Thursday, 4 July 2024
ขบวนเสด็จ

'โรม' แซะ!! 'ชาดา' อย่าให้เขาหาว่ารัฐบาลอยู่เบื้องหลังปลุกผี ด้าน 'ชาดา' ไม่ทน ซัดกลับอย่าโยงมั่ว พร้อมแฉขบวนการล้มเจ้า

(14 ก.พ. 67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดย นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปรายญัตติด่วนเพื่อขอให้รัฐบาลทบทวนมาตรการถวายความปลอดภัยของขบวนเสด็จฯ ตอนหนึ่ง โดยได้นำภาพประกอบขึ้นสไลด์เป็นภาพแกนนำกลุ่มอาชีวะราชภักดีถ่ายร่วมกับ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย และมีข้อความระบุพร้อมเซ็นเซอร์ข้อความบางส่วนในภาพว่า "พรุ่งนี้เจอปะทะไม่เจรจา ถ้า...ไม่พร้อม ทำดีไม่ได้ อย่าเนรคุณ เจอกันพรุ่งนี้ทะลุวัง ผู้ใหญ่ที่รู้จักของดนะครับ" และอภิปรายว่า วันนี้เราเห็นสัญญาณที่ชัดเจนในการสร้างความหวาดกลัว กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) มีการโพสต์ข้อความในโซเชียล ระบุว่า จะเชือดไก่ให้ลิงดูเก็บคุณตะวัน (น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ แกนนำกลุ่มทะลุวัง) เป็นคนแรก ขู่ฆ่าน้องหยก (ธนลภย์ ผลัญชัย สมาชิกกลุ่มทะลุวัง) ที่อายุ 15 ปี หรือกลุ่มอาชีวะราชภักดีที่ขู่ว่าจะจัดการนายสายน้ำ นี่คือกลุ่มคนที่จะนำความรุนแรง ความหวาดกลัวเข้ามาสู่สังคม ผ่านบุคคลสำคัญคือ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ที่มีการพูดถึงการเนรคุณแผ่นดินการปลุกปั่นแบบนี้ เป็นการปลุกปั่นให้สถานการณ์มันร้ายแรงกว่าความเป็นจริงมาก การปลุกปั่นแบบนี้จะทำให้คนทั้งสังคมไม่รู้สึกปลอดภัยแล้วท่านจะสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัยในเมื่อสุดท้ายผีที่ท่านสร้างขึ้นมาก็มาจากพวกท่านเอง

"ผู้นำของประเทศต้องห้ามปราม ไม่ให้คนฆ่าฟันกัน ตนพยายามดึงสติ หากความรุนแรงมันเกิดขึ้น สุดท้ายผู้ที่ใช้ความรุนแรงซึ่งวันนี้รู้สึกว่าใช้ความรุนแรงโดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร คนเขาจะหาว่ารัฐบาล คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มคนเหล่านี้อย่าให้ไปถึงจุดนั้นเลย" นายรังสิมันต์ กล่าว

ทำให้นายชาดา ลุกขึ้นตอบโต้นายรังสิมันต์ ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ว่า ส่อเจตนาที่ไม่ดีไม่ดีอย่างมาก สร้างความแตกแยกและคุณกำลังจะนำตนไปสู่สิ่งที่ไม่ถูกต้องและสร้างความเข้าใจผิดกับพี่น้องประชาชน ตนไม่ได้คิดจะอภิปรายแต่สิ่งที่ผู้แต่งเสียหาย เป็นการชี้จูงทางความคิดที่ท่านให้เด็กทำอยู่นั่น คือ ความรู้สึกของคนอกตัญญู มันไม่ใช่ความรู้สึกของคนที่ดี การกระทำอย่างนี้ไม่ถูกต้อง และไม่ใช่ลักษณะการอภิปรายเชิงสร้างสรรค์ ปากพูดบอกว่า ต้องการความสงบ ให้มองตั้งอยู่ตรงกลางแต่พฤติกรรมไม่ใช่ ตนอยู่ฟังตลอดเวลา เป็นการกระทำที่เสียหาย ประธานที่ประชุมอนุญาตได้อย่างไร มีบุคคลแบบนี้ เสนอแบบนี้ อนุญาตได้อย่างไร ถ้าตนจะเสนอแบบนี้จะมีปัญหาหรือไม่

