Tuesday, 2 July 2024
เด็กแว๊น

ลูกแว๊น! สร้างความเดือดร้อน พ่อแม่งานเข้า!! ปล่อยปละละเลย ถูกจับ "ยึดรถ-ปรับ-ติดคุก"

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจํานงค์ โฆษก ตร. เผยว่า จากกรณีที่มีการจับกุมแก๊งจักรยานยนต์ที่มาจากหลายพื้นที่มารวมตัวร่วมขบวน “ทริปไม่อาบน้ำ” ไปเที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ ห้วงวันที่ 6-7 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา 

โดยแก๊งรถจักรยานยนต์กลุ่มดังกล่าว จะขับขี่เกาะกันมาเป็นกลุ่ม ๆ บางกลุ่มจะขับขี่ด้วยความเร็ว และขับขี่ด้วยความประมาทหวาดเสียวเต็มท้องถนน ส่งเสียงดังสนั่น แบบไม่สนใจใคร สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ร่วมใช้รถใช้ถนน อีกทั้งทำให้เกิดอุบัติเหตุ ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย 

โดยเฉพาะหนึ่งในอุบัติเหตุนั้นก็คือ การที่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์(Big Bike) ได้ขับขี่ด้วยความเร็ว และเกิดการเฉี่ยวชนกัน จนทำให้รถเกิดเสียหลักไปชนท้ายรถยนต์เก๋งจนได้รับความเสียหาย ส่วนรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ถึงกับขาดออกจากกันเป็น 2 ท่อน ซึ่งหลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกัน ได้ยกซากรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุ ขึ้นรถยนต์กระบะหลบหนีไป โดยไม่รอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ ส่วนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 คน นั้น

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษก ตร. กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ผู้ใช้รถใช้ถนน โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการกำชับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศหากพบการกระทำผิดกฎหมาย ให้ดำเนินคดีอย่างเข้มงวด เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และได้จัดตั้ง“ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปข.ตร.)” ขึ้นมาเพื่อปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องดังกล่าวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์ โดยมีพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เป็น ผู้อำนวยการศูนย์

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการจับกุมดำเนินคดีกับกลุ่มรถจักรยานยนต์ไปแล้วหลายกลุ่มและบางคดีศาลยังมีคำพิพากษาให้ริบรถอีกด้วย จึงขอแจ้งเตือนไปยังกลุ่มผู้ขับขี่จักรยานยนต์ ที่มีพฤติกรรมสร้างความเดือดร้อนบนท้องถนน ไม่คำนึงถึงปลอดภัยของพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน และ ขอเตือนไปยังผู้ปกครอง ว่าอย่าได้ปล่อยปละละเลย และขอให้ช่วยทางเจ้าหน้าที่เป็นหูเป็นตาดูแลบุตรหลานของท่าน อย่าให้ออกมาสร้างความเดือดให้กับผู้อื่น เพราะไม่ใช่แค่ ผู้ขับ และ ผู้ซ้อน ที่จะมีความผิดแต่กฎหมายยังเอาผิดกับตัวผู้ปกครองอีกด้วย โดย 

>> "คนขับ" มีความผิดตาม มาตรา 43 พรบ.จราจรทางบกฯ - ผิด “ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย” จำคุก 3 เดือน ปรับสูงสุด 10,000 บาท, คุมประพฤติ, ทำงานบริการสังคม 

>>"คนซ้อน" มีความผิดตาม มาตรา 86 ประมวลกฎหมายอาญา - ผิด “สนับสนุน” รับโทษ 2 ใน 3 ของคนขับ, คุมประพฤติ, ทำงานบริการสังคม 

>> "ผู้ปกครอง" มีความผิดตาม พรบ.คุ้มครองเด็กฯ มาตรา 26(3) - บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติ เสี่ยงต่อการกระทำผิด ผู้ปกครองอาจได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับสูงสุด 30,000 บาท 

>> "ยึดรถ" ตามคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558

ข้อ 1 ห้ามมิให้ผู้ใดรวมกลุ่มหรือมั่วสุมหรือจัดให้มีการรวมกลุ่มหรือมั่วสุมในลักษณะหรือโดยพฤติการณ์ที่น่าจะเป็นการนําไปสู่การแข่งรถในทางอันเป็นความผิดและต้องรับโทษตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก

"ตำรวจเตรียมความพร้อม ถอดบทเรียนรับมือเด็กแว๊น ป่วนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2565"

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง (ศปข.ตร.) เรียกประชุมด่วน ผบช.น. ภ.1-9 เตรียมวางมาตรการป้องกันและปราบปรามเด็กแว๊นช่วงสงกรานต์ 2565 ที่จะถึงนี้ โดยการถอดบทเรียนจากเทศกาลฯ ปีที่ผ่านมา 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งเตรียมความพร้อมรับมือเด็กแว๊นแต่เนิ่นๆ ก่อนถึงเทศกาลฯ ซึ่งอาจมีการรวมตัวแข่งรถสร้างความเดือดร้อนแก่รถที่สัญจรไปมาและผู้ที่พักอาศัย จึงให้ทุกหน่วยระดมปราบปรามความผิดเกี่ยวกับการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ต่อเนื่องจนกว่าจะถึงห้วงเทศกาลฯ เพื่อป้องปรามไม่ให้มีการฝ่าฝืนกฎหมาย 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า  ศปข.ตร. ทำงานเชิงรุกมาอย่างต่อเนื่อง โดยให้ทีมสืบสวนทางโซเชียลเฝ้าติดตามการนัดรวมตัวแข่งรถทุกช่องทาง ส่งผลให้สถิติการรวมตัวหรือการแข่งรถลดลงอย่างมาก แต่อย่างไรก็ดี การปราบปรามก็ยังคงดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่ 1 ม.ค. ถึง 28 ก.พ. 65 ที่ผ่านมา มีการดำเนินคดีกับผู้ขับขี่และผู้สนับสนุนไปแล้ว 1,621 ราย ยึดรถยนต์ 936 คัน รถจักรยานยนต์ 18,936 คัน จัดทำประวัติผู้กระทำความผิดและผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงที่จะแข่งรถในทางอีก 8,049 ราย

ล่าสุดในเดือน มี.ค.65 จับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 11 ราย ริบรถของกลางตามคำพิพากษา 10 คัน โดยมีที่น่าสนใจหลายคดีด้วยกัน รายแรก ที่ ภ.จว.อยุธยา ทีมสืบสวนสามารถติดตามความเคลื่อนไหวการวมตัวแข่งรถ จนจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 ราย ศาลมีคำพิพากษาริบรถของกลาง รายที่สอง บก.น.5 ทีมโซเชียลและฝ่ายสืบสวนติดตามสืบจับแอดมินเพจ "ประเทศคลองเตย" ที่โพสชักชวนแข่งรถในทางบริเวณห้าแยกระนอง ส่งฟ้องศาลดำเนินคดี 

รายต่อมา บก.น.6 ฝ่ายสืบสวนพิสูจน์ทราบแอดมินเพจดัง Three Brothers Channel ขับรถ จยย.ฮาเลย์ ประมาทหวาดเสียว ผิดปกติวิสัย ยืนขับขี่บนเบาะนั่ง กลางถนนเยาวราช ศาลสั่งริบรถ มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท และรายล่าสุด ภ.จว.ขอนแก่น พิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำผิด ที่ปรากฏตัวอยู่ในคลิปหนุ่มนอนหมอบขับขี่ บนถนนมิตรภาพ นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ซึ่งเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในจังหวัดขอนแก่น ในข้อหาขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ขับขี่รถประมาทหวาดเสียว และข้อหาอื่นๆ รวม 5 ข้อหา ศาลพิพากษาริบรถ 

‘ชาวนครศรีฯ’ โอด!! เหตุประสบปัญหา ‘วัยรุ่นแก๊งซิ่ง’ ป่วนมา 10 ปี ร้องเรียนแล้ว แต่ไร้หน่วยงานดูแล เหมือน ‘เอาหูไปนา เอาตาไปไร่’

เมื่อสัปดาห์ก่อน 20-22 ธันวาคม 2566 ผมลงไปทำพิธีปล่อยปลาดุกลำพัน ตามโครงการลำพันคืนถิ่น ป่าพรุควนเคร็ง ครั้งที่ 8 บริเวณศูนย์อนุรักษ์ปลาดุกลำพัน ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีฯ

เย็นของวันที่ 20 ธันวาคม ระหว่างไปนั่งทานข้าวอยู่ที่ร้านอาหารถนนเลี่ยงเมือง ได้มีคนที่รู้จัก #นายหัวไทร เข้ามาร้องเรียนเรื่องความเดือดร้อนรำคาญถึงกับนอนไม่หลับมายาวนