Saturday, 29 June 2024
NEWS FEED

‘สหพันธ์ขนส่งทางบกฯ’ เตรียมถก 12 ผู้ประกอบการฯ บ่ายนี้ ขู่!! จ่อขึ้นค่าขนส่ง 9% หากรัฐเพิกเฉย ไม่ตรึงดีเซล 30 บาท

เมื่อวานนี้ (19 มิ.ย.67) นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 มิถุนายน จะมีการประชุมหารือร่วมกับสมาชิกผู้ประกอบการขนส่ง 12 สมาคม เพื่อจะรองรับมติว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปหากรัฐบาลยังเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของสมาพันธ์ฯ ก่อนหน้านี้ ที่ต้องการให้ตรึงราคาน้ำมันดีเซล 30 บาทต่อลิตร โดยสมาพันธ์จะปรับขึ้นราคาค่าขนส่งขึ้น 9% หากรัฐบาลไม่มีการดำเนินการเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด หรือปรับขึ้นประมาณ 3% ต่อราคาน้ำมันดีเซล 1 บาท ที่เกิน 30 บาทต่อลิตร

“การปรับขึ้นดังกล่าวหากจะคิดง่าย ๆ ก็จะทำให้ค่าขนส่งเดิมที่คิดราคา 10,000 บาท จะถูกเพิ่มขึ้นอีก 900 บาทนั่นเอง” นายอภิชาติ กล่าว

โดยนายอภิชาติ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มรถกระบะ หรือปิคอัพ ที่เป็นผู้ประกอบการขนส่ง ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาพันธ์ขนส่งฯ ที่พร้อมจะปรับขึ้นราคาค่าขนส่งอีก 9% เช่นเดียวกัน หากราคาน้ำมันดีเซลยังอยู่ในระดับปัจจุบันที่ 32.94 บาทต่อลิตร

สำหรับการประชุมหารือจะเริ่มเวลาประมาณ 13.00-15.00 น. ที่สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย

แถลงข่าว เดิน–วิ่ง การกุศล ซุปเปอร์ มินิมาราธอน รพ.พระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ครั้งที่ 17 ชิงถ้วยพระราชทานฯ

วันที่ 19 มิ.ย.67 พล.ร.ต.ดนัย ปานแดง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ เป็นประธานแถลงข่าวการแข่งขัน เดิน–วิ่ง การกุศล ซุปเปอร์ มินิมาราธอน โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ครั้งที่ 17 ประจำปี 2567 ภายใต้ ระหัส “RUN FOR HEALTH วิ่งเพื่อสุขภาพของนักกีฬา ” ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมีผู้มีเกียรติ ผู้สนับสนุนเดิน-วิ่งการกุศลฯ สื่อมวลชน ผู้บริหาร ข้าราชการ และบุคลากร รพ.ฯ เข้าร่วมการแถลงข่าว ณ ห้องโถงอาคารตรวจโรคผู้ป่วยนอก รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 

การแข่งขัน “RUN FOR HEALTH วิ่งเพื่อสุขภาพของนักกีฬา” เป็นกิจกรรม เดิน–วิ่ง การกุศล ซุปเปอร์มินิมาราธอน โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ครั้งที่ 17 

กำหนดจัดการแข่งขัน ในวันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2567 เวลา 04.00 - 08.30 น. เพื่อเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2567 รายได้สุทธิจากการจัดการแข่งขัน สมทบทุนจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้กับโรงพยาบาลฯ และเพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้กับประชาชนในพื้นที่ 

ตลอดจน ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมเดิน-วิ่งการกุศล ตามระยะต่างๆ ที่กำหนด ได้แก่ ระยะทาง 13.55 กม. ระยะทาง 5 กม. และ 3 กม. เปิดรับสมัคร ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทาง https://race.thai.run/srkrunforheart2024

'ครูเป็ด' ชื่นชมครูรุ่นใหม่ ให้เด็กได้ลอง 'ขีด-เขียน-ลบ' บนกระดาษจริง หน่วงชีวิตเด็กให้ช้าลง ผ่านปลายปากกาแสนฝืด-รอยลบเตือนความผิด

(19 มิ.ย.67) ครูเป็ด-มนต์ชีพ ศิวะสินางกูร นักแต่งเพลง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กอธิบายเหตุผลที่ทำไมคุณครูคนรุ่นใหม่ จึงยังให้นักเรียนจดบันทึกลงบนกระดาษว่า เพื่อเป็นการให้เด็กได้เห็นและทบทวนข้อผิดพลาดในอดีตของตน ระบุว่า...

เมื่อวานผมได้ประชุมออนไลน์กับอาจารย์ของโรงเรียนสาธิตแห่งหนึ่ง เพราะผมจะต้องไปสอนเด็กนักเรียนในหัวข้อการอ่านจับใจความ

ความน่าสนใจมันอยู่ตรงนี้...

