Thursday, 4 July 2024
์NewsFeed

ตลาดซื้อขายเงินดิจิทัล ส่อแววแข่งเดือด 3 นักลงทุนไทย ‘สมโภชน์ อาหุนัย’ – ‘ปรีชา ไพรภัทรกุล’ – ‘ชัชวาลย์ เจียรวนนท์’ ร่วมลงขั้น เปิดตัว ‘Upbit Thailand’ บริการเทรดคริปโตฯออนไลน์ เปิดฉากอัดโปรโมชั่นหั่นค่าธรรมเนียมจูงใจ หลังก.ล.ต.ไฟเขียวใบอนุญาต

นายพีรเดช ตันเรืองพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัพบิต เอ็กซ์เชนจ์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Upbit Thailand เปิดเผยว่า Upbit Thailand ได้เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 64 ที่ผ่านมาหลังจากที่ผ่านการตรวจสอบขั้นตอนสุดท้ายจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พร้อมได้รับอนุมัติให้เปิดให้บริการเรียบร้อยแล้ว

โดย Upbit Thailand ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายคริปโตเคอเรนซี , ศูนย์ซื้อขายโทเคนดิจิทัล , นายหน้าซื้อขายคริปโตเคอเรนซี และนายหน้าซื้อขายโทเคนดิจิทัล ซึ่งบริษัทฯให้ความมั่นใจระบบการเทรดที่ปลอดภัยและเสถียร อีกทั้งได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด 4 ประเภท จะช่วยตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี

“เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นอย่างมากสำหรับการเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโตฯ ทั้งในไทยและในระดับโลก ด้วยความเชี่ยวชาญและชื่อเสียงที่ Upbit ได้รับการยอมรับในระดับโลก เราตั้งใจที่จะมอบประสบการณ์การเทรดที่ดีเยี่ยม เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ภายใต้การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจในประเทศไทย และความร่วมมือกับผู้ให้บริการระดับโลกจะทำให้เราสามารถนำเสนอบริการสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความล้ำสมัย ตอบโจทย์ทุกความต้องการ และอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบและกรอบของกฎหมาย”

ทั้งนี้ ผู้ใช้สามารถใช้งาน Upbit Thailand ได้จากทุกแพลตฟอร์ม (เว็บไซต์ PC, Android App และ iOS App) สำหรับแคมเปญเปิดตัว Upbit Thailand เสนอส่วนลดค่าธรรมเนียมแก่ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนในช่วงแรกเหลือเพียง 0% สำหรับ makers และ 0.1% สำหรับ takers โดยใช้ได้กับคำสั่งทุกประเภท

สำหรับ Upbit Thailand เกิดจาการร่วมมือระหว่าง Upbit APAC Pte. Ltd. จากเกาหลีใต้ และนักลงทุนชาวไทยซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัทใหญ่ ประกอบไปด้วย นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA, นายปรีชา ไพรภัทรกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท MOL Global จำกัด และนายชัชวาลย์ เจียรวนนท์ เจ้าของ Fortune Magazine

ขณะที่ Upbit ก่อตั้งโดย Dunamu Inc. ในปี 2560 ซึ่งถือว่าหนึ่งในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกและใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยวัดจาก volume การเทรด ปัจจุบัน Upbit เปิดให้บริการในประเทศเกาหลีใต้ สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย

 

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ร่วมกับคณะทำงานฝ่ายไทย เข้าร่วมการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและคณะกรรมาธิการยุโรปในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย 

เมื่อวันที่่ 13 ต.ค.65) เวลา 14.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ร่วมกับคณะทำงานฝ่ายไทย เข้าร่วมการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและคณะกรรมาธิการยุโรปในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) ระหว่างวันที่ 11-14 ต.ค.65 โดยในวันนี้มีการประชุมร่วมกัน ณ ห้องประชุมแกลลอรี่ 1 ชั้น 3 โรงแรม ดิ แอทธินี่ กรุงเทพฯ

หลังจากที่ผู้แทนคณะกรรมาธิการยุโรป ได้ประชุมในภาพรวมกับคณะผู้แทนฝ่ายไทยในคณะใหญ่ เพื่อสังเกตการณ์การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายของไทย รวมถึงได้สังเกตการณ์การทำงาน ณ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้าออก (PIPO) ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์ควบคุมและสังเกตการณ์เรือประมง ซึ่งมีการบูรณาการร่วมกันของหลายหน่วยงาน นั้น 

คณะผู้แทนกรรมาธิการยุโรป นำโดย คุณโรเบอร์โต้ เซซารี่ (Mr.Roberto Cesari ) หัวหน้ากองต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย (Head of Unit IUU ) ,น.ส.อเดล่า เรย์  อาเนรอส (Ms.Adela Rey  Aneiros ) น.ส.ซาร่า เปรูโช่ มาร์ติเนซ (Ms.Sara Perucho Martinez) เจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานต่างประเทศ กองต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย (International Relations Officer IUU)  ได้เข้าร่วมประชุมกับคณะผู้แทนฝ่ายไทย ด้านการดำเนินคดีและการบังคับใช้กฎหมาย โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร., พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1/รองประธานคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม เฝ้าระวังการทำประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย, พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบช.ทท./หัวหน้าชุดปฏิบัติการสนับสนุนการตรวจสอบการทำประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย, รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล กรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการด้านการดำเนินคดีและการบังคับใช้กฎหมาย

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งบรรเทาทุกข์ชาวอุบลราชธานี จัดทีมกู้ชีพ กู้ภัย นำอุปกรณ์ และโรงครัวเคลื่อนที่ ลงพื้นที่เร่งอพยพ และเข้าช่วยเหลือในพื้นที่น้ำท่วม

ตามที่มวลน้ำในหลากหลายอำเภอของจังหวัดอุบลราชธานี ยังคงมีระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก วานนี้ (วันที่ 13 ตุลาคม 2565) นายวิเชียร เตชะไพบูลย์  ประธานกรรมการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบหมายให้ทีมบรรเทาสาธารณภัย นำโดย นายสมบูลย์ ขวัญอ่วม หัวหน้าแผนกบรรเทาสาธารณภัย นำทีมกู้ภัย กู้ชีพ อาสาสมัคร พร้อมอุปกรณ์ เรือท้องแบน โรงครัวเคลื่อนที่ ถุงยังชีพบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภค ชุดยาเวชภัณฑ์ อาหารสุนัขและแมวออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดอุบบราชธานี พร้อมจัดทีมกู้ชีพ กู้ภัย พร้อมอุปกรณ์การช่วยเหลือ ลงพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ และอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ประสบภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัยตามความประสงค์ของประชาชน  โดยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจัดตั้งกองอำนวยการและโรงครัวเพื่อประกอบอาหารปรุงสุก ณ มูลนิธิการกุศลอุบลราชธานี (จีตัมเกาะ)  จังหวัดอุบลราชธานี

และในวันนี้ (วันที่ 14 ตุลาคม 2565)  นับตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสมบูลย์ ขวัญอ่วม หัวหน้าแผนกบรรเทาสาธารณภัย จัดทีมเจ้าหน้าที่-อาสาสมัคร กู้ชีพ-กู้ภัย ลงพื้นที่อพยพ - เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากพื้นที่ประสบภัย ไปยังพื้นที่ปลอดภัย รวมถึงจัดทีมประกอบอาหารปรุงสุกบรรจุกล่องพร้อมน้ำดื่ม ถุงยังชีพ ชุดยาเวชภัณฑ์ บรรทุกเรือท้องแบน เพื่อลงพื้นที่ออกแจกจ่าย พร้อมจัดทีมกู้ชีพนำอุปกรณ์ตรวจวัดไข้ ความดัน และชีพจร ออกตรวจสุขภาพแก่ผู้ป่วยและผู้สูงอายุเบื้องต้นในพื้นที่ประสบภัยเพื่อประเมินการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ประสบภัยบริเวณพื้นที่อำเภอเมือง รวมถึงลงพื้นที่สำรวจในพื้นที่ อำเภอตาลสุม และอำเภอสว่างวีระวงศ์ และพื้นที่ใกล้เคียง จังหวัดอุบลราชธานี  ในทันที โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นางสาวพิศทยา ไชยสงคราม นายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี  พร้อมคณะ ได้เข้าตรวจเยี่ยมโรงครัวเคลื่อนที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมให้กำลังใจทีมบรรเทาสาธารณภัยที่เข้าปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัย

นอกเหนือจากจังหวัดอุบลราชธานี ในขณะนี้ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมลงพื้นที่บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา และจังหวัดพิจิตร

หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ทรงกรุณาให้ เลขานุการในองค์ฯ พร้อมคณะ เชิญผ้าไตรประทาน ถวายผ้าป่าสามัคคีแด่วัดพระธาตุศรีโคตรบอง แขวงท่าแขก สปป.ลาว

วันนี้ (16 ธ.ค. 65) หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ทรงกรุณาให้ เลขานุการในองค์ฯ พร้อมคณะ เชิญผ้าไตรประทาน ถวายผ้าป่าสามัคคีแด่วัดพระธาตุศรีโคตรบอง แขวงท่าแขก สปป.ลาว ในการนี้ มี ท่านวันไช พองสะหวัน เจ้าแขวงท่าแขก หัวหน้าห้องการ หน่วยงานสำนักงานแขวงท่าแขก เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน พ่อค้า ประชาชน ต้อนรับ และเข้าร่วมทำบุญในพิธีการนี้ด้วย

นายยุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย เลขานุการในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ กล่าวถึงมูลเหตุของพิธีการนี้ว่า ย้อนไปครั้นเมื่อหม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ (รัชกาลที่ 4) เสด็จเยือนแขวงคำม่วน สปป.ลาว เชื่อมสัมพันธไมตรี บ้านพี่ เมืองน้อง ปรองดองสามัคคี ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมประเพณี มิตรภาพบ้านน้อง เมืองพี่ ไทย-ลาว เมื่อวันที่ 26 เดือนตุลาคม พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา โดยมีเจ้าแขวงท่าแขกเฝ้ารับเสด็จ ครั้งนั้นได้เสด็จวัดพระธาตุศรีโคตรบอง ถวายเครื่องสักการะพระธาตุศรีโคตรบอง ทรงร่วมสนทนาธรรมกับเจ้าอาวาส และเจ้าแขวงท่าแขกได้ทูลเรื่องการก่อสร้างศาลาการเปรียญของวัด ซึ่งหลังเก่าได้ทรุดโทรมไปมาก ทางวัดจึงได้ทำการรื้อ และก่อสร้างขึ้นใหม่เพื่อให้เสร็จทันก่อนวันทำบุญประเพณีใหญ่ประจำปีของวัด ในวันขึ้น15ค่ำ เดือนสาม (เดือนสามเพ็ง) ของปี 2566 จึงทรงมีศรัทธา ทรงปวารณาองค์รับเป็นประธานช่วยสร้างศาลาการเปรียญตามที่เจ้าแขวงทูลขอมา ด้วยเหตุนี้ จึงรับสั่งให้เลขานุการในองค์ฯ ประกาศบอกบุญแด่คณะญาติธรรมในองค์ฯ ร่วมตั้งกองบุญผ้าป่าสามัคคีครั้งนี้ เพื่อนำเงินปัจจัยที่ได้รับบริจาคทั้งหมดถวายสร้างศาลาการเปรียญวัดพระธาตุศรีโคตรบอง ให้เสร็จตามวัตถุประสงค์ ซึ่งการบุญครั้งนี้ได้มีผู้อุปถัมภ์หลักหลายท่าน ที่ร่วมประสานงานช่วยทั้งแรงกาย แรงทรัพย์ดังนี้

นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ประสบเหตุ เรือหลวงสุโขทัย

ณ ศูนย์ช่วยเหลือกำลังพลฯ ​จากกรณีที่เรือหลวงสุโขทัยประสบอุบัติเหตุเรือเอียง 60 องศาจากคลื่นลมแรง สาเหตุจากเครื่องไฟฟ้าดับ ขณะกำลังลาดตระเวนอยู่บริเวณแบริ่ง 090 ระยะ 20 ไมล์ จากท่าเรืออำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำให้มีน้ำทะเลบางส่วนไหลเข้าระบบเครื่องไฟฟ้าผ่านท่อไอเสียข้างเรือ แล้วเครื่องไฟฟ้าดับ เครื่องจักรใหญ่หยุดทำงานเป็นเหตุให้เรือไม่สามารถควบคุมเรือได้ และทำให้น้ำเข้าภายในตัวเรืออย่างรวดเร็วจนทำให้เรือเอียงในเวลาต่อมาก่อนจะมีการเปิดเผยว่า เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 18 ธ.ค. เรือหลวงสุโขทัยได้จมลงใต้ผิวน้ำแล้ว เนื่องจากมีน้ำเข้าเรือเป็นจำนวนมาก

