่องกระสุนปืนของสมาคมกีฬายิงปืน การอนุญาตออกใบ ป.3 หรือ ใบ ป.4 ให้แก่สมาคมกีฬายิงปืนให้อนุมัติเฉพาะที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับสมาคมกีฬาเท่านั้น และเครื่องกระสุนปืนที่สั่งเข้ามาต้องตรงกับอาวุธปืนที่ครอบครอง ห้ามต่างชนิดกันเด็ดขาด

4.) การออกใบอนุญาตให้พกอาวุธปืนติดตัว ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการที่จะอนุญาตให้พกพาในจังหวัด จากนี้ให้งดห้ามออกใบอนุญาตพกพาภายในเขตจังหวัด

นอกจากนั้น ได้ขอความร่วมมือไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้ร่วมมือกันปราบปรามการซื้อขายอาวุธปืน สิ่งเทียมอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ผ่านช่องทางออนไลน์ และให้กรมศุลกากรตรวจสอบสิ่งเทียมอาวุธปืนที่นำเข้า ก่อนที่คำสั่งนี้จะประกาศใช้ ให้ตรวจเช็กว่าสิ่งเทียมอาวุธปืนดังกล่าวมีการดัดแปลงนำเข้ามาหรือไม่

นายชัย กล่าวว่า และให้สนามยิงปืนเข้มงวด ตรวจจำนวนผู้มาใช้บริการ โดยจดบันทึกรายละเอียดผู้เข้ามาใช้ทุกคน และอาวุธปืนที่นำมาใช้ต้องได้รับอนุญาต ส่วนกระสุนที่ใช้ในการซ้อมยิงห้ามนำออกจากสนามและต้องตรวจนับให้ชัดเจน

'อนุทิน' ย้ำ!! 'อบจ.14 จว.ใต้' มุ่งมั่นทำงานเพื่อ ปชช.ให้มากที่สุด ขจัดปัญหา 'ยาเสพติด-อาวุธ-มาเฟีย' เสริมภาพบวกท่องเที่ยว

(26 ต.ค.66) ที่รร.มุกดาราบีช วิลล่า แอนด์ สปา รีสอร์ท ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เป็นประธานเปิดการอบรมสัมมนาเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดภาคใต้ โดยมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายศุภชัย ใจสมุทร ที่ปรึกษารองนายกฯ, น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย ผู้บริหารระดับสูง, นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย, นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายกอบจ.พัทลุง ประธานสมาพันธ์องค์การบริหารส่วนจังหวัดภาคใต้, พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ประธานสมาพันธ์องค์การบริหารส่วนจังหวัดภาคกลาง ตัวแทนสมาพันธ์องค์การบริหารส่วนจังหวัดภาคต่าง ๆ และบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้กว่า 1,000 คน ร่วมรับฟัง

นายอนุทิน กล่าวว่า "ท่านนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด ทุกคนล้วนมีความสำคัญในการทำให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากต้องบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแล้ว ยังต้องทำให้พี่น้องประชาชนมีความอุดมสมบูรณ์พูนสุขกันถ้วนหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเราทุกคนได้มาพบกันในวันนี้ เพราะเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของพวกเราทุกคนมีอยู่แค่เพียงคำเดียวคือ ประชาชน ที่พวกเราทุกคนต้องช่วยกันดูแลการพัฒนาทรัพยากรบุคคลเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ต้องทำงานเก่ง มีเพื่อนมาก มีสายสัมพันธ์ให้มาก มีความปรารถนาดีซึ่งกันและกัน และกำหนดเป้าหมายที่ดีร่วมกัน คือทำให้บ้านเมืองเจริญ ทำให้พี่น้องประชาชนมีความสุขสบาย มีความสะดวก มีโอกาส มีเงิน มีกิน มีใช้ ซึ่งเป็นภารกิจที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดทุกจังหวัดต้องร่วมกัน เพราะท่านคือหน่วยงานหลักที่มีความสำคัญต่อท้องถิ่น เป็นหน่วยบริการสาธารณะที่ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนมากที่สุด เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนได้รับบริการที่เกิดประโยชน์สุขมากที่สุด"