ในการสอนจำเป็นจะต้องส่งเรื่องไปให้นักเรียนอ่าน เพื่อเป็นตัวอย่างว่าเราจะจับใจความเรื่องอย่างไร...ผมก็ถามทางอาจารย์ว่า ปกติเขาใช้แพลตฟอร์มอะไรในการแจกจ่ายเอกสารแบบนี้

เพราะผมมองว่าเด็กนักเรียนรุ่นนี้ เขามีอะไรก็คงจะขีด ๆ เขียน ๆ บนแท็บเล็ตของเขา คงไม่ได้ใช้กระดาษแล้วมั้ง

ทางอาจารย์ซึ่งก็เป็นคนหนุ่มคนสาวรุ่นใหม่ ก็ขอว่าให้ผมส่งไฟล์ให้ทางโรงเรียน แล้วเขาจะปริ้นเป็นกระดาษออกมาให้เด็กเอง

มีอะไรก็จะให้เด็กขีดเขียนลงบนกระดาษ

เหตุผลของอาจารย์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนน่าชมเชย...แกบอกว่าอยากให้เด็กได้สัมผัสกับความรู้สึกจับต้องกระดาษ ได้เขียนอะไรลงบนกระดาษ ความรู้สึกที่ปลายปากกามันฝืด ๆ นิดนึง ตอนลากไปบนกระดาษ...

และถ้าเขียนอะไรผิดก็ต้องลบ ซึ่งมันจะทิ้งร่องรอยให้เห็นว่า นั่นไงที่เราเคยผิดหรือเคยทำพลาดไว้...

คือตอนนี้อะไรที่ผ่านมาในชีวิตมันเร็วเหลือเกิน มาแล้วก็ไป ก็เลยอยากให้มีอะไรบางอย่างหน่วงชีวิตให้ช้าลงบ้าง...เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังดี

ผมเก๊ตความคิดนี้และชื่นชมครับ...

เด็กรุ่นนี้โตมากับเทคโนโลยี เขาอาจจะได้สัมผัสเพียงด้านเดียวคือความว่องไว ความสำเร็จรูป ความได้อย่างใจ...

จะมีอีกมุมหนึ่งที่เทคโนโลยีไม่ได้สอน...คือความอดทน การรอคอย รับมือกับความผิดพลาด รับมือกับความไม่สมหวัง...

เทคโนโลยีจะไปเร็วแค่ไหน แต่หัวใจคนก็ยังเต้นประมาณ 80 ครั้งต่อนาที...เหมือนเมื่อร้อยปีหรือพันปีที่แล้ว

ชื่นชมครับที่ครูรุ่นใหม่ ๆ เห็นคุณค่าของเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ และพยายามสอดแทรกเข้าไปในการเรียนการสอน 

‘ชาวบ้านแม่น้ำคู้’ ผวา!! ‘โจ๋เขมร’ ตั้งแก๊งไล่ทำร้ายคนไทย-เพื่อนร่วมชาติ ต้องวิ่งหนีเข้าป่าเอาชีวิตรอด ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีใครกำราบ

เมื่อวานนี้ (18 มิ.ย. 67) ที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งที่แม่น้ำคู้ซอย 3 ในพื้นที่ ต.แม่น้ำคู้ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง หลังทราบข้อมูลจากชาวบ้านว่ามีคนไทยและกัมพูชา ถูกกลุ่มวัยรุ่นชาวกัมพูชาไล่ทำร้ายร่างกายจนต้องวิ่งหนีเข้าป่าเพื่อเอาชีวิตรอด

ทั้งนี้ ที่บริเวณห้องเช่าดังกล่าว มีห้องพักอยู่ติดกันกว่า 20 ห้อง พบชาวบ้านกว่า 20 คนอยู่ในอาการผวา พร้อมจับกลุ่มคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพบรถจักรยานยนต์ 1 คันยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ สีบรอนซ์-ดำ มีรอยคล้ายถูกมีดฟันที่ตัวรถ ตะกร้าหน้ารถบิดเบี้ยวและชิ้นส่วนแตกหลุดออกมา

ด้าน น.ส.ศิริพร (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปีให้ข้อมูลว่า ตนและแฟนออกไปทำธุระกับเพื่อน พอแยกกันตนกับแฟนถึงห้องแล้วแต่เพื่อนแฟนยังไม่ถึง ภายหลังทราบว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นชาวกัมพูชาไล่ทำร้ายและหนีเอาชีวิตรอดมาได้ ตอนนี้ชาวบ้านแม่น้ำคู้ต้องอยู่แบบหวาดผวา วัยรุ่นกัมพูชากลุ่มนี้มีอยู่กว่า 10 คน เกเรมาก พวกเขาก่อเหตุไล่ทำร้ายคนไทยและไล่ทำร้ายคนชาติเดียวกันด้วยมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นมีใครมาจัดการได้

