Thursday, 4 July 2024
ขบวนเสด็จ

‘โฆษก รทสช.’ อัด!! ‘พิธา’ หยุดใช้วาทกรรมคนรุ่นใหม่ ปม ‘ตะวัน’ ชี้ ป่วนขบวนเสด็จฯ เป็นเรื่องผิดกฎหมาย ไม่เกี่ยวกับเจนเนอเรชัน

(11 ก.พ.67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรีในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการที่ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน ก่อเหตุก่อกวนขบวนเสด็จ  ว่า ตนได้ฟังแล้วรู้สึกไม่สบายใจที่ นายพิธา พยายามใช้วาทกรรมคนรุ่นใหม่มาแบ่งแยกคนในสังคม

เพราะกรณีนี้ เป็นเรื่องของคนที่ทำผิดกฎหมาย และเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นสิ่งที่ นายพิธา ควรจะออกมาแสดงความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นอดีตนายประกันให้กับ น.ส.ทานตะวัน และเคยอภิปรายสนับสนุน น.ส.ทานตะวันในสภา ควรจะออกมาแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้ กับการกระทำดังกล่าวที่เป็นการกระทำที่ย่ำยีหัวใจคนไทยเป็นจำนวนมาก

“ผมจึงอยากบอกกับนายพิธาว่า ขอให้เลิกใช้วาทกรรมคนรุ่นใหม่กับคนทุกรุ่นได้แล้ว เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่ หรือคนรุ่นไหน แต่มันเป็นเรื่องของคนที่ทำผิดกฎหมายและเป็นเรื่องของคนที่ไม่รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ อย่าใช้วาทกรรมมาปลุกระดมคนรุ่นใหม่ เพราะคนรุ่นใหม่อีกจำนวนมากก็ไม่ได้เห็นด้วย และรังเกียจกับการกระทำของ น.ส.ทานตะวัน กับพวกในครั้งนี้” โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าว

นอกจากนี้ นายอัครเดช ยังกล่าวอีกว่า จากกรณีนี้มีแกนนำและสส.ของพรรคก้าวไกล ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมดังกล่าว แทนที่นายพิธาจะออกมาประณามการกระทำดังกล่าว กลับออกมาพูดคล้ายแบ่งแยกคนในสังคม ที่จะสร้างความแตกแยกให้กับคนในสังคมอีกหรือไม่ จึงขอให้นายพิธาได้กลับไปทบทวนสิ่งที่ตัวเองได้กระทำ ทั้งการเคยไปประกันตัว น.ส.ทานตะวัน และการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ออกมา ว่ามันเป็นการย่ำยีหัวใจคนไทย ที่รักและเทิดทูนสถาบันเป็นจำนวนมากหรือไม่

‘ธนกร’ จี้!! ‘พิธา-ชัยธวัช’ เตือนกลุ่มทะลุวัง หยุดก้าวล่วงสถาบันฯ แนะ ‘ก้าวไกล’ กลับไปทบทวนนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งดูใหม่

(11 ก.พ. 67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มทะลุวัง กับกลุ่มศูนย์รวมประชาชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. บริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าสยาม ว่า ตนเข้าใจถึงความไม่พอใจของกลุ่มศปปส.ที่ไม่เห็นด้วยกับการขับรถ บีบแตร รบกวน ขบวนเสด็จฯ และประเทศกิจกรรมทำโพลในเรื่องดังกล่าว โดยเชื่อว่าคนไทยทั้ง รวมถึงตนเองนั้น ก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน แต่การใช้ความรุนแรไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดี จึงขอให้ทุกฝ่ายหยุดสร้างความขัดแย้ง ทำร้ายร่างกายถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และแย้ง และไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา คนไทยด้วยกันต้องรักกันสามัคคีกัน ส่วนกลุ่มทะลุวังออกมาเคลื่อนไหวดังกล่าว ทุกคนต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ได้กระทำ ตามกระบวนการกฎหมายซึ่งคดีความอยู่ในชั้นศาลหลายคดีอยู่แล้ว

นายธนกร กล่าวถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกลและนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ดูเหมือนไม่ได้ออกมาตักเตือนกลุ่มทะลุวัง แต่ยังมองว่าควรเปิดพื้นที่ให้เยาวชนแสดงความเห็นและโยงไปถึงการเสนอนิรโทษกรรมคดีด้วยนั้น แม้ว่านายพิธาจะเคยเป็นนายประกันให้ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ‘ตะวัน’ ในคดีทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และปัจจุบันจะถอนจากการเป็นนายประกันก็ตาม ทั้งนายพิธาและนายชัยธวัช ควรตักเตือนกลุ่มดังกล่าวให้หยุดก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความเข้าใจใหม่ ให้มีการแสดงออกทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์และถูกต้องตามกฎหมายจะดีกว่า

