Monday, 1 July 2024
กระทรวงมหาดไทย

‘อนุพงษ์’ ยัน!! เบี้ยผู้สูงอายุตอนนี้ยังเหมือนเดิม เชื่อ ระเบียบใหม่ช่วย ปชช.ได้ประโยชน์ทั่วถึงมากขึ้น

(15 ส.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับเกณฑ์เบี้ยผู้สูงอายุ ว่า การจ่ายเดิมทางกรมบัญชีกลางเห็นว่าผู้ที่มีรายได้อื่นๆ เช่น บำนาญ คงจะรับเงินไม่ได้ต้องเรียกคืน และในที่สุดก็มีปัญหา จนรัฐบาลต้องจ่ายเงินคืนให้ จากนั้นได้มีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่ง พม.ได้ส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตีความ โดยกฤษฎีกาตีความว่าระเบียบที่ออกนี้ ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ว่า ประชาชนจะต้องมีรายได้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ โดยเฉพาะผู้ยากไร้ รัฐบาลต้องช่วยเหลือ เพราะฉะนั้นการที่กำหนดว่าจะให้ใครตามระเบียบเดิมไม่ได้แล้ว จึงเป็นที่มาของการออกระเบียบใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า แต่อย่างไรก็ตามการจะให้นี้ต้องทั่วถึงและเป็นธรรม โดยจะมีคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติเป็นผู้กำหนดว่าจะทำอย่างไรถึงจะเป็นธรรม ถ้าจะให้ทั่วถึงจ่ายทุกคนก็ได้ หรือจะไปกำหนดกลุ่ม คนที่มีรายได้มากอาจจะไม่ต้องจ่ายก็ได้ ซึ่งระเบียบนี้ก็เปิดทางไว้ อย่างไรก็ตามถ้าคณะกรรมการผู้สูงอายุยังไม่กำหนด ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็จ่ายแบบเดิมได้ ทั้งผู้ที่ได้รับอยู่แล้วและผู้ที่จะอายุครบ 60 ปีใหม่ สามารถจ่ายตามเกณฑ์เดิมได้

เมื่อถามว่า จะรอให้คณะกรรมการผู้สูงอายุพิจารณาก่อนใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า แล้วแต่คณะกรรมการจะพิจารณาอย่างไร แต่รัฐบาลชุดนี้ไม่มีอำนาจที่จะไปทำ เพราะมันคงผูกพันกับรัฐบาลใหม่แล้ว เนื่องจากใช้งบประมาณมาก อย่างไรก็ตามเรื่องนี้รัฐบาลได้ทำหนทางไว้หมดแล้ว รัฐบาลใหม่มาจะทำอย่างไรก็สามารถทำได้หมด ดังนั้นตอนนี้ผู้สูงอายุเดิมรับเงินอย่างไรก็รับไปตามเดิม ผู้สูงอายุใหม่ก็สามารถรับได้ตามเกณฑ์เดิม ตราบใดที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

เมื่อถามว่า ตอนนี้ประชาชนยังไม่ต้องกังวลใจในเรื่องนี้ใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ต้องกังวล และถ้าตนมองในตอนนี้ประชาชนจะได้ประโยชน์ทั่วถึงตามรัฐธรรมนูญ เป็นธรรม และมีรายได้เพียงพอต่อการดำเนินชีวิต หนทางเราเตรียมไว้ให้แล้ว ออกทางไหนก็ได้ แต่ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้

'มท.1' ขึงขัง!! สั่ง 'พ่อเมือง' ทำแบล็กลิสต์ 'ผู้มีอิทธิพล' หลังเกิดเหตุ 'กำนันดังนครปฐม' ลั่น!! จะปล่อยให้เกิดขึ้นอีกไม่ได้

(8 ก.ย.66) ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กทม. มีการประชุมขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พร้อมด้วยนางทรงศักดิ์ ทองศรี นายชาดาไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย เป็นประธาน เข้าร่วมพบปะผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศที่มาเข้าร่วมการประชุม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง

นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการประชุมขับเคลื่อนฯว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดนครปฐม ที่คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนเป็นเหตุให้มีเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 1 ราย เหตุเกิดในพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ที่บ้านกำนันดัง นั้น ทุกคนก็เห็นและทราบดีว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น ต้องช่วยกันคิดว่าทำอย่างไรไม่ให้มีระบบเช่นนี้มาทำร้ายชีวิต ทำลายความเป็นอยู่ของประชาชน ลูกน้องผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งถือปืนเข้ามาสังหารประชาชนชาวบ้านหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐ สิ่งเหล่านี้ภายใต้ความเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะพ่อเมืองจะปล่อยให้เกิดขึ้นอีกไม่ได้เราต้องไปดูว่า คนเหล่านี้เข้ามาเป็นกำนัน มาเป็นหัวหน้าผู้นำมวลชนได้อย่างไร และจะปล่อยให้มวลชนเดินตามสไตล์คนเหล่านี้แล้วชุมชนและประเทศจะเป็นอย่างไร

“เรื่องเหล่านี้ภายใต้การบริหารงานของพ่อเมืองจะยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศของเราหรือ เราต้องไปดู ไปขึ้นบัญชี ไปดูประวัติและดูพฤติกรรม ใครที่มีพฤติกรรมเยี่ยงนี้ จะมาเป็นผู้นำมวลชนไม่ได้ มีที่เดียวที่คนเหล่านี้จะอยู่ได้ซึ่งสมัยก่อนอยู่ในสังกัดของกระทรวงมหาดไทยแต่ตอนนี้อยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมแล้ว เราต้องส่งไปอยู่ตรงนั้น ซึ่งปลายทางเขายินดีที่จะรับคนเหล่านี้ ไม่ให้ออกมารบกวนวิถีชีวิตของประชาชนคนไทยที่เรารักสงบและมีแต่ความร่มเย็น” รมว.มหาดไทย กล่าว

‘อนุทิน’ เชื่อมือ ‘ชาดา’ ปราบผู้มีอิทธิพลได้ พร้อมเผย บัญชีมาเฟียมีความคืบหน้าแล้ว

(11 ก.ย. 66) ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงการปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพลและมาเฟีย ว่า ตนมอบหมาย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทยไปแล้ว ซึ่งความคืบหน้าการดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.นี้ ตนก็จะมีอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มที่ เพราะเมื่อนายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายจบ เราก็จะเริ่มทำงานได้เต็มตัว

เมื่อถามว่า จะมั่นใจว่านายชาดาจะจัดการบริหารเรื่องนี้ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ต้องมั่นใจเพราะทุกคนมีระยะทดลองงาน

เมื่อถามว่า ตั้งกรอบระยะเวลาการทำงานไว้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า งานและปัญหาประชาชนมีอยู่ตลอดเวลา เราจะไปตั้งกรอบเวลามันไม่เกิดประโยชน์ เราต้องแก้ปัญหาไปทุกวันๆ

เมื่อถามกรณี ความคืบหน้าการสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดจัดทำบัญชีผู้มีอิทธิพล นายอนุทิน กล่าวว่า ก็คืบหน้าไปเรื่อยๆ และตอนนี้ได้มอบหมายนายชาดาไปแล้ว

เมื่อถามว่า การอภิปรายในสภาฯ เป็นอย่างไรบ้าง หากเทียบกับบรรยากาศการอภิปรายในอดีตที่ผ่านมา นายอนุทิน กล่าวว่า นายกฯ พูดถึงเนื้อหาได้ดี

เมื่อถามว่า คิดว่าจะนำเงินงบประมาณมาจากไหนเพื่อผลักดันนโยบายต่างๆ นายอนุทิน กล่าวว่า นโยบายอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน เราก็จะหาเงินก้อนนั้นมาให้ได้

'ชาดา' เดินหน้าปราบผู้มีอิทธิพล เร่งทำบัญชีแยกสีแดงเหลือง  วอน!! ให้เวลา 'เจ้าหน้าที่' ทำงาน ขอทุกคนใจเย็นๆ