"ผมไม่อยากพูดว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และไม่เกี่ยวกับญัตติ ประธานอนุญาตได้อย่างไร ประธานต้องมาขอโทษผมว่าปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นกลาง การที่ท่านเอารูปบุคคลใดออกมาแล้วมีผม ผมไม่ฟ้องญัตตินี้เป็นเรื่องของขบวนเสด็จที่ทำร้ายจิตใจประชาชน แต่ท่านกำลังเอาเรื่องนอกประเด็นเอาเรื่องผลของกระทำมาผมจะพูดให้ฟังเด็กกระทำผิดกฎหมายกี่ครั้งแล้ว ถ้าเป็นการแสดงออกด้วยหัวใจของคนไทยไม่มีปัญหาแต่มันมีขบวนการในประเทศนี้ที่จะล้มล้างบั่นทอน อย่าพูดว่าไม่มี ถ้าพูดแบบนี้ ทำกับผมแบบนี้ เดี๋ยวผมจะพูดให้หมด ผมไม่อยากจะพูด เพราะวันนี้หัวใจรักชาติของผมมันเต็มเปี่ยม แต่สิ่งที่ท่านทำมันไม่ใช่ความคิดสร้างสรรค์ แต่ปากบอกสร้างสรรค์ ปากบอกพัฒนา แต่สิ่งทำเมื่อกี๊นี้ ผมขออนุญาตบอกว่าเลวทรามมาก ในความรู้สึกผม" นายชาดา กล่าว

นายชาดา กล่าวต่อว่า ใครเป็นคนปล่อยภาพนี้ออกมา ตนขอถามประธาน อภิปรายอยู่ดีๆ สร้างปัญหาเอง อย่าพูดว่าไม่มีขบวนการล้มเจ้า มันมี ตนพร้อมไปพูดกับทุกคนที่ปกป้องสถาบัน แต่เขาจะเอาไปทำอะไร ตนไม่รู้ ตนไม่เกี่ยว มันคนละเรื่อง มันต้องมีสามัญสำนึกในการกระทำ อย่ามาพูดูดีแต่ปฏิบัติไม่ดี เดี๋ยวตนจะลุกโต้ทุกคนที่พูด อย่ามาขัดแย้งและทำในสิ่งไม่ถูกต้องกับตน อย่ามาเล่นใต้ดินกับตน และเรียกร้องไม่ให้คนอื่นเล่นใต้ดิน ดังนั้นประธานต้องบอกว่าใครอนุญาตให้นำรูปขึ้นสไลด์ ประธานในที่ประชุม หรือประธานรัฐสภา หรือเจ้าหน้าที่มีวิจารณญาณ มีสมองหรือไม่เราชอบพอกัน ความคิดเห็นย่อมแตกต่าง ตนเข้าใจเมื่อวันที่ท่านไม่ได้เป็นนายกฯ แต่ตนไม่เคยสร้างความขัดแย้งกับพรรคการเมือง หรือนักการเมือง คิดต่างไม่เป็นไร แต่อย่ามาทำมือถือสากปากถือศีล

ทำให้ นายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ซึ่งมารับช่วงทำหน้าที่ประธานที่ประชุมต่อจาก นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ชี้แจงว่า ตนไม่ได้ดูจริงๆ ว่ามีการพาดพิง และมีการนำเสนอไปแบบนั้น แต่ตนจะหาคำตอบให้ว่าอนุญาตได้อย่างไร ก็ขอให้นายรังสิมันต์ อย่าตอบโต้ เพราะเขาคือผู้เสียหายต้องให้ชี้แจง

