Tuesday, 2 July 2024
ไบรท์ชินวัตร

‘ไบรท์ ชินวัตร’ เผย เหตุผลช่วย ‘ดร.ปุ๊ก รทสช.’ นนทบุรี หาเสียง ยัน!! ผู้สมัครทำงานจริง วอน ฝ่ายประชาธิปไตยเปิดใจให้กว้าง

เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 66 นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ‘ไบรท์ ชินวัตร’ แกนนำม็อบราษฎรเมืองนนท์ โพสต์เฟซบุ๊ก เปิดเผยเหตุผลในการช่วยหาเสียงให้ ดร.ปุ๊ก วิภาวัลย์ วรวรรณปรีชา ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า…

“ผมยืนยันครับ ว่าเป็นภาพที่ผมช่วย ‘ดร.ปุ๊ก วิภาวัลย์ วรวรรณปรีชา’ หาเสียงจริง ๆ ครับ แต่ผมยังคงยืนยันอุดมการณ์ในการเรียกร้องประชาธิปไตยในหัวใจผมดั่งเดิม

สาเหตุที่ผมต้องมาช่วยผู้สมัครท่านนี้หาเสียง อยากให้พี่น้องได้ทราบว่า ในช่วงการระบาดของโรคโควิดที่ผ่านมา ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดใกล้เคียง มีพี่น้องเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก บางคนต้องสูญเสียพ่อแม่และคนรักในครอบครัว ผมจึงเปิดศูนย์อำนวยการเพื่อประสานความช่วยเหลือผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดในช่วงนั้น เพราะพี่น้องไม่มีเตียงรักษาโรค

มีผู้หญิงคนนี้ คือ ดร.วิภาวัลย์ วรวรรณปรีชา ที่เป็นคนแรกอาสาเข้ามาที่จะสนับสนุน ผลักดันหาเตียงรักษาโรคให้เพียงพอต่อจำนวนที่พี่น้องประสานมายังผม ไม่ต่ำกว่า 2,000 คน พี่น้องในพื้นที่ลำบาก มีผู้หญิงคนนี้ที่ยื่นมือมาช่วยนำสิ่งของต่าง ๆ มามอบให้กับผม เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับพี่น้องเพื่อบรรเทาความทุกข์ร้อน

ผมยืนยันว่า ไม่มีนักการเมืองคนไหนเลย ที่จะเป็นความหวังและเป็นที่พึ่งของประชาชนในพื้นที่นนทบุรีเขต 1 ผมจึงจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องสนับสนุน ดร.วิภาวัลย์ วรวรรณปรีชา ผู้สมัครหมายเลข 2 เขต 1 นนทบุรี ตำบลบางกระสอ, ตำบลบางเขน และตำบลท่าทราย

ผมมีความหวังและความฝันอยากเห็นนักการเมืองแบบนี้ที่ทำเพื่อประชาชน ส่วนสำหรับคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่ต่อหรือไม่อยู่ต่อ ก็เป็นเรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับผม

ผมยืนยันยังไงก็แล้วแต่ ผมจะต้องสนับสนุนผู้สมัครหมายเลข 2 ผู้นี้ให้เข้าสภาฯ ให้จงได้

ขอบคุณพี่น้องในเขตพื้นที่นนทบุรีเขต 1 ที่เข้าใจผม และผมต้องขอโทษหากทำให้พี่น้องท่านใดไม่พอใจ ทุกคนย่อมมีเหตุผลแต่ละพื้นที่ความเดือดร้อนปัญหาต่าง ๆ ย่อมแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

การที่พี่น้องหลายคนเข้ามาต่อว่าด่าทอผมเสีย ๆ หาย ๆ ผมเชื่อว่ามันจะทำให้ผมเข้มแข็งขึ้น และอยากฝากบอกทุกท่านว่า ถ้าพวกเรารักประชาธิปไตยจริงควรเปิดใจให้กว้างสักนิด และรับฟังให้รอบด้าน มิใช่เอาแต่อารมณ์ตัวเอง แล้วด่าคนอื่นว่าเป็นอย่างที่คุณคิด

‘ไบรท์ ชินวัตร’ อดีตแกนนำม็อบ 3 นิ้ว กลับใจมาเปิดร้านอาหาร พร้อมขอบคุณ ‘พีระพันธุ์’ ผู้ใหญ่ที่คอยชี้แนะแนวทางจนมีชีวิตใหม่

(9 ก.ย. 66) นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ‘ไบรท์’ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง อดีตแกนนำม็อบราษฎร ก่อนย้ายข้ามขั้วมาเป็นแนวร่วมกลุ่มปกป้องสถาบัน ปัจจุบันได้เปิดร้านอาหารชื่อ ‘แซ่บไบรท์’ โพสต์เฟซบุ๊กขอบคุณ ‘นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

โดยนายชินวัตร ระบุว่า ขอบคุณท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่มีส่วนร่วมทำให้ผมมีวันนี้ ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถืออย่างมากที่คอยให้คำชี้แนะและแนะแนวทางให้กับผมเสมอมา

วันนี้ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแล้ว ขอพี่น้องทุกท่านร่วมแสดงความยินดีกับท่านไปโพสต์ร่วมกันครับ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ที่ร้านแซ่บไบรท์ ร้านอาหารของนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง ได้รวมตัวจัดกิจกรรมสลายเสื้อสีในชื่อ ‘ปาร์ตี้นัดกระชับมิตร เหลือง & แดง บังเกิดแล้ว’

นายนพดล พรหมภาสิต แกนนำกลุ่มปกป้องสถาบัน เปิดเผยถึงความเป็นมาของร้าน ‘แซ่บไบรท์’ ว่า ไบรท์ ชินวัตร จันทร์กระจ่าง อดีตแกนนำเสื้อแดงนนทบุรีและแนวร่วมพรรคอนาคตใหม่ ได้บรรลุดวงตาเห็นธรรมว่า การต่อสู้ที่ผ่านมาในแนวทางของพรรคสีส้มนั้น เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและสถาบันฯ ยิ่งต่อสู้ในแนวทางที่ผิดๆ ชีวิตไบรท์ ก็ยิ่งถลำตกต่ำ มีแต่คดีความติดตัวเป็นหางว่าว ไปสมัครงานที่ไหนใครเขาก็ไม่รับ ปากกัดตีนถีบทำงานรับจ้างทุกอย่างชีวิตก็ไม่ดีขึ้น เมียก็ต้องเลี้ยงลูกที่ยังเล็ก วิธีที่จะให้มีชีวิตอยู่รอดไปวันๆ คือการแปะบัญชีเปิดรับบริจาค มุดแชทไปขอยืมเงินทุกคนที่รู้จัก จนมีฉายาว่า ‘ไอ้ไบรท์ขอทานออนไลน์’

การดึงคนที่หลงผิดให้กลับมาเดินบนเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง ตามครรลองนั้นไม่ใช่เรื่อง่าย การมีพี่เลี้ยงคอยประคับประคองจึงเป็นเรื่องจำเป็น ‘มูลนิธิเอื้อมถึง’ ได้ยื่นมือเข้ามาช่วย การช่วยครั้งนี้เพื่อให้โอกาสคนหมดที่พึ่งสามารถยืนได้ด้วยสัมมาอาชีวะของตัวเอง และสัมมาทิฎฐิที่ถูกต้อง การช่วยที่ยั่งยืนคือการให้โอกาส ทำให้คนพึ่งตนเองได้จากการทำงานที่สุจริตจากความรู้ความสามารถพรสวรรค์ที่ตนเองมี เฉกเช่นเมียไบรท์ ที่มีฝีมือในการทำอาหารอีสาน ร้านส้มตำแซ่บไบรท์ จึงเป็นคำตอบ

ฝั่งชังชาติมีทุนสีเทา มีกองทุน มีท่อน้ำเลี้ยงคอยสนับสนุนเส้นทางการเงิน ให้กับคนที่ก่อความไม่สงบสุขในบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่ฝ่ายคอยปกป้อง รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่เคยมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง หน่วยงานหรือองค์กรใดมาให้ความช่วยเหลือ ภาคประชาชนต้องช่วยกันเองตามมีตามเกิด ‘แซ่บไบรท์’ เป็นมากกว่าร้านอาหาร ร้านนี้แฝงไปด้วยสัจธรรม และความจริงของชีวิต การให้โอกาสคนที่หลงผิดมีชีวิตใหม่คือทานที่ยิ่งใหญ่ การมีแล้วแบ่งปันคือการทำให้สังคมน่าอยู่