นายสุริยะ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปีผู้เสียหาย เล่าว่า ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปหาน้อง พอถึงกลางซอยแม่น้ำคู้ 3 แถวร้านสะดวกซื้อ มีวัยรุ่นกัมพูชาขี่รถตามมาและตบที่ต้นคอจนตนตกใจ เมื่อหันไปก็เห็นคล้ายกับมีอาวุธด้วย ตนจึงรีบขี่รถหนี แต่คิดว่าคงหนีไม่พ้นจึงทิ้งรถ หนีเข้าไปซ่อนตัวในป่าจนรอดมาได้

ผู้เสียหายอีก 1 รายชื่อนายวิทย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี เป็นแรงงานชาวกัมพูชา ซึ่งขี่รถผ่านมาพอดีก็ถูกกลุ่มวัยรุ่นชาติเดียวกันขี่ตามไล่ทำร้ายร่างกายเช่นกัน จนต้องทิ้งรถ จยย.วิ่งหนีเข้าป่าจึงรอดมาได้ ส่วนรถถูกมีดฟันได้รับความเสียหาย

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทั้งคนไทยและชาวกัมพูชาที่พักอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าดังกล่าวต่างใช้ชีวิตกันอย่างหวาดผวา และได้เตรียมแจ้งความที่ สภ.ปลวกแดง เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมอยากฝากให้ สภ.ปลวกแดง เร่งจัดการกับกลุ่มกัมพูชากลุ่มนี้เพราะเป็นอันตรายต่อชุมชนอย่างมาก 

'โค้ชหนุ่ม' ยกเคสหญิงมีปัญหาการเงินรุม แต่พอแนะวิธีไหนไปก็บอกว่า 'ทำไม่ได้'  แต่สุดท้ายฉีกตำรา 'แก้ทุกข์' ด้วยการมีสามีต่างชาติที่รายได้สูงและยังไม่ตาย

(19 มิ.ย.67) จากเพจ 'Money Coach' โดย 'โค้ชหนุ่ม' จักรพงษ์ เมษพันธุ์ ได้แชร์เรื่องราวของเคสผู้หญิงรายหนึ่งที่ประสบปัญหาการเงิน แต่ไม่ยอมทำตามคำแนะนำ แต่เธอคนนั้นแก้ปัญหาด้วยการมีสามีชาวต่างชาติที่รายได้สูงและยังมีชีวิตอยู่ ว่า...

เรื่องจริง...ยิ่งกว่านิยาย 

ทำหน้าที่เป็นมันนีโค้ชมาหลายปี ต้องบอกเลยว่าเจอเรื่องการเงินที่ไม่น่าเชื่อและไม่คิดว่าจะเป็นไปได้มากมาย หลายเรื่องฟังดูคล้ายนิยาย พูดไปใครก็คงคิดว่าโค้ชแต่งเรื่องขึ้นมา แต่พอทำหน้าที่นี้นานเข้า คุยกับคนมากเข้า ก็ยิ่งมั่นใจว่า “ถ้าเป็นเรื่องการเงิน ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”

ตอนเริ่มต้นทำงานให้คำปรึกษาใหม่ ๆ ผมได้เจอสุภาพสตรีท่านหนึ่ง เธอมาขอคำปรึกษาเรื่องหนี้ เราเจอกันในงานสัมมนาของพรรคการเมืองหนึ่งที่มีโครงการช่วยคนปลดหนี้ 

ครั้งแรกที่ได้เห็นงบการเงินของเธอแล้วบอกได้คำเดียว “มันหนักมาก” รายได้ของเธอมีส่วนต่างจากรายจ่ายร่วม ๆ เท่าตัว ทรัพย์สินมีบ้านอยู่ 1 หลัง ที่ปลอดภาระ 

เธอเล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนเธอสบาย รายได้ส่วนตัวน้อยก็อยู่ได้ เพราะสามีเป็นคนหารายได้หลัก แต่พอสามีเสียชีวิตไป การเงินเธอก็พลอยแย่ไปด้วย

ผมเองพยายามให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหา แต่ดูเหมือนเธอจะติดขัดไปหมด โน่นก็ทำไม่ได้ นี่ก็ไม่ถนัด 