(18 ก.ย. 66) ที่ รร.รามาการ์เดนส์ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการขึ้นทะเบียนผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ทั่วประเทศว่า ขณะนี้ได้ตั้งกรรมการโดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทยเป็นประธาน ตนเป็นรองประธาน และมีปลัดกระทรวงเป็นคณะกรรมการ โดยจะมีการรวบรวมรายชื่อผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศก่อน และตรวจสอบดูว่ายังมีอิทธิพลอยู่หรือไม่ และมาตรวจสอบว่าในพื้นที่มีผู้มีอิทธิพลรายใหม่เกิดขึ้นหรือไม่ โดยจะแบ่งพื้นที่เป็นสีแดงและสีเหลืองเพื่อทำข้อมูลใหม่ โดยจะเน้นย้ำถึงความเป็นธรรมกับผู้ที่ไม่ได้มีอิทธิพล ทั้งนี้ คดีของกำนันนก ทำให้ต้องตรวจสอบกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและนักการเมืองท้องถิ่นทั่วประเทศก่อน

“ผู้มีอิทธิพลที่พฤติกรรมไม่ดีมีหลายรูปแบบ บางคนไม่ได้มีตำแหน่งแต่มีอิทธิพล แต่บางคนมีอิทธิพลมากถึงขั้นแต่งตั้งนักการเมืองได้ ก็จะต้องตรวจสอบไปตามขั้นตอน ขอให้ทุกคนใจเย็นๆ” นายชาดา กล่าว

เมื่อถามว่าการตรวจสอบผู้มีอิทธิพลในจ.อุทัยธานี เป็นอย่างไร? นายชาดา กล่าวว่า จบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีการแบ่งพื้นที่เป็นสีแดงและสีเหลืองเรียบร้อย โดยสีแดงนั้นมีน้อยมาก เมื่อถามต่อว่า ในพื้นที่จ.นครปฐมจะเป็นจุดต่อไปที่จะเข้าไปตรวจสอบหรือไม่ นายชาดา กล่าวว่า ตรวจพร้อมกันทั่วประเทศทั้งหมด ส่วนจะมีการเปิดรายชื่อผู้มีอิทธิพลหรือไม่นั้น ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ เนื่องจากกฎหมายไม่เหมือนสมัยก่อน เพราะมีกฎหมายป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล หากมีรายชื่อหลุดไปอาจจะถูกฟ้องร้องได้

เมื่อถามถึงการตั้งกรอบระยะเวลาการทำบัญชีสีแดงและสีเหลือง? นายชาดา กล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่จ.อุทัยธานีเสร็จเรียบร้อยแล้ว และในหลายจังหวัดก็จบแล้ว การทำงานไม่ได้อยู่ที่กระทรวงมหาดไทยอย่างเดียว แต่มีกระทรวงอื่นมาร่วมทำงานด้วยเบื้องต้นสามารถรวบรวมข้อมูลได้ 20-30% แล้ว ซึ่งตนเองจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ขออย่าไปบีบเจ้าหน้าที่ให้เร่งทำงาน

เมื่อถามว่ากังวลไหมว่าผู้มีอิทธิพลจะเข้ามาแทรกแซง? นายชาดา ย้อนถามกลับว่า “ใครจะมาใหญ่กว่าผม” พร้อมหัวเราะแล้วบอกว่า “ผมตัวใหญ่” 

‘ชัชชาติ’ นำทัพผู้บริหารกทม. เข้าพบ ‘อนุทิน’ เพื่อแสดงความยินดี พร้อมรับมอบนโยบายต่อ