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า "พวกเรามีความสุขเมื่อเห็นพี่น้องประชาชนมีความสุข ตนจึงให้แนวทางการทำงานกับกระทรวงมหาดไทยว่า 'ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที' ต้องทำให้การทำงานต่าง ๆ ทั้งงานตามนโยบายและตามฟังก์ชัน ตามพื้นที่ ตอบสนองพี่น้องประชาชนได้ทันท่วงที การทำงานปัจจุบันเราจะล้าหลังไม่ได้ คนที่ข้าราชการต้องให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือ พี่น้องประชาชน ต้องตอบสนองสิ่งที่พี่น้องประชาชนคาดหวัง ต้องตอบสนองเสียงเรียกร้องของพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด มากกว่าที่ผ่านมา จึงขอให้พี่น้ององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมั่นใจว่าเรามีเป้าหมายเดียวกัน มีทิศทางเดียวกัน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกระทรวงมหาดไทย เราคือเพื่อนร่วมงานกัน"

นายอนุทิน กล่าวว่า ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านมาตรการความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ตนได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดท่องเที่ยว ต้องมีการประชุมเรื่องการให้ความปลอดภัยในระดับที่มีมาตรฐาน ต้องสร้างการรับรู้ ต้องทำความเข้าใจ และให้ความมั่นใจกับนักท่องเที่ยวว่าประเทศไทยมีความปลอดภัย และเราต้องทำให้เขารู้ว่าถ้าเกิดอันตรายจะต้องทำอย่างไร โดยส่งเสริมการบูรณาการกลไกอาสาสมัคร ทั้งสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ที่เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการดูแลความปลอดภัย ในเรื่องสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ หน่วยงานที่รับผิดชอบ คือกรมการปกครอง อยู่ระหว่างการยกร่างกฎกระทรวงขยายเวลาการให้บริการในพื้นที่ท่องเที่ยว โดยขั้นตอนหลังจากนี้ ในแต่ละพื้นที่ต้องมีการทำประชาพิจารณ์ (Public Hearing) แล้วรายงานมายังกรมการปกครองเพื่อรวบรวมประมวล นำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบกฎกระทรวงต่อไป ซึ่งจะเป็นโอกาส เป็นสิ่งที่ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น 

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า "กระทรวงมหาดไทยจะทำทุกอย่าง เพื่อให้เกิดโอกาสและสร้างรายได้ของประชาชนให้เพิ่มมากขึ้น พวกเราในฐานะผู้รักษากฎหมายต้องทำให้เกิดการบังคับใช้กฎหมาย ควบคุมให้มีการปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ทั้งเรื่องการห้ามพกพาอาวุธ ห้ามให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์เข้า ห้ามมีการลักลอบจำหน่ายหรือเสพยาเสพติด เน้นย้ำว่ายาเสพติด อาวุธ ค้าประเวณี ใช้แรงงานเด็ก เรื่องที่ไม่สามารถรับได้ในศีลธรรมทั่วไป ห้ามให้เกิดขึ้น รวมถึงการส่งเสริมธรรมาภิบาลในจังหวัด ต้องอย่าให้ผู้มีอิทธิพลหรือผู้มีกำลังมากกว่าไปข่มเหงผู้ที่อ่อนแอกว่า ในพื้นที่คนจะมีอิทธิพลหรือบารมีกว่าไม่ว่า แต่อย่านำไปข่มเหงพี่น้องประชาชนที่อ่อนแอ เราในฐานะเจ้าพนักงานตามกฎหมายจะไม่ปล่อยให้เกิดขึ้น"

‘อนุทิน’ แจง ‘มท.’ ร่อนหนังสือถึงครอบครัวแรงงานคนไทยในอิสราเอล ขอช่วยกันเกลี้ยกล่อมให้กลับบ้าน ยัน!! นายกฯ รับปากรัฐบาลเยียวยาเต็มที่

(29 ต.ค. 66) ที่ท้องสนามหลวง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งไปแต่ละจังหวัดให้ญาติของแรงงานไทยในอิสราเอล เกลี้ยกล่อมแรงงานให้กลับประเทศ ว่า ก็ต้องช่วยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านกรุณาสั่งการด้วยตนเอง เพราะมีความเป็นห่วงพี่น้องแรงงานชาวไทยในอิสราเอล และหลายคนก็เป็นตัวประกันด้วย ท่านคงมีความกังวลว่า ถ้าหากมีการใช้ปฏิบัติการภาคพื้นดินแล้ว จะเพิ่มความเสี่ยงให้กับพี่น้องประชาชน จึงตัดสินใจว่า อย่างไรก็ขอให้พี่น้องคนไทยได้กลับมาสู่มาตุภูมิก่อน

