Sunday, 30 June 2024
ไตรรงค์ผิวพรรณ

'พล.ต.ท.ไตรรงค์' เตือนภัยทองปลอมระบาดช่วงตรุษจีน ห่วง!! ผู้ที่คิดจะซื้อ ต้องเลือกร้านที่มีชื่อเสียงการันตีเท่านั้น

(7 ก.พ. 67) ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐก. เข้าร่วมตรวจสอบ หลังได้รับรายงานจากกลุ่มงานตรวจทางเคมีฟิสิกส์ ที่ทำหน้าที่ตรวจพิสูจน์วัถตุของกลางปลอมปนว่า ช่วงที่ผ่านมาได้มีการนำของกลางที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดและได้ร้องทุกข์ไว้ที่สถานีตำรวจทั่วประเทศ นำทองรูปพรรณ-ทองคำแท่งมาตรวจพิสูจน์ที่กองพิสูจน์กลางและที่หน่วยตรวจพิสูจน์หลักฐานทั่วประเทศ

โดยตั้งแต่ต้นปี 2567 ที่ผ่านมา มีจำนวน 12 คดี และหากตรวจสอบสถิติย้อนหลัง 3 ปี (พ.ศ. 2564-2566) พบว่าทั่วประเทศมีการตรวจพิสูจน์ทองคำ 2,271 คดี โดยประมาณ 2,000 คดีจะมีประเด็นปัญหาเรื่องเปอร์เซ็นและส่วนผสมการเจือปนของทองคำ โดยปี 2564 มี 122 คดี ปี 2565 มี 200 คดี และปี 2566 มีจำนวนถึง 1,633 คดี ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 35 ล้านบาท สำหรับการตรวจสอบสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) จะนำทองมาตรวจสอบโดยใช้เครื่องเอกซเรย์ X-ray Fluorescence (XRF) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทันสมัย มีความแม่นยำสูง เป็นเครื่องมือที่เป็นมาตรฐานสากล 

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวทิ้งท้ายว่าก็ขอเตือนภัยในช่วงตรุษจีนที่จะมาถึงว่าขณะนี้มูลค่าทองคำบาทละ 34,000 บาท การไปซื้อทองคำ หรือร้านทองที่รับซื้อทองหรือโรงรับจำนำก็ดีขอให้ตรวจสอบ ถ้าจะซื้อทองก็ต้องซื้อร้านที่มีชื่อเสียงมีการการันตี เนื่องจากมีการใช้ผงโลหะทังสเตนที่มีน้ำหนักใกล้เคียงทองคำไปผสมในทองคำหรือยัดไส้ไว้ในทองคำ โดยนิยมทำเป็นลักษณะทองรูปพรรณเก่าเก็บทำให้ไม่สามารถแยกได้ด้วยตาเปล่า เพราะการตรวจสอบทั่วไปรวมถึงห้องปฏิบัติการตรวจสอบขนาดเล็กที่มีเครื่องมือไม่เพียงพอ ยากต่อการตรวจสอบส่วนผสมดังกล่าว 

พล.ต.ท ไตรรงค์ ผิวพรรณ พูดถึง ‘ผู้กองอุ้ม’

“ผมได้ฟังน้องพนักงานสอบสวน ‘ผู้กองอุ้ม’ พูดถึงปัญหาของพนักงานสอบสวนแล้ว ผมเข้าใจเลย น้องไม่ต้องกังวลนะครับ ว่าสิ่งที่น้องพูดจะเป็นปัญหากับความเจริญก้าวหน้าของการรับราชการ เพราะน้องนำเสนอความจริงที่เป็นปัญหามาอย่างยาวนานในวงการตำรวจเรา และกิริยาท่าทางตลอดจนเนื้อหาที่น้องพูด มีความสุภาพอ่อนน้อม สมกับเป็น ผู้กองหญิง ที่มีวุฒิภาวะ เป็นที่พึ่งของประชาชน สะท้อนปัญหาให้ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบ ยิ่งทราบว่าน้องเคยได้รับรางวัลตำรวจต้นแบบมาแล้ว ผมเชื่อว่าน้องอุ้ม จะต้องเติบโตและจะมีส่วนในการพัฒนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เป็นที่พึ่งของประชาชนต่อไป

ปัญหาพนักงานสอบสวนขาดแคลนนั้น นอกจากการที่ต้องปรับอัตรากำลังพล ให้เหมาะสมกับปริมาณงานแล้ว ปัญหาพนักงานสอบสวนหนีไปช่วยราชการหรือไม่ยอมรับคดี โดยอ้างว่าไม่ได้ทำสำนวนมานานแล้ว (ในกรณีถูกแต่งตั้งกลับมาในสายงานสอบสวน) โดยการทำให้พนักงานสอบสวนกลุ่มนี้ กลับมารับคดี ทำสำนวนการสอบสวน จะเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนได้เร็วที่สุด ซึ่งตามคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว พนักงานสอบสวนทุกคน จะต้องรับคดี มีสำนวนการสอบสวนในความรับผิดชอบ จึงจะสามารถเบิกเงินประจำตำแหน่ง และรับรองผลการปฏิบัติงานการสอบสวนประจำปีได้ (เพื่อใช้ในการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งสูงขึ้น ในสถานีตำรวจหรือหน่วยงานที่มีอำนาจสอบสวน)

