Monday, 1 July 2024
ทุนต่างชาติ

ผบ.ตร.มอบ รองรอย คุมเข้มกลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายตามนโยบายรัฐบาล เรียกประชุมหน่วยเกี่ยวข้อง วางมาตรการระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว พร้อมเตรียมเปิดปฏิบัติการ ตรวจสอบเป้าหมายกว่า 100 จุดทั่วประเทศ

(10 มี.ค.66) เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 3 ชั้น 2 อาคาร 1 ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์  รอง ผบ.ตร. ประชุมหารือ หน่วยเกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการการป้องกันและแก้ไขปัญหากลุ่มทุนต่างชาติเข้ามายึดประกอบธุรกิจโดยผิดกฎหมายในประเทศไทย โดยมีผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กรมสรรพากร สำนักงาน ปปง. เข้าร่วม การประชุมดังกล่าวเป็นการขับเคลื่อนตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหากลุ่มทุนต่างชาติเข้ามายึดประกอบธุรกิจโดยผิดกฎหมายในประเทศไทย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์  รอง ผบ.ตร. ที่ดูแลงานมั่นคง เป็นผู้รับผิดชอบ เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในที่ประชุมได้เห็นชอบ กำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหากลุ่มทุนต่างชาติเข้ามายึดประกอบธุรกิจโดยผิดกฎหมายในประเทศไทย ในระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และมาตรการระยะยาว ดังนี้

1. มาตรการเร่งด่วน
เริ่มตั้งแต่กระบวนการการคัดกรองบุคคลต่างชาติก่อนที่จะเริ่มต้นในการประกอบธุรกิจ

1.1 เริ่มตั้งแต่สถานกงสุลหรือสถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศ ใช้มาตรการในการคัดกรองเบื้องต้นสำหรับคนต่างด้าวที่ยื่นขอวีซ่าเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย

1.2. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กำหนดเงื่อนไขและคุณสมบัติพร้อมเอกสารประกอบที่น่าเชื่อถือให้ชัดเจนสำหรับคนต่างด้าวเข้ามายื่นขอจดทะเบียนการค้า การจัดตั้งนิติบุคคล บริษัท หรือกิจการอื่นในประเทศไทย ตรวจสอบผู้ถือหุ้นในบริษัทและคัดแยกกลุ่มเสี่ยง เช่น คนไทยถือหุ้นในหลายบริษัทของคนต่างด้าวในลักษณะถือแทน (นอมินี) ส่งข้อมูลให้ ตร.(ตำรวจท่องเที่ยว สตม. และตำรวจพื้นที่) และ ปปง.เพื่อ ดำเนินการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายโดยทันที

1.3 กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ตรวจสอบเรื่องการอนุญาตการประกอบธุรกิจและการทำงานของคนต่างด้าว

1.4 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตรวจสอบเมื่อคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรด้วยวีซ่าอื่น และมีความประสงค์เปลี่ยนวีซ่าเป็นวีซ่าประเภททำงาน ตลอดจนตรวจสอบคนต่างด้าวที่ถือหนังสือเดินทางสองสัญชาติ โดยเฉพาะที่เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญ

2. มาตรการระยะกลาง
กระบวนการตรวจสอบการประกอบธุรกิจ การดำเนินการของคนต่างด้าวในประเทศไทย 
เป็นการตรวจสอบความถูกต้องเรื่องของการดำเนินการให้เป็นไปตามหลักกฎหมาย ดำเนินการโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

'ปราชญ์ สามสี' ขยายผลชื่อ 'สส.ก้าวไกล' แฉ!! เร่งรื้อแก้ 112 เพราะโยงทุนต่างชาติ 

จากกรณีที่ทวิตเตอร์ ‘Headache Stencil’ ของ นายสมรนนท์ แย้มอุทัย หรือ ‘แป้ง’ ศิลปินกราฟฟิตี้ชื่อดัง แนวร่วมม็อบราษฎร ทวีตข้อความ “กูได้เงินสนับสนุนจากต่างประเทศมาทำงานศิลปะด่าการเมืองด่าระบบประเทศ ไม่ได้ผิดกฏหมายนี่ แต่ ส.ส. กูไม่แน่ใจว่ะ”

ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก ‘ปราชญ์ สามสี’ โพสต์ข้อความระบุว่า “มีคนสารภาพแล้วหนึ่ง…. แล้วไงต่อ …. #รังสิมันโรม #ก้าวไกล #พรรคนอมินีต่างชาติ”

‘ปราชญ์ สามสี’ ยังระบุข้อความอีกว่า สมศักดิ์ เจียมใช้เงินใคร อยู่ดีกินดีที่ฝรั่งเศส? ดูเหมือนว่า เรื่องการเร่ง เอา 112 มาเป็นประเด็นของ ฝ่ายนักการเมืองพรรคก้าวไกล จะทำพิษรุนแรงกับ ฝ่ายเดียวกันเองจน ฐานมวลชนที่เคยสนับสนุนกันมาตลอดเริ่มตั้งคำถาม ถึงการ มุ่งน่า ยกเลิกม.112 จนเสียโอกาสเป็นเป็นรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เรื่องนี้ headche stencil (ขอเรียกว่านายซิ่ว) หนึ่งในนักเคลื่อนไหว ทั้งเรื่อง 112 และต่อต้านการรัฐประหาร ได้ออกมาแฉเรื่องราวไว้ค่อนข้างน่าสนใจ

โดยเฉพาะ สาเหตุที่ทางฝ่าย ส้มรีบเร่ง เล่นยกเลิก 112 โดยไม่ดูตาม้าตาเรือ …เพราะ มีใบสั่งจาก ‘คนเบื้องหลัง’ ที่สนับสนุนความเป็นอยู่ของพวกที่ลี้ภัยในต่างประเทศ เช่น สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล…นาย ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ รวมไปถึงพวกผู้ลี้ภัยที่อาศัยอยู่ เยอรมนีและฝรั่งเศส อีกหลายๆ คน…รีบเร่งให้มีการเคลื่อนไหวเพราะ เป็นเรื่องของงบประมาณการเคลื่อนไหวอันเกี่ยวข้องกับปากท้อง…เพราะหาก สถานการณ์ที่ก้าวไกลยอมวาง ม112…ลงจะส่งผลให้ ปากผู้ลี้ภัยที่ต่อต้านสถาบันฯ ในต่างประเทศหมดลง…

(ในกรณีที่นายซิ่วออกมาแฉนั้น ‘คนเบื้องหลัง’ นั้น มีแนวโน้มที่ค่อนข้างชัดเจน ว่าเป็นเงินทุนจากกลุ่มทุนระหว่างประเทศที่จ้างเอาไว้ทำงานทำร้ายสถาบันกษัตริย์ของไทย ซึ่งปัจจุบันกำลังเดือดร้อนเพราะ ในหลากหลายประเทศเริ่มรู้เท่าทันและไม่ทำตามความประสงค์ขององค์กรเหล่านี้แล้ว…เรื่องนี้ ดูที่เฮนรี่ คริสทิงเจอร์ ที่ปรึกษาด้านต่างประเทศของสหรัฐฯ โดดไปคุยกับ กลาโหมจีนแผ่นดินใหญ่ ก็พอจะเห็นทิศทาง )

หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าสิ่งที่นายซิ่วถามถึงนั้น เป็นจริงหรือ? และพยายามตั้งแง่โจมตีว่า นายซิ่วไม่มีทางรู้จักปวิน หรือเครือข่ายต่างประเทศได้…ซึ่งเรื่องนี้ นายซิ่วก็พอพยายาม อธิบาย ไว้ในทวิตเตอร์ส่วนตัว…ถึงความเป็นจริงที่เขาเคยพบเจอ

อนึ่งคือ…ในทัศนะของข้าพเจ้า…สิ่งที่ นายซิ่วพูด ค่อนข้างน่าเชื่อถือ เพราะ ปูมหลัง นายซิ่ว เป็นนักเคลื่อนไหวสายบันเทิงที่เคยเป็นตัวตึงในม็อบสามนิ้ว ที่เคยได้รับการยอมรับ จากแกนนำทั้งในพื้นที่ และในต่างประเทศ จนกระทั่งเคย จิบชา ที่ Château de mareil-le-guyon สุดหรูร่วมกับขบวนการระดับอินเตอร์!!!!! ทั้งเครือข่ายผู้ลี้ภัยในต่างประเทศ ทั้งปวิน สมศักดิ์ หรือแม้แต่ คนในเครือข่ายกลุ่ม จรรยา ยิ้มประเสริฐ และอาจารย์ชาวต่างชาติ ที่เคยเคลื่อนไหวร่วมกัน