ขณะที่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นายชาดามีสิทธิ์ชี้แจง แต่ขอให้ใจเย็นๆ นิดหนึ่ง เพราะถ้าฟังการอภิปรายตนขึ้นรูป เราไม่ได้ปรักปรำว่านายชาดาไปอยู่เบื้องหลัง แต่สิ่งที่ต้องบันทึกไว้ แน่นอนว่านายชาดาไม่ได้อยู่เบื้องหลัง แต่ผู้ที่เขานำไปกระทำความรุนแรงต่างๆ ล่ะ โดยนายรังสิมันต์ได้ขอให้ประธานที่ประชุมนำภาพดังกล่าวขึ้นสไลด์อีกครั้ง พร้อมระบุว่า ประโยคที่อยู่ในภาพไม่ใช่คำพูดของนายชาดา แต่เป็นประโยคของผู้ที่กระทำความรุนแรง ซึ่งเขาอาจคิดด้วยซ้ำว่าเขาได้รับแบ็คอัพ ทั้งที่ความเป็นจริงอาจไม่มีคนอยู่เบื้องหลังก็ได้ ดังนั้น เรานักการเมืองทั้งหลายถูกโยงกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ จึงอยากให้มีสติ

ทำให้ นายชาดา ลุกขึ้นกล่าวโต้อีกครั้งว่า การกระทำมันบ่งบอกถึงเจตนาชัดเจน แต่คนที่พิจารณากฎหมายก็มีอยู่ คาดตา ปิดหน้าก็ได้ แต่อย่ามาบอกว่านักการเมืองถูกโยง เจตนาท่านบอกว่าตนอยู่เบื้องหลัง ถ้าตนอยู่เบื้องหลังสนุกกว่านี้เยอะ อย่าให้มีพฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้นในสภาฯ อีก ตนถือว่านายรังสิมันต์ไม่ใช้สติในการพิจารณาการกระทำ ถ้ารับไม่ได้ก็ไปอยู่ประเทศอื่น คนไทยทุกคนยอมรับได้ จะรอซักเท่าไหร่ มีแผ่นดินอยู่ มีแผ่นดินคุ้มกะลาหัว

'โฆษก กห.' เผย ‘ในหลวง’ ทรงมีรับสั่งปรับขบวนเสด็จให้สัญจรได้ร่วมกับ ปชช. แม้ปัจจุบันจะไม่มีการปิดการจราจรเมื่อมีขบวนเสด็จฯ มานานแล้วก็ตาม

(15 ก.พ. 67) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) นายสุทิน​ คลังแสง​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภากลาโหม​สัญจร​ ครั้งที่​ 2/2567 ถึงกรณีการปกป้องสถาบัน ภายหลังนักกิจกรรมบีบแตรใส่ขบวนเสด็จ ในการประชุมสภากลาโหมวันนี้มีการพูดคุยถึงกรณีดังกล่าว และก่อนหน้านี้ก็เฝ้าติดตามสถานการณ์เรื่องนี้มาโดยตลอด พร้อมกับได้สั่งการทุกเหล่าทัพที่มีหน้าที่ในเรื่องดังกล่าว ได้เกาะติดสถานการณ์ และสกัดกั้นไม่ให้เกิดเหตุการณ์อีก

ขณะที่​ พลเรือตรี​ธนิตพงศ์ สิริเศวตศักดิ์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันไม่มีการปิดการจราจรเมื่อมีขบวนเสด็จฯ นานแล้ว ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความห่วงใยประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากขบวนเสด็จฯ ทั้งขบวนเสด็จฯของพระองค์ และพระบรมวงศานุวงศ์ จึงทรงมีพระราโชบาย มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดแนวทางอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้มีความเหมาะสม มีการจัดช่องทางให้เสด็จฯ ในส่วนของพระองค์ และช่องทางของประชาชน

ในส่วนของฝ่ายความมั่นคงก็จะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ.2557 และ 2560 และดำเนินการถวายพระเกียรติต่างๆ ในการปฏิบัติภารกิจ ให้เป็นไปตามพระราชประสงค์