ในเรื่องนี้ผู้บังคับบัญชาในระดับ กองบัญชาการ และกองบังคับการ ที่กำกับดูแลสถานีตำรวจ จะต้องจริงจังกับคำสั่งดังกล่าวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในช่วงที่ผมเคยดำรงตำแหน่ง รอง ผบช.น. (สอบสวน) ได้พยายามดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว สามารถพาน้องๆ พนักงานสอบสวนกลับบ้าน (มารับคดี ทำสำนวน) กว่า 80 คน โดยเฉพาะของ บก.น.4 พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู รอง ผบก.น.4 ได้ดำเนินการอย่างเข้มข้น พาน้อง ๆ กลับมาได้ถึง 30 คน

สำหรับกลุ่มที่ทำสำนวนการสอบสวนไม่คล่องแล้ว เนื่องจากทิ้งมานาน หัวหน้างานฯ/หัวหน้าสถานี จะต้องจัดพี่เลี้ยงให้ เข้าเวรคู่กัน และให้ช่วยฝึกทำสำนวน โดยให้เริ่มทำสำนวนคดีที่ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน เช่น คดีศาลแขวงฯ คดีไม่รู้ตัว คดีเสพฯ หรือครอบครองยาเสพติด เป็นต้น โดยไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง รอง ผกก. (สอบสวน) หรือ สว. (สอบสวน) ก็ตาม ต้องมีสำนวนในความรับผิดชอบ แต่ผู้บังคับบัญชา ก็ต้องให้ความเห็นใจ/ใส่ใจ/ให้โอกาส กลุ่มนี้ด้วยนะครับ อย่าคิดว่าเขาไม่อยากทำงาน

และอีกหนึ่งประเด็น ในปัจจุบันคดีความต่างๆ มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถทำการสอบสวนได้ตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ท่าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้ทราบปัญหา ซึ่งอยู่ในระหว่างการแก้ไข คำสั่งต่าง ๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น

สำหรับแนวคิดในเรื่องการเจริญเติบโตในสายงานสอบสวน ถ้ามีโอกาสจะมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันต่อไปครับ”

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ
10 ก.พ. 2567

'พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ' แจ้งเตือนประชาชน หลังมีมิจฉาชีพปลอมเฟซบุ๊กชื่อตนมาใช้หลอกลวง

(12 ก.พ. 67) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เปิดเผยกรณีมีผู้แอบอ้างชื่อของตนไปตั้งบัญชีทางโซเชียลมีเดีย ว่า...

"แจ้งข่าวประชาสัมพันธ์ครับ ขณะนี้มิจฉาชีพ ได้ปลอมเฟซบุ๊ก โดยใช้ชื่อกระผม พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณขึ้นมา และนำไปหลอกลวงประชาชนทั่วไป ขอเรียนให้พ่อแม่พี่น้องทราบครับว่า ผมไม่มีเฟซบุ๊ก และไม่เคยใช้ หากจะติดต่อผม สามารถติดต่อผมได้ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติเท่านั้นครับ"

'พล.ต.ท.ไตรรงค์' นำทีม 'พฐ.' ไขปมชาวไต้หวันถูกยิง-ทิ้งศพย่านสุวรรณภูมิ มั่นใจ!! 'ข้อมูลวัตถุพยาน-สถานที่เกิดเหตุ' พาโยงถึงผู้ก่อเหตุได้

'พิสูจน์หลักฐาน' (พฐ.) อาวุธนำวิถีของพนักงานสอบสวน!!

ตามสั่งการของ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.(สส) ให้เร่งรัดการสืบสวนสอบสวนและการตรวจพิสูจน์หลักฐาน กรณีมีผู้พบศพที่เพิงพักไม่มีเลขที่ ท้าย ถ.สุวรรณภูมิสาย 4 ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ท้องที่ สภ.สุวรรณภูมิ ภ.จว.สมุทรปราการ ซึ่งภายหลังพบว่าเป็นนาย ชิ โหมว เชียง (Mr. SHIH MOU CHIANG) ชายชาวไต้หวันถูกยิงเสียชีวิตในพื้นที่ย่านลาดปลาเค้า ท้องที่ สน.โคกคราม และนำศพไปทิ้งที่ ถ.สุวรรณภูมิสาย 4 ตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 26 ก.พ.67 เวลา 11.30 น.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานหลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.) ได้เดินทางไปที่พิสูจน์หลักฐาน จ.สมุทรปราการ เพื่อร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ และสรุปผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุและตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในคดี รวมถึงการวางแผนบูรณาการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างพิสูจน์หลักฐานและงานสืบสวนสอบสวน 

โดยพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ. ตร.กล่าวว่า “ในคดีนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานทั้งในส่วนของพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสมุทรปราการ และกลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 รวมถึงกลุ่มงานสถานที่เกิดเหตุ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ได้บูรณาการร่วมกันในการตรวจสถานที่เกิดเหตุ การตรวจเก็บวัตถุพยานรวมถึงการตรวจพิสูจน์หลักฐานต่างๆ ซึ่งในในการเดินทางมาประชุมสรุปในวันนี้ในส่วนของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก สามารถส่งข้อมูลให้กับทีมสืบสวนสอบสวนไปดำเนินการต่อได้ ในส่วนที่เหลือคือ การตรวจสอบวัตถุพยานซึ่งต้องใช้เทคนิคในห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันลักษณะการกระทำความผิดและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอีกครั้งหนึ่ง” 

หลังจากนั้นเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ. ตร.พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศุภชัยไตรสมบูรณ์ นวท.(สบ 5) ศพฐ.1, พ.ต.อ.พรณรงค์ เจริญวัฒนวิญญู นวท.(สบ 4) พฐ.จว. สมุทรปราการ, พ.ต.อ.หญิงศิริประภา รัตตัญญู นวท.(สบ 4) กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ พฐก.และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และ พ.ต.อ.ประภาส มั่งคั่ง รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ, พ.ต.ท.คเชนทร์ บุญทวี รอง ผกก.สส.สภ.โคกคราม และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสอบและตรวจสถานที่เกิดเหตุเพิ่มเติมที่บ้านเช่าของผู้เสียชีวิต และที่บ้านเช่าหลังที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านหรูย่านลาดปลาเค้า ท้องที่ สน.โคกคราม 

โดยเบื้องต้นตรวจพบพยานหลักฐานสำคัญเป็นปลอกกระสุนปืนจำนวน 2 ปลอก ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะได้นำไปตรวจสอบในระบบฐานข้อมูลอาวุธปืน (ABIS และ IBIS) เพื่อพิสูจน์ทราบว่าใช้ยิงมาจากอาวุธปืนประเภท ชนิด ขนาดใด รวมทั้งเพื่อตรวจพิสูจน์ว่ากระสุนปืนดังกล่าวใช้ยิงมาจากอาวุธปืนที่เคยมีประวัติการก่อเหตุมาก่อนหรือไม่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการขยายผลสืบสวนสอบสวนต่อไป

“ในคดีนี้มีสถานที่ที่เกี่ยวข้องหลายแห่งรวมทั้งพยานหลักฐานมีจำนวนมาก เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงต้องใช้ความรอบคอบและทำงานให้รวดเร็วภายใต้มาตรฐานระบบงานทั้งในส่วนของมาตรฐานการตรวจสถานที่เกิดเหตุและมาตรฐานการตรวจพิสูจน์วัตถุพยานในห้อง แล็ป ซึ่งในส่วนนี้ก็จะสามารถเป็นที่มั่นใจได้ว่าวัตถุพยานหลักฐานที่ทำการตรวจพิสูจน์ทั้งหมดนั้นสามารถยืนยันและเชื่อมโยงกันได้ทั้งในส่วนของผู้เสียชีวิต ผู้ก่อเหตุ และสถานที่เกิดเหตุ รวมทั้งที่อื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุโดยพิสูจน์หลักฐานจะได้ประสานกับทีมสืบสวนสอบสวนในการนำผลการตรวจพิสูจน์ไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการสืบสวนสอบสวนและการดำเนินคดีในภายหลังเมื่อสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้” พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช. สพฐ.ตร.กล่าว

 

'มูลนิธิพระราหู' มอบเงินช่วยเหลือครอบครัว 'ด.ต.ปิยะนันท์' หลังประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่ช่วงสงกรานต์

เมื่อวันที่ 5 พ.ค.67 ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ในนามมูลนิธิพระราหู  มอบหมายให้ พ.ต.ต.เตชิต เขื่อนหมั่น เป็นผู้แทนนำเงินสมทบทุนช่วยเหลือมอบให้ ครอบครัว ด.ต.ปิยะนันท์ สีเสื้อ (ผบ.หมู่) สทล.3 กก.1 บก.ทล. ประสบอุบัติเหตุขณะปฏิบัติหน้าที่ ภาระกิจจัดการจราจร (เปิดช่องทางเดินรถพิเศษขาเข้า กทม.) บริเวณแยกดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี เมื่อ วันที่ 16 เม.ย.67 ช่วงเทศกาลสงกานต์ และได้เสียชีวิต ในเวลาต่อมา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top