หากจะดีกว่านั้น ควรพูดคุยกับเครือข่ายเยาวชน ให้หันมาช่วยกันพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อภาพรวมจะดีกว่า พื้นที่พูดคุยสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศมีอยู่แล้ว แต่คงไม่ใช่เรื่องที่กลุ่มทะลุวังเคลื่อนไหวอยู่

“การที่นายชัยธวัชและนายพิธา ไม่ได้ตักเตือนกลุ่มเยาวชนที่ออกมาเคลื่อนไหวในทางที่ผิด และยังมองว่าเป็นความคิดเห็นที่แตกต่าง ควรเปิดพื้นที่ให้แสดงออกนั้น น่าจะมาจากความเข้าใจที่ผิดตั้งแต่ต้น เพราะสถาบันฯ ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ที่สำคัญเป็นการทำผิดคดีอาญาที่ร้ายแรง ไม่ควรเหมารวมว่าเป็นคดีทางการเมือง ที่จะเสนอสภาฯ ให้มีการนิรโทษกรรมได้ ขอให้พรรคก้าวไกล ทบทวนเรื่องนี้โดยด่วน ควรกลับไปพูดคุยกับเครือข่ายให้หยุดก้าวล่วงสถาบันฯ และหันมาช่วยกันพัฒนาประเทศในด้านที่เป็นประโยชน์จะดีกว่า เพราะผมเชื่อว่าองค์ความรู้ที่ทันโลกของคนรุ่นใหม่ จะช่วยพัฒนาประเทศได้ จะมายุ่งกับสถาบันฯ อันเป็นที่รักและศรัทธาของคนไทยทำไม” นายธนกร กล่าว

'ตะวัน' โพสต์แจง 4 ข้อ ปมขบวนเสด็จฯ  ยัน!! เป็นความจริง เชื่อหรือไม่ก็ตามแต่

(12 ก.พ.67) น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ อายุ 20 ปี สมาชิกกลุ่มทะลุวังและนักกิจกรรมอิสระ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Tawan Tantawan' ระบุว่า...

ความจริง คือ...

1. วันนั้นเราเพิ่งกลับจากงานศพ และมีธุระจะไปทำแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

2. เราไม่ได้รู้ว่าจะมีขบวนเสด็จ และไม่ได้มีความตั้งใจจะไปป่วน รวมถึงไม่ได้ขวางขบวนตามที่เป็นข่าว เพราะหากใครดูคลิปจริงๆ ก็จะรู้ว่าเราไม่ได้ขวางขบวนหรือปาดหน้าขบวนตามที่สื่อหลายช่องบอก แต่เพียงขับรถเร็วและไม่ระมัดระวังจริงๆ เพียงเพื่อจะรีบไปให้ถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิตามที่เราจะไปทำธุระ

3. เราทบทวนเหตุการณ์นั้น และคิดได้ว่าการขับรถเร็วและไม่ระมัดระวังแบบนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ จึงได้ขอโทษในส่วนนี้ไป และจะนำไปปรับปรุงเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก

4. เรายังคงยืนยันในสิทธิและเสรีภาพในการตั้งคำถามแบบที่เราได้ถามไปตามไลฟ์โดยที่เราเรียกตำรวจว่าพี่และ 'ตัวเรา' ไม่ได้พูดคำหยาบใดๆ กับตำรวจ มีเพียงการตั้งคำถามเท่านั้น

นี่คือความจริงทุกตัวอักษร จะเชื่อหรือไม่เป็นสิทธิของทุกคน 

ที่มีคนบอกว่าเราขวางหรือขับรถตามขบวนเสด็จ ไม่เป็นความจริง

ขอบคุณค่ะ
ทานตะวัน ตัวตุลานนท์
11 ก.พ. 2567

'ชทพ.' หนุน 100% ยื่นญัตติด่วนถวายอารักขาขบวนเสด็จฯ  ชี้!! ถ้าอยากเรียกร้องรักษาสิทธิ ก็ต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น 

(12 ก.พ.67) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเตรียมเสนอญัติด่วนเกี่ยวกับเรื่องการถวายอารักขาขบวนเสด็จ ว่า…

ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่าว่าแต่ในประเทศไทยเลย เพราะในทุก ๆ ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ขบวนของประธานาธิบดีจะมีการอารักขา มีการปิดถนนอย่างแน่นหนามาก หากมีผู้ใดแทรกแซงเข้ามา ซึ่งตนเองเคยเห็นกับตา บวกกับในสารคดีก็จะเห็นว่าบุคคลผู้นั้น หรือยานพาหนะนั้น จะถูกปาดจนตกถนน หรือโดนล็อกตัวออกไป ดังนั้นประเทศไทยก็เช่นกัน การถวายอารักขาให้กับพระบรมวงศานุวงศ์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรานั้น ตนถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

“พรรคชาติไทยพัฒนาทำงานไม่ได้หลับหูหลับตา เราเห็น เราสัมผัสด้วยตัวเอง โดยเฉพาะการทำงานถวายพระบรมวงศานุวงศ์ ในสถาบันนั้น ได้ก่อให้เกิดการพัฒนาต่อประเทศไทยมากน้อยแค่ไหนเพียงใด ดังนั้นบางครั้ง การที่เราจะเรียกร้องให้มีการรักษาสิทธิของบุคคลต่าง ๆ นั้น แต่ละคนก็ต้องเข้าใจในการที่จะไม่ละเมิดสิทธิคนอื่นเช่นกัน ดังนั้น พรรคชาติไทยพัฒนาเราสนับสนุนญัตตินี้ร้อยเปอร์เซ็นต์” นายวราวุธ ระบุ

‘ผบ.ตร.’ ไม่เฉย!! จ่อแจ้งข้อหา ‘ทะลุวัง’ ป่วนขบวนเสด็จฯ ยัน!! เข้าใจสังคมเร่งรัด แต่บอกแนวทางหมดคงไม่เป็นผลดี

(12 ก.พ. 67) ที่ทําเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มทะลุวัง ก่อความวุ่นวายต่อขบวนเสด็จว่า นายกรัฐมนตรีได้เรียกไปพบ เพื่อพูดคุยเรื่องการถวายความปลอดภัยในขบวนเสด็จ ซึ่งนายกฯ มีความเป็นห่วงในเรื่องช่องโหว่ แต่ยืนยันว่าเราวางระบบไว้ค่อนข้างดี อย่างไรก็ตาม คงบอกผู้สื่อข่าวไม่ได้ เพราะคนก็จะรู้ว่าระบบเป็นอย่างไร 

ทั้งนี้ ยืนยันกับนายกฯ ไปแล้วว่า มีการวางระบบรักษาความปลอดภัยองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ไว้เป็นอย่างดี การที่มีกลุ่มเห็นต่างมาแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างนี้ ตนได้กำชับไปตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเราจะดำเนินคดีตามพยานหลักฐานที่มี จะไม่ออกมาบอกว่าทำอะไรอยู่ เข้าใจดีว่าสื่อมวลชนและประชาชน อยากรู้ว่าตำรวจทำอะไรบ้างกับเรื่องนี้ แต่ถ้าบอกหมดก็จะไม่เป็นผลดี 

อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าที่กลุ่มทะลุวังออกมาเคลื่อนไหวแสดงพฤติกรรมแบบนี้ เขาไม่ได้ออกมาเอง แต่มีขบวนการที่อยู่เบื้องหลัง ขอรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน และวันที่เราทำคดีให้ถึงที่สุด จะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานละเอียด นอกจากนี้ ได้พูดกับทีมงานว่า อย่าไปเร่งทํา เพราะอาจผิดพลาดเหมือนกับที่ผ่านมา ดังนั้นขอเวลาอีก 2 วัน จะได้เห็นว่าตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา และจะมีหมายจับต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะมีการจับกุมแน่นอน? พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า “ใช่ครับ แน่นอน ผมขอยืนยัน” ซึ่งวันที่ตนไปพบผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ท่านก็กำลังรวบรวมหลักฐาน และทราบว่าได้มีการเร่งรัดสอบสวนเรื่องนี้ให้ละเอียด เพื่อตอบข้อสงสัย ปิดข้อครหา และทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายเกิดความยุติธรรม 

ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นประเด็นมาโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีการสั่งการใดๆ ทั้งสิ้น เป็นการทำตามพยานหลักฐาน ดังนั้นขอให้เชื่อมั่นในตำรวจ โดยเฉพาะตน ในการถวายความปลอดภัย ขอบอกกับประชาชนว่า พวกเราดูแลพระองค์ท่านด้วยชีวิต 

เมื่อถามว่า กลุ่มทะลุวังยังมีคดีที่รอลงอาญาอยู่อีกหรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า มีอยู่ แต่ขอเวลา 2 วัน ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานคดีใหม่ และจะแจ้งข้อกล่าวหา หากเรียบร้อย ก็จะแถลงข่าวให้สาธารณะชนรับทราบ และจะมีการพิจารณาขอถอนประกัน