จนกระทั่ง นายซิ่วขัดแย้งกับขบวนการ ม็อบสามนิ้ว (ช่วงทราย บุ้ง รุ้ง และเพนกวิ้นเป็นแกนนำ) ในปม **อมตังม็อบ** นายซิ่วจึงเริ่มวางมือ…ถอยห่างลง

****เพิ่มเติม ฝ่ายที่ ตรวจสอบ เงินม็อบเป็นฝ่ายนายซิ่ว แต่ดูเหมือนกว่า จะทะเลาะกัน จนโยนความผิดไปที่ซิ่วนั้นเอง****

จนกระทั่งล่าสุดนายซิ่ว ปรากฏตัวแล้วตั้งคำถามถึง โรม สมศักดิ์ เครือข่ายกลุ่มที่หลบหนี้ไปต่างประเทศปม 112 ว่าจะรีบเร่งไปเพราะอะไร โดยชี้ว่า เครื่อข่ายฝ่ายล้มล้างสถาบันที่ลี้ภัยต่างประเทศกำลังห่วงกระแส ที่ก้าวไกลขึ้นเป็นนายกโดยทิ้งการยกเลิกมาตรา 112 ไปจะทำให้ ปากท้องขบวนการ ต่อต้านสถาบันฯ ราว 20 กว่าชีวิตอาจต้องสูญเสีย งบนอก ที่เลี้ยงปากท้องเวลานี้นั้นเอง

นายซิ่วทิ้งท้ายว่า อาจจะตามหาความจริงให้ ถามผู้ลี้ภัย ชื่อ นพพร….
ป.สามสี จับประเด็น #ก้าวไกล #พรรคนอมินีต่างชาติ

ทั้งนี้ ‘ปราชญ์ สามสี’ ยังได้โพสต์อีกว่า เปิดรายชื่อ เครือข่ายฝรั่งและคนไทยที่ไปกองกันที่เยอรมนี เพื่อตั้ง เครือข่าย แทรกแซงสถาบันฯ และประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2561

ปรากฎชื่อของนาย ซิ่ว…และ สส.รังสิมันโรมและภรรยาอิวาน่า ชาวอินโด รวมไปถึง กฤษดา อัคคะประชา ซึ่งเปลี่ยนสัญชาติเป็นชาวแคนนาดา (ลูก บ.ตาใบห่อ) ที่เคยขู่ฆ่า บอย โกศิยพงษ์ เพราะจงรักภักดีต่อในหลวง ร.๙ ด้วย

ตามรายชื่อที่ปรากฎ
Pavin Chachavalpongpun [email protected]
– นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์
Ivana Kurniawati [email protected]
– น.ส.อิวาน่า คูร์เนียวาติ (ภรรยา นายรังสิมันต์ โรม)
Dhyta Caturani [email protected]
– น.ส.ดีไฮต้า คาทูรานี นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนและสิทธิสตรี ชาวอินโดนีเซีย)
Cha Roque [email protected]
– น.ส.ชา ร็อค (ผู้สร้างภาพยนตร์และผู้สนับสนุน LGBT ชาวฟิลิปปินส์)
Ramon Guillermo [email protected]
– นายรามอน กีลเยอร์โม (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาภาษาฟิลิปปินส์และวรรณคดีฟิลิปปินส์ มหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์)
Elia Fofi [email protected]
– นายเอฐ์เรียฐ์ ฟอฟิ (แอดมินเพจศิลปะปลดแอก,กลุ่มเห็นต่าง)
Rangsiman Rome [email protected]
– นายรังสิมันต์ โรม
headache stencil [email protected]
– นายสมรนนท์ แย้มอุทัย

Kritsada Akkhapracha [email protected]
– นายกฤษดา อัคคะประชา
Aum Neko [email protected]
– นายศรัณย์ ฉุยฉาย
Chan Nilgianskul [email protected]
– นายชาญ นิลเจียรสกุล
[email protected]
– น.ส.รวิตะวัน โสภณพนิช (อาจารย์ประจำสาขาวิชาภาษาและวรรณคดีอังกฤษ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
Kyaw Thu [email protected]
– นายคยอว์ ธู (นักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลออสการ์สองครั้งจากเมียนมาร์)
M Zarni
[email protected]
– นายหม่อง ซาร์นี (นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน ชาวเมียนมา)
Chum Chandarin [email protected]
chandarin chum [email protected]
– นายแชนเดอรีน ชุม (วิทยากรจากประเทศกัมพูชา)
Channtha
[email protected]
– นายจันทา โส (อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ สากลวิทยาลัยกัมพูชา)
sangar gopalapillai [email protected]
– นายซังการ์ โกพัลพิไล (เพจเฟซบุ๊ก Tamiljust/กลุ่มชาวทมิฬเรียกร้องความยุติธรรมจากการเหยียดเชื้อชาติ)
Don Le
[email protected]
– นายดอน ลี (ผู้ประสานงานด้านสื่อของ Viet Tan ซึ่งเป็นองค์กรที่ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตยในเวียดนาม)
Admin [email protected]

ล่าสุดนายซิ่ว #สารภาพ แล้วว่า #รับเงินต่างชาติ #โจมตีรัฐบาลตู่…
แล้วไงต่อละทีนี้

ข้าพเจ้า เห็นควรว่า ราชการควรคุ้มครอง นายซิ่ว เป็นพยานปากสำคัญด่วนครับ

“ขอเรียกร้อง ให้ #คุ้มครองพยาน #headchestencil…ครับ เขาคือ #whistleblower ตัวจริง ที่รู้ว่า ใครคือทุนหนุนหลังพวกก้าวไกล ไม่ให้ฟังเสียงประชาชน… #ใครคือคนทำร้ายประเทศไทย”

นอกจากนี้ ‘ปราชญ์ สามสี’ ยังโพสต์อีกว่า งานเวิร์คชอปอะไร????…มีชุมนุมเดินประท้วงต่อท้ายคาบด้วย!!!! แถมคนชวน คือ จรรยา ยิ้มประเสริฐ และปวิน นักเคลื่อนไหวโจมตีสถาบันฯ อันนี้อย่าแถเลย ที่ stencil แฉน่ะถูกแล้ว รับเงิน ต่างชาติมาแทรกแซงประเทศไทย

ดิจิตัล ฟุดปริ้น ไม่หลอกหรอก!!!
เลิกแถได้แล้ว
#ก้าวไกล #พรรคนอมินีต่างชาติ

“ส่วน พวกล้มเจ้าเคยทำอะไร หักหลังกันยังไง ก็ไปตามโพสต์เก่าๆ เอานะ น่าจะเป็นช่วงเวลาเดียวกัน (ก่อนหลัง ซักปี) ที่ stencil ถูกเชิญเข้าร่วมที่เยอรมนี”

'ภาครัฐ' อย่านิ่ง!! นอมินีทุนต่างชาติลุกลาม ทำตลาดทัวร์แบบตัดราคายับ จัดโมเดลไม่สนกำไร ทุบผู้เล่นในตลาดให้เจ๊ง แล้วยึดตลาด-ปรับราคา

(19 มิ.ย. 67) นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีบริษัทที่เป็นทุนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ผ่านการจัดตั้งโดยใช้นอมินีเป็นคนไทย ทำตลาดด้วยการขายทัวร์แบบตัดราคาต่ำสุดในประวัติศาสตร์ เป็นราคาที่ต่ำกว่าทัวร์ศูนย์เหรียญที่เคยเป็นปัญหาในอดีตด้วย ยกตัวอย่างคือ ขายทัวร์ให้นักท่องเที่ยวใช้ราคาห้องพักในโรงแรม 1,000-1,500 บาท ซึ่งความเป็นจริงทำไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อเข้ามาเที่ยวไทยจะบังคับเชิงข่มขู่ให้ซื้อสินค้า หรือใช้จ่ายแบบช้อปปิ้งในจำนวนเงินตามที่กำหนดไว้ ประมาณ 7 หมื่นถึง 1 แสนบาท ทำให้ผู้ประกอบการไทยได้รับผลกระทบจนอยู่ไม่ได้ โดยหากไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาภายใน 1 ปีนี้ ผู้ประกอบการคนไทยคงอยู่ไม่ได้แล้วแน่นอน