สิ่งเดียวที่เธอพูดตลอดเวลาเจอกันคือ โค้ชต้องช่วยพี่นะ! ห้ามทิ้งพี่นะ! แต่ก็ไม่ทำอะไร แนะนำให้ขายบ้านเอาเงินส่วนหนึ่งมาชำระหนี้ แล้วเอาส่วนหนึ่งไปตั้งหลักใหม่ เธอก็ไม่ทำ อ้างว่าไม่อยากขายความหลังเก่า ๆ กับสามี (เธออยู่คนเดียว ไม่มีลูก) แนะนำให้หาธุรกิจ หารายได้เพิ่ม เธอก็อ้างว่าอายุเยอะแล้วเริ่มต้นใหม่คงไม่ง่าย ทั้งที่อายุแค่ 40 กว่า

คุยทุกอย่างให้คำแนะนำทุกทาง เธอก็ไม่ยอมทำตามเลยจนช่วงหนึ่งเธอเริ่มหายไปจากชีวิตผม (กลายเป็นผมโดนทิ้งซะเอง 555)

ผ่านไปได้ร่วมครึ่งปี เธอติดต่อกลับมาครับ พร้อมกับเล่าว่า เธอเคลียร์ปัญหาทางการเงินทั้งหมดได้แล้ว

งงสิครับ!! หนี้ตั้งเยอะตั้งแยะ รายได้ก็ไม่มี ทรัพย์สินก็ไม่มี หลุดจากปัญหาได้ยังไง (ตอนนั้นแอบคิดว่า ... ถูกหวยแหง ๆ)

ซึ่งก็จริงครับ พี่เค้าถูกหวยจริง แต่ไม่ได้ถูกหวยกองสลาก แต่เป็นหวยมนุษย์ครับ พี่แกได้แฟนเป็นชาวต่างชาติที่มาทำงานเมืองไทย ... เรียกว่าเจอกันปุ๊บ อยู่กินด้วยกันปั๊บ สบายไปเลยครับ

อย่างไรก็ดี เธอขอบคุณผมที่อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนคอยให้ปรับทุกข์ในช่วงที่มีปัญหา แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะช่วยอะไรพี่เขาไม่ได้เลยก็ตาม (เจ็บจี๊ด 555)

นาฬิกาหมุนไป ชีวิตคนเราก็หมุนตาม ...

ผ่านไปร่วม 2 ปี เรื่องไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น สามีต่างชาติที่เป็น EXPAT เสียชีวิต คุณพี่ของผมท่านนี้จึงกลับมาพร้อมกับน้ำตาและคำว่าเสียใจ 

ไม่ใช่! กลับมาพร้อมกับความลำบากทางการเงินอีกครั้ง เพราะรายรับประจำจากสามีหายไป ข้าวของต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียม รถยนต์ของสามี ล้วนแล้วแต่เป็นของประจำตำแหน่ง เงินทองที่สามีเคยให้ก็ไม่เคยเก็บ และแทบจะหมดไปทันทีที่ได้มา

และเหมือนเดิมครับ ถ้าปัญหาหนี้ไม่หนักหน่วงจะไม่มีทางนึกถึงผม ครั้งนี้ก็เช่นกัน

คุณพี่กลับมาพร้อมกับปัญหาใหญ่ไม่แพ้กับครั้งก่อน พอสามีจากไป เธอก็เริ่มใช้ชีวิตหยิบยืม และต้องรอจนบ่มได้ที่ เป็นหนี้จนหันหน้าพึ่งใครไม่ได้ 

แล้วก็เหมือนเดิม โจทย์ยากโคตร ไม่มีรายได้ หนี้เต็มตัว ทรัพย์สินใด ๆ ไม่มี บ้านหลังเก่าเธอขายไปตั้งแต่เจอสามีใหม่ได้ไม่นาน ... (ไหนบอกอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดี) และสุดท้ายก็ใช้เงินจนหมด

แล้วที่ยังเหมือนเดิมอีกเรื่องก็คือ ให้แนะนำอะไรไปก็มีข้ออ้าง พี่แก่เกินไปที่จะเริ่มต้น ทำกิจการอะไรก็ไม่ได้มันเสี่ยง ฯลฯ 

เมื่ออะไร ๆ ยังเหมือนเดิม ผลลัพธ์จึงเหมือนเดิม ผมช่วยอะไรเธอไม่ได้ตามคาด และบอกตรง ๆ ว่าแอบเบื่อนิด ๆ เวลาเห็นคำถามทางอีเมล์จากพี่เขา เพราะรู้สึกว่าให้คำปรึกษาไปแล้วดูดพลังผมอย่างมาก เพราะสำหรับพี่เขา “อะไร ๆ ก็ไม่ได้”

สุดท้ายเหมือนละคร Remake เธอหายไปจากชีวิตผมพักใหญ่ ๆ ด้วยเห็นว่าไอ้โค้ชการเงินแห่งสารขัณฑ์คงช่วยอะไรฉันไม่ได้อีกตามเคย

เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้รับอีเมล์จากเธอ พร้อมด้วยภาพสวย ๆ ของชายหญิงคู่หนึ่งยืนกอดกัน ด้านหลังเป็นวิวภูเขาในต่างประเทศ ลุคดูดีมีสกุลมาก ๆ

ใช่ครับ! มันเป็นหนัง Remake โดยสมบูรณ์ เธอแต่งงานใหม่อีกครั้งกับชาวต่างประเทศ และคราวนี้ย้ายไปอยู่กับเค้าเสียเลย และแน่นอน ชีวิตเธอผ่านพ้นปัญหาหนี้และกลับมาสุขสบายอีกครั้ง

และก็เหมือนเคย นิยายเรื่องนี้ จบด้วยความไร้ความสามารถของ THE MONEY COACH อีกครั้งหนึ่ง

- จบบริบูรณ์ -

‘อนุทิน’ แท็กทีมลูกพรรค สวมใส่เสื้อ ‘สีเหลือง’ ร่วมใจแสดงความจงรักภักดี ขณะประชุมสภาฯ

(19 มิ.ย.67) ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ โดยมีนาย วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธาน สภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ในวาระแรก โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งหายจากอาการป่วยโควิด-19 เป็นวันแรก ได้นำทีมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง 

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้นำทีมรัฐมนตรี และสส.พรรคภูมิใจไทย ส่วนใหญ่ใส่เสื้อสีเหลืองเข้าร่วมประชุม ซึ่งจะใส่ในวันพิจารณางบประมาณ 2 วันคือวันที่ 19 และวันที่ 21 มิ.ย.นี้ 

เชียงใหม่-สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่รุกจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่น "Chiang Mai WOW"

วันที่ 19 มิถุนายน 2567 สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่จัดงานแถลงข่าวการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ช่วงเดือนกรฏาคม - กันยายน 2567  "Chiang Mai WOW" โดยมีนายวีระพงศ์  ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน โดยมีนายศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ , ว่าที่ร้อยเอก สันติพงษ์ บุลยเลิศ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ ,นายเก่ง ชัยวารินทร์ รองผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ ,นายวุฒิชัย วีระมาชา เลขานุการคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงใหม่ และนายพงศธร เลากิตติศักดิ์ ประธานประสานงานสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย 8 จังหวัดภาคเหนือ ร่วมแถลงข่าว ตั้งเป้ากระตุ้นจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวตลอดทุกเดือนและทุกปี ณ ห้องประชุมศิริโพธิ์ โรงแรมศิริปันนา วิลล่า รีสอร์ท แอนด์ สปา เชียงใหม่

นายศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน 2567 เริ่มต้นด้วยการจัดงานเทศกาลอาหารฮาลาลเชียงใหม่ ปี 2567 ในเดือนกรกฎาคม 2567 เป็นปีที่ 2 ที่ทางสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดกิจกรรมขี้น โดยในปีนี้ทางคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงใหม่ ให้คำปรึกษา ถือเป็นการต่อยอดการจัดกิจกรรมเทศกาลอาหารฮาลาลจากปีที่แล้ว

ร้านอาหารฮาลาลที่เข้าร่วมกิจกรรมและจัดทำพิกัดร้านในปีนี้มีจำนวน 50 ร้าน ซึ่งจะทำการประชาสัมพันธ์พิกัดร้านในปลายเดือนมิถุนายนนี้ และในวันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม 2567 จะมีการจัดกิจกรรมเทศกาลอาหาร ฮาลาล ณ โรงแรมศิริปันนา วิลล่า รีสอร์ท แอนด์ สปา เชียงใหม่ กิจกรรมช่วงเช้าเป็นการจัดการอบรมหัวข้อ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาหาร ฮาลาล ให้กับสมาชิกของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่, สมาคมร้านอาหาร สมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงใหม่ ทุกท่านที่ผ่านการอบรมจะได้รับใบ certificate การฝึกอบรม  และกิจกรรมช่วงบ่ายเป็นพิธีมอบใบประกาศนียบัตร   สำหรับร้านอาหารที่เข้าร่วมกิจกรรมเทศกาลอาหารฮาลาลเชียงใหม่ ปี 2567 และหลังจากนั้นจะมีบูธอาหารฮาลาลหลากหลายชนิดที่มาร่วมกิจกรรมให้ทุกท่านที่มาร่วมงานในวันดังกล่าวได้ทดลองชิมกัน