เมื่อถามว่า นอกจากกลุ่มทะลุวังแล้ว จะมีการออกหมายจับบุคคลอื่นที่อยู่เบื้องหลังหรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นเอาเรื่องนี้ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน แต่ได้รายงานนายกฯ ไปหมดแล้ว ว่ามีอะไรในเรื่องนี้บ้าง ขอรอให้เรื่องนี้สมบูรณ์ขึ้นอีกหน่อย

เมื่อถามว่า ในช่วงที่รอถอนประกันกลุ่มทะลุวัง หากกลุ่มนี้เคลื่อนไหวแสดงพฤติกรรมแบบนี้อีก จะดำเนินการอย่างไร? พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ตำรวจพยายามติดตามดูแลตลอด อย่างเหตุการณ์ที่ทะเลาะวิวาทกับกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ก็เป็นคนละที่กันกับที่มีหมายเสด็จฯ ตำรวจก็ตามมาดูแล ซึ่งการแสดงพฤติกรรมดังกล่าว จะเห็นว่ามีการเตรียมการ โดยจะไม่แสดงพฤติกรรมบางอย่างที่เขาเห็นว่าผิดกฎหมายบางข้อ และตนเชื่อว่ามีคนให้คำแนะนำ 

เมื่อถามว่า การถอนประกันสามารถทำได้เลยหรือไม่? หรือต้องรอศาล พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ต้องรอศาล ซึ่งเรากำลังพิจารณาอยู่ 

เมื่อถามว่า คนที่อยู่เบื้องหลังเป็นนักการเมืองหรือไม่? พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ยืนยัน ขอยังไม่ก้าวล่วง เมื่อถามย้ำว่า มีคนคอยช่วยเหลือแน่นอนใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ในแนวทางสืบสวน พบว่ามีการให้คำปรึกษาและแนะแนวทางกับกลุ่มนี้ 

เมื่อถามว่า กลุ่มที่อยู่เบื้องหลัง เป็นขบวนการที่อยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ? พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า เป็นขบวนการที่อยู่ในประเทศ เมื่อถามอีกว่า จะมีการเรียกผู้อยู่เบื้องหลังมาพูดคุยหรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ได้รายงานให้นายกฯ ทราบแล้ว ซึ่งจะมีการพิจารณาต่อไป

เมื่อถามว่า จะเอาผิดกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังได้มากน้อยแค่ไหน? พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า เราพยายามรวบรวมหลักฐาน และสอบสวนให้ครอบคลุมมากที่สุด ไม่รีบทํา เพราะหากรีบทำ เมื่อถึงชั้นอัยการและอัยการสั่งไม่ฟ้อง ก็จะเสียกระบวนการยุติธรรม

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีการมองว่าตำรวจไม่ดำเนินการจริงจังหรือนิ่งเฉย? พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า “อย่างพี่น่ะหรอไม่เอาจริงเอาจังเรื่องถวายความปลอดภัย น้องก็รู้ว่าพี่ดูแลเรื่องนี้มานานมาก ไม่ต้องห่วง ข้าราชการทุกคนเป็นข้าราชการในพระองค์ ที่เราจะดูแลความปลอดภัย ถือเป็นพันธกิจข้อแรกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าพี่จะทำให้ไม่มีข้อครหากับทุกฝ่าย และจะไม่มีการแจ้งข้อหาแบบหว่าน แต่จะทำในรูปแบบคณะกรรมการ มีการตรวจสอบชัดเจน

เมื่อถามยํ้าว่า กรณีขบวนเสด็จที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นการกระทำซึ่งหน้า แต่ตำรวจก็ยังนิ่งเฉย? พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ตนได้กำชับให้พนักงานสืบสวนตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุการณ์จนถึงหลังเหตุการณ์ เราไม่ได้ดูแค่ซึ่งหน้า 

เมื่อถามว่า นายกฯ กำชับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง? พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า นายกฯ แสดงความเป็นห่วงเหมือนประชาชนทุกคน ว่าทำไมตำรวจไม่ออกมาดำเนินการอะไร แต่ได้ย้ำไปว่า กำลังดำเนินการอยู่ ยืนยันว่าการทํางานของตน ไม่ใช่คนหิวแสง แต่อยากทำงานให้ละเอียด

‘ผบ.ทร.’ ขอ ‘คนไทย’ เข้าใจเรื่องขบวนเสด็จฯ พร้อมย้ำเรามีวันนี้ได้เพราะ ‘สถาบันพระมหากษัตริย์’

(12 ก.พ.67) พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ให้สัมภาษณ์กรณีการใช้เสรีภาพแสดงออก ภายหลังเกิดกรณีนักเคลื่อนไหวการเมืองบีบแตรและพยายามขับรถแทรกระหว่างขบวนเสด็จ ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันที่อยู่คู่บ้านเมือง และนำพาประเทศชาติ รอดมาถึงทุกวันนี้ ถ้าทุกท่านได้ศึกษาประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะรัชกาลใด ได้นำพาประเทศให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศ รวมทั้งแก้ปัญหาในคราวที่ชาวต่างชาติจะมายึดครองประเทศไทย วันนี้ดูเป็นเรื่องง่าย เพราะเป็นโลกของการสื่อสาร การตัดสินใจมีคณะกรรมการมากมาย แต่สมัยก่อนการตัดสินใจ ในการนำพาประเทศชาติ อยู่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์เดียว ท่านได้นำพาประเทศชาติมาจนถึงทุกวันนี้ ขอให้คนไทยทุกระลึกและนึกอยู่เสมอว่าเรามีวันนี้ได้เพราะพระองค์ท่าน

“การที่ท่านสัญจรไปไหนมาไหน ความรักในท่าน อยากให้เราทำการจราจรให้เรียบร้อย รถที่ติดนั้น พระองค์ท่านจะต้องไปปฏิบัติภารกิจมากมาย ก็จะได้เดินทางไปด้วยความเรียบร้อย ถึงที่หมายทันเวลาเท่านั้นเอง คือความมุ่งประสงค์ เพราะฉะนั้น อยากให้คนไทยทุกเข้าใจ เรารักใครสักคน คุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน หากไม่สบาย มีรถฉุกเฉินก็เพื่อวัตถุประสงค์ไปให้ถึงจุดหมายที่ทันเวลาเท่านั้นเอง ขอให้เราคนไทย อยู่กันด้วยความเข้าใจ ความเคารพ ความรัก ความศรัทธา จะทำให้การปฏิบัติต่อพระองค์ท่านเป็นไปด้วยความเรียบร้อย” ผบ.ทร. กล่าว

'พล.ต.ท.เรวัช เปิดใจถึง 'ตะวัน' กรณีขบวนเสด็จฯ "หากหนูไม่เคารพไม่ศรัทธา ก็ไปอยู่ประเทศอื่น"

จากกรณี ตะวัน ทะลุวัง นักเคลื่อนไหวและผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ขับรถแซงขบวนเสด็จ ซึ่งขบวนกำลังแล่นผ่านทางด่วน โดยไม่ได้มีการปิดถนนแต่อย่างใด มีเพียงรถนำตำรวจปิดหัวท้ายขบวนเท่านั้น และประชาชนสามารถใช้ทางได้ตามปกติ

แต่แก๊งทะลุวังพยายามขับรถบีบแตรลากยาว และขับแซงรถขบวนเสด็จ ซึ่งทำให้ทางเจ้าหน้าที่ต้องจอดรถเพื่อมาดำเนินการตามมาตรการใช้รถขวาง

ล่าสุด (12 ม.ค. 67) พลตำรวจโท เรวัช กลิ่นเกษร ได้ออกมาพูดถึงประเด็นดังกล่าวผ่านช่องยูทูบระบุว่า…

“ผมเห็นคลิปเหตุการณ์เรื่องราวใหญ่โต หลังจากไอ้เด็กผู้หญิงคนนี้ ผมไม่รู้ว่าเกิดมาจากที่ไหนนะครับ หนูอยู่ประเทศไทยได้ยังไงอะ หนูกระทำการครั้งนี้ ผมเห็นว่าบังอาจมากนะลูก หนูยังเป็นเด็กที่อายุแค่ 20 กว่าปี หนูกระทำการครั้งนี้ว่าบังอาจมาก ถ้าถามว่าบังอาจยังไง บังอาจดูถูกดูหมิ่นคนที่เคารพศรัทธา ผมศรัทธายิ่งกว่าชีวิตนะครับ อย่าดูหมิ่นศรัทธาของชาวบ้านครับ”

“หนูเดินผิดทางแล้วอิหนู ซึ่งหนูจะไม่เคารพไม่ศรัทธาก็ไปอยู่ประเทศอื่นสิ ผมไม่ได้อยากยุ่งกับการเมืองนะ แล้วก็ใครอย่าไปถือหางนะ จะไปประท้วงเรื่องอะไรก็ไปประท้วง แล้วมายุ่งเรื่องทางนี้ทำไมอะไม่เข้าท่าเลย” พลตำรวจโท เรวัช กล่าว

