Sunday, 23 June 2024
ชาวปาเลสไตน์

‘ชาวปาเลสไตน์’ หลายหมื่นคนในฉนวนกาซาแห่อพยพลงใต้ หลัง ‘อิสราเอล’ ขีดเส้น 24 ชม.ให้หนี ก่อนบุกโจมตีฮามาส

(14 ต.ค.66) ชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนแห่อพยพลงไปยังพื้นที่ตอนใต้ของฉนวนกาซาในวันนี้ หลังกำหนดเส้นตายที่อิสราเอลเตือนให้อพยพภายใน 24 ชั่วโมงเริ่มใกล้เข้ามา ขณะที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินของอิสราเอลเพื่อแก้แค้นต่อกลุ่มฮามาสน่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า

นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลเตือนว่า การทิ้งบอมบ์ถล่มทางอากาศต่อฉนวนกาซาตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ‘เป็นแค่จุดเริ่มต้น’ ของปฏิบัติการเช็กบิลกวาดล้างกลุ่มฮามาส ซึ่งบุกจู่โจมพื้นที่ตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และคร่าชีวิตพลเมืองอิสราเอลไปแล้วกว่า 1,300 คน

ขณะเดียวกัน กองทัพอิสราเอลยืนยันว่าได้มีการส่งทหารราบบุกเข้าไปตรวจค้นพื้นที่บางจุดของฉนวนกาซาในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ‘เพื่อกำจัดพวกผู้ก่อการร้ายและคลังอาวุธ’ รวมถึงติดตามหาตัวประกันที่ยังคงสูญหายด้วย

ผู้ที่ถูกสังหารระหว่างปฏิบัติการบุกแบบสายฟ้าแลบของกลุ่มฮามาสส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ขณะที่บางคนเปรียบเทียบเหตุโจมตีอิสราเอลครั้งนี้ว่าเลวร้ายและน่าตกตะลึงพอๆ กับเหตุวินาศกรรม 9/11

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ระบุว่ากำลังมีการปรึกษาหารือกับรัฐบาลในภูมิภาคเกี่ยวกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา เนื่องจากมีชาวปาเลสไตน์นับล้านๆ คน ที่ต้องติดอยู่ในพื้นที่ในสภาพถูกตัดน้ำไฟ และขาดแคลนอาหาร หลังจากที่อิสราเอลใช้มาตรการปิดล้อมแบบเบ็ดเสร็จ

ชาวปาเลสไตน์กว่า 1.1 ล้านคนทางตอนเหนือของฉนวนกาซาได้รับคำเตือนเมื่อวันศุกร์ (13) ให้รีบอพยพลงใต้ภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนที่อิสราเอลจะเริ่มต้นปฏิบัติการภาคพื้นดิน ขณะที่กลุ่มฮามาสประกาศกร้าวว่าจะขอสู้ ‘จนเลือดหยดสุดท้าย’ และเรียกร้องให้ประชาชนอย่าละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือน

พล.ร.ต.แดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล ระบุว่า ทหารราบซึ่งมีหน่วยรถถังให้การสนับสนุนได้บุกเข้าไปในบางพื้นที่ของฉนวนกาซาเพื่อโจมตีกองกำลังจรวดของฝ่ายปาเลสไตน์ และหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวประกันที่ถูกจับไป ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่อิสราเอลออกมายืนยันว่ามีการส่งทหารภาคพื้นดินเข้าไปยังฉนวนกาซา นับตั้งแต่เริ่มเกิดวิกฤตการณ์ขึ้น

“เราได้โจมตีพวกศัตรูด้วยพลังที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน” เนทันยาฮู แถลงผ่านสื่อโทรทัศน์วานนี้ (13 ต.ค.) “ผมขอย้ำว่านี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น”

ชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนตัดสินใจอพยพหนีไปยังพื้นที่ปลอดภัยหลังได้รับคำเตือนจากอิสราเอล ขณะที่อีกหลายคนประกาศว่าจะไม่ไปไหน

“ตายเสียยังดีกว่าทิ้งที่นี่ไป” โมฮัมหมัด วัย 20 ปี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่ด้านนอกอาคารหลังหนึ่งที่ถูกอิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มจนพังราบ

มัสยิดหลายแห่งในกาซาได้ออกประกาศเรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์ “รักษาบ้านเรือน รักษาดินแดนของพวกท่านไว้”

องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และอีกหลายหน่วยงานออกมาเตือนความเสี่ยงเกิด ‘หายนะ’ ครั้งใหญ่ หากพลเรือนนับล้านๆ ถูกบังคับให้ต้องอพยพหนีตายภายในระยะเวลาอันสั้น พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอลยุติการปิดล้อมกาซาเพื่อเปิดทางให้มีการส่งความช่วยเหลือเข้าไป

“เราจำเป็นต้องส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปให้ถึงทุกพื้นที่ในกาซาทันที เพื่อให้ประชาชนที่นั่นได้มีเชื้อเพลิง น้ำ และอาหาร แม้แต่สงครามก็ต้องมีกฎเกณฑ์ด้วย” อันโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ แถลงวานนี้ (13 ต.ค.)