ศาลฯ ตัดสิน ‘ไบรท์ ชินวัตร’ คดี ม.112 จำคุก 3 ปี แต่สารภาพ-เกิดดวงตาเห็นธรรม ให้รอลงอาญา 2 ปี

(7 ธ.ค. 66) นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ไบรท์ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า เช้าวันนี้ ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี ในคดี 112 แต่ศาลแจ้งว่าผมได้กลับตัวกลับใจ และได้ทำงานบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม จึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปีและอยู่ในการดูแลของคุมประพฤติ

ส่วนคดีพรบ.ฉุกเฉินให้ปรับ 200 บาท ลดเหลือ 100 บาท อามีนได้มีโอกาสทำความดีแท้ ๆ เป็นคนแผ่นดินต่อไปครับ

นายชินวัตร ระบุว่า ศาลอาญากรุงเทพฯ ใต้นัดฟังคำพิพากษาในคดีมาตรา 112 เป็นคดีแรกที่ผมทำการสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ที่ผ่านมาผมเคยหลงผิด "บัดนี้ดวงตาผมได้เห็นธรรมแล้ว"

ขอพระบารมีพระองค์ท่านทรงปกปักรักษาให้กระผมได้มีโอกาสทดแทนบุญคุณแผ่นดินในการทำหน้าที่เป็นผู้นำชุมชน เพื่อความผาสุขของพี่น้องในชุมชน ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของพระองค์ท่าน

อามีนน น้อมรับคำตัดสินของศาลไม่ว่าจะออกมารูปแบบใดก็ตาม

หากศาลตัดสินจำคุกกระผมก็น้อมรับคำตัดสิน ส่วนหน้าที่ในการพัฒนาชุมชนทีมงานคณะกรรมการชุมชนที่เหลืออยู่ก็จะดำเนินการทำตามปณิธานที่ตั้งไว้ต่อไป

หากศาลตัดสินให้รอลงอาญา ผมก็จะทำหน้าที่ที่พี่น้องประชาชนได้มอบหมายให้กับผมได้ทำการพัฒนาชุมชนอย่างเต็มที่แน่นอน

ศาลไม่ให้ประกันตัว ‘ไบรท์ ชินวัตร’ จากคดี ‘มาตรา112-มั่วสุม’ กรณีปราศรัยในการชุมนุม 25 พ.ย. 63 ที่หน้าธ.ไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่

(3 มี.ค.67) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว ไบรท์ ชินวัตร จันทร์กระจ่าง ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จากข้อหาความผิดตามมาตรา 112 และข้อหามั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ตามมาตรา 215 และมาตรา 216 กรณีปราศรัยในการชุมนุม ที่บริเวณหน้าสำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2563

โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 29 ก.พ. ที่ผ่านมา ศาลอาญามีคำพิพากษาให้จำคุกรวม 6 ปี ลดเหลือ 3 ปี ไม่รอลงอาญา ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ลงโทษจำคุก 4 ปี, ข้อหา “มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป” และ “เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกมั่วสุมแต่ไม่เลิก” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และมาตรา 216 ลงโทษจำคุก 2 ปี

ข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ลงโทษปรับ 10,000 บาท, ข้อหา “กีดขวางทางสาธารณะ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385 และข้อหาตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ลงโทษปรับ 2,000 บาท และข้อหา “ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ ลงโทษปรับ 200 บาท

รวมจำคุก 6 ปี ปรับ 12,200 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี ปรับ 6,100 บาท ไม่รอลงอาญา

ต่อมาทนายความแจ้งว่าได้ยื่นขอประกันตัวนายชินวัตรระหว่างอุทธรณ์แล้ว โดยนายประกันของนายชินวัตรวางหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 150,000 บาท ตามที่เจ้าหน้าที่ศาลประเมินมูลค่าให้ ศาลอาญามีคำสั่งส่งคำร้องขอประกันตัวให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา กระทั่งวันที่ 3 มี.ค. มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว ขณะนี้ ไบรท์ ชินวัตร ถูกคุมขังมาแล้ว 4 วัน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top