(19 ก.ย.66) ที่กระทรวงมหาดไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นำคณะผู้บริหารกทม. เดินทางเข้าพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสรับตำแหน่ง โดยนำพวงมาลัยดอกไม้ มาแสดงความยินดีกับนายอนุทิน ในโอกาสรับตำแหน่งรมว.มหาดไทย พร้อมรายงานการทำงานของ กทม.และรับมอบนโยบายการโดยมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้บริหารกระทรวง ร่วมหารือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการพบกันเป็นไปอย่างชื่นมื่น เป็นกันเอง โดยนายอนุทิน ได้ทักทายนายชัชชาติ พร้อมกล่าวหยอกล้อและหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ว่า "เมื่อวานนายชัชชาติ เข้าพบกับนายกฯ เป็นแบบพี่น้องกัน แต่วันนี้มาพบแบบเป็นเพื่อนกัน เพราะเป็นเพื่อนเรียนกันมา จากนั้นทั้งคู่จะชนหมัด ก่อนที่นายชัชชาติ บอกว่าจับมือดีกว่า เดี๋ยวจะไปเหมือนกับนายกรัฐมนตรี จึงได้เปลี่ยนมาจับมือแสดงความยินดีแทน โดยนายอนุทิน ได้มอบพระพุทธรูปปางลีลา เป็นที่ระลึกให้แก่นายชัชชาติ

จากนั้น นายอนุทิน ได้แนะนำคณะทำงาน อาทิ นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ที่ย้ายมารับตำแหน่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ทำให้นายชัชชาติ ระบุว่า ดีเลย จะได้ประสานทำงานกันอย่างเข้มข้น และที่ผ่านมากทม.ก็ประสานการทำงานกับหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงมหาดไทย ได้เป็นอย่างดี จากนี้จะได้เดินหน้าทำงานต่อไป ทั้งนี้ใช้เวลาหารือ ประมาณ 30 นาที 

'ชาดา' ยินดีช่วย 'ศุภมาส' แก้ปัญหา 'รับน้องโหด-เด็กช่างตีกัน' ลั่น!! พร้อมลุย เปลี่ยนทัศนคติ วัยรุ่นอยากหล่อในทางที่ผิด

(20 ก.ย.66) ที่รัฐสภา นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เตรียมประสานขอให้ช่วยแก้ปัญหารับน้องโหดในมหาวิทยาลัย และปัญหานักเรียนอาชีวะตีกัน ว่า...

ต้องรอทาง รมว.อุดมศึกษาฯ ประสานมา ตนยินดีที่จะไปช่วยเต็มที่ เรื่องไปหาวัยรุ่นตนชอบอยู่แล้ว เพราะคุยภาษาเดียวกัน สมัยยุค 14 ตุลา 16 ตนก็เป็นเด็กขึ้นมาเรียนกรุงเทพฯ ก็เคยตีกับเขาเหมือนกัน เราก็รู้ก็เข้าใจเด็ก บางทีเด็กอยากหล่อ แต่หล่อในทางที่ผิด ก็ต้องไปพูดคุยทำความเข้าใจว่ามันมีวิธีการหล่อๆ ที่ดีๆ อีกมากมาย 

"เราก็เคยเป็นวัยรุ่นมาก่อน ไม่ใช่ว่าตอนที่เราเป็นวัยรุ่นเราทำ พออายุมากไม่ใช่มาห้ามเขา เหมือนไปห้ามตัวเองตอนเป็นวัยรุ่น" นายชาดา กล่าว

นิพนธ์ และ ครอบครัวบุญญามณี รับโล่ประกาศเกียรติคุณ เนื่องในวันมหิดล ประจำปี 2566 ในนามผู้สมทบทุนบริจาคฯและสนับสนุน คณะแพทยศาสตร์ รพ.สงขลานครินทร์(ม.อ.)

วันที่ 22 กันยายน 2566 ที่ห้องประชุมชั้น 14 อาคารเฉลิมพระบารมี โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนางกัลยา บุญญามณี ภริยา ร่วมพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ผู้อุปการคุณมูลนิธิโรงพยาบาลสงขลานครินทร์(ม.อ.) โดยภายในมีการแสดงวีดิทัศน์ "พระราชประวัติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชกรม พระบรมราชชนก" และวีดิทัศน์ "ภารกิจของมูลนิธิโรงพยาบาลสงขลานครินทร์" มอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ผู้อุปการคุณมูลนิธิโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เนื่องในวันมหิดล ประจำปี 2566

