Thursday, 4 July 2024
ไว้อาลัย

ก้าวไกลไว้อาลัย!! อาลัย ‘ทนายเคน’ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ ก้าวไกล เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถชน ขณะกลับจากหาเสียง

‘ทนายเคน’ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ ก้าวไกล เสียชีวิตแล้วหลังถูกรถชนอาการสาหัส ‘พิธา’ แสดงความอาลัย ด้าน ‘สารวัตรเพียว’ ขอตำรวจเร่งติดตามตัวคนร้าย ยกกรณีเป็นบรรทัดฐานการทำงานของตำรวจ ต้องรัดกุม-เป็นธรรมต่อประชาชนทุกคน

(2 มี.ค.66) พรรคก้าวไกล ร่วมแสดงความเสียใจหลัง ‘ทนายเคน’ ติรานนท์ เวียงธรรม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ พรรคก้าวไกล ประสบอุบัติเหตุหลังกลับจากการลงพื้นที่หาเสียงเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 และเสียชีวิตในช่วงเช้าของวันนี้ โดยตลอดระยะเวลาที่ทนายเคนเข้ารับการรักษา มี ส.ส. พรรคก้าวไกลหลายรายเดินทางไปเยี่ยมและติดตามตรวจสอบความคืบหน้าของคดี

พันตำรวจตรีชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เดินทางไปยังจังหวัดแพร่เพื่อเข้าเยี่ยมทนายเคนและตรวจสอบที่เกิดเหตุเมื่อวานนี้ (1 มีนาคม) ก่อนให้สัมภาษณ์ว่า เพิ่งทราบข่าวในช่วงเช้าวันนี้ ว่าทนายเคนได้จากไปอย่างสงบ รู้สึกเสียใจ เพราะทนายเคนเป็นคนที่ขยันลงพื้นที่และตั้งใจทำงานมาก เป็นทนายความอาสาประจำจังหวัดแพร่ จนได้รับฉายา ‘ทนายคนจน’ ซึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ข้างกองเลือดยังมีโปสเตอร์แผ่นพับนโยบายของพรรคก้าวไกลตกอยู่ด้วยซ้ำ จึงต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของทนายเคนอีกครั้ง

สำหรับประเด็นของคดีนั้น พ.ต.ต. ชวลิตกล่าวว่า ตนได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุและดูร่องรอยบนรถจักรยานยนต์ที่ทนายเคนขับขี่ ร่วมกับตำรวจสถานีตำรวจภูธรสูงเม่นและตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดแพร่ พบว่าสถานที่เกิดเหตุเป็นถนนเลนเดียว เกิดเหตุในเวลากลางคืน พยานได้เล่าเหตุการณ์ให้ตนฟังว่า พยานขับขี่รถจักรยานยนต์นำหน้ารถจักรยานยนต์ของทนายเคน หลังจากเดินสายหาเสียง ระหว่างนั้นเกิดเหตุมีรถยนต์กระบะเปิดไฟสูงสวนมาด้วยความเร็ว ทำให้จักรยานยนต์คันอื่นๆ ต้องหลบออกนอกถนน กะทันหัน แต่จักรยานยนต์ของทนายเคนหลบไม่ทัน ทำให้เกิดการเฉี่ยวชนและล้มลงไป จนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

“ที่รถจักรยานยนต์ของทนายเคน จะเห็นว่ามีรอยสีรถคันอื่นติดอยู่บริเวณโช้คด้านขวา ประกอบกับการดูกล้องวงจรปิดในช่วงกลางคืน แม้จะไม่ชัดมากแต่ก็เห็นแสงไฟของรถยนต์คันที่สวนมา ลักษณะพฤติการณ์ก็สอดคล้องกับคำให้การของพยาน ดังนั้นคดีนี้มีคู่กรณีอย่างแน่นอน ไม่ใช่การล้มเอง และประเด็นที่ตำรวจต้องติดตามต่อคือ รถยนต์คันดังกล่าวมาจากที่ใด ใครเป็นผู้ขับขี่ เป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อให้ได้ เพราะยังไม่ได้ตัดประเด็นความจงใจของผู้ก่อเหตุออกไป” พ.ต.ต. ชวลิตกล่าว

