Friday, 28 June 2024
เรือบรรทุกน้ำมัน

ทรภ.1 ร่วมกับ ศรชล.ภาค 1 บูรณาการหน่วยงานเกี่ยวข้อง จับกุม และร่วมตรวจสอบเรือบรรทุกน้ำมันผิดกฎหมาย ณ ท่าเทียบเรืออู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ กองทัพเรือ

เมื่อวันที่ 5 มี.ค.66 เวลา 03.00 น. จากการปฏิบัติการด้านการข่าวทัพเรือภาคที่1 (ทรภ.1) ได้สั่งการให้ เรือ ต.115 ซึ่งเป็นเรือในบัญชีกำลังของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) ดำเนินการตรวจสอบและจับกุม เรือบรรทุกน้ำมันที่มีพฤติกรรมลักลอบขนน้ำมันผิดกฎหมาย บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดสมุทรปราการ ผลการปฏิบัติ นำไปสู่การจับกุมเรือ ชื่อธนสิทธิ์ มีผู้ควบคุมเรือและลูกเรือจำนวน 6 คน บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดสมุทรปราการ เบื้องต้นบุคคลบนเรือให้การสารภาพว่ามีของกลางเป็นน้ำมันเบนซินที่ไม่ผ่านกระบวนการทางศุลกากรอยู่บนเรือจริง จึงได้ได้ควบคุมเรือดังกล่าว ไปยังท่าเทียบเรืออู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จว.สมุทรปราการ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบโดยละเอียดต่อไป

ทหารเรือบุกจับเรือบรรทุกน้ำมันหนีภาษี เกือบ 3 แสนลิตร ใกล้เกาะสีชัง ศรีราชา

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 66 เวลา 20.30 น. กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) บูรณาการร่วมกับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสอบและจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันกลางทะเล 2 ลำ พบน้ำมันดีเซลไม่ผ่านการเสียภาษี จำนวน 290,000 ลิตร 

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.30 น. ของวันที่ 18 มิ.ย.66 ที่ ท่าเรือกลางอ่าว กองบัญชาการกองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พลเรือตรี อนุพงษ์ ทะประสพ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ได้เดินทางมาแถลงข่าวร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง 

โดยได้เปิดเผยว่า จากการปฏิบัติด้านการข่าวของ ทรภ.1/ศรชล.ภาค 1 นำไปสู่การมอบหมายภารกิจให้ เรือ ต.115 เข้าดำเนินการตรวจสอบเรือบรรทุกน้ำมันต้องสงสัย ที่มีลักษณะพฤติกรรมหลบเลี่ยงภาษี ชื่อ เรือ MMM 8 มีไต๋เรือ พร้อมลูกเรือ รวม 6 นาย พบน้ำมันดีเซล จำนวน 230,000 ลิตร และเรือ NPK แสนสุข 33 มีไต๋เรือ พร้อมลูกเรือ รวม 7 นาย น้ำมันดีเซล จำนวน 60,000 ลิตร รวม 290,000 ลิตร ที่บริเวณ เกาะสีชัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 

ก่อนที่ เรือ ต.115 จะได้ดำเนินการควบคุมเรือบรรทุกน้ำมันดีเซลหลบเลี่ยงภาษีดังกล่าว มายังท่าเรือกลางอ่าว กองบัญชาการกองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อตรวจสอบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 

ทั้งนี้ การปฏิบัติดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ/รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่ให้ดำเนินการปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายในทะเลอย่างจริงจัง

นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ชลบุรี- 'บิ๊กเต่า' ลั่นฟัน 157 หากพบเจ้าหน้ามีส่วนเกี่ยวข้อง เรือบรรทุกน้ำมันของกลางขนาดใหญ่จำนวน 3 ลำ หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ

ความคืบหน้ากรณีที่กองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) รายงานว่าเรือบรรทุกน้ำมันของกลางขนาดใหญ่จำนวน 3 ลำ ซึ่งบรรจุน้ำมันรวมกว่า 3.3 แสนลิตร หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