พลตำรวจโท เรวัช กล่าวต่อว่า “บางอย่างหนูก็ทำถูกต้อง แต่บางอย่างหนูก็ทำดีผมก็เห็นด้วย เพราะหนูเป็นเด็กรุ่นใหม่ และเวลาที่หนูเข้าไปอยู่เรือนจำกันก็ประท้วงอดข้าวอดน้ำ กรมราชทัณฑ์เวลาเขาประท้วงก็เป็นสิทธิของเขา ก็ปล่อยให้เขาอดข้าวตายไปสิ ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยก็ค่อยรักษา ผมดูอยู่ตลอดนะครับ”

'สส.รังสิมันต์' ยอมรับ!! สังคมไม่เห็นด้วยปม 'ตะวัน' ป่วนขบวนเสด็จฯ ยัน!! ก้าวไกลไม่ได้อยู่เบื้องหลังใครและไม่มีใครอยู่เบื้องหลังพรรคได้

(12 ก.พ. 67) ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่มีการหาว่าพรรคก้าวไกล เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง กลุ่มทะลุวังที่มีการบีบแตรใส่ขบวนเสด็จฯ ว่า ความคิดที่บอกว่ากลุ่มต่าง ๆ มีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่เรื่องใหม่เกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง ซึ่งไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาสังคม รวมถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น หลายครั้งที่พรรคก้าวไกลถูกปรักปรำในลักษณะนี้ อะไรคือหลักฐานว่าเราอยู่เบื้องหลัง และในช่วงเวลาที่ผ่านมาที่เราอยู่ท่ามกลางวิกฤตทางการเมือง 

ในอดีตเราหลายคนอาจจะไปประกันตัว อาจจะไปเป็นนายประกันให้ แต่การทำในลักษณะนั้นต้องแยกออกจากการที่เขาขับเคลื่อน ซึ่งเหตุผลที่เราไปเป็นนายประกันให้คือสามารถทำได้ตามกฎหมาย รวมถึงให้สิทธิ์เขาในการต่อสู้คดี ไม่ได้หมายความว่าคนที่ไปประกันตัวจะเห็นด้วยกับการกระทำ ไม่เช่นนั้นการประกันตัวที่เกิดขึ้นเต็มไปหมดในเรื่องต่างๆ เท่ากับคนที่ไปประกันตัวจะต้องไปเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย หากคิดอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา ถือว่าเป็นการคิดที่ผิด

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การเชื่อมโยงกลุ่มต่างๆกับพรรคก้าวไกลมีเหตุผลคืออาจจะเป็นกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุวัง และต้องการสร้างความชอบธรรมหรือการดิสเครดิตกลุ่มทะลุวัง และต้องการทำลายพรรคก้าวไกลเช่นเดียวกัน ซึ่งไม่ควรจะไปมองแบบนั้น

“ผมยืนยันว่าเราไม่ได้ไปอยู่เบื้องหลังใครและใครก็ไม่มาอยู่เบื้องหลังเรา พรรคก้าวไกลก็คือพรรคก้าวไกล ที่ทำหน้าที่โดยมีจุดยืนในเรื่องของสิทธิมนุษยชน เราเชื่อในศักยภาพในการแสดงออก ส่วนเมื่อเขาแสดงออกไปแล้ว จะมีคนเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็เป็นสิทธิ์ของทุกคนที่จะแสดงความคิดเห็นได้ แต่จุดยืนของพรรคก้าวไกลคือเราไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง ในการแสดงออกแบบนั้นคือการสร้างสังคมแห่งความหวาดกลัว เรามีบทเรียนมาแล้ว และไม่ได้ทำให้สังคมไทยดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า การกระทำของน.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน กลุ่มทะลุวัง สร้างเสียงวิจารณ์อยู่แล้ว ซึ่งสรุปยากว่าท้ายที่สุดสังคมจะเห็นไปในทิศทางไหน ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่ามีสังคมไม่เห็นด้วยกับการที่น.ส.ทานตะวัน แสดงออกและอาจจะมีคนเห็นด้วย ซึ่งแน่นอนในเรื่องของการอารักขาบุคคลสำคัญ ต้องมีมาตรการทั้งหมดก็นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ แต่จุดยืนสำคัญที่พรรคก้าวไกลแสดงคือไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง ส่วนที่มีการมุ่งเป้าไปที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น