‘โมร็อกโก’ ประกาศไว้อาลัย 3 วัน ให้เหยื่อแผ่นดินไหว หลังยอดทะลุ 2000 ศพ นานาชาติแห่ส่งความช่วยเหลือ

(10 ก.ย. 66) ความคืบหน้าเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในพื้นที่อีกิล (Ighil) ของภูเขาไฮแอตลาส ประเทศโมร็อกโก ช่วงกลางดึกของวันที่ 8 ก.ย.66 (ตามเวลาท้องถิ่น) ซึ่งตรงกับเช้าวันที่ 9 ก.ย.66 (ตามเวลาประเทศไทย) ระบุความรุนแรงขนาด 7.2 ริกเตอร์ โดยเป็นเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศในรอบกว่า 6 ทศวรรษ

ล่าสุดกระทรวงมหาดไทยโมร็อกโก ระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 2,012 ราย บาดเจ็บ 2,059 ราย ในจำนวนนี้ 1,404 ราย อาการสาหัส โดยจังหวัดอัล ฮาอูซ มีผู้เสียชีวิตสูงสุด รองลงมาคือ จังหวัดทารูดันท์ แม้จะมีผู้เสียชีวิตน้อยกว่ามากในมาร์ราเกช แต่พื้นที่เมืองเก่าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก กลับได้รับความเสียหายจำนวนมาก หอคอยสุเหร่า บริเวณจัตุรัสเจมา อัล-ฟานา ในย่านใจกลางเมืองได้รับความเสียหาย และคาดกันว่าบ้านเรือนที่สร้างด้วยอิฐโคลน หิน และไม้ ในหมู่บ้านหลายแห่งบนพื้นที่ภูเขาได้พังทลายลง แต่ขนาดของความเสียหายในพื้นที่ห่างไกลอาจต้องใช้เวลาในการประเมิน

ขณะที่สำนักพระราชวังโมร็อกโก กล่าวว่า โมร็อกโกประกาศการไว้อาลัยทั่วประเทศเป็นเวลา 3 วัน โดยในระหว่างนั้นจะมีการเชิญธงชาติลงครึ่งเสา กองทัพโมร็อกโกจะจัดทีมกู้ภัยเพื่อจัดหาน้ำดื่มสะอาด อาหาร เต็นท์ และผ้าห่มให้แก่พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

ด้านองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงพร้อมให้ความช่วยเหลือแก่รัฐบาลโมร็อกโก เช่นเดียวกับนานาประเทศ รวมถึงสเปน ฝรั่งเศส และอิสราเอล ส่วนแอลจีเรีย ประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประกาศเปิดน่านฟ้าเพื่อให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่โมร็อกโก

‘เกาหลีใต้’ ร่วมไว้อาลัย ครบรอบ 1 ปี ‘โศกนาฏกรรมอิแทวอน’ ด้านห้าง-ร้าน ‘งดจัดฮาโลวีน’ เพื่อแสดงความเคารพต่อผู้ล่วงลับ

(29 ต.ค. 66) เทศกาลฮาโลวีนในเกาหลีใต้ปีนี้ เต็มไปด้วยความเงียบเหงา ในวันครบรอบ 1 ปีโศกนาฏกรรมอิแทวอน ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 160 รายเมื่อปีที่ผ่านมา โดยห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร บาร์ รวมถึงสวนสนุกหลายๆ แห่งในเกาหลีใต้ เลี่ยงกิจกรรมในเทศกาลดังกล่าวในปีนี้ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเหยื่อของโศกนาฏกรรมดังกล่าว

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา มีผู้คนเพียงไม่กี่คนที่สวมใส่คอสตูมฮาโลวีนในย่านอิแทวอน ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวยอดนิยมในเทศกาลฮาโลวีนในปีก่อนๆ ขณะที่ผู้คนจำนวนมากพากันไปวางดอกไม้ไว้อาลัย และแปะโพสต์อิทที่มีข้อความแสดงความเสียใจบนกำแพงที่ถูกจัดไว้ รวมถึงจุดธูปหน้ารูปถ่ายของเหยื่อ

ขณะที่ในย่านฮงแด ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งในกรุงโซล ก็มีผู้คนไม่มากนักเช่นกันที่สวมคอสตูมฮาโลวีน แต่ไม่มีรายงานเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยใดๆ ทั่วเกาหลีใต้ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม

ทางการเกาหลีใต้ได้ระดมกำลังตำรวจ เจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน และเจ้าหน้าที่อื่นๆ นับพันคนลงพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม เพื่อควบคุมฝูงชนและดูแลความปลอดภัยของผู้คนที่มาเดินอยู่บนท้องถนนในย่านอิแทวอน และย่านสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่สำคัญๆ อีก 15 แห่งในกรุงโซล

โศกนาฏกรรมอิแทวอนสร้างความโศกเศร้าทั่วประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 20-30 ปี นอกจากนี้ประชาชนยังโกรธแค้นที่รัฐบาลเพิกเฉยต่อประเด็นด้านความปลอดภัยและกฎระเบียบต่างๆ แม้จะมีบทเรียนมาแล้วจากเหตุเรือเฟอร์รีเซวอลในปี 2557 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 304 ราย ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นที่ไปทัศนศึกษา

‘โฮ เซฮุน’ นายกเทศมนตรีกรุงโซล ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งอีกครั้ง ด้วยการแบกรับความโศกเศร้าและความรับผิดชอบอันหนักหน่วงต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น วิธีเอาชนะความเจ็บปวดและความโศกเศร้าจากเหตุการณ์ดังกล่าว คือการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก

ตำรวจประกาศผลการสอบสวนถึงเหตุโศกนาฏกรรมอิแทวอนเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า กำลังมีการดำเนินคดีอาญา ซึ่งรวมถึงการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาและประมาทเลินเล่อต่อเจ้าหน้าที่ 23 คน ซึ่งส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างพิจารณาคดี แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงรวมอยู่ด้วย

ในเดือนกุมภาพันธ์ รัฐสภาที่ฝ่ายค้านเป็นผู้ควบคุมได้ลงมติถอดถอนนายลี ซังมิน รัฐมนตรีกระทรวงความปลอดภัยเกาหลีใต้จากเหตุการณ์ที่อิแทวอน แต่ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ก็กลับคำสั่งถอดถอนนายลีดังกล่าวในเดือนกรกฎาคม

ครอบครัวของเหยื่อและผู้สนับสนุนเรียกร้องให้ประธานาธิบดียุน ซอกยอล ของเกาหลีใต้ ออกมาขอโทษอย่างจริงใจมากขึ้น และให้ยอมรับกระบวนการสอบสวนที่เป็นอิสระ โดยมีการออกแถลงการณ์ว่า ทัศนคติของรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลได้สร้างบาดแผลที่ลึกและเจ็บปวดมากขึ้นให้กับพวกเขา สิ่งที่พวกเขาต้องการทราบมีเพียงสาเหตุว่าอะไรทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในวันที่ 29 ตุลาคม 2022 ขณะที่ผู้คนอีกหลายพันคนต้องใช้ชีวิตกับบาดแผลในจิตใจ

ครอบครัวของผู้สูญเสียจะจัดพิธีไว้อาลัยอย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์นี้ โดยมีการเชิญประธานาธิบดียุนให้เข้าร่วมงานด้วย แต่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ผู้นำเกาหลีใต้ตัดสินใจที่จะไม่ไปร่วมงานดังกล่าว เพราะกลัวว่าคู่แข่งทางการเมืองจะนำประเด็นนี้ไปขยายผลทางการเมือง