ประธานาธิบดี ไบเดน กล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย โดยยืนยันว่าสหรัฐฯ กำลังทำงานร่วมกับอิสราเอล อียิปต์ จอร์แดน รัฐบาลอาหรับชาติอื่นๆ รวมถึงยูเอ็น เพื่อแก้ไขวิกฤตมนุษยธรรมในฉนวนกาซา พร้อมย้ำว่า “ชาวปาเลสไตน์ส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพวกฮามาสและการโจมตีอันโหดเหี้ยมป่าเถื่อน พวกเขาเองก็ทุกข์ทรมานจากผลของสงครามเช่นกัน”

สเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกยูเอ็น เตือนว่า “เป็นไปไม่ได้เลย” ที่จะให้ชาวปาเลสไตน์ทางตอนเหนือของกาซาอพยพลงใต้ภายใน 24 ชั่วโมงตามคำสั่งของอิสราเอล โดยที่ไม่เกิด “ผลลัพธ์ร้ายแรงด้านมนุษยธรรม” ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้รัฐบาลเทลอาวีฟออกมาแสดงความไม่พอใจ และเรียกร้องให้ยูเอ็นหันมาประณามฮามาส และสนับสนุนสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอลจะดีกว่า

ประธานาธิบดี มะห์มูด อับบาส ผู้นำองค์การบริหารแห่งชาติปาเลสไตน์ (Palestinian Authority) บอกกับ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่จอร์แดนว่า การบังคับให้ชาวปาเลสไตน์ต้องอพยพครั้งนี้ไม่ต่างกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 1948 ที่คนปาเลสไตน์หลายแสนต้องหนีตายหรือถูกขับไล่ออกจากดินแดนที่เรียกว่า ‘อิสราเอล’ ในปัจจุบัน และพลเรือนกาซาส่วนใหญ่ก็คือลูกหลานของผู้ที่ต้องลี้ภัยในวันนั้น

ฉนวนกาซาได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างแออัดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และถูกปิดล้อมเอาไว้ทุกด้าน ซึ่งนอกจากมาตรการปิดล้อมของอิสราเอลแล้ว รัฐบาลอียิปต์ก็ไม่เต็มใจที่จะทำตามเสียงเรียกร้องให้เปิดพรมแดนฝั่งกาซาเพื่อช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ด้วย

ในเขตเวสต์แบงก์ กลุ่มผู้ประท้วงที่สนับสนุนกาซาได้ยิงปะทะกับกองกำลังความมั่นคงอิสราเอลจนเสียชีวิตไป 16 คน ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ ขณะที่หลายฝ่ายกังวลว่าความขัดแย้งครั้งนี้อาจลุกลามขยายวงกว้าง โดยเฉพาะบริเวณพรมแดนตอนเหนือของอิสราเอลฝั่งที่ติดกับเลบานอนซึ่งเกิดการปะทะอย่างรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าขีปนาวุธที่อิสราเอลยิงข้ามเข้าไปยังตอนใต้ของเลบานอนเมื่อวานนี้ (13 ต.ค.) ส่งผลให้ อิสซาม อับดัลลาห์ (Issam Abdallah) ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ เสียชีวิต และยังมีนักข่าวคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บอีก 6 คน

ระเบิด 'โรงพยาบาลฉนวนกาซา' ดับครึ่งพัน ส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็ก 'ฮามาส' ชี้!! นี่คืออาชญากรรมสงคราม ฟากอิสราเอลปัดเอี่ยว

(18 ต.ค. 66) เกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่โรงพยาบาลในฉนวนกาซาซึ่งเต็มไปด้วยผู้ได้รับบาดเจ็บรวมถึงชาวปาเลสไตน์อื่น ๆ ที่หาพี่พักพิงเพื่อหลบหนีความรุนแรง เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นกระทรวงสาธารณสุขกาซา ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 500 ราย