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ทางรัฐบาลจะเร่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้มีการทำเรื่องเสนอในการเยียวยาให้กับพี่น้องแรงงานชาวไทยในอิสราเอล เพียงแต่ขอให้กลับมาสู่ประเทศไทยให้ปลอดภัยก่อน ซึ่งนี่คือความเป็นห่วงของนายกรัฐมนตรี และท่านก็ขอให้เครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยได้ทำหนังสือไปยังแต่ละจังหวัด และเราสำรวจแล้วว่าแต่ละจังหวัด แต่ละอำเภอ มีครอบครัวผู้ใช้แรงงานอิสราเอลจำนวนเท่าไหร่ จึงช่วยกันให้ญาติๆ ชวนกันกลับมา เพื่อให้ความมั่นใจว่าเอาชีวิตปลอดภัยไว้ก่อน แล้วรัฐบาลจะเยียวยาช่วยเหลือให้มากที่สุด ย้ำว่านี่คือความประสงค์ของนายกฯ

‘MEA-PEA’ ขานรับ!! ‘ก.มหาดไทย’ ค้างค่าไฟ 3 เดือน ‘ไม่ตัดไฟ-ถอดมิเตอร์’

(9 พ.ย.66) การไฟฟ้านครหลวง (MEA) และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) สนองนโยบายกระทรวงมหาดไทย เห็นชอบให้ลดภาระและบรรเทาค่าใช้จ่ายแก่กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 บาทต่อเดือน สามารถค้างค่าไฟได้ในจำนวนเดือนที่มากขึ้น เพื่อเป็นการบรรเทาภาระประชาชน โดยมีรายละเอียด ดังนี้...

สำหรับเงื่อนไข ค้างค่าไฟ 3 เดือน นโยบายกระทรวงมหาดไทย ช่วยแบ่งเบาภาระประชาชน ได้แก่...

- เป็นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย ที่มีค่าไฟฟ้าไม่เกิน 300 บาทต่อเดือน
- MEA และ PEA ขยายระยะเวลางดจ่ายกระแสไฟฟ้า เป็นไม่เกิน 3 เดือน
- เริ่มต้นโครงการ ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2566 - พฤศจิกายน 2567

ทั้งนี้ ผู้ใช้ไฟฟ้าของ PEA สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 1129 PEA Contact Center ตลอด 24 ชั่วโมง และผู้ใช้ไฟฟ้าของ MEA ได้ที่ช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้แก่ Facebook: การไฟฟ้านครหลวง MEA, Line: MEA Connect (@MEAthailand) สัญลักษณ์โล่สีเขียวนำหน้าชื่อบัญชีทางการ X: @mea_news และศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 

‘อนุทิน’ มอบนโยบาย ‘การประปาส่วนภูมิภาค’ เดินหน้าทำ ‘น้ำประปาดื่มได้’ ลดภาระประชาชน

เมื่อวานนี้ (9 พ.ย. 66) ที่อาคารศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมามอบนโยบายกับข้าราชการในพื้นที่ และกล่าวถึงแนวทางการช่วยเหลือประชาชน ว่า ตนได้มอบนโยบาย ให้การไฟฟ้า และการประปา ทั้งส่วนของนครหลวง และภูมิภาค ช่วยเหลือประชาชน ด้วยการอย่ารีบถอดมิเตอร์ น้ำ ไฟ ให้ประชาชนได้ยืดเวลาชำระออกไปเป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ รับปฏิบัติแล้ว ตรงนี้ต้องขอขอบคุณที่เราใจตรงกัน เห็นความสุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง และเห็นความทุกข์ของประชาชน ต้องเร่งแก้ไข มาวันนี้ ตนขอมอบนโยบายเพิ่มเติมให้กับการประปาส่วนภูมิภาค

“เราต้องทำให้น้ำประปามีความสะอาดเพียงพอให้ดื่มได้ และต้องไม่มีค่าใช้จ่าย ผมขอมอบนโยบายนี้ให้กับการประปาส่วนภูมิภาค ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถในการบริหารจัดการ หาทางออกอย่างเหมาะสม เราอย่าลืมว่า บางคนเต็มใจซื้อน้ำดื่ม ขวดละ 10-20 บาท ไม่ใช่ปัญหา แต่กับอีกหลายล้านคน นี่คือภาระค่าใช้จ่าย เขาไม่ได้มีเงินมากมายนัก และอะไรที่ภาครัฐช่วยได้ ก็ควรจะหาทางช่วย หน้าที่ของเรา ชาวกระทรวงมหาดไทย คือบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สิ่งที่เราพอทำได้เพื่อให้ถึงเป้าหมายนั้น เราต้องรีบทำ” รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าว

