Monday, 1 July 2024
NEWS FEED

บาดเจ็บ 55 ปะทะ เมื่อวาน

ศูนย์เอราวัณรายงานผู้บาดเจ็บม็อบหน้าสภา 55 คน ด้าน ประธานสภา แจงเอ่ย "ขอบคุณ" ทุกฝ่ายไม่เลือกปฏิบัติ ขอให้เชื่อสภายังเป็นพึ่งของปชช.

 

เมื่อเวลา 11.45 น. ที่รัฐสภา นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมนายแทนคุณ จิตต์อิสระ เลขานุการคณะทำงานประธานสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันแถลงถึงภาพรวมการชุมนุมเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2563

 

โดย นพ.สุกิจ กล่าวว่า ประธานสภามีความห่วงใยต่อผู้ชุมนุมโดยเฉพาะผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุมเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา และได้มอบหมายให้ตนและทีมงานให้ติดตามดูแลให้การช่วยเหลือต่อผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ

 

โดยรายงานผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุมของศูนย์เอราวัณ มีผู้บาดเจ็บรวม 55 คน ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา 32 คน, ถูกยิง 6 คน, มีอาหารป่วยขณะชุมนุม 4 คน และบาดเจ็บอื่น ๆ 13 คน ซึ่งได้กระจายรักษาตัวตามโรงพยาบาลต่าง ๆ

 

ซึ่งตนและทีมงานได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลที่ผู้บาดเจ็บเข้ารักษาส่วนมากจากแก๊สน้ำตาและได้เดินทางกลับบ้านแล้ว ส่วนรายที่บาดเจ็บสาหัสจากการถูกยิงที่โคนขาซ้ายตอนที่ตนไปก็กำลังเข้ารับการผ่าตัดอยู่

 

ด้านนายแทนคุณ กล่าวว่า "เมื่อวานตนได้มีโอกาสตามนายชวน หลีกภัย ไปดูแลในพื้นที่โดยรอบของรัฐสภา ขอยืนยันว่านายชวนได้มีความเป็นห่วงเป็นใยทุกฝ่ายทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่สภา ตำรวจ รวมทั้งผู้ชุมนุมด้วย ได้ตั้งทีมให้ไปดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนั่นก็สะท้อนถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างไม่เลือกปฏิบัติ

 

และคำว่าขอบคุณที่ท่านกล่าวนั้น ท่านกล่าวว่าขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างสมบูรณ์ ซึ่งก็สะท้อนกลับมาที่สภาว่าจะต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีในเมื่อเจ้าหน้าที่ ประชาชนได้ทำหน้าที่ของตนเองแล้ว ไม่ได้เป็นการกล่าวขอบคุณฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือเป็นการสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายเดียว และได้กำชับให้ดูแลทุกฝ่ายให้ดี"

 

นายแทนคุณ กล่าวอีกว่า "เป็นความไม่สบายใจของพวกเราที่ทำงานในสภา ที่เหตุการณ์ชุมนุมใช้อาวุธที่รุนแรงซึ่งเข้าใจว่าการชุมนุมกับการดำเนินวิถีประชาธิปไตยเป็นของคู่กัน เราเองเข้าใจในสิทธิเสรีภาพแต่ก็มีความเป็นห่วง และโชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต ครั้งนี้เป็นการชุมนุมที่มีการกระทบกระทั่งกันแต่โชคดีที่เรามีสื่อมวลชนคอยจับตา ทำให้เราเห็นภาพหลักฐานว่าใครทำอะไรอย่างไร

 

ทั้งนี้ในวันนี้จะมีการโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนอยากให้ประชาชนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยได้เชื่อมั่นและเคารพในกติกาในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งจะนำมาสู่การแก้ไขปัญหาโดยใช้รัฐสภาที่เป็นภาษีของประชาชนได้เกิดประโยชน์สูงสุดและไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง แตกแยกทางการเมืองโดยเฉพาะประเด็นเรื่องการจาบจ้วงสถานบัน ตนมองว่าเป็นประเด็นที่แหลมคมและนำมาซึ่งความเจ็บซ้ำน้ำใจของแต่ละฝ่าย ขอให้ระมัดระวังในท่าทีหรือถ้อยคำซึ่งเป็นสิ่งที่ประธานสภามีความห่วงใยว่าอยากให้สื่อสารว่าสภายังเป็นที่พึ่งที่หวังโดยเฉพาะนายชวนยังเป็นเสาหลักของประชาธิปไตยในขณะนี้