‘ลูกศิษย์-ผู้ปกครอง’ ร่วมวางดอกไม้อาลัย ‘ครูเจี๊ยบ’ เหยื่อลูกหลงยิงอริต่างสถาบัน ณ บริเวณจุดเกิดเหตุ

(13 พ.ย.66) จากเหตุการณ์กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ถูกคู่อริใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงใส่ส่งผลให้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ได้รับบาดเจ็บสาหัส และประชาชนถูกลูกหลงเสียชีวิต 1 ราย คือ ‘ครูเจี๊ยบ’ เหตุเกิดบริเวณหน้าที่บริเวณหน้าธนาคาร TTB ใกล้แยก ณ ระนอง เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา ผู้ปกครองนักเรียน..ร่วมวางดอกไม้ไว้อาลัย ณจุดเกิดเหตุ

ล่าสุด ที่โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ทางคณะผู้บริหารโรงเรียนได้มีการจัดกิจกรรมร่วมไว้อาลัยกับการสูญเสีย นางสาว ศิรดา สินประเสริฐ หรือ ‘ครูเจี๊ยบ’ ครูสอนคอมพิวเตอร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ บุคลากรคนสำคัญ และเตรียมยกระดับมาตรการความปลอดภัยรอบรั้วโรงเรียน พร้อมประสานตำรวจเสริมทักษะรับมือสถานการณ์รุนแรง ด้านผู้ปกครองนักเรียนร่วมวางดอกไม้ ณ จุดเกิดเหตุเพื่อเป็นการแสดงความอาลัยรักที่มีต่อครูเจี๊ยบ

โดยภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรม นางสาวชณัฐศิกาญน์ มณีอินทร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลและงบประมาณ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ด้วยเสียงสะอื้น ว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมามีพิธีสวดภาวนาอุทิศดวงวิญญาณแด่ผู้ล่วงลับให้ครูเจี๊ยบ ซึ่งเป็นพิธีทางศาสนาคริสต์ หลังสวดเสร็จมีการนั่งสมาธิรำลึกถึงครูเจี๊ยบ ซึ่งครูเจี๊ยบอยู่กับเรามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 ประมาณ 27 ปี และปฎิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง รักเด็กนักเรียน ให้ความช่วยเหลือเพื่อนครู ผู้ปกครอง ซึ่งการสูญเสียครั้งนี้ทุกคนรู้สึกว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ และปกติแล้วห้องทำงานของตนจะอยู่ติดกับห้องทำงานของครูเจี๊ยบ ช่วงเช้าครูเจี๊ยบก็จะเดินทางมาทักทายตามปกติ ถามว่ากินข้าวหรือยัง จะมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว ซึ่งครูเจี๊ยบเป็นคนดีมาก และปกติครูและนักเรียนก็จะใช้ชีวิตประจำวันปกติแบบนี้ ออกไปซื้อของหน้าโรงเรียน และเหตุการณ์นี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

ส่วนวันนี้จะมีตำรวจจาก สน.ทุ่งมหาเมฆ มาให้ความรู้เด็กนักเรียนเบื้องต้นในเรื่องการป้องกันและระวังตัวเองจากภัยที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้เด็กมีภูมิความรู้ในเรื่องนี้

ส่วนความช่วยเหลือเบื้องต้น คณะผู้บริหารโรงเรียน สมาคมผู้ปกครอง สมาคมศิษย์เก่า มีเงินช่วยเหลือและจัดพิธีศพ โดยทางโรงเรียนดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด ส่วนเงินที่ผู้ปกครองและเพื่อนครูร่วมทำบุญมาทางโรงเรียนก็มีฝ่ายบัญชีบันทึกและรวบรวมข้อมูล คณะผู้บริหารก็จะส่งมอบให้คุณพ่อและคุณแม่ของครูเจี๊ยบอย่างเป็นทางการ ซึ่งครูเจี๊ยบเป็นคนดูแลครอบครัวคนเดียวของบ้าน

ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยก่อนหน้านี้มีการคัดกรองอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว รถที่จะเข้ามาในโรงเรียนก็จะต้องมีสติกเกอร์ของโรงเรียนถึงจะเข้าไปในโรงเรียนได้ ส่วนผู้ปกครองก็จะรอรับนักเรียนด้านนอกเป็นปกติ ซึ่งทางโรงเรียนมีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยในการเข้าออก มีประตูเข้าออกเพียงด้านเดียว ซึ่งเด็กนักเรียนก็จะไม่สามารถออกไปไหนได้ ส่วนคนที่จะเข้ามาในโรงเรียนก็จะเข้ามาได้แค่เพียงประตูหน้าประตูเดียวเท่านั้น

ด้าน นายเลิศศักดิ์ แจ่มคล้าย ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายปกครอง บอกว่าช่วงเช้าที่ผ่านมายังได้กล่าวถึงคุณงามความดีของครูเจี๊ยบที่ได้ปฎิบัติหน้าที่ในโรงเรียน ซึ่งต้องบอกว่าครูเจี๊ยบเป็นครูที่มีคุณภาพ บุคลากรของโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ก็รู้สึกเสียใจมาม และยอมรับว่าทุกคนช็อกกับเหตุการณ์นี้มาก เพราะเหตุการณ์นี้เป็นภัยที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในบ้านเรา

ส่วนการดูแลความปลอดภัยโดยรอบโรงเรียน ตอนนี้ สน.ท่าเรือ และ สน.ทุ่งมหาเมฆ ได้ประสานกับทางโรงเรียน ดูแลเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยตลอด และรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อวานนี้ก็มาดูแลประจำที่จุดตรวจหน้าโรงเรียน มีการคัดกรองอย่างละเอียด ติดสติกเกอร์ และมีคิวอาร์โค้ด ซึ่งในแต่ละวันก็จะเข้าเวรตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนถึง 5 โมงเย็น ซึ่งตำรวจก็จะดูแลแบบนี้ตลอด

ส่วนการดูแลเยียวยาจิตใจเด็กนักเรียน คุณครูก็จะค่อย ๆ เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเราปฎิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์นี้กระทบกระเทือนจิตใจของผู้บริหาร คุณครู และนักเรียนทุกคน ซึ่งในส่วนนี้ต้องยอมรับว่าต้องใช้เวลาในการดูแลจิตใจ ซึ่งทุกคนก็หวาดกลัวกันมากและรู้สึกเศร้าสลดมากเพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทันหัน

ส่วนมาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัยกับครูและนักเรียน ก่อนหน้านี้ก็มีการคัดกรองอย่างเข้มงวดมาอยู่แล้ว ในโรงเรียนมีกล้องวงจรปิดทุกจุด ซึ่งเราเน้นเรื่องนี้มานานแล้วและไม่เคยมีเหตุการณ์รุนแรงแบบนี้เกิดขึ้น หลังจากนี้ก็จะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้น และทาง สน.ต่าง ๆ ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เราจะไม่ปล่อยให้สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วหายไปเลย เราจะต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

'ดร.สุวินัย' โพสต์อาลัยถึง 'บำรุง คะโยธา' หลังจากไปด้วยอาการสงบ ภูมิใจและดีใจที่เคยเป็น 'สหายร่วมรบ' กันในสมัยกลุ่มพันธมิตรฯ

(25 มิ.ย.67) รองศาสตราจารย์ ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กไว้อาลัยแด่ คุณบำรุง คะโยธา โดยระบุว่า…