‘อนุทิน’ ยก ‘แก้จน’ เป็นวาระแห่งชาติ ขจัดปัญหาปากท้องคนไทย ชี้!! ไม่ใช่ทำให้ทุกคนรวย แต่ ปชช.ต้องพ้นทุกข์-คุณภาพชีวิตดีขึ้น

(20 พ.ย. 66) ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่องวาระแห่งชาติ ‘นโยบายแก้จนของประเทศ’ ในงานสัมมนาเรื่องการแก้ปัญหาความยากจน วิถีความสำเร็จและความเป็นอยู่ที่ดี จัดโดยคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำวุฒิสภา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตอนหนึ่งว่า นโยบายแก้จน ต้องเป็นวาระแห่งชาติ ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ที่ผ่านมาในการหาเสียงไม่มีรัฐบาลใดไม่คิดแก้ปัญหาความยากจน ดังนั้น เมื่อประกาศเป็นวาระแห่งชาติแล้วต้องแก้ไขให้ได้ ไม่ใช่ให้เป็นวาระที่ต้องทำแบบถาวร เมื่อตนมีโอกาสทำงานที่กระทรวงมหาดไทย ต้องทำทุกอย่างเพื่อกำจัดความยากจน และเป็นภารกิจและวาระแรกของตนที่ตั้งใจจะทำ

“ถ้าตั้งใจแก้ปัญหา โดยให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทำปัญหาปากท้องให้ดีขึ้นเยอะๆ เมื่อมีคนพูดว่ามาแก้ความจน ผมก็ท้อ เพราะต้องแก้ทุกอย่างจะแก้ได้อย่างไร มีแค่พูดกันไป โยนกันมา แต่ผมมองว่าการแก้ปัญหาความยากจน ไม่ใช่ให้ทุกคนรวย เพราะความรวยมีหลายระดับ แต่ต้องทำให้ประชาชนพ้นทุกข์ขั้นพื้นฐาน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พ้นความลำบาก ซึ่งนโยบายแก้จนของประเทศไทยต้องเป็นวาระแห่งชาติ โดยสนับสนุนสวัสดิการด้านต่างๆ ยกระดับการศึกษา เพิ่มรายได้ด้วยนวัตกรรมที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย ผมเชื่อว่าจะสามารถลดความเหลื่อมล้ำ ความยากจน และพัฒนาให้เติบโตที่ยั่งยืนได้” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า กระทรวงมหาดไทยพร้อมสนับสนุนภารกิจต่างๆ รวมถึงนโยบายที่จะแก้ปัญหาตามอำนาจและหน้าที่ โดยตนขอให้สัญญาประชาคม และยืนยันความพร้อมทำเรื่องดังกล่าวให้สำเร็จ ทั้งนี้ แผนการทำงานนอกจากต้องสนับสนุนเรื่องปัจจัย 4 ให้ประชาชนแล้ว ยังต้องเติมเต็มปัจจัยที่ 5 คือการศึกษาของเยาวชนที่มีคุณภาพ ขณะเดียวกันต้องหาทางลดรายจ่ายของประชาชน เช่น สนับสนุนให้น้ำประปาดื่มได้ เพื่อประชาชนไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อน้ำบริโภค นอกจากนั้นแล้วตนยังมองในประเด็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการอพยพย้ายถิ่นที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเปิดกว้างให้ประชากรคุณภาพจากต่างชาติเข้ามาในประเทศ

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า สำนักสถิติระบุว่า ประชาชนที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมมีมากที่สุดและเป็นผู้ที่มีรายได้น้อยที่สุด ดังนั้น การแก้ปัญหา คือ การหาที่ดินทำกินและพัฒนาแหล่งน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่เกษตรกรรม โดยตนฐานรองนายกฯ ที่ดูแลกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมจะใช้นวัตกรรมเพื่อใช้การบริหารจัดการน้ำ อีกทั้งต้องทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย

“ผมกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ถือเป็นเพื่อร่วมรุ่นกันที่มีสายสัมพันธ์ ได้พูดคุยกันและมีแนวคิดแนวทางเดียวกัน ซึ่งจะใช้เวลาเท่ากับอายุของรัฐบาลนี้ ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์มากที่สุด ผมอาจจะขอเยอะ อาจจำเป็นต้องแลกกัน ทั้งงบประมาณที่ใช้ หรือโครงการที่ใช้ ผมจะใช้ความสัมพันธ์เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและบ้านเมือง” นายอนุทิน กล่าว