'จอน' เชื่อ ร่าง 'ไอลอว์' จอด

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ที่รัฐสภา นายจอน อึ๊งภากรณ์ ผอ.โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมาย ประชาชน (ไอลอว์) กล่าวถึงภาพรวมการพิจารณาร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญในสภาเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ว่า ตนพอใจกับการทำหน้าที่ของส.ส.ส่วนใหญ่ แต่ไม่ค่อยพอใจกับการทำหน้าที่ของส.ว.บางคน


ซึ่งมีลักษณะกล่าวหาใส่ร้ายองค์กรที่ตนภูมิใจนั้นก็คือไอลอว์ เพราะเราเป็นองค์กรที่ทำทุกอย่างถูกต้องโปร่งใส หากท่านไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของภาคประชาชนเรายินดี เพราะเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย แต่มาใส่ร้ายกล่าวหาว่าทุจริตบ้าง ได้เงินจากแหล่งทุนบ้าง โดยไม่มีข้อพิสูจน์ใด ๆ ตนถือว่าไม่แฟร์ เมื่อถามว่าจะชี้แจงอย่างไรกรณีที่ว่าแหล่งทุนนั่นเป็นแหล่งทุนเดียวกับการให้ม็อบฮ่องกง นายจอน กล่าวว่า "ตนไม่ทราบว่าแหล่งทุนใดให้ทุนกับม็อบฮ่องกง แต่ถ้าเป็นการให้ทุนกับองค์กรที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยตนถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา"
 

เมื่อถามว่าหากวันนี้ร่างของไอลอว์ถูกตีตกจะดำเนินการอย่างไรต่อ นายจอน กล่าวว่า "คาดอยู่แล้วว่าจะตีตก ตนเชื่ออย่างนั้น ตนคิดว่าซีกหนึ่งของสภานี้ไม่ได้ติดอยู่กับความเป็นจริงของสังคมที่ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงคนรุ่นใหม่กำลังมาเรียกร้องประชาธิปไตย ถ้าสภาส่วนหนึ่งไม่ตื่นตัวกับเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องหน้าเศร้า เพราะจะทำให้สถานการณ์แย่ลง"

ปตท. ยังท็อปฟอร์ม โกย ‘DJSI’ 9 ปีติด โตทั้งกำไร ได้ใจทั้งสังคมและสิ่งแวดล้อม

กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เสียแล้วขององค์กรธุรกิจทั่วโลก ที่จะต้องคำนึงถึง ‘การดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม’ โดยธุรกิจในยุคนี้จำเป็นต้องสนใจคำ 3 คำ คือ สิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และ บรรษัทภิบาล (Governance) หรือย่อๆ ว่า ‘ESG’

เพราะ ESG จะช่วยกรองให้ธุรกิจดำเนินไปโดยใส่ใจกับผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวเนื่องกับ 3 คำที่ว่ามา ไม่ใช่แค่ดีต่อมวลรวม แต่การให้ความสำคัญกับ ESG ขององค์กร ยังดีต่อใจของนักลงทุนที่จะตัดสินใจได้ง่ายในการเข้าไปร่วมลงทุนหรือถือหุ้นในธุรกิจนั้น ๆ

แต่ ESG ก็ไม่ใช่ว่าจะแค่ทำไปตามแต่ใจ เพราะตามเกณฑ์มาตรฐานสากลโลก ได้มีการออกดัชนี หรือตัวชี้วัดในการประเมินองค์กรที่ให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้อยู่

โดยหนึ่งในนั้น คือ ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ ‘DJSI’ (Dow Jones Sustainability Indices) ที่จัดทำโดย RobecoSAM และ S&P Dow Jones Indices ดัชนีนี้มีการคัดเลือกจาก 2,521 บริษัทในตลาดทุนทั่วโลก และ 802 บริษัทในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (ข้อมูลปีพ.ศ.2561)

มีการประเมินผลการดำเนินงานในมิติเศรษฐกิจ บรรษัทภิบาล สิ่งแวดล้อม และสังคม เพื่อคัดเลือกบริษัทที่มีความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยให้กองทุนต่าง ๆ ทั่วโลกใช้พิจารณาประกอบการลงทุน แน่นอนว่าการจะรักษาสถานะตัวเองให้อยู่ในลิสต์ DJSI ต่อไปเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก!!