ล่าสุดเมื่อเวลา 17.20 น. ของ วันนี้ (22 ธ.ค. 65) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี​กลาโหม พร้อมคณะ เดินทางมาเยี่ยมบำรุงขวัญกำลังพลและครอบครัวที่ยังค้นหาไม่เจอ ภายในศูนย์ประสานงานช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย  ณ สโมสรสัญญาบัตร กองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดย มีพลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และข้าราชการกองทัพเรือ ร่วมให้การต้อนรับและชี้แจงความคืบหน้าการค้นหากำลังพลที่สูญหายอีก 23 นาย

'บิ๊กตู่' มอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะประเทศไทย ประจำปี 2565 แก่ 15 ผู้พัฒนาเมืองที่ได้รับการประกาศรับรองเป็นพื้นที่เมืองอัจฉริยะ พร้อมมอบหมาย ดีป้า ผลักดันบัญชีบริการดิจิทัล ส่งเสริมการเข้าถึงระบบบริการที่มีคุณภาพแก่หน่วยงานภาครัฐ

เมื่อวันที่ (9 ม.ค. 66)ที่ผ่านมา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะประเทศไทย ประจำปี 2565 แก่ผู้พัฒนาเมืองที่ได้รับการประกาศรับรองเป็นพื้นที่เมืองอัจฉริยะ (Smart City) จำนวน 15 เมือง โดยมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและบริหารโครงการเมืองอัจฉริยะ ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ผู้แทนจากสำนักงานเมืองอัจฉริยะประเทศไทย และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมในพิธีฯ โดยพร้อมเพรียง ณ อาคารภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล 

จากนั้น พลเอก ประยุทธ์ ได้กล่าวแสดงความยินดี และมอบนโยบายการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ซึ่งเป็นหนึ่งในหมุดหมายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พร้อมระบุว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะตั้งแต่เริ่มต้น โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมและการสนับสนุนจากทุกฝ่าย ทั้งผู้นำเมือง เจ้าหน้าที่ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน เพื่อให้ความต้องการของทุกภาคส่วนได้รับการพิจารณาและถูกระบุอยู่ในเป้าหมายของการพัฒนาเมือง มองโอกาสจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงมุ่งจัดสรรและแบ่งปันทรัพยากร ตั้งแต่การพัฒนาบุคลากร งบประมาณการลงทุน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยในทุกมิติ

“นอกจากนี้ รัฐบาลต้องกำหนดนโยบายที่เท่าทันกับสถานการณ์ พร้อมสร้างมาตรการที่จะอำนวยความสะดวกและเป็นแรงจูงใจ อาทิ การมอบสิทธิประโยชน์ด้านภาษี หรือการจัดทำบัญชีบริการดิจิทัล เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของประเทศได้อย่างเท่าเทียม เกิดการลงทุนในภาคเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างสังคมที่ดี และเพิ่มโอกาสในชีวิตให้กับประชาชน” พลเอก ประยุทธ์ กล่าว

ขณะที่ นายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลฯ โดย ดีป้า ดำเนินการส่งเสริมให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในทุกภูมิภาคทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 8 ไทยมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน ส่งผลให้การพัฒนาเมืองอัจฉริยะบรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและบริหารโครงการเมืองอัจฉริยะ ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 มีมติเห็นชอบแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะ จำนวน 15 เมืองใน 14 จังหวัด ครอบคลุมการให้บริการประชาชนกว่า 16 ล้านคน ซึ่งทั้งหมดผ่านการพิจารณาการประกาศมอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะจากที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่มี พลเอก ประวิตร เป็นประธาน โดยมีการประเมินว่า 15 เมืองอัจฉริยะประเทศไทยจะช่วยให้เกิดโอกาสการลงทุนเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะน่าอยู่จากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมูลค่ารวมกว่า 15,000 ล้านบาท 

บิ๊กป้อมลงพื้นที่มุกดาหาร แก้ปัญหาตลาดอินโดจีนสร้างไม่แล้วเสร็จถูกปล่อยทิ้งร้าง

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ตลาดอินโดจีน เทศบาลเมืองมุกดาหาร พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร ตรวจโครงการก่อสร้างซ่อมแซมโครงสร้างและปรับปรุงตลาดอินโดจีน โดยมีนายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร บรรยายสรุปสภาพปัญหาการปรับปรุงตลาดอินโดจีน ท่ามกลางประชาชนที่เดินทางมาให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก

สำหรับโครงการก่อสร้างซ่อมแซมโครงสร้างและปรับปรุงตลาดอินโดจีน จังหวัดมุกดาหารได้รับการจัดสรรงบประมาณในปี 2560 แต่ดำเนินการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการ กระทั่งงบประมาณถูกพับไปเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 จำนวน 94.23 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้รับงบประมาณมาชดเชยทำให้โครงการถูกทิ้งร้างอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยยังคงเหลืองานที่ไม่แล้วเสร็จ คือ งานสถาปัตยกรรมปรับปรุงพื้นที่ตลาด ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง งานระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ระบบดับเพลิง และงานสุขาภิบาล

โดยในเวลาต่อมา นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้เสนอขอรับการสนับสนุนงบกลางประจำปีงบประมาณพ.ศ 2566 จำนวน 94,228,850 บาทเพื่อมาชดเชยเงินที่ถูกพับไปจากกระทรวงมหาดไทยโดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทย 

'พลเอก ประวิตร' ลงพื้นที่ประจวบฯ-เพชรบุรี สั่งคุมเข้มแผนการใช้น้ำให้เพียงพอตลอดแล้ง พร้อมวางแผนพัฒนาแหล่งน้ำ รองรับความต้องการใช้น้ำในอนาคต

(31 มี.ค.66) พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ลงพื้นที่ตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง และการดำเนินการโครงการด้านทรัพยากรน้ำในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.เพชรบุรี พร้อมด้วย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการ กอนช. และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยก่อนหน้านั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เข้ากราบสักการะหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ วัดห้วยมงคล อ.หัวหิน พร้อมรับรูปหล่อหลวงพ่อทวด จาก พระพิศาลสิทธิคุณ (ท่านเจ้าคุณไพโรจน์) เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล เพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย จากนั้นได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยมงคล อ.หัวหิน พร้อมประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและแผนการผลิตน้ำประปาเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง ณ ห้องประชุมสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 14 อ.หัวหิน จากนั้นในช่วงบ่าย ลงพื้นที่ประชุมติดตามแผนงานและโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญในพื้นที่ จ.เพชรบุรี ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลบางตะบูน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ตามลำดับ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการและประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ 

สำหรับการลงพื้นที่ทั้ง 2 จังหวัดในครั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้รับทราบสถานการณ์น้ำ การบริหารจัดการน้ำของอ่างเก็บน้ำห้วยมงคล จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และคุณภาพของการผลิตน้ำประปา รวมทั้งผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญในพื้นที่ โดยเฉพาะสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูแล้งปีนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตาม 10 มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2565/66 อย่างเคร่งครัด และให้ สทนช. เร่งรัดติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามมาตรการดังกล่าว เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้มากที่สุดและให้มีปริมาณน้ำใช้เพียงพอตลอดแล้งนี้ โดยมอบให้กรมชลประทานบริหารจัดการแหล่งเก็บน้ำให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อการใช้น้ำในทุกพื้นที่ และมอบให้จังหวัดขับเคลื่อนกระบวนการสร้างการรับรู้สถานการณ์น้ำและแผนการดำเนินการด้านทรัพยากรน้ำต่างๆ ให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเร่งบูรณาการทุกหน่วยงานแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัด (สมุทรสงคราม ราชบุรี และประจวบคีรีขันธ์) พร้อมวางแผนการพัฒนาแหล่งน้ำให้เต็มศักยภาพ เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง และรองรับความต้องการน้ำในอนาคต รวมทั้งการผลิตน้ำประปาที่มีคุณภาพและเพียงพอกับความต้องการของประชาชน 

ด้าน ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ฤดูแล้งปี 2565/66 นี้ สทนช.ได้ประเมินพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบว่า จะมีพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำด้านอุปโภคบริโภคในเขตการประปาส่วนภูมิภาค 1 สาขา ได้แก่ กปภ.สาขาบางสะพาน และนอกเขตการประปาส่วนภูมิภาค 3 ตำบล 1 อำเภอ คือ อ.หัวหิน (ต.บึงนคร ต.หนองพลับ และ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่) โดยมีแผนงานและโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญ จำนวน 5 โครงการ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถเพิ่มความจุได้ 17.52 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 8,850 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 4,340 ครัวเรือน เช่น ก่อสร้างระบบระบายน้ำหลักเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนหัวหิน อ่างเก็บน้ำคลองลอยตอนล่าง และอาคารท่อระบายน้ำลงลำน้ำเดิมเขื่อนปราณบุรี เป็นต้น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top