ล่าสุดวันนี้ (13 มิถุนายน) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผู้กำกับ 5 กองบังคับการตำรวจน้ำ และเจ้าหน้าตำรวจสอบสวนกลาง ลงพื้นที่ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง เรือบรรทุกน้ำมันหาย 3 ลำ ณ ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ก่อนเข้าประชุมเร่งรัดหาข้อเท็จจริง

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า การดำเนินการติดตามเรือที่หาย ได้มีการตั้งคณะกรรมการในการดำเนินคดีออกเป็น 3 ส่วน คือ เจ้าาหน้าที่ตำรวจน้ำที่ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง และในส่วนของลูกเรือ โดยได้ตั้งกองอำนวยการสืบสวนหาข้อเท็จจริงถึงสาเหตุเรือบรรทุกน้ำหาย และจะเร่งนำเรือของกลางกลับมาโดยเร็ว ทั้งนี้เชื่อว่าเรือที่หายทั้ง 3 ลำ ยังคงอยู่ในอ่าวไทย และยังไปไม่ถึงประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากเรือทั้ง 3 ลำมีน้ำมันอยู่ด้วย ทำให้เรือสามารถวิ่งได้ประมาณ 7-8 นอต และจะต้องใช้ระยะเวลาในการวิ่งเรือจากพื้นที่เกิดเหตุไปประเทศเพื่อนบ้านที่มีระยะทาง 240 ไมล์ทะเล โดยต้องใช้ระยะ 15 ชั่วโมง

ส่วนข้อสงสัยที่ว่าทำไหมเรือบรรทุกของกลางที่จอดด้วยกัน 5 ลำ จึงหายไปเพียง 3 ลำนั้น ด้วย เรือบรรทุกน้ำมัน 3 ลำที่หายนั้น จากสืบข้อมูลเชิงลึก เรือทั้ง 3 ลำ มีเจ้าของและเป็นเรือของผู้มีอิทธิพลเรื่องน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ปัตตานี และเหตุที่คาดการว่าเรือทั้ง 3 ลำจะไปประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยเจ้าของเรือคาดว่าอีก 2 ลำ เป็นเรือไม่มีเจ้าของ แต่ถูกดำเนินคดีในข้อหาเดียวกัน สำหรับลูกเรือที่จับได้ทั้งหมด 28 คน และหายไปกับเรือ 3 ลำ 18 คน ทั้งนี้ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางสั่งลงมาให้ดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง หากพบเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจและปล่อยเรือออกไปก็จะดำเนินคดี เพราะไม่ทำหน้าที่เท่าที่ควร มีอะไรกับเป้าหมายหรือไม่ รับรองว่าการเข้ามาทำหน้าที่ของตนตรงไปตรงมา หากพบเจ้าหน้าที่นายไหนมีส่วนเกี่ยวข้องพร้อมดำเนินคดี 157 ทันที และเชื่อว่าบนเรือไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในเรือของกลาง อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้มีการประสานเจ้าหน้าที่ทางการกัมพูชา ให้ช่วยติดตามหาเรือทั้ง 3 ลำแล้ว พร้อมเตรียมออกหมายจับลูกเรือที่หนีไป

ด้านพ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผู้กำกับ 5 กองบังคับการตำรวจน้ำ เปิดเผยว่า เรือ 3 ลำได้ยึดเป็นของกลางในคดี ทั้งเป็นคดีของพนักสอบสวนกลางและกรมสรรพสามิต ซึ่งเรือแต่ละลำมีทะเบียนเรือไม่ตรงกับข้อมูลเรือ บางลำไม่มีทะเบียนเรือ และจากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกพบว่าเรือ 3 ลำ ที่หายไปเป็นเจ้าของเดียวกัน ส่วนการจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันทั้ง 5 ลำ นั้น ด้วยมีการขนถ่ายน้ำมันกลางทะเลในฝั่งทะเล ออกทะเลอันดามัน เพื่อจะเอาน้ำมันเข้ามาในราชอาณาจักร จึงมีการจับกุม ส่วนการจัดเก็บของกลางตามระเบียบ สตช. ระบุให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้ดูแล และหากของกลางเป็นประเภทเรือ ของกลาง จะต้องให้ตำรวจน้ำในพื้นที่ดูแล


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top