ทั้งนี้ ครอบครัวบุญญามณี ได้ร่วมสมทบทุนบริจาคร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย การบริจาคสมทบทุนก่อสร้างศูนย์ผ่าตัดหัวใจรัฐบุรุษ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ สมทบทุนก่อสร้างอาคารเย็นศิระ 3 ที่จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักของผู้ป่วยและญาติที่ขาดแคลนทุนทรัพย์จากต่างจังหวัด ที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ตามแนวพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ผ่านมูลนิธิรพ.สงขลานครินทร์ และสมทบทุนโครงการก่อสร้างอาคาร “เกิดมาต้องตอบ แทนบุญคุณแผ่นดิน” ซึ่งจะเปิดเป็นศูนย์บริจาคอวัยวะ 99 ปี รัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ 

นอกจากนี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงมหาดไทย ได้ประสานขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน 604 ล้านบาท ในวงเงินก่อสร้าง 1,499 ล้านบาท ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี เพื่อก่อสร้างอาคารศูนย์ความเป็นเลิศและรองรับโรคอุบัติใหม่ อุบัติซ้ำ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อีกด้วย 

‘ปลัด มท.’ ปลื้ม!! งาน ‘OTOP Midyear 2023’ วันแรก สุดคึกคัก!! ชวนชม-ชิม-ช้อปสินค้าคัดสรรจากทุกภูมิภาค คาด เงินสะพัด 50 ลบ.

ปลัด มท.ปลื้ม วันแรกของการจัดงาน ‘OTOP Midyear 2023’ เงินสะพัดกว่า 50 ล้านบาท พร้อมเชิญชวนพี่น้องประชาชน ร่วมเที่ยวงาน ‘OTOP Midyear 2023’ พบกับความหลากหลายของสินค้าที่คัดสรรจากทั่วทุกภูมิภาคของไทย มาให้ ชม ชิม ช้อป กันอย่างจุใจ ได้จนถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2566

( 24ก.ย. 66) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึง ตัวเลขการจัดจำหน่ายสินค้าภายในงาน ‘OTOP Midyear 2023’ ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 23 กันยายน ไปจนถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ซึ่งวันนี้ถือเป็นวันแรกของการจัดงาน พบมีผู้เข้าชมงานรวมทั้งสิ้น 15,966 คน และมียอดการจำหน่ายและสั่งซื้อสินค้า รวมทั้งสิ้น 50,803,466 บาท แบ่งเป็น ยอดจำหน่าย 48,289,471 บาท และยอดสั่งซื้อ 2,513,995 บาท โดยคาดหวังว่าการจัดงานในครั้งนี้ จะเป็นโอกาสที่ดีที่ประเทศไทย จะได้แสดงให้ชาวไทยและชาวต่างชาติได้เห็นถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP และช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ตลอดจนสมาชิกกลุ่มต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า OTOP และผลิตภัณฑ์ของชุมชน ทำให้พี่น้องประชาชนสามารถเลือกซื้อสินค้าชุมชนที่ดีที่สุดที่เป็นผลิตภัณฑ์จากชุมชนที่มีคุณค่าจากฝีมือคนไทย ทั้งยังกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้น

นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลน้อมนำพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้านศิลปาชีพ มากำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจฐานรากเพื่อเพิ่มพูนรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน โดยมอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ดำเนินการผ่านโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญที่สามารถกระจายรายได้ไปสู่พื้นที่ชนบทได้อย่างแท้จริง กิจกรรมสำคัญภายใต้โครงการดังกล่าว ประกอบด้วย การพัฒนาศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP การพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP การส่งเสริมชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี และการส่งเสริมช่องทางการตลาด

โดยกำหนดให้มีการจัดงานแสดงและจำหน่ายทั้งระดับจังหวัด ระดับภูมิภาค และระดับประเทศ โดยการจัดงาน OTOP Midyear 2023 จัดขึ้นเป็นปีที่ 17 ภายใต้ธีมงาน “ที่สุดแห่งภูมิปัญญา รังสรรค์จากการพัฒนา เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย” เป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่มีความล้ำค่าจากฝีมือคนไทยที่สะท้อนภูมิปัญญาและความสามารถของคนไทยอย่างชัดเจน รวมถึงมีการสร้างบรรยากาศภายในงานจากเอกลักษณ์ของภูมิปัญญาที่แสดงความเป็นท้องถิ่นไทยในแต่ละภูมิภาค ผสมผสานกับสีสันส่งท้ายปีที่สร้างความคึกคัก เต็มไปด้วยความสนุกสนานของกิจกรรม และของรางวัลมากมาย

และในปีนี้มีผู้ประกอบการร้านค้าร่วมจำหน่ายในงานทั้งสิ้น 1,670 ราย และมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก โดยภายในงานมีกิจกรรมที่มีความหลากหลาย ประกอบด้วย โซนนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โซน OTOP Trader จังหวัดและประเทศไทย จัดสรรพื้นที่ในรูปแบบ Open Area เพื่อจัดแสดงผลงานและจัดหาช่องทางทางการตลาดให้แก่สินค้า OTOP ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ โซนแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP 3 – 5 ดาว ที่ผ่านการคัดสรรรสุดยอดหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย ประจำปี พ.ศ. 2565 กว่า 1,200 บูธ และโซนโอทอปชวนซิม มากกว่า 160 ร้านค้าทั่วประเทศ

สำหรับไฮไลต์สำคัญของงานนี้ คือ โซนศิลปิน OTOP จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากศิลปิน OTOP กว่า 40 ราย ที่อนุรักษ์และสืบทอดภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น โซนชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี โซนผ้าไทยใส่ให้สนุกและ First Lady โซนพิเศษภายในงานอีกมากมาย อาทิ โซน Health & SPA ที่ได้สร้างสรรค์พื้นที่ภายในงานให้ทุกท่านได้พักผ่อนหย่อนใจไปกับบรรยากาศที่ผ่อนคลายสไตล์สปาไทย พร้อมกับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรคุณภาพดีให้ได้เลือกช้อป

นอกจากนี้ ยังมีมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินนักร้องชื่อดังมาร่วมสร้างความบันเทิงอย่างคับคั่ง ได้แก่ แช่ม แช่มรัมย์ นนทิยา จิวบางป่า รัชนก ศรีโลพันธุ์ ลำยอง หนองหินห่าว ไรอัล ไมค์หมดหนี้ ตรี ชัยณรงค์ เต๋า ภูศิลป์ หญิง ธิติกานต์ และป๊อป ปองกูล รวมถึงการจับสลากรางวัลชิงโชค ไม่น้อยกว่า 20 รางวัล และในวันสุดท้ายของการจัดงานร่วมลุ้นรับรางวัลใหญ่ทองคำ มูลค่ากว่า 200,000 บาท

นายสุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ถือเป็นวันแรกของการจัดงาน พบว่ามียอดการจำหน่ายและสั่งซื้อสินค้า รวมทั้งสิ้น 50,803,466 บาท แบ่งเป็น ยอดจำหน่าย 48,289,471 บาท และยอดสั่งซื้อ 2,513,995 บาท โดยมีผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายได้สูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1) เครื่องประดับเงิน (Buddlaya) จ.สระแก้ว 3,820,000 บาท 2) ชุดเครื่องประดับงาช้าง (ศิริพรเครื่องประดับงาช้าง) จ.สุรินทร์ 2,950,000 บาท 3) ทองสุโขทัย (นางสมสมัย เขาเหิน) จ.สุโขทัย 966,400 บาท 4) ชุดผีเสื้อนพเก้า (นายจารุเดช เครือปัญญา) จ.ปทุมธานี 760,000 บาท และ 5) ทับทิมรวงข้าว (ร้านมณีแดงทับทิมไทย) จ.จันทบุรี 655,000 บาท