หลายคนอาจจะเข้าใจว่า ESG เหล่านี้ ก็แค่ไปปลูกป่า ลดมลพิษโรงงาน และบลา ๆ ที่พร้อมจะบอกว่าองค์กรนั้น ๆ Go Green แต่นั่นแค่เรื่องผิวเผิน เพราะที่พูด ๆ กันเขาเรียกว่า CSR!!

ในความเป็นจริงแล้ว การจะก้าวเข้าไปอยู่ใน DJSI ได้ ต้องยกระดับกระบวนการทางธุรกิจ เอาแบบว่าทั้งองค์กรต้องร่วมมือกันแบบเครือทั่วถึง จะเรียกว่าเป็นจิตวิญญาณขององค์กร ต้องร่วมกันทำเพื่อให้ตอบสนองต่อทุกผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแบบพัฒนาใจมาได้ระดับหนึ่งตั้งแต่ผู้บริหารไปจนถึงพนักงานตัวเล็ก ๆ

ส่วนในเชิงโครงสร้างก็ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ ESG ของตนเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึงรูปแบบธุรกิจ ตรงนี้จะเป็นอีกส่วนสำคัญที่ทำให้บรรดานักลงทุนเกิดความมั่นใจ อยากมาร่วมลงทุน โดยไม่ได้มองแค่ผลกำไรขององค์กรนั้น ๆ เป็นที่ตั้งเพียงอย่างเดียว

สรุปเลยก็คือ ธุรกิจเดินหน้ามีกำไร แถมยังต้องโปร่งใส มีธรรมาภิบาล ใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หูยย...ยากเหลือล้น

ทั้งนี้บริษัทไทยที่ผ่านการคัดเลือกเป็นสมาชิกดัชนี DJSI เป็นครั้งแรก คือ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ที่ได้ในปีพ.ศ.2547 หลังจากนั้น ก็มีบริษัทไทยทยอยคว้ารางวัลนี้กันมากขึ้น เช่น ในปีพ.ศ.2561 ที่มีบริษัทไทยถึง 20 บริษัท ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกของดัชนี เช่น KBANK, SCB, PTTEP, PTT, CPALL, THBEV, PTTGC, SCC และ CPN

ล่าสุดในปี พ.ศ.2563 บริษัท ปตท. เป็นอีกรายที่ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับปตท. กวาดรางวัลนี้มาแล้วต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 ในกลุ่มดัชนีโลก (World Index) และดัชนีตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market Index) โดยปตท.ได้คะแนนสูงสุดเป็น Industry Leader ในกลุ่ม Oil & Gas Upstream & Integrated (OGX) นอกจากนี้ บริษัทในกลุ่ม ปตท. ประกอบด้วย...

.

- บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)

- บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

- บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)

- และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (จีซี)

.

ยังได้ผ่านการประเมินเป็นสมาชิก DJSI ต่อเนื่องครบทุกบริษัท โดย ไทยออยล์ ได้คะแนนสูงสุดเป็น Industry Leader ในกลุ่ม Oil & Gas Refining & Marketing (OGR) และ จีซี ได้คะแนนสูงสุดเป็น Industry Leader ในกลุ่ม Chemicals (CHM) อีกด้วย

ยาต้านซึมเศร้า...รักษาโควิด-19?

อ่ะจริงดิ?! มีรายงานข่าวออกมาว่า กลุ่มนักวิจัยทางการแพทย์ได้ทำการทดลองใช้ยาต้านซึมเศร้าในผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งปรากฎว่าได้ผลดีเกินคาด!

งานวิจัยครั้งนี้ ถูกเผยแพร่ออนไลน์ในวารสารสมาคมการแพทย์อเมริกัน (JAMA) เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา โดยเป็นการศึกษาเบื้องต้นของคณะวิจัยจากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในเมืองเซนต์หลุยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา พวกเขาได้ทดลองใช้ยาฟลูวอกซามีน (Fluvoxamine) ซึ่งเป็นยารักษาโรคซึมเศร้า กับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ที่อาสาเข้าร่วมโครงการนี้จำนวนกว่า 152 ราย

ปรากฎว่า ในช่วงระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์ คณะวิจัยได้โทรศัพท์สอบถามติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และพบว่า ผู้ป่วยกว่า 80 คน ไม่มีผู้ใดมีอาการทรุดหนักลงหลังผ่านไป 15 วัน ส่วนที่เหลืออีก 72 ราย ก็พบแค่เพียง 6 รายที่มีอาการป่วยขั้นรุนแรง โดย 4 ใน 6 คน จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน

คณะวิจัยได้ให้เหตุผลถึงผลการทดลองที่เป็นไปในทิศทางบวกนี้ว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยาฟลูวอกซามีน เป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการลดทอนจำนวนการผลิตโมเลกุลที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ จึงส่งผลต่ออาการของผู้ป่วยโควิด-19 ด้วยเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ยังเป็นเพียงการวิจัยเบื้องต้นเท่านั้น แต่ภายในสัปดาห์ต่อ ๆ ไป คณะวิจัยจะขยายผลการทดลองนี้ไปทั่วคลีนิคในสหรัฐอเมริกา ซึ่งหากว่า ผลการทดลองเป็นไปด้วยดี คาดว่าจะมีการยกระดับและศึกษารายละเอียดถึงความเป็นไปได้ในการใช้ยานี้ต่อไป

.

อ้างอิง: https://newsroom.uvahealth.com/2020/11/13/antidepressant-may-prevent-severe-covid-19-clinical-trial-finds/

ล้อมได้ ล้อมไป!!

วันที่ 17 พฤษจิกายน พ.ศ. 2563 บริเวณรอบรัฐสภา เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องกีดขวางมาติดตั้ง ตั้งแต่เวลา 2.00 น. ซึ่งประกอบไปด้วยลวดหนามหีบเพลง แท่งปูนแบริเออร์ และรถเมล์ มาเป็นเครื่องมือกีดขวางถนน

เนื่องจากในวันนี้มีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญและมีผู้ชุมนุมนัดชุมนุมปิดล้อมรัฐสภา จึงได้มีการวางเครื่องกีดขวางไว้ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้มีการปิดทางเข้าไปยังแยกเกียกกาย เลยแยกบางโพ

ก่อนถึงสะพานข้ามไปยังแยกเกียกกาย มีการปิดเพื่อตั้งด่านตำรวจและด่านความมั่นคง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถประจำทางปรับอากาศสีเหลือง ปิดทาง แล้ววางรั้วกั้น โดยเจาะพื้นถนนเพื่อยึดแผงรั้ว

ในส่วนท่าเรือเกียกกายก็ได้มีการนำรถเมล์ปิดกั้นทางเข้าออกทั้งหมด ตลอดเส้นทางหน้ารัฐสภามีรถตู้ตำรวจจอดกว่า 30 คันและตั้งเต็นท์กว่า 6 จุด

โดยทางเข้าออกสภาเปิดให้ใช้เพียง 1 ช่องทาง เพื่อให้ ส.ส. สามารถเข้ามาประชุมสภาได้ เมื่อเข้าไปทั้งหมดแล้วเจ้าหน้าที่จะปิดทางเข้ารัฐสภาก่อนทั้งหมด หากยังมีบุคคลเข้าไปไม่หมดเจ้าหน้าที่จะคัดกรองเป็นบุคคลไป

รวมเรื่องราวดี ๆ และคดีดราม่า 'กันต์ กันตถาวร'

เป็นข่าวดราม่ากันมาทั้งอาทิตย์ กรณีที่ กันต์ กันตถาวร พิธีกรรายการ 10 Fight 10 ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการใช้คำพูดไม่เหมาะสม ทั้งกับ แน็ก-ชาลี ไตรรัตน์ และ อาเธอร์ หลานชาย ภายหลังศึกปะทะหมัดของ ‘แน็ก & เจมส์ กิจเกษม’ จบลงแล้ว 

.

แต่ที่ดูจะเป็นประเด็นร้อนแรงมากขึ้นไปอีก เห็นจะเป็นกรณีที่ กันต์เมินเฉย และไม่พูดคุยกับ ‘โฟกัส จีระกุล’ แฟนสาวของเจมส์ที่ขึ้นไปแสดงความยินดีบนเวที งานนี้จึงถูกเชื่อมโยงไปยังเรื่องการเมือง ด้วยสาเหตุที่โฟกัสเพิ่งประกาศจุดยืนทางการเมือง และไปปรากฎตัวในม็อบมาก่อนหน้านี้ 

.

ดูเหมือนดราม่าครั้งนี้จะเป็นไฟลามทุ่ง เพราะมีการติดแฮชแท็ก แบนกันต์ รวมถึงให้เลิกติดตามไอจีของพิธีกรคนดัง และเลยเถิดไปยังการแบนช่องเวิร์คพอยท์อีกด้วย แต่เอาเข้าจริง ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยเกิดกรณีดราม่าของหนุ่มกันต์ The States Time Lite จึงไปรวบรวมข่าวเดือดและข่าวดี กรณีที่เคยเกิดขึ้นกับพิธีกรคนนี้มาบอกกัน...