“เกิดมาในชีวิตนี้ยังไม่เคยเจอแบบนี้เลย เพราะสถานการณ์ทัวร์ทุบตลาดมีความรุนแรงมากกว่าช่วงเกิดการระบาดโควิดด้วย มีความสาหัสมากกว่าทัวร์ซื้อหัว (kick back) หรือศูนย์เหรียญอีก ซึ่งการมีคนทำแบบนี้ไม่กี่คนก็ทำให้ตลาดพังหมดแล้ว เพราะข่าวสารจะออกไปทั่ว คนวงการเดียวกันรู้กันหมด การแก้ไขปัญหาต้องแก้ไขให้ถูกจุด ไม่ใช่การเหวี่ยงแห เพราะจะกระทบกับผู้ประกอบการคนไทยที่ทำดีอยู่แล้ว รัฐบาลต้องใช้ไม้อ่อนก่อนไปใช้ไม้แข็ง ในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพราะที่ผ่านมาในนามของเอกชนและสมาคม ก็พยายามประคับประคองในการแก้ไขปัญหาให้ได้ เพื่อไม่ให้ภาพการท่องเที่ยวของประเทศไทยเสียหาย” นายศิษฎิวัชร กล่าว

นายศิษฎิวัชร กล่าวว่า รูปแบบการทำทัวร์ทุบตลาด คือผู้ประกอบการต่างชาติที่เข้ามาในไทยจะขายทัวร์ให้กับนักท่องเที่ยวในราคาต่ำ ๆ เป็นการวัดดวงแบบไม่สนใจเรื่องต้นทุน นำนักท่องเที่ยวเข้ามาก่อน เมื่อเข้ามาแล้วก็ให้ใช้จ่ายช้อปปิ้งให้ได้ตามเป้า แข่งขันแบบไม่เป็นธรรมในด้านราคา แม้ขาดทุนก็ไม่เป็นไร เพราะมีกลุ่มอื่นเข้ามาใหม่ วนไปแบบนี้ เป็นการทุบตลาดให้ผู้ประกอบการเดิมอยู่ไม่ได้ก่อน จากนั้นจะเข้ามาครองตลาดเต็มตัวแล้วจึงปรับราคาขึ้น ซึ่งผลกระทบที่รุนแรงเกิดขึ้นกับท่องเที่ยวไทย ที่นักท่องเที่ยวคิดว่าไทยเป็นประเทศที่เที่ยวได้ในราคาถูกมาก ๆ โดยพบปัญหาในกลุ่มประเทศจีน อินเดีย และรัสเซีย ที่เห็นมากขึ้นในปัจจุบัน

โดย นายศิษฎิวัชร กล่าวอีกว่า ภาคเอกชนจำเป็นต้องอาศัยรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาดำเนินการจับกุม แต่ไม่ใช่จับทุกจุดไปหมด เพราะแม้ที่ผ่านมามีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ไม่ได้เป็นผลเชิงบวกมากนัก เพราะบางบริษัทในเครือข่ายมี 4-5 บริษัท พอถูกจับกุมไป 1-2 บริษัท ก็เปลี่ยนไปใช้บริษัทที่เหลือแทน จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐสื่อสารไปถึงผู้ประกอบการท่องเที่ยวคนไทยอย่างชัดเจนว่าต้องทำอย่างไรตามขั้นตอน ทำได้แค่เท่าใด เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม เพราะหากเป็นการแข่งขันตามกลไกตลาดก็ไม่ว่ากัน แต่ราคาต่ำสุดจะต้องไม่เกินเท่าใด หากเกินจะถูกลงโทษตามกฎเกณฑ์ที่มี เป็นการขอความร่วมมือจากบริษัททัวร์คนไทยที่ทำดีอยู่แล้ว เพื่อให้สามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้

นายศิษฎิวัชร กล่าวว่า ที่ผ่านมาสมาคมได้หารือเรื่องนี้กับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รับทราบสถานการณ์ที่เป็นปัญหาในตอนนี้แล้ว ทั้งการเข้ามาของทุนต่างชาติที่ทำให้เกิดการทุบราคาตลาดแบบไม่สมเหตุสมผลจนกระทบผู้ประกอบการไทยแต่เดิม ทั้งยังส่งผลเชิงลบต่อภาพท่องเที่ยวไทยด้วย ทั้งที่เคยมีการพูดถึงว่าต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทย จากที่เป็นกลุ่มท่องเที่ยวราคาถูก ให้เป็นกลุ่มท่องเที่ยวที่มีราคาสูงหรือพรีเมียมมากขึ้น ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top