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรม "ที่สุดแห่งภูมิปัญญา รังสรรค์จากการพัฒนา เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย" แฟนพันธุ์แท้ OTOP ยังคงช้อปได้อย่างสนุกสนาน ซึ่งภายในงานมีหลายโซนนำสินค้ามาจำหน่ายในราคาพิเศษเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้จับจ่าย... ยิ่งช้อปยิ่งได้! เมื่อช้อปปิ้งครบทุก ๆ 500 บาท สามารถแลกคูปอง 1 ใบ ส่งชิงโชคจับสลาก วันละ 2 รอบ (รอบแรก 13.00 น. และรอบที่สอง เวลา 19.00 น.) โดยจะมอบรางวัลให้ผู้โชคดี รอบละ 10 ท่าน ทั้งนี้ ผู้ได้รับรางวัลสามารถแสดงตัวพร้อมหลักฐานติดต่อรับรางวัลได้ข้างเวทีการแสดง และสามารถแลกของรางวัลได้ตั้งแต่จนถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2566

ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกท่านร่วมสนับสนุนสินค้าจากผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ในงาน OTOP Midyear 2023 พร้อมพบกับความหลากหลายของสินค้าที่คัดสรรจากทั่วทุกภูมิภาคของไทยมาให้ ชม ชิม ช้อป กันอย่างจุใจ

โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 กันยายน – 1 ตุลาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00 - 21.00 น. ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 – 3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสนับสนุนในการสร้างโอกาส สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ ให้พี่น้องผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และสามารถติดตามข่าวสารและรับชมการถ่ายทอดสดบรรยากาศและกิจกรรมภายในงานได้ทาง Facebook Fanpage : กรมการพัฒนาชุมชน หรือ ‘OTOP TODAY OTOP Midyear 2023’

'มท.1' เชื่อมือ 'ชาดา' มอบดาบหัวเรือใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการ 'ขจัดมาเฟีย-กำชับเข้มกฎหมาย' ดูแลปชช.อย่าให้ถูกรังแก

(25 ก.ย. 66) ที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เขตดุสิต กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ตรวจเยี่ยม และเป็นประธานมอบนโยบายการขับเคลื่อนงานกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และการกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ โดยมี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ร่วมมอบนโยบาย พร้อมด้วย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเข้าร่วม มีการมอบนโยบายไปยังในพื้นที่ ได้แก่ ท้องถิ่นจังหวัดทั่วประเทศทั้ง 76 จังหวัด นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และคณะผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 7,849 แห่ง ร่วมรับฟัง

โดย นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่ง โดยเน้นย้ำถึงนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย 10 ด้าน และการปฏิบัติหน้าที่ของทีมกระทรวงมหาดไทย คือ ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที โดยเฉพาะนโยบายจัดระเบียบสังคม และปราบปรามผู้มีอิทธิพล ที่ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพลขึ้นมา มีตนเป็นประธาน และนายชาดา รมช.มหาดไทย เป็นรองประธาน แต่เรื่องนี้นายชาดา จะถือเป็นผู้นำในฝ่ายปฏิบัติการ หรือ COO (Chief Operation Ofiicer) ถือว่าใช้คนถูกกับงาน มีความเข้าใจ สามารถขอความร่วมมือให้สิ่งเหล่านี้ลดลงไปจากสังคมไทยได้ มั่นใจว่านายชาดา และผู้ร่วมมือทุกคน จะทำให้เรื่องนี้เบาบางลงไป ไม่ให้เป็นที่ตื่นตระหนก หรือทำความเครียด ความรุนแรงต่อประชาชน

นายอนุทิน กล่าวว่า ดังนั้น กรมส่งเสริมฯ มีหน้าที่ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) ในพื้นที่ คอยติดตามตรวจสอบดูแลอย่าให้มีการข่มเหงรังแกประชาชน โดยเฉพาะการประมูลงานตามท้องถิ่น การเรียกทรัพย์สินหรือเรียกประโยชน์ต่างๆ เราได้เห็นมาแล้ว กรณีนายกอบต.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ ตนก็ตกใจว่าทำไมถึงกล้าขนาดนี้ ระดับนายกอบต.รับเองเลย พอตำรวจมารีบเอาเงินวางกับพื้นแล้วบอกตัวเองไม่ได้ถือเงิน แต่ไม่รู้ว่าวงจรปิดเต็มไปหมด

"ตรงนี้เป็นปลายเหตุ แต่ต้นเหตุคือทำอย่างไรไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ต้องของคุณปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ที่ได้ดำเนินการฉับไว เร่งด่วน ต้องทำให้เห็นว่าเราไม่ประณีประนอมกับผู้ที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง รังแกประชาชน เพราะพวกนี้จะได้ใจ คนไม่ดี คนทำผิด คนไม่เคารพกฎหมาย คนที่ใช้อิทธิพลนอกกฎหมาย ต้องไม่มีวันชนะคนถือกฎหมาย เราต้องมั่นใจก่อนในอำนาจที่เราถือกฎหมายไปบังคับให้คนไม่ทำผิด เราแพ้ไม่ได้ ดังนั้น คนที่อยู่นอกกฎหมายจะชนะคนถือกฎหมายไม่ได้" นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ตั้งแต่ตนเข้ามา 2 - 3 สัปดาห์ ได้รับความร่วมมือจากข้าราชการกระทรวงมหาดไทยเป็นอย่างดี ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องมาต้อนรับตน ตนไปไหนแบบสบายๆ เงียบๆ เพราะถ้าตนต้องการให้ดูแลตนจะแจ้ง ตนไม่มีไปแอบตรวจแล้วกลับมาหาเรื่อง ขอให้มั่นใจว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดกับทีมของตน และทีม รมช.มหาดไทย ขอให้สบายใจได้

‘เกรียง-สมคิด’ ลงพื้นที่ตามติดการกู้ขบวนรถไฟตกรางที่แพร่  เผย เย็นนี้กู้ขบวนรถไฟได้หมด-พร้อมเปิดให้บริการตามปกติ

(1 ต.ค. 66) นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อม นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และคณะ เดินทางลงพื้นที่ติดตามการกู้ขบวนรถไฟจากเหตุรถไฟด่วนพิเศษขบวนที่ 13 กรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่ตกราง เนื่องจากเกิดน้ำท่วมราง เกิดน้ำป่าทะลัก ดินสไลด์ ระหว่างสถานีแก่งหลวงถึงสถานีบ้านปิน อำเภอรอง จังหวัดแพร่ ซึ่งจากการสอบถามเบื้องต้นเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่ได้เร่งกู้ขบวนรถได้แล้ว 1 ขบวน และและคาดว่าภายในเย็นวันที่ 1 ต.ค.นี้จะสามารถเก็บกู้ขบวนรถได้ทั้งหมด และสามารถเปิดบริการให้รถไฟวิ่งได้ตามปกติ

นายเกรียง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย.66 ตนเองพร้อมคณะได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยที่อ่างเก็บน้ำห้วยแม่แย้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ หมู่ที่ 9 บ้านแม่ยุ้น ตำบลปงป่าหวาย อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ตามข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่มีความเป็นห่วงประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม ซึ่งอ่างเก็บน้ำห้วยแม่แย้ ได้รับผลกระทบจากปริมาณฝนที่ตกหนัก ทำให้น้ำล้นสันอ่าง สูงประมาณ 1 เมตร สันอ่างที่เป็นทำนบดินถูกน้ำป่ากัดเซาะ ได้รับความเสียหาย น้ำล้นไหลลงลำห้วยแม่ยุ้น ทำให้ประชาชน ม.9 ต.ปงป่าหวาย ได้รับผลกระทบหลายครัวเรือน รวมถึงพื้นที่ ทางการเกษตรและสิ่งสาธารณประโยชน์ได้รับความเสียหาย

นายเกรียง กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยโครงการชลประทานจังหวัดแพร่ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ได้สนับสนุนเครื่องจักรกลในการซ่อมแซมทำนบดินบริเวณสันอ่างที่ได้รับความเสียหายแล้ว ซึ่งได้เน้นย้ำว่า หลังจากฝนหยุดตกแล้ว ให้ดำเนินการบดอัดทำนบดินบริเวณสันอ่างเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

“สถานการณ์น้ำท่วมได้ขยายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับมีปริมาณน้ำฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำเรื่องการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบทันต่อสถานการณ์ พร้อมกับกำชับให้เตรียมแผนเผชิญเหตุในพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก นำประสบการณ์ที่ผ่านมา เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที” นายเกรียง กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top