เหตุระเบิดโรงพยาบาลที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงครั้งนี้ เกิดขึ้นที่อัล-อะห์ลี ซึ่งมีสภาพไม่ต่างจากโรงพยาบาลอื่น ๆ ในฉนวนกาซาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ที่เต็มไปด้วยชาวปาเลสไตน์จำนวนมากซึ่งพากันลี้ภัยไปอยู่ในโรงพยาบาล โดยหวังว่าพวกเขาจะรอดพ้นจากการทิ้งระเบิด หลังจากอิสราเอลได้สั่งให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองทั้งหมดรวมถึงพื้นที่โดยรอบทางตอนเหนืออพยพลงไปยังพื้นที่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา

ภาพวิดีโอที่ได้รับการยืนยันว่า มาจากโรงพยาบาลที่เกิดเหตุแสดงให้เห็นเพลิงไหม้ลุกท่วมอาคาร ขณะที่บริเวณโรงพยาบาลเต็มไปด้วยศพผู้คนที่ฉีกขาดจากแรงระเบิด ผู้เสียชีวิตจำนวนมากเป็นเพียงเด็กเล็ก ซึ่งรอบศพของพวกเขาที่อยู่บนพื้นหญ้ามีผ้าห่ม เป้สะพายหลังของโรงเรียน และข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ กระจัดกระจายอยู่

หลังเกิดเหตุระเบิดทั้งรถพยาบาลและรถยนต์ส่วนตัวได้เร่งนำผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 350 คนไปยังโรงพยาบาลอัล-ชิฟา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักในฉนวนกาซาที่เต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บจากการโจมตีจากที่อื่นๆ อยู่แล้ว โดยสภาพภายในโรงพยาบาลผู้บาดเจ็บต่างนอนจมกองเลือดบนพื้นและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

ด้าน อิสราเอลและปาเลสไตน์ ต่างกล่าวโทษกันและกันว่าเป็นฝ่ายยิงจรวดใส่โรงพยาบาลดังกล่าว โดยฮามาสอ้างว่าเป็นการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล และเรียกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นการสังหารหมู่ที่น่าสยดสยอง

ขณะที่ กองทัพอิสราเอล ก็กล่าวโทษว่าโรงพยาบาลถูกโจมตีจากจรวดที่ยิงพลาดเป้าของกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตล์ ที่ได้ทำการยิงจรวดจำนวนมากใกล้กับโรงพยาบาลในขณะนั้น โดยอ้างข่าวกรองจากหลายแหล่งที่อิสราเอลมีในมือซึ่งบ่งชี้ว่า กลุ่มญิฮาดอิสลามเป็นผู้รับผิดชอบต่อการยิงจรวดที่ล้มเหลวครั้งนี้

ในเวลาต่อมาฝ่ายสื่อของรัฐบาลฮามาสได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า การโจมตีโรงพยาบาลในฉนวนกาซาถือเป็นอาชญากรรมสงคราม เพราะโรงพยาบาลเป็นที่พักพิงของผู้ป่วยและผู้ได้รับบาดเจ็บหลายร้อยคน รวมถึงผู้ที่ถูกบังคับให้ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นจากบ้านเรือนของตนเอง และขณะนี้มีเหยื่อหลายร้อยคนยังคงติดอยู่ภายใต้ซากปรักหักพังของโรงพยาบาลดังกล่าว

ขณะที่โฆษกของกองทัพอิสราเอลไม่สามารถยืนยันได้ว่าพวกเขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อเหตุที่เกิดขึ้น หรือไม่โดยบอกเพียงว่ากำลังตรวจสอบอยู่

นอกจากเหตุโจมตีโรงพยาบาลแล้ว องค์กรบรรเทาทุกข์และจัดหางานแห่งสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านผู้ลี้ภัยสำหรับขาวปาเลสไตน์ของยูเอ็นยังระบุด้วยว่า รถถังของอิสราเอลได้ยิงจรวดโจมตีโรงเรียนของยูเอ็นในตอนกลางของฉนวนกาซา ซึ่งมีชาวปาเลสไตน์ลี้ภัยอยู่ราว 4,000 คน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 รายและได้รับบาดเจ็บอีกหลายสิบคน

นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานของยูเอ็นในพื้นที่ฉนวนกาซาอย่างน้อย 24 แห่งที่ถูกโจมตีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีเจ้าหน้าที่ของยูเอ็นเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 14 ราย

'ไบเดน' ย้ำชัด 'อิสราเอล' กับ 'ฮามาส' ไม่เคยเท่าเทียมกัน ให้ท้ายปฏิบัติทางทหารของอิสราเอลในกาซ่าไม่ใช่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ 

โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซ่าที่ผ่านมาไม่ใช่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หลังจากที่ศาลอาญาโลก (ICC) ได้ออกหมายจับ เบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล และ ยาห์ยา ซินวอร์ ผู้นำกลุ่มฮามาส ในข้อหาอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ โดยพิจารณาว่าการสู้รบในฉนวนกาซ่าอาจเข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์

โดย ยาห์ยา ซินวอร์ ผู้นำกลุ่มฮามาส มีความผิดจากการใช้กองกำลังติดอาวุธโจมตีชุมชนชาวยิว ในเขตแดนอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,000 คน

ส่วน เบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ที่ตัดสินใจใช้กำลังทหารโจมตีเขตฉนวนกาซ่า และกลายเป็นสงครามที่ทำให้มีชาวปาเลสไตล์เสียชีวิตมากกว่าหมื่นคน และ พลัดถิ่นอีกนับล้าน ก็ถูกตั้งข้อหาอาชญากรรมต่อมนุษยชาติเช่นกัน

คาริม ข่าน อัยการศาลอาญาโลก ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อสหรัฐฯว่า ทีมอัยการของ ICC กำลังเตรียมขอหมายจับ ยูอาฟ กัลลันท์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล และผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ ของกลุ่มฮามาสเพิ่มเติมด้วย 

และกลายเป็นงานหยิกเล็บ เจ็บเนื้อ ขึ้นมาทันที เมื่อ โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ออกมาประนามความเคลื่อนไหวขององค์กร ICC ว่า การขอหมายจับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอลและผู้นำกลุ่มฮามาสของศาลอาญาโลก เป็นการทำให้กลุ่มก่อการร้าย กับ พันธมิตรระดับสูงของสหรัฐฯ มีสถานะเท่าเทียมกัน สำหรับสหรัฐฯ ถือเป็นความพยายามที่อุกอาจมาก

โจ ไบเดนกล่าวว่า “ผมขอชี้แจงให้ชัดเจน ไม่ว่าอัยการ ICC จะสื่อถึงอะไรก็ตาม แต่สำหรับผมแล้วจะไม่มีความเท่าเทียมกันระหว่างอิสราเอลและฮามาส”

ไบเดนยังได้กล่าวในงานเลี้ยงฉลองเดือนแห่งมรดกของชาวอเมริกันเชื้อสายยิวใน Rose Garden บริเวณทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ (21 พฤษภาคม 2567) ที่ผ่านมาว่า "เป็นเรื่องที่ชัดเจนว่า อิสราเอลต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพลเมืองของตน และผมจะขอพูดชัดๆเลยว่า สิ่งที่เกิดขึ้น (ในฉนวนกาซ่า) ไม่ใช่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์"

ไบเดนยังให้คำมั่นสัญญาแก่ชาวยิว-อเมริกันว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อช่วยเหลือตัวประกันชาวอิสราเอล ที่ยังคงถูกจับกุมโดยกลุ่มฮามาสออกมาให้ได้ และขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือทุกอย่างตามที่อิสราเอลร้องขอเพื่อป้องกันตนเองจากกลุ่มฮามาส และศัตรูทั้งมวลของอิสราเอล

แต่โจ ไบเดน หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงแผนการของ เบนจามิน เนทันยาฮู ที่ได้ประกาศว่าจะใช้กองกำลังชุดใหญ่บุกโจมตีราฟาห์ เมืองทางตอนใต้ของกาซ่า และมีค่ายผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ที่หนีสงครามลงมาจากเมืองกาซ่าซิตี้นับล้าน ท่ามกลางกระแสต่อต้านอย่างกว้างขวางทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้นำอิสราเอลถูกหมายจับจาก ICC ในวันนี้จากคำสั่งการโจมตีทางทหารอย่างต่อเนื่อง รุนแรงในกาซ่าที่คร่าชีวิตพลเมืองปาเลสไตน์เป็นจำนวนมาก

แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้นำพากระแสต่อต้านเหล่านั้น และยังคงจัดส่งอาวุธให้แก่กองทัพอิสราเอล ซึ่งคำแถลงของ โจ ไบเดน ในวันนี้ก็ได้ย้ำชัดถึงจุดยืนของสหรัฐฯ ในการสนับสนุนทุกแผนการทหารของอิสราเอลอย่างเต็มที่ และเตรียมยื่นเรื่องถึงสภาคองเกรซในการขายอาวุธชุดใหญ่ให้แก่อิสราเอลในเร็วๆนี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top