‘มท.’ จ่อห้ามออกใบอนุญาตพกปืนแบบ ป.12 เป็นเวลา 1 ปี หวังลดปัญหาอาชญากรรม พิทักษ์ความสงบของบ้านเมือง

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 66 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันได้ปรากฎปัญหาเด็ก เยาวชน และบุคคลที่ประสงค์ร้ายต่อสังคม สามารถเข้าถึงอาวุธปืนหรือสิ่งเทียมอาวุธปืนที่ดัดแปลงเป็นอาวุธ เช่น แบลงค์กัน (Blank Gun) ได้โดยง่าย รวมถึงมีการพกอาวุธปืนทั้งที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย อาวุธปืนที่ผิดกฎหมาย ตลอดจนสิ่งเทียมอาวุธปืนดังกล่าว ไปในที่สาธารณะและใช้ก่ออาชญากรรม ส่งผลอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ส่งผลกระทบด้านความสงบเรียบร้อยของสังคม เศรษฐกิจ การท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศตามที่ปรากฏตามสื่อสารมวลชนในหลายกรณี เพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน และความปลอดภัยสาธารณะ ลดอาชญากรรม และควบคุมสถานการณ์บ้านเมืองให้เป็นปกติ

กระทรวงมหาดไทยจึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้ไฟ และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ยกร่างคำสั่งนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เรื่องห้ามออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว (แบบ ป.12) เป็นการชั่วคราว โดยมีสาระสำคัญเป็นการห้ามออกใบอนุญาตแบบ ป.12 เป็นเวลา 1 ปี

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ได้ลงนามในคำสั่งฯ แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างนำเสนอให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลังลงนาม ก่อนเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับในวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

อย่างไรก็ตาม คำสั่งฯ จะไม่มีผลบังคับกับเจ้าหน้าที่ หรือบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้พกอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ ซึ่งอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ อาทิ เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน เช่น ทหารตำรวจ ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ประชาชนซึ่งอยู่ระหว่างการช่วยเหลือราชการ และมีเหตุจำเป็นต้องมีและใช้อาวุธตามกฎหมาย

‘รัฐบาล’ ชวนประชาชนเที่ยวงาน ‘OTOP City 2023’ กระตุ้นเศรษฐกิจ ชม-ชิม-ชอป สินค้าฝีมือคนไทย 16-24 ธค.นี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี

(22 พ.ย. 66) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรมการพัฒนาขุมชน กระทรวงมหาดไทย กำหนดจัดงาน OTOP City 2023 เพื่อจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ และสร้างรายได้ให้กับชุมชน รวมถึงเพื่อประชาสัมพันธ์การดำเนินงานโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ตลอดจนเพื่อสร้างการเรียนรู้แนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

นายคารม กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย กำหนดเป้าหมายในการจัดงาน คือ ผู้ผลิตผู้ประกอบการ OTOP พี่ผ่านการคัดสรรสุดยอดหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ปีพ.ศ 2565 ระดับ 3-5 ดาวจาก 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานคร และผู้ประกอบการ OTOP ชวนชิม เข้าร่วมจำหน่ายไม่น้อยกว่า 2,000 กลุ่ม/ราย และสามารถสร้างงาน สร้างรายได้ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท สำหรับรูปแบบการจัดงานในครั้งนี้ จะมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP ระดับ 3-5 ดาว และอาหารชวนชิม กิจกรรมส่งเสริมการขายและการบริการ กิจกรรม Highlight ได้แก่ ศิลปิน OTOP นำเสนอผลงานที่มีอัตลักษณ์บ่งบอกถึงภูมิปัญญาอันทรงคุณค่า ผ้าไทยใส่ให้สนุก ตลาดกลางเส้นไหมและเส้นใยธรรมชาติ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี OTOP Trader และหมู่บ้านคนรักษ์ช้าง

นายคารม กล่าวว่า รัฐบาลขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมสนับสนุนสินค้าจากผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ชม ชิม ช้อป และร่วมภาคภูมิใจไปกับสุดยอดสินค้า OTOP ทั่วไทย ที่สุดแห่งภูมิปัญญา ตั้งแต่ระหว่างวันที่ 16 - 24 ธันวาคม 2566 ที่อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างโอกาส สร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศไทย มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top