“สิ่งที่เราพยายามทำคือให้สติทุกคน ในการที่เราไปเป็นนายประกัน หรือการเคยเป็นนายประกันในอดีต เท่ากับเราอยู่เบื้องหลังเลยหรือ คุณเชื่อขนาดนั้นจริงๆหรือ สุดท้ายคนที่แสดงออกทางการเมืองในทุกรูปแบบ เขาก็เป็นตัวของเขา เขาก็มีจุดยืนของเขา เราเห็นด้วยหรือไม่ก็ต้องแยกเป็นกรณีไป ซึ่งถึงที่สุด เขาก็มีสิทธิ์ต่อสู้คดีในศาล สุดท้ายกลไกกฎหมาย ก็ต้องว่ากันไปตามแต่ที่มันควรจะเป็น ซึ่งก็ต้องได้สัดส่วนที่ควรจะเป็นด้วย สังคมของเราอยู่กันแบบนั้น อย่าไปสร้างสังคมแห่งความ หวาดกลัว อย่าให้เราต้องสร้างปีศาจตนใหม่ สร้างผีตนใหม่ขึ้นมา ซึ่งเหตุการณ์เดือนตุลาเคยสร้างบทเรียนให้เราแล้ว อย่าทำซ้ำอีกเลย มันไม่คุ้มกัน” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เราควรใช้เวทีของสภาฯ ใช้พื้นที่ทางการเมืองในการคลี่คลายหาทางออก และเข้าใจว่านายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ พยายามจะพูดเรื่องนี้ ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่สภาฯ จะพิจารณาพูดคุยหาทางออก และการที่ปล่อยให้ไปคุยกันตามท้องถนนถ้านำไปสู่การสร้างพื้นที่ที่อันตรายก็ไม่คุ้ม ทางหนึ่งที่ตนคิดว่าเป็นทางออกคือกฎหมายนิรโทษกรรม

เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายมองว่าควรนำเรื่องเกี่ยวกับผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ออกจากร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราเคยหาเสียงเอาไว้ เมื่อเราได้รับการเลือกตั้งมาก็พยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ซึ่งเราไม่ได้มีนโยบายแก้มาตรา 112 เท่านั้น ทางสว. อาจจะมีความคิดว่าเราไม่ควรทำแบบนั้น แต่ในจุดยืนของเราต้องกลับมาตั้งต้นว่าวันนี้ปัญหาของประเทศชาติคืออะไร เราต้องยอมรับว่ามีคนถูกดำเนินคดีในเรื่องมาตรา 112 จะมีหนทางแก้ไขอย่างไร

"ออฟชั่นเรามีอะไรบ้าง เอาเขาเข้าไปขัง ปล่อยพวกเขา นิรโทษกรรมให้พวกเขาหรืออะไร ถ้าเอากันแบบสุดโต่งเลยคือการเอาไปขัง ต้องถามว่าช่วยให้บ้านเมืองดีขึ้นอย่างไร ถึงที่สุดคนเหล่านี้ก็มีญาติพี่น้องและเขารู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ความคิดเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กลุ่มนิสิตนักศึกษาหรือคนรุ่นใหม่เท่านั้น มิตรประเทศที่เขามองมายังประเทศไทยรู้สึกไม่สบายใจกับการดำเนินคดีที่มีความรุนแรง และไม่ได้ส่งผลกระทบแค่สิทธิเสรีภาพ

มีการตั้งคำถามในเชิงภาคธุรกิจ ความมั่นใจว่าหากมีการดำเนินคดีในลักษณะนี้จะเกิดขึ้นกับคดีอื่นได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้เป็นความมั่นใจทั้งหมดที่สามารถส่งผลกระทบต่อประเทศได้ ถ้าเราตั้งโจทย์ว่ามีปัญหาเกิดขึ้นเราก็ควรเริ่มต้นเปิดประตูให้กว้าง ถ้าเราบอกว่าการนิรโทษกรรมไม่รวมมาตรา 112 ถ้าเริ่มจากตรงนี้ จะแก้ปัญหาการเมืองได้จริงหรือไม่ ไม่มีประโยชน์ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ การนิรโทษกรรมก็ไม่มีประโยชน์"นายรังสิมันต์ กล่าว

รวมใจร่วมโพสต์ภาพ 'สรรเสริญ-ปกป้อง' พระเกียรติ 'กรมสมเด็จพระเทพฯ' แสดงออกถึงความรัก และพร้อมยืนเคียงข้างพระองค์อย่างมีอริยะ