“หมากนิพพานของผู้บำเพ็ญอภิมรรค (2) : ไม่เสพอารมณ์ทั้ง 7”

“หลังจากที่เขาฝึกเคล็ด ‘กรรมฐานของมหาเทพ’ หรือเคล็ดลมปราณกรรมฐานเพื่อจิตอมตะที่คุรุเทพถ่ายทอดให้เขา ตัวเขาก็ทุ่มเทชีวิตจิตใจของเขาเข้าสู่มรรควิถีโพธิสัตว์อย่างเต็มตัว

“นี่เป็นการแสวงหาส่วนบุคคล เพื่อความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณอย่างก้าวกระโดดใหญ่ของตัวเขาเอง”

“ทุกค่ำคืนที่เขาล้มตัวลงนอน เขาก็พาตัวเองเข้าสู่โลกแห่ง ‘การตายก่อนตาย’ ”

“เมื่อตื่นขึ้นมา เขาก็เข้าสู่ ‘โลกแห่งความรู้ตัว’ บางครั้งความคิดต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องราวต่าง ๆ ในอดีตแวบเข้ามา แต่เขาก็ตัดความอาลัยเหล่านั้นลงโดยเร็ว”

“มีแต่การฝึกลมปราณกรรมฐานเท่านั้นที่นำความพึงพอใจอย่างใหญ่หลวงให้แก่ตัวเขา ทำให้ตัวเขาไม่มุ่งมาดปรารถนาอื่นใดอีกในชีวิตที่เหลือ”

“สิ่งที่ผู้บำเพ็ญลมปราณกรรมฐานต้องระมัดระวังมากที่สุดคือ การเกิดอารมณ์ 7 ชนิด ซึ่งได้แก่
(1) ความแตกตื่น (驚)
(2) ความกลัว (慴)
(3) ความลังเลสงสัย (疑)
(4) ความฟุ้งซ่านสับสน (惑)
(5) ความประมาท (緩)
(6) ความโกรธ (怒)
(7) ความใจร้อนหงุดหงิด (焦)”

“เพราะอารมณ์ทั้ง 7 นี้คือข้อห้ามในการฝึกลมปราณกรรมฐาน และเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การฝึกจิตของผู้บำเพ็ญไม่ประสบความสำเร็จ”

“การบำเพ็ญลมปราณกรรมฐานทุกวัน คือการบ่มเพาะถนอมบำรุงพลังชีวิตควบคู่ไปกับการ "ดูจิต" เจริญวิปัสสนา โดยไม่เสพอารมณ์ใด ๆ โดยเฉพาะอารมณ์ทั้ง 7 จนกระทั่งจิตของผู้บำเพ็ญนิ่งเองดุจบ่อน้ำที่สงบงันจนสามารถสะท้อนดวงจันทร์ได้อย่างสวยงามหมดจด ผลที่ตามมาอีกอย่างหนึ่งก็คือตัวผู้บำเพ็ญสามารถจดจ่อกับสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำอยู่ในปัจจุบันขณะอย่างมีสติรู้ตัวบ่อย ๆ ได้”

“ผู้บำเพ็ญอภิมรรคย่อมใช้การฝึกลมปราณกรรมฐานเพื่อเข้าถึงตัวตนที่แท้จริง (真我) ได้อย่างล้ำลึก ด้วยวิธีการนี้เอง เขาย่อมสามารถมีอิทธิพลต่อจักรวาลรอบตัวเขา และจะไม่ถูกกระทบใด ๆ จากความเป็นอนิจจังของปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทางโลก”

“ตบะและขันติของเขาย่อมมีขึ้นเอง เพราะมีขันติ เขาจึงเป็นผู้เที่ยงธรรม มีใจเป็นธรรมได้ และเพราะเขามีใจเป็นธรรม เขาจึงมีใจที่เปิดกว้าง เป็นคนที่ใจกว้าง และเพราะเขาเป็นคนที่ใจกว้าง เขาจึงสามารถกระทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างงามสง่า”