‘หนิง นิรุตติ์’ ออกโรงเตือน!! แก๊งทะลุงวัง หลังป่วนขบวนเสด็จ

เมื่อวานนี้ (14 ก.พ. 67) ช่องติ๊กต็อก Thinkingradio FM96.5 คลื่นความคิด ได้เผยแพร่วิดีโอสัมภาษณ์ นิรุตติ์ ศิริจรรยา นักแสดงและพิธีกรอาวุโส ที่ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีกลุ่มทะลุวังป่วนขบวนเสด็จฯ สรุปได้ดังนี้

“สำหรับคนรุ่นผม ทุกครั้งที่มีขบวนเสด็จของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ พวกเราที่ใช้รถใช้ถนน จะหยุดและยืนดู ไม่มีการวิ่งเข้าไปหา หรือแทรกแซงใด ๆ พวกเราจะแค่เฝ้าชมพระสิริโฉม ยิ่งในต่างจังหวัด จะมีการปิดถนน ประชาชนจะเอาเสื่อมาปูข้างถนน ได้เห็นแค่เสี้ยววินาที แล้วทุกคนจะเปล่งเสียงว่า ‘ทรงพระเจริญ’ ทุกคนจะรู้สึกปิติ รู้สึกดีใจที่ได้เห็นพระองค์…

“ในปัจจุบันนี้เราได้ยินได้เห็นสิ่งที่มิบังควรที่จะเกิดขึ้นกับราชวงศ์บ่อยครั้ง มีการจับกุม และการปล่อยตัวออกมาหลายครั้ง แต่ประเด็นคือมีผู้ใหญ่บางกลุ่มที่คิดว่าสนับสนุนเด็ก และพูดว่า “จะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าใช้ความรุนแรง” นั่นคือการส่งเสริมให้เด็กทำอะไรก็ได้ และห้ามคนที่ไม่เห็นด้วย อย่าใช้ความรุนแรง แต่ไม่ได้บอกเด็กว่า ห้ามใช้ความรุนแรง…

“การที่ขับรถเร็ว บีบแตร พยายามตามเข้าไปในขบวนเสด็จ แล้วบอกว่านี้คือการใช้ความละมุนละม่อม และเมื่อเจ้าหน้าที่มาสกัดไม่ให้ทำ กลับเถียงเจ้าหน้าที่ ใช้คำพูดไม่เหมาะสม ซึ่งในความเป็นจริงขบวนเสด็จใช้เวลาไม่นาน หรือหากใช้เวลามากสักนิดหนึ่ง แต่ก็เพราะท่านกำลังไปทำภารกิจเพื่อประชาชน…

นายนิรุตติ์ กล่าวต่อว่า “หากให้เหตุผลว่า คุณไปงานหนึ่ง และกำลังไปต่ออีกงาน นั่นคือคุณกำลังทำเพื่อตัวคุณเอง แต่สำหรับพระองค์ท่าน ท่านทำเพื่อประชาชน และใช้เวลาแค่ 31 วินาที คุณรอไม่ได้เลยเหรอ? จำเป็นต้องพุ่งเข้าไปในขบวนเสด็จเลยเหรอ? และการบีบแตรที่เกิดขึ้น ก็ถือเป็นการใช้ความรุนแรงแล้ว…

“สมเด็จพระเทพฯ หรือว่าพระราชวงศ์ต่าง ๆ ที่เสด็จ ไม่ได้ทําให้ตัวพระองค์ท่านเอง เพราะท่านคิดว่าทุก ๆ คนในประเทศไทย คือตัวของท่านเอง เป็นเหมือนเพื่อนฝูงของท่าน เป็นเหมือนคนของท่าน”

“คุณต้องแยกให้ออกว่า คนเหมือนกันทําอะไรก็ได้เหมือนกันเหรอ? ผมว่าไม่ใช่นะ…คนเหมือนกัน แต่คนที่ไม่ใช่คนนั้น มันไม่ใช่คนเหมือนกัน ถ้าคุณมีความคิดที่กระทําแบบนี้ คุณคือคนที่ไม่ใช่คน คงจะรู้ว่าคนที่ไม่ใช่คนมันเป็นอะไร ถ้าคนที่เป็นคนเขาจะไม่คิดทําตนแบบนี้” นายนิรุตติ์ ทิ้งท้าย

‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ ชี้!! คนสันหลังหวะออกมาดิ้นพล่าน หลังปวงชนชาวไทย พร้อมใจใส่เสื้อสีม่วงทั้งแผ่นดิน

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 67 นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Nantiwat Samart’ ระบุว่า…

“สะดุ้งเป็นแถวๆ

ปวงชนชาวไทยที่รักพระเทพฯ สวมเสื้อสีม่วงทั้งแผ่นดิน ทำเอาคนสันหลังหวะดิ้น ออกมากระแนะกระแหน

ยืนยันว่า การกดแตรไล่รถขบวนเสด็จฯ เป็นการคุกคามหาเรื่อง ไม่ใช่เสรีภาพหรือสิทธิเท่าเทียม
ขบวนเสด็จฯ ถือเป็น VVIP ไม่ใช่แค่รถนำขบวนทั่วไป ตำรวจต้องถวายอารักขาให้ปลอดภัย จากการก่อการร้าย การประทุษร้าย

พวกเดียวกันหาทางช่วย ร้องเรียกหาหลักฐานความผิด เรื่องเล็กอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ นี่คือเกมเดินสามขา เกมในสภาฯ ประสานนอกสภาฯ ด้วยความช่วยเหลือจากเอ็นจีโอ และทูตต่างชาติ ประเทศไหนไม่บอก

ยอมให้ฝรั่งปั่นหัว เพื่อประโยชน์ฝรั่ง ตกเป็นขี้ข้าต่างชาติ รับเงินต่างชาติ ความขัดแย้งในชาติที่มีฝรั่งชักใย สุดท้าย ไทยจะเป็นยูเครน ใครจะได้ประโยชน์?

คนไทยเป็นคนใจอ่อน ไม่ชอบความรุนแรง ไม่อยากให้คนในชาติเผชิญหน้ากัน ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายเต้นก๋าๆ ท้าต่อย ท้าตี คนไทยทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ต้องกลัวการเผชิญหน้า”

ครอบครัว ‘ตะวัน-แฟรงค์’ ขอยื่นประกันตัวลูก วอนศาลเมตตา พร้อมสัญญาจะดูแลทั้งคู่ให้กลับตัวกลับใจ ทำแต่สิ่งดีๆ

(24 ก.พ. 67) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ความคืบหน้าคดีที่พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลดินแดน ได้ยื่นคำร้องฝากขัง นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ‘ตะวัน’ อายุ 22 ปี นักเคลื่อนไหวกลุ่มทะลุวัง และนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือ ‘แฟรงค์’ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาที่ 1-2 ข้อหามาตรา 116, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา และร่วมกันกระทำด้วยประการใดอันเป็นการก่อความเดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณะ, ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายให้ไว้ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร

กรณีเหตุการณ์ที่ น.ส.ทานตะวัน หรือ ‘ตะวัน’ ร่วมกับนายณัฐนนท์ หรือ ‘แฟรงค์’ นักเคลื่อนไหวกลุ่มทะลุวัง พยายามขับรถแซงขบวนเสด็จบนทางด่วน พร้อมบีบแตรรถยนต์ลากยาวระหว่างขบวนเสด็จผ่าน และใช้ถ้อยคำดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ถวายความปลอดภัย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ฝากขังและไม่ให้ประกันในคดี

ล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ นายสมหมาย ตัวตุลานนท์ พ่อของ น.ส.ทานตะวัน ได้มายื่นขอให้ศาลอาญาพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวทั้ง 2 คน

ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก Friends Talk โพสต์คำร้องขอประกันตัวของทั้งคู่ ระบุว่า…

“ศาลที่เคารพ ขณะนี้ลูกสาวของผม นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ซึ่งถูกสั่งให้ขังอยู่ใต้ความควบคุมของเรือนจำ ป่วยหนัก ขอให้ศาลปล่อยลูกผมออกมา เพื่อให้ผมสามารถรักษาชีวิตของลูกไว้ด้วยครับ

วันนี้เป็นวันมาฆบูชา เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา ได้ทำการอดอาหาร และน้ำ จนมีอาการวิกฤตอยู่ขณะนี้ ทำให้เขาสามารถเสียชีวิตในเวลาอันใกล้ ซึ่งข้าพเจ้าได้ไปเยี่ยมเมื่อวาน (23/2/67) เขามีอาการซีด ผอม และทรมานมาก ข้าพเจ้าจึงขอให้ศาลโปรดเมตตาในการช่วยชีวิตบุตรีของข้าพเจ้า อีกทั้งจะให้เขาได้กลับตัว กลับใจ ทำในสิ่งดีดี เพื่อลบล้างสิ่งไม่ดีในอดีต

อนึ่งขอให้ศาลโปรดเมตตา น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ บุตรีของข้าพเจ้า เพื่อได้ออกมาสู้คดีอย่างยุติธรรม

ข้าพเจ้าให้สัญญาว่าจะดูแล น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ บุตรีของข้าพเจ้า ไม่ให้มีความประพฤติที่ไม่สมควรอีก และจะนำบุตรีของข้าพเจ้ามาตามนัดของเจ้าหน้าที่และศาลอย่างเคร่งครัด

ขอให้ท่านโปรดเมตตา”

ขณะที่คำร้องขอประกันนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือ ‘แฟรงค์’ ระบุว่า…

“ศาลที่เคารพ ขณะนี้ นายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร ผู้ซึ่งเป็นพนักงานของข้าพเจ้า และได้อยู่กับข้าพเจ้า เปรียบเสมือนบุตรอีกคนของข้าพเจ้า อยู่ใต้ความควบคุมของเรือนจำ ป่วยหนัก ขอให้ศาลปล่อยนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร ให้ผมสามารถรักษาชีวิตของเขาได้

วันนี้เป็นวันมาฆบูชา เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา การที่นายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร ได้ทำการอดอาหารจนอาการในขณะนี้มีวิกฤต ทำให้อาจทำให้เสียชีวิตได้ในไม่ช้า จึงขอความกรุณาจากศาลให้ท่านปล่อยตัวนายณัฐนนท์ ให้เขาได้ประพฤติตัว และแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด และทำความดีให้กับสังคมในครั้งต่อไป

ข้าพเจ้าขอให้สัญญาว่า จะอบรมสั่งสอนให้นายณัฐนนท์ไม่ให้มีความประพฤติที่ไม่สมควร และจะพามาพบเจ้าหน้าที่และศาลตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด”

‘สนธิญา’ ค้านประกันตัว ‘ตะวัน’ ชี้!! พฤติกรรมไม่เคยสำนึกผิด ย้อนถาม ‘พ่อ’ เป็นไม่ได้ที่จะไม่รับรู้เรื่องของลูกสาวตัวเอง

(24 ก.พ. 67) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีพ่อของ น.ส.ทานตะวัน หรือ ‘ตะวัน’ และครอบครัวของนายณัฐนนท์ หรือ ‘แฟรงค์’ นักเคลื่อนไหวกลุ่มทะลุวัง เข้ายื่นขอให้ศาลอาญาพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวทั้ง 2 คน โดยระบุว่า…

“คัดค้านการร้องขอประกันตัว ของ ‘ตะวัน’ ขวางขบวนเสด็จ ตามที่พ่อของตะวัน ออกมาเขียนคำร้องถึงศาลอาญา กรณีการที่ตะวัน ขวางขบวนเสด็จและเมื่อถูกแจ้งดำเนินคดี ก็แสดงการขัดขืนใช้วิธีการอดข้าวประท้วง และมีข้อเรียกร้องที่ไม่สำนึกในการกระทำเช่นปกติผ่านมา

การกระทำของตะวัน ผ่านมาเป็นลำดับและมีคดีผิดมาตรา 112 มาแล้ว 2 คดี และไม่สำนึก ไม่เคารพคำตกลงกับศาลอาญาในการประกันตัว และเป็นข่าวใหญ่เคลื่อนไหวตลอดมา และเป็นไปไม่ได้ที่พ่อของตะวัน จะไม่รับรู้เหตุการณ์เหล่านี้ตลอดมาปล่อยปละละเว้นให้ผู้ใต้ปกครองกระทำการที่จาบจ้วง ย่ำยีสถาบันและกฎหมายตลอดมา เป็นการท้าทายทั้งกฎหมายและความรู้สึกของสังคมอย่างรุนแรงตลอดมา ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในประเทศ

ด้วยเหตุผลทั้งหมด ข้าพเจ้านาย สนธิญา สวัสดี ที่เป็นผู้ร้องแจ้งดำเนินคดีต่อ ตะวัน จำนวน 2 ครั้ง กรณี ขวางขบวนเสด็จ และร้องให้ตำรวจเสนออัยการยกเลิกการขอประกันตัว กรณีการทำผิดเงื่อนไขแบบตั้งใจของตะวัน ที่พ่อของตะวันย่อมรู้เงื่อนไขตลอดมา ในข้อตกลงของตะวัน และศาลอาญา เจ้าของคดี ด้วยเหตุผลดังกล่าว

1.) ข้าพเจ้าเรียกร้องศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวตะวัน ตามคำร้องของพ่อตะวันเรียกร้อง

2.) กรณีการอดอาหารของตะวัน ก็เป็นการแสดงการไม่ยอมรับกระบวนการกฎหมายของประเทศไทย

3.) ยังมีข้อเรียกร้องที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายบัญญัติไว้

4.) การอดข้าวประท้วงกฎหมายครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 ของตะวัน ที่ได้รับการปฏิบัติดูแลจากราชทัณฑ์เป็นอย่างดี โดยส่งไปยังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ด้วยเหตุผลทั้งหมด ข้าพเจ้าจึงเรียกร้องไปยังศาลอาญาคัดค้านการประกันตัว ตะวัน ตามที่พ่อ ตะวันร้องขอ และในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.30 น. ข้าพเจ้าจะเดินทางไปที่ศาลอาญารัชดา เพื่อร้องคัดค้านการประกันตัว ตะวัน ต่อไป จึงกราบเรียนมาเพื่อทราบครับ”

‘ศาลอาญา’ ไม่ให้ประกันตัว ‘ตะวัน-แฟรงค์’ คดีป่วนขบวนเสด็จฯ พร้อมเผย ทั้งคู่มีแพทย์ดูแลอาการเจ็บป่วยอย่างใกล้ชิดแล้ว

(25 ก.พ.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ระบุว่า…

13.50 น. ศาลอาญามีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว ‘ตะวัน-แฟรงค์’ อีกครั้ง

ศาลเห็นว่า ศาลเคยมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสอง โดยระบุเหตุผลไว้ชัดเจนแล้ว ส่วนกรณีอาการเจ็บป่วยของผู้ต้องหาทั้งสอง ขณะนี้อยู่ภายใต้การดูแลรักษาของแพทย์โดยใกล้ชิดแล้ว กรณีกรณียังไม่เหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาผู้ต้องหาทั้งสอง ยกคำร้อง

ก่อนหน้านี้ ศาลระบุ วันที่ 25 ก.พ. 67 เป็นวันครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองครั้งที่สอง เพื่อให้การสั่งปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาเป็นไปด้วยความรอบคอบ สมควรฟังความเห็นของพนักงานสอบสวนประกอบด้วย และให้ผู้ร้องนำเอกสารใบรับรองแพทย์มาแสดงเพิ่มเติม (ถ้ามี)

ทั้งสองถูกคุมขัง ในคดี #ม116 จากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่า บีบแตรใส่ขบวนเสด็จของพระเทพฯ และอดน้ำ-อาหารเข้าวันที่ 12 แล้ว ข้อมูลจากการเข้าเยี่ยม อาการของตะวัน แย่มาก แทบไม่มีเสียงพูด ขณะที่อาการของแฟรงค์ก็แย่มากเช่นกัน

โดยจากวันนี้ ทั้งตะวันและแฟรงค์จะถูกฝากขังผัดที่ 2 ถึงวันที่ 8 มี.ค. 67


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top