(14 ก.พ.67) จากกรณีที่คนกลุ่มหนึ่งแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ด้วยการขับรถจี้ท้าย บีบแตรป่วนใส่ขบวนเสด็จ กรมสมเด็จพระเทพฯ จนสร้างความสะเทือนใจให้กับประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ของประเทศ และกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ทำให้เหล่าคนวงการบันเทิงรุ่นต่างๆ ต่างก็ออกมาเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็น พี่ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค, เจ เจตริน, เกลือ เป็นต่อ, แพนเค้ก เขมนิจ, ท็อป ดารณีนุช, บอย พิษณุ, ฝ้าย เอเอฟ, น็อต วรฤทธิ์, พิม พิมพ์มาดา, นก สินจัย , นก จริยา แอนโฟเน่, หมอก้อง สรวิชญ์, เบนซ์ พรชิตา, มิค บรมวุฒิ, วี วีรภาพ, กิ๊ฟ ทีสเกิร์ต, ธัญญ่า ธัญญาเรศ, ตั๊ก บงกช, เบนซ์ ปุณยาพร เป็นต้น

โดยได้มีการอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ และพระบรมสาทิสลักษณ์ 'สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี' มาโพสต์ลงในโลกออนไลน์ พร้อมกับการถวายกำลังใจแด่พระองค์ท่านเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ คนไทยที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ต่างก็ออกมาแสดงพลังอย่างมีอริยะในลักษณะเดียวกัน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความรักและพร้อมยืนเคียงข้างพระองค์โดยพร้อมเพรียง

#น้อมถวายกำลังใจกรมสมเด็จพระเทพฯ
#เรารักกรมสมเด็จพระเทพ

'บอมม์-ขี้คุกเขียนรูป' เปิดใจ!! ได้ความรู้คู่อาชีพ เพราะ 'กรมสมเด็จพระเทพฯ' โอกาสของคนคุกที่ไม่เคยได้รับจากนักการเมืองคนไหน นอกจากพระองค์ฯ

ไม่นานมานี้ นายวรรณวัฒน์ หาญรุ่งเรืองกิจ หรือ บอมม์ เจ้าของเพจดัง 'ขี้คุกเขียนรูป' ได้โพสต์คลิปเกี่ยวกับกรณีกลุ่มทะลุวังบีบแตร ป่วนขบวนเสด็จกรมสมเด็จพระเทพฯ โดยระบุว่า…

“ผมเพิ่งได้ดูข่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ผมไม่รู้ว่ามีข่าวนี้นะ พอดูจบอะดรีนาลีนในร่างกายสูบฉีดเลย เด็กพวกนี้ไปบีบแตรไล่รถพระที่นั่งองค์สมเด็จพระเทพฯ ผมเจ็บปวดมากเลยนะ

ทําไมผมถึงพูดว่าเจ็บปวด?

เพราะครั้งหนึ่งตอนที่ผมอยู่ในเรือนจํา ผมเคยเห็นองค์สมเด็จพระเทพฯ เสด็จไปเป็นประธานเปิดห้องสมุดพร้อมปัญญาให้กับในเรือนจําทั่วประเทศ ซึ่งผมติดคุกมา 10 ปี ผมไม่เคยเห็นนักการเมืองคนไหนเข้าไปในเรือนจํา และทำเรื่องพวกนี้เพื่อนักโทษเลย แต่ผมเห็นพระเทพฯ เข้าไปเปิดห้องสมุดพร้อมปัญญาให้นักโทษใช้เวลาว่างในเรือนจําให้เป็นประโยชน์ โดยการอ่านหนังสือ

และที่สำคัญเลยคือ วิชาชีพที่ติดตัวผมมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะกรมสมเด็จพระเทพฯ ได้นำวิชาช่าง 10 หมู่ของวิทยาลัยในวัง มาเปิดสอน ซึ่งผมก็ได้เรียนโครงการนี้ของพระองค์ แล้วนำมาประกอบอาชีพ

สิ่งที่เกิดขึ้นคือพระมหากรุณาธิคุณสำหรับผม”

นอกจากนี้ ยังระบุต่อว่า…พระองค์ทรงใช้ถนนร่วมกับประชาชน แต่เด็กพวกนี้กลับมาเรียกร้องว่าทําไมต้องปิดถนน มาบีบแตรใส่ ก็ไม่รู้วันนั้นเด็กพวกนี้จะรีบไปไหน แต่การกระทำแบบนี้มันสื่อออกมาเลยว่า ครอบครัวเลี้ยงดูมาแบบไหน เด็กพวกนี้ต้องรู้ว่าตัวเองเติบโตบนแผ่นดินไทย กินข้าวไทย ใช้สกุลเงินไทย แต่กลับไม่รักประเทศไทย

ก็ไม่รู้ว่าใครหนุนหลัง หรือมีผลประโยชน์กับการกระทำอันต่ำทรามนี้หรือไม่? แต่สิ่งเดียวที่จะบอกเลยนะ หากวันใดที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นต่อหน้า รับรองเลยว่าเด็กพวกนี้จะต้องฝันร้ายไปตลอดชีวิต


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top