‘ดร.มานะ’ ยกคำพูดครู รร.กำเนิดวิทย์ สะท้อน!! ‘ความฝันเด็ก’ หลังบางครอบครัวคาดหวังให้ลูกต้อง ‘เรียนหมอ’ เท่านั้น

(13 พ.ค. 67) ความแตกต่างระหว่างวัย หรือความแตกต่างระหว่างยุคสมัย อาจทำให้ไม่เข้าใจกันได้ ซึ่งปัญหาหนึ่งของเด็กวัยเรียนกับผู้ปกครองที่มีให้เห็นคือ ‘เรื่องการทำตามความฝันของเด็ก ๆ เอง’ กับ ‘ความฝันของผู้ปกครองที่หวังจะให้ลูกมีความมั่นคงในชีวิต’

แต่มีสิ่งหนึ่งเจ้าของเฟซบุ๊ก Mana Treelayapewat อยากจะเปิดเผยให้ฟังถึงเรื่องการทำตามความฝันของเด็ก ๆ และความฝันของผู้ปกครอง

จึงได้ยกการประชุมของโรงเรียนกำเนิดวิทย์ (KVIS) เข้ามาสะท้อนเรื่องราวเหล่านี้ เพราะหวังว่าจะสร้างความเข้าใจความแตกต่างระหว่างวัยของครอบครัวนี้ได้

โดยระบุว่า “ประชุมผู้ปกครองโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ปีนี้น้ำตาท่วม เมื่อครูแนะแนวเปิดอกบอกเล่าความรู้สึก ขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองฟังลูกหลานบ้าง อย่าเอาความฝันส่วนตัวยัดเยียดให้เด็ก

ครูแนะแนวบอกว่า เด็กโรงเรียนกำเนิดวิทย์ จริง ๆ จะเรียนอะไร คณะวิชาอะไร มหาวิทยาลัยในไทยหรือต่างประเทศก็ไม่น่ามีปัญหามาก

แต่ทุกข์ของเด็กเก่ง ๆ เหล่านี้คือ บางครอบครัวเรียกร้อง คาดหวังให้ลูกต้องเรียน ‘หมอ’ เท่านั้น!

ครูบอก ถ้าเด็กโรงเรียนกำเนิดวิทย์อยากเรียนหมอ หรือไปทางสายสุขภาพด้วยตัวเอง ครูและโรงเรียนพร้อมสนับสนุน 100% แต่มีเด็กจำนวนไม่น้อย ไม่อยากเรียนหมอ บางคนอยากเรียนต่อสาย STEM หรือบางคนอยากเรียนต่อต่างประเทศ แต่พ่อแม่ไม่ยินยอม

ครูบอก ลูกศิษย์หลายคนเครียดมาก เดินมาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับความขัดแย้งกับครอบครัวเรื่องการเลือกเรียนต่อมหาวิทยาลัย

ครูได้แต่แนะนำให้กลับไปคุยกับผู้ปกครองก่อน บางเคสคุยกันไม่ได้ก็ต้องช่วยพูด

แต่การตัดสินใจสุดท้ายก็ขึ้นกับพ่อแม่กับเด็ก

ครูพูดวิงวอนด้วยน้ำตา ขอให้ผู้ปกครองเปิดใจรับฟังความฝันของลูกหลาน แล้วสนับสนุนให้พวกเขาไปถึงฝั่งฝันนั้น

แม้ฝันของเด็กจะไม่ตรงกับความต้องการของพ่อแม่ หรือครอบครัวก็ตาม

ด้าน รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการโรงเรียนกำเนิดวิทย์ กล่าวเสริมว่า ยุคของพ่อแม่โตมาคือ 3.0 เน้นเรียนรู้การศึกษาแบบป้อนสู่โรงงานอุตสาหกรรม ต้องทำตามระบบ ตามขั้นตอน

แต่ยุคนี้ 4.0 หรือมากกว่านั้นแล้ว อย่าเอากรอบคิดแบบเก่าดึงลูกหลานไม่ให้ไปข้างหน้า”

โพสต์นี้ได้กลายเป็นไวรัลในชั่วข้ามคืน มีผู้คนเข้ามาอ่าน กดไลก์กว่า 4 พัน กดแชร์กว่า 5 พัน โดยมีหลายคนแสดงความคิดเห็นไปแนวทางเดียวกันว่า เห็นด้วย หมดแล้วยุคสมัยที่ตัดสินชีวิตให้ลูก และลูกคือคนที่เรียน ไม่ใช่พ่อและแม่ ขณะเดียวกันบางคนก็เปิดเผยประสบการณ์ให้ฟังด้วยว่า เคยเจอเด็กมหาวิทยาลัยที่อยากเรียนพยาบาลแต่แม่ให้เรียนบัญชี นางเศร้ามากน่าสงสาร

ขณะเดียวกันก็ได้มีครูปกครองบางส่วน ออกมาแสดงความเห็นเช่นเดียวกันว่า ลูกเป็นคนเรียนเก่ง แต่จะไปเรียนอะไรไม่รู้ เพิ่งรู้ว่ายากจะทำใจ แต่เขาน่าจะไปรอดกับสิ่งที่เขารัก หรือบางทีเราอาจจะห่วงจนเกินไป

สุดท้ายนี้เรื่องราวของความฝันของเด็กและคุณพ่อคุณแม่จะจบลงเช่นไรนั้น อยากให้ลองคำนึงถึง ‘ความเข้าใจซึ่งกันและกัน’ อาจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด