'ภาครัฐ' อย่านิ่ง!! นอมินีทุนต่างชาติลุกลาม ทำตลาดทัวร์แบบตัดราคายับ จัดโมเดลไม่สนกำไร ทุบผู้เล่นในตลาดให้เจ๊ง แล้วยึดตลาด-ปรับราคา

(19 มิ.ย. 67) นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีบริษัทที่เป็นทุนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ผ่านการจัดตั้งโดยใช้นอมินีเป็นคนไทย ทำตลาดด้วยการขายทัวร์แบบตัดราคาต่ำสุดในประวัติศาสตร์ เป็นราคาที่ต่ำกว่าทัวร์ศูนย์เหรียญที่เคยเป็นปัญหาในอดีตด้วย ยกตัวอย่างคือ ขายทัวร์ให้นักท่องเที่ยวใช้ราคาห้องพักในโรงแรม 1,000-1,500 บาท ซึ่งความเป็นจริงทำไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อเข้ามาเที่ยวไทยจะบังคับเชิงข่มขู่ให้ซื้อสินค้า หรือใช้จ่ายแบบช้อปปิ้งในจำนวนเงินตามที่กำหนดไว้ ประมาณ 7 หมื่นถึง 1 แสนบาท ทำให้ผู้ประกอบการไทยได้รับผลกระทบจนอยู่ไม่ได้ โดยหากไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาภายใน 1 ปีนี้ ผู้ประกอบการคนไทยคงอยู่ไม่ได้แล้วแน่นอน

“เกิดมาในชีวิตนี้ยังไม่เคยเจอแบบนี้เลย เพราะสถานการณ์ทัวร์ทุบตลาดมีความรุนแรงมากกว่าช่วงเกิดการระบาดโควิดด้วย มีความสาหัสมากกว่าทัวร์ซื้อหัว (kick back) หรือศูนย์เหรียญอีก ซึ่งการมีคนทำแบบนี้ไม่กี่คนก็ทำให้ตลาดพังหมดแล้ว เพราะข่าวสารจะออกไปทั่ว คนวงการเดียวกันรู้กันหมด การแก้ไขปัญหาต้องแก้ไขให้ถูกจุด ไม่ใช่การเหวี่ยงแห เพราะจะกระทบกับผู้ประกอบการคนไทยที่ทำดีอยู่แล้ว รัฐบาลต้องใช้ไม้อ่อนก่อนไปใช้ไม้แข็ง ในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพราะที่ผ่านมาในนามของเอกชนและสมาคม ก็พยายามประคับประคองในการแก้ไขปัญหาให้ได้ เพื่อไม่ให้ภาพการท่องเที่ยวของประเทศไทยเสียหาย” นายศิษฎิวัชร กล่าว

นายศิษฎิวัชร กล่าวว่า รูปแบบการทำทัวร์ทุบตลาด คือผู้ประกอบการต่างชาติที่เข้ามาในไทยจะขายทัวร์ให้กับนักท่องเที่ยวในราคาต่ำ ๆ เป็นการวัดดวงแบบไม่สนใจเรื่องต้นทุน นำนักท่องเที่ยวเข้ามาก่อน เมื่อเข้ามาแล้วก็ให้ใช้จ่ายช้อปปิ้งให้ได้ตามเป้า แข่งขันแบบไม่เป็นธรรมในด้านราคา แม้ขาดทุนก็ไม่เป็นไร เพราะมีกลุ่มอื่นเข้ามาใหม่ วนไปแบบนี้ เป็นการทุบตลาดให้ผู้ประกอบการเดิมอยู่ไม่ได้ก่อน จากนั้นจะเข้ามาครองตลาดเต็มตัวแล้วจึงปรับราคาขึ้น ซึ่งผลกระทบที่รุนแรงเกิดขึ้นกับท่องเที่ยวไทย ที่นักท่องเที่ยวคิดว่าไทยเป็นประเทศที่เที่ยวได้ในราคาถูกมาก ๆ โดยพบปัญหาในกลุ่มประเทศจีน อินเดีย และรัสเซีย ที่เห็นมากขึ้นในปัจจุบัน

โดย นายศิษฎิวัชร กล่าวอีกว่า ภาคเอกชนจำเป็นต้องอาศัยรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาดำเนินการจับกุม แต่ไม่ใช่จับทุกจุดไปหมด เพราะแม้ที่ผ่านมามีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ไม่ได้เป็นผลเชิงบวกมากนัก เพราะบางบริษัทในเครือข่ายมี 4-5 บริษัท พอถูกจับกุมไป 1-2 บริษัท ก็เปลี่ยนไปใช้บริษัทที่เหลือแทน จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐสื่อสารไปถึงผู้ประกอบการท่องเที่ยวคนไทยอย่างชัดเจนว่าต้องทำอย่างไรตามขั้นตอน ทำได้แค่เท่าใด เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม เพราะหากเป็นการแข่งขันตามกลไกตลาดก็ไม่ว่ากัน แต่ราคาต่ำสุดจะต้องไม่เกินเท่าใด หากเกินจะถูกลงโทษตามกฎเกณฑ์ที่มี เป็นการขอความร่วมมือจากบริษัททัวร์คนไทยที่ทำดีอยู่แล้ว เพื่อให้สามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้

นายศิษฎิวัชร กล่าวว่า ที่ผ่านมาสมาคมได้หารือเรื่องนี้กับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รับทราบสถานการณ์ที่เป็นปัญหาในตอนนี้แล้ว ทั้งการเข้ามาของทุนต่างชาติที่ทำให้เกิดการทุบราคาตลาดแบบไม่สมเหตุสมผลจนกระทบผู้ประกอบการไทยแต่เดิม ทั้งยังส่งผลเชิงลบต่อภาพท่องเที่ยวไทยด้วย ทั้งที่เคยมีการพูดถึงว่าต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทย จากที่เป็นกลุ่มท่องเที่ยวราคาถูก ให้เป็นกลุ่มท่องเที่ยวที่มีราคาสูงหรือพรีเมียมมากขึ้น ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทย


ที่มา : Matichon