นายศุภมิตร กล่าวต่อว่า โครงการถัดมาที่จะจัดขึ้นคือ โครงการฟ้าม่วน (โครงการการบูรณาพัฒนาและต่อยอดอากาศสะอาดภาคเหนือ) ด้วยการผนึกพลังของหลายเครือข่าย "เพื่อสร้างความร่วมมือและเครือข่ายในการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5" ประกอบด้วย โครงการฟ้าม่วน ร่วมกันระหว่าง สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่, สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัดภาคเหนือตอนบน, สำนักงานตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่, วสท.สาขาภาคเหนือ 1, สถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และภาคเอกชนในการมีส่วนร่วมเพื่อแก้ไข และบรรเทา ปัญหาฝุ่น pm 2.5 จึงได้จัดตั้งโครงการสาธารณประโยชน์นี้ขึ้น มีแนวทางการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก พร้อมทั้งการสร้างองค์ความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนในการรับมือ และป้องกันดูแลสุขภาพให้ปลอดภัยจากฝุ่น pm2.5  ซึ่งโครงการฟ้าม่วนได้ดำเนินโครงการมาแล้วตั้งแต่ปี 2566 และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องในจังหวังเชียงใหม่ และจะขยายพื้นที่เครือข่ายไปยังจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย ปาย แม่ฮ่องสอน และพะเยา ต่อไป

ทั้งนี้โครงการฟ้าม่วนได้จัดกิจกรรมกอล์ฟการกุศลฟ้าม่วน ที่จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม 2567 เวลา 11:00 – 20:00 น. ณ สนาม Alpine Golf Resort Chiang Mai ชิงถ้วยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รายได้จากการทำกิจกรรมจะนำมาทำห้องปลอดภัยให้แก่กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ภาคเหนือจำนวน 72 ที่ และเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา  6 รอบ โดยร่วมทำบุญ ผ่านบัญชี โครงการฟ้าม่วน (วสท.สาขาภาคเหนือ1) ธนาคารออมสิน สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า  และติดตามรายละเอียดกิจกรรมโครงการ ได้ที่เพจเฟสบุ๊คฟ้าม่วน

ต่อด้วยการ จัดกิจกรรมตักบาตรโชติกา เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์-สามเถร 99 รูป ในวันเสารที่ 10 สิงหาคม 2567 เวลา 7:00 น. ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เพื่อถวายพระราชกุศลในช่วงวันเฉลิมพระชนมาพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กิจกรรมตักบาตรโชติกาเป็นการทำบุญตักบาตรรอบพระเจดีย์โบราณ อายุกว่า 600 ปี ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จัดเป็นประจำทุกวันเสาร์ เวลา 7:00 น. ซึ่งกิจกรรมนี้เริ่มมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ทางสมาคมได้เตรียมอาหารแห้ง  นมถั่วเหลือง และน้ำดื่มไว้จำหน่าย รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว แบ่งถวายวัดเจดีย์หลวง, บริจาคให้โรงพยาบาลนครพิงค์ และสถานสงเคราะห์บ้านเด็กอ่อนเวียงพิงค์

สุดท้ายเป็นการจัดมหกรรมการประกวดการอนุรักษ์พระเครื่อง,พระบูชาเหรียญคณาจารย์, เครื่องรางยอดนิยมทั่วประเทศ โดยสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กำหนดจัดกิจกรรมขึ้นในวันที่ 14-15 กันยายน 2567 ณ เชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่แอร์พอร์ต นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ยังกล่าวอีกว่า"สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ต้องการให้มีกิจกรรมทางด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ตลอดทุกเดือนตลอดทั้งปีไม่ว่าจะเป็นช่วงไฮซีซั่นหรือช่วงโลว์ซีซั่น เราอยากให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาร่วมกิจกรรมทางการท่องเที่ยวกระตุ้นเงินสะพัดในทุกธุรกิจ ทั้งภาคบริการ การท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ร้านของฝาก รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ"

นภาพร  / เชียงใหม่ 

‘โซเชียล' สงสัย!! ทริปบุคลากรมหาลัยในภาคอีสาน จัด 'สัมมนา-ดูงาน' ที่ภูเก็ต แต่ทำไมดูเหมือนไปเที่ยว

(19 มิ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังเพจเฟซบุ๊ก ‘ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน’ โพสต์ข้อความ ถึงบุคลากรมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคอีสาน เดินทางไปสัมมนาดูงานที่ ภูเก็ต จำนวน 40 ชีวิต รวม 4 วัน 3 คืน 

โดยเนื้อความในโพสต์ ได้ระบุว่า… 

"สัมมนาทางทะเล คณะ... ขนบุคลากรกว่า 40 คน ไปดูงานสัมมนา 4 วัน 3 คืน ที่ภูเก็ต เมื่อวันที่ 15-18 พ.ค. 67 เริ่มทริปบินตรงจากขอนแก่นมุ่งสู่ภูเก็ต วันแรกเอาฤกษ์เอาชัยพากันไปไหว้พระ เดินดูเมืองเก่า ซื้อของฝาก เช้าวันต่อมาแวะไปดูงานที่ ม.สงขลานครินทร์ จนถึงบ่าย”