 

ทรัมพ์ยังไม่เอ่ยปาก ขอยอมแพ้

เกือบจะกลายเป็นบุรุษที่โลกลืมไปแล้ว สำหรับ "โดนัลด์ ทรัมพ์" หลังจากที่มีการสรุปผลการเลือกตั้งเรียบร้อยในหลายรัฐ และ "โจ ไบเดน" ได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของคณะผู้เลือกตั้งไปแล้ว แม้จะยังเหลืออีกไม่กี่รัฐเท่านั้นที่คะแนนยังมีปัญหา แต่แทบไม่มีผลกับการเลือกตั้งแล้วในตอนนี้

แม้ว่าทรัมพ์จะกล่าวหาว่ามีการโกงเลือกตั้ง และขอต่อสู้ในชั้นศาล แต่ศาลในบางรัฐก็ยกคำร้อง ไม่รับพิจารณาคดี อีกทั้งโจ ไบเดน ก็เดินหน้าประกาศตัวเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่อย่างเต็มตัว ด้วยการเริ่มวางตัวคณะรัฐมนตรีของตัวเองในสมัยหน้าแล้ว

ซึ่งต่างจากทรัมพ์ ที่ยังคงเก็บตัวเงียบ แทบไม่ได้ออกสื่อ มีเพียงการเคลื่อนไหวในทวิตเตอร์ส่วนตัว และมาพร้อมกับข่าวลือความขัดแย้งภายใน ทั้งในครอบครัว และ ในพรรครีพับลิกัน ว่าจะให้ทรัมพ์ลาตำแหน่งอย่างสง่างาม หรือ จะยังคงยื้อเวลา เดินหน้าต่อสู้ในชั้นศาล

และล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐ ทรัมพ์ก็ได้ปรากฏตัวออกสื่ออย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลังจากห่างหายมาเนิ่นนาน ที่งานแถลงข่าวหน้าทำเนียบขาว ด้วยการประกาศความสำเร็จของวัคซีน Covid-19 ที่พัฒนาโดยบริษัทยา Pfizer ที่ได้ผลดีเกินคาดถึง 90% ในกลุ่มทดลอง 43,500 คนใน 6 ประเทศ รวมทั้งในสหรัฐอเมริกา

โดยทรัมพ์ได้เคลมความสำเร็จของการพัฒนาวัคซีนของ Pfizer ว่าเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย Operation Warp Speed ของเขา ที่ได้อนุมัติอัดเม็ดเงินมากกว่า 1 พันล้านเหรียญให้กับบริษัทยาชั้นนำที่ได้รับคัดเลือก ในการพัฒนาวัคซีน Covid-19 ให้ออกมาให้เร็วที่สุด

ทรัมพ์อ้างว่า ด้วยโครงการ Operation Warp Speed ทำให้โลกได้วัคซีนตัวใหม่นี้เร็วกว่าการพัฒนาแบบธรรมดาถึง 5 เท่า นับว่าเร็วที่สุดในโลก และเขาจะผลักดันให้ชาวอเมริกันได้รับวัคซีน Covid-19 ตัวใหม่นี้ ให้เร็วที่สุด อย่างน้อยภายในสิ้นปีนี้

ซึ่งการที่ทรัมพ์ออกมาเคลมความสำเร็จของวัคซีน จาก Pfizer ก็เพราะเป็นหนึ่งในเรื่องที่ทรัมพ์พยายามผลักดันอย่างหนัก ที่จะให้ชาวอเมริกันต้องได้รับข่าวดีเรื่องวัคซีนก่อนการเลือกตั้ง เพื่อเป็นผลดีกับคะแนนเสียงของเขา

เพียงแต่โชคไม่เข้าข้าง ข่าวดีที่ทรัมพ์รอคอยนั้นมาช้าไม่ทันการณ์ และที่ตลกร้ายกว่านั้นคือ Pfizer ไม่ได้อยู่ในโครงการ Operation Warp Speed

บริษัทยาที่ได้คัดเลือกเข้าร่วมโครงการ Operation Warp Speed ที่ประกาศอย่างเป็นทางการมีรายชื่อดังนี้

.