“ความใจกว้างและวัตรปฏิบัติที่งดงามของเขา ทำให้ตัวเขาสามารถเข้าถึงความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตที่เปี่ยมพร้อมไปด้วยความจริง ความดีและความงามได้”

“เพราะฉะนั้น เขาจึงกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับอภิมรรค (道) ในที่สุด มันเป็นแค่เรื่องของเวลาว่าเมื่อไรเท่านั้น”

“คติประจำใจของผู้บำเพ็ญอภิมรรค
- ไม่แสวงหาความรุ่งโรจน์บนความเจ็บปวดของผู้อื่น
- ยอมละทิ้งตนเอง ผ่อนตามคนอื่นเสมอ
- ถนอมรักกับทุกสิ่ง สามารถรักโลกใบนี้ดุจรักตัวเอง
- ไม่ยึดติดในวัตถุ ไม่หลงใหลในอำนาจลาภยศสรรเสริญทางโลก
- แสวงหาทุกสิ่งจากภายในตัวเองด้วยการเจริญลมปราณกรรมฐาน
- มุ่งบ่มเพาะคุณธรรมต่าง ๆ ภายในตัวเอง จนกระทั่งมีจิตบริสุทธิ์ดุจทารกอีกครั้ง”

“ด้วยความปรารถนาดี
สุวินัย ภรณวลัย
Suvinai Pornavalai

“หมายเหตุ : คุณบำรุง คะโยธา เดินทางไกลครั้งสุดท้าย ด้วยอาการสงบ ณ บ้านกุดตาใกล้ ต.สายนาวัง อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ วันที่ 24 มิถุนายน 2567 เวลา 16.25 น.”

“ขอน้อมส่งดวงวิญญาณของคุณบำรุงกลับสู่ ‘ดาวนักสู้’ ภูมิใจและดีใจที่เราเคยเป็น ‘สหายร่วมรบ’ กันในสมัยการต่อสู้ของกลุ่มพันธมิตรฯ (ปี พ.ศ. 2549-2556)”

สิ้น ‘ชัยวัฒน์ สถาอานันท์’ อาจารย์รัฐศาสตร์ มธ. เจ้าของรางวัลศรีบูรพา เสียชีวิตในวัย 69 ปี

(27 มิ.ย. 67) ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความว่า “ศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ เสียชีวิต เวลา 10.45 น. วันที่ 27 มิถุนายน มีพิธีศพตั้งแต่เวลา 08.00 น. วันที่ 28 มิถุนายน ที่มัสยิดฮารูน บางรัก สามารถเคารพศพได้ตั้งแต่ 17.00 น. วันที่ 27 มิถุนายน”

สำหรับ ศาสตราจารย์ ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2498 เป็นศาสตราจารย์ประจำและหัวหน้าสาขาวิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติสาขารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ในปี พ.ศ.2549 และได้รับรางวัลศรีบูรพา ในปี พ.ศ.2555

เป็นนักวิชาการคนหนึ่งที่มีบทบาทในการเสนอแนวทางเพื่อคลี่คลายความไม่สงบในภาคใต้ของประเทศไทย และเป็นกรรมการภาคประชาสังคมนอกพื้นที่ ในคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.)

นอกจากนี้ ชัยวัฒน์ ยังมีตำแหน่งเป็นกรรมการ และคณะทำงานฝ่ายจัดการ/บรรณาธิการ ของโครงการจัดพิมพ์คบไฟ มูลนิธิเพื่อการศึกษาประชาธิปไตยและการพัฒนา ซึ่งเป็นโครงการจัดพิมพ์ที่พิมพ์เผยแพร่หนังสือวิชาการทั้งของนักวิชาการไทยและต่างประเทศ ตลอดจนวรรณกรรมชั้นดีจากต่างประเทศ เป็นจำนวนมากมายอย่างต่อเนื่อง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top