“วันที่ 17 พ.ค. 67 นั่งเรือชมวิวไปเกาะพีพี อ่าวมาหยา พร้อมดำน้ำดูปะการัง ตบท้ายมื้อค่ำด้วยโชว์ภูเก็ตแฟนตาซี และวันสุดท้ายไปลอดถ้ำ พายเรือแคนูที่พังงา แล้วบินกลับพร้อมความรู้ทางทะเลสุดฉ่ำ"

'อาจารย์อุ๋ย ปชป.' ยินดี!! ไทยสมัครเป็นสมาชิก BRICS สะท้อนการรับมือระเบียบโลกใหม่จากหลายขั้วได้อย่างเหมาะสม

(19 มิ.ย. 67) จากกรณีที่ประเทศไทยได้แสดงเจตจำนงที่จะเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา นั้น นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส.กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ผมเห็นด้วยและขอแสดงความยินดีกับการที่ไทยแสดงความจำนงเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มกันของประเทศตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ ซึ่งจนถึงปัจจุบันประกอบด้วย บราซิล, อินเดีย, จีน, แอฟริกาใต้, อิหร่าน, อียิปต์, เอธิโอเปีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วมีขนาดเศรษฐกิจถึงร้อยละ 28.3 ของโลก และมีจำนวนประชากร ร้อยละ 45.5 ของประชากรโลก โดยรัฐสมาชิกจะยึดถือหลักการความเสมอภาค มีผลประโยชน์ร่วมกัน และไม่แทรกแซงกิจการภายใน ซึ่งสอดคล้องกับหลักการที่บัญญัติไว้ในกฎบัตร ASEAN 

โดยการเป็นสมาชิกนี้จะทำให้ไทยได้ประโยชน์ในหลายด้าน อาทิเช่น ยกระดับบทบาทของไทยในเวทีโลก เพิ่มบทบาทของไทยในการกำหนดทิศทางนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และเพิ่มโอกาสของไทยในการมีส่วนร่วมสร้างระเบียบโลกใหม่ที่มีความยุติธรรมมากขึ้น เพื่อยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกทางการค้า ทุนสำรอง การสื่อสารข้อมูล คุ้มครองการลงทุน ส่งเสริมการลงทุน ทลายกำแพงการค้า (Trade Barrier) และค้าขายด้วยสกุลเงินอื่นนอกเหนือจากดอลลาร์สหรัฐ 

นอกจากนี้เรายังเพิ่งแสดงความจำนงขอเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วกว่า 30 ประเทศ ในยุโรปและอเมริกา และเราก็ยังคงเป็นสมาชิก APEC อยู่ด้วยซึ่งมีทั้งสหรัฐอเมริกา, จีน และรัสเซีย เป็นสมาชิกเช่นกัน ดังนั้น ใครจะมาบอกว่าเราเลือกข้าง คงไม่ใช่ แต่เป็นการแสวงหาโอกาสเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ 

ด้วยสภาวการณ์ของโลกปัจจุบันที่มีความแปรปรวนและยืดหยุ่นสูง ประกอบกับเงื่อนไขทางภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศไทย การรักษาสมดุลระหว่างขั้วอำนาจโลกอย่างเหมาะสมและมียุทธศาสตร์เท่านั้น ที่จะทำให้ประเทศไทยพัฒนาก้าวหน้าอย่างมั่นคงและมีศักดิ์ศรีในเวทีโลก ผมขอให้กำลังใจรัฐบาลในเรื่องนี้และขอให้รัฐบาลใช้โอกาสอันมีค่านี้ สร้างประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศไทยและคนไทยครับ ด้วยความปรารถนาดี"

คนกรุง เฮ ! ใช้บัตร 30 บาทได้แล้ว รัฐบาลจัดให้ ไม่ต้องใช้ใบส่งตัว ‘สมศักดิ์’ ปลื้มผลงานรัฐบาลนโยบาย 30 บาท

รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวขยายเป็น 46 จังหวัด  พร้อมให้บริการประชาชนกว้างขวางกว่าครึ่งประเทศแล้ว น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมืองเปิดเผยว่า จากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคในยุคที่นายทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี มาเป็น30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว วันนี้มีความก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง โดยเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2567 นายจเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)ได้ออกประกาศ สปสช. ลงราชกิจจานุเบกษา เรื่องจังหวัดที่ดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าว พ.ศ. 2567 ให้สอดคล้องกับนโยบายกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ เป็นความภูมิใจของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีที่เข้ามาบริหารประเทศ ทำทันที ผ่านมา10 เดือน รัฐบาลห่วงใยสุขภาพของประชาชน พี่น้องคนไทยสามารถรักษาพยาบาลฟรีด้วยบัตรประชาชนใบเดียวได้ถึง 46 จังหวัดแล้ว และภายหลังที่นายสมศักดิ์  เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้ามาทำหน้าที่จากเดิมการใช้บัตร 30 บาทรักษาทุกที่ดัวยบัตรประชาชนใบเดียว จาก 45 จังหวัดประกาศเพิ่มอีก 1 มีกรุงเทพมหานครรวมอยู่ด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อรวมกันกับเฟสแรก 4 จังหวัด เฟสสอง 8 จังหวัด เฟสสามอีก 33 จังหวัด รวมเป็น 45 จังหวัด เพิ่มกรุงเทพฯ 1 จังหวัด เท่ากับ 46 จังหวัด ถือว่า การให้บริการขยายเกินกว่าครึ่งประเทศแล้ว จากประกาศนำร่องเฟสแรก จังหวัดร้อยเอ็ด แพร่ เพชรบุรี นราธิวาส  และเพิ่มเเฟสสองแงะสามตามมา รวมวันนี้ประกาศเพิ่มอีก 42 จังหวัดประกอบด้วย นครราชสีมา, นครสวรรค์, พังงา, เพชรบูรณ์, สระแก้ว, สิงห์บุรี,  หนองบัวลำภู, อำนาจเจริญ, เชียงใหม่,  เชียงราย, น่าน, พะเยา, ลำปาง, ลำพูน, แม่ฮ่องสอน, กำแพงเพชร, พิจิตร, ชัยนาท, อุทัยธานี, สระบุรี, นนทบุรี, ลพบุรี, อ่างทอง, นครนายก, พระนครศรีอยุธยา, ปทุมธานี, อุดรธานี, สกลนคร,  นครพนม, เลย, หนองคาย, บึงกาฬ, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์, สุรินทร์, สงขลา, สตูล, ตรัง, พัทลุง, ปัตตานี, ยะลา และกรุงเทพฯ น.ส.ตรีชฎากล่าวว่า  สำหรับกรุงเทพฯซึ่งเป็นเมืองหลวง มีประชากรจำนวนมาก เป็นพื้นที่ที่ยาก แต่วันนี้กระทรวงสาธารณสุขทำได้ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพ ให้ไปใช้บริการในคลินิกนวัตกรรมทั้ง 7 วิชาชีพได้เช่นเดียวกับต่างจังหวัดที่ประกาศไปก่นหน้านี้ เพียงใช้บัตรประชาชนใบเดียวก็เข้ารับบริการทั้ง 7 วิชาชีพ โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว  7 วิชาชีพได้แก่ คลินิก7 วิชาชีพ ได้แก่ คลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่น, คลินิกทันตแพทย์ชุมชนอบอุ่น, คลินิกเทคนิคการแพทย์ชุมชนอบอุ่น, คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่น, คลินิกแพทย์แผนไทยชุมชนอบอุ่น, คลินิกกายภาพชุมชนอบอุ่น และร้านยาที่มีสัญลักษณ์นอกจากนี้ สิทธิบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวสามารถทำฟันฟรีปีละ 3 ครั้ง ที่คลินิกทันตกรรมอบอุ่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ได้รับบริการ 5 รายการ คือ ขูดหินปูน, อุดฟัน, ถอนฟัน,เคลือบหลุมร่องฟันและเคลือบฟลูออไรด์ การเข้ารับบริการขอให้สังเกตุโลโก้ รูปบ้านและสัญลักษณ์ สื่อถึงแต่ละวิชาชีพในรูปหัวใจติดอยู่ที่หน้าคลินิก โฆษกกระทรวง สธ. ฝ่ายการเมืองกล่าวว่า นายสมศักดิ์ ปลื้มมากที่การทำงานของกระทรวงสาธารณสุขทำได้อย่างรวดเร็วเพื่อประชาชน ขอบคุณบุคลากรในกระทรวงสาธารณสุขทุกคน ที่ตั้งใจมุ่งมั่นทำงานเเพื่อประชาชน ไม่ว่าสิทธิบัตรทองจะอยู่ที่ไหน ยื่นบัตรประชาชนใบเดียวก็เข้าไปรับบริการได้ทันที ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ใช้บริการได้ทั่วประเทศตามคลินิก 7 ประเภท ซึ่งสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือเข้าไลน์ ID ของสปสช. โทร 1330 และช่องทางอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เจ็บป่วยเล็กน้อย 16 อาการก็เข้ารับบริการฟรีที่ร้านยาใกล้บ้าน ให้สังเกตุป้าย  ส่วนอีก 30 จังหวัดอดใจรออีกนิดเดียว ภายในสิ้นปีนี้ คนไทยได้ใช้สิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวทั้งประเทศ โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว” นางสาวตรีชฎากล่าว 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top