- Johnson & Johnson

- AstraZeneca–University of Oxford

- Moderna

- Merck ร่วมกับ IAVI

- Novavax

- Sanofi ร่วมกับ GlaxoSmithKline

.

และบริษัทยาที่ได้ทุนวิจัยบางส่วนอีก 2 แห่งคือ Vaxart และ Invio แต่ไม่มี Pfizer

แคทเธอรีน แจนเซน รองประธานบริษัท Pfizer ก็เคยออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อของสหรัฐเองว่า Pfizer ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Warp Speed เราไม่เคยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลกลางสหรัฐ

นอกจากนี้ ด็อกเตอร์ แอนโธนี ฟาวซี หัวหน้าศูนย์บริหารสถานการณ์ Covid-19 ของสหรัฐ ก็เคยออกมาบอกว่า ถึงจะเร่งผลิตวัคซีนแค่ไหนก็ตาม ชาวอเมริกันน่าจะได้รับวัคซีนอย่างเร็วที่สุดก็เดือนมีนาคมปีหน้า

ถึงเวลานั้น สหรัฐคงยืนยันประธานาธิบดีคนที่ 46 อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งจะยังคงเป็นทรัมพ์หรือเปล่า ตอนนี้ทรัมพ์เองก็ชักจะไม่แน่ใจ ได้แต่บอกว่า "เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เองแหล่ะ"

ถึงจะไม่พูดออกมาตรง ๆ แต่ถือเป็นครั้งแรกที่ทรัมพ์มีท่าทีอ่อนลง และเริ่มส่งสัญญาณว่าคงยอมรับความพ่ายแพ้ แต่จะให้ประกาศโต้ง ๆ ว่า "ผมแพ้" คงไม่ใช่สไตล์ของแก จึงได้แต่พูดอ้อมๆว่า

.

"Hopefully the – whatever happens in the future, who knows which administration will be. I guess time will tell. But I can tell you this administration will not go to a lockdown.”

(ผมหวังว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ใครจะได้เป็นรัฐบาลชุดใหม่ ถึงเวลาก็รู้เองแหล่ะครับ แต่ผมยืนยันกับพวกคุณได้อย่างหนึ่งก็คือ รัฐบาลของผมจะไม่ยอมให้มีการ Lockdown เมืองเป็นอันขาด)

แต่ว่าล่าสุด รัฐโอเรกอน และ นิว เม็กซิโก ได้ประกาศมาตรการ Lockdown บางเขตที่มีปัญหาการระบาด Covid-19 อย่างหนักไปแล้วในวันนี้

ก็สงสัยว่ารัฐบาลชุดต่อไป ไม่น่าจะเป็นทรัมพ์แล้วหล่ะมั้ง

.

ข้อมูลอ้างอิง

The Guardian

https://www.theguardian.com/us-news/2020/nov/13/trump-biden-white-house-defeat-election

The Hill

https://thehill.com/homenews/administration/525927-trump-breaks-public-silence-but-doesnt-talk-election

New York Times

https://www.nytimes.com/2020/11/10/health/was-the-pfizer-vaccine-part-of-the-governments-operation-warp-speed.html

AP News

https://apnews.com/article/virus-surge-officials-resist-restriction-f7995f3df600b3115fe7058db4b84435

Wikipedia

https://en.wikipedia.org/wiki/Operation_Warp_Speed

กัน ‘ ม็อบ ’ ไว้ดีกว่าแก้

วันที่ 16 พฤษจิกายน พ.ศ. 2563 นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ได้กล่าวถึงมาตรการในการรักษาความปลอดภัยของรัฐสภา หลังจากมีประกาศจากผู้ชุมนุมทั้งฝ่ายกลุ่มราษฎรและกลุ่มไทยภักดี ได้มีประกาศชุมนุมใหญ่หน้ารัฐสภาในวันที่ 17 พฤษจิกายน พ.ศ. 2563 นี้ เพื่อติดตามการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ

โดยนายชวน ได้กล่าวว่า "ตนได้กำชับให้ดูแลในส่วนภายในอาคารสภาฯเป็นหลัก ในส่วนบริเวณภายนอกให้รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบ ดูแล โดยขอย้ำว่าต้องไม่ประมาทแต่ไม่ใช่กลัวจนกระทั่งมีปัญหา เพราะสุดท้ายแล้วการชุมนุมสามารถทำได้ตามกฎหมาย หากอยู่ในความสงบไร้อาวุธและไม่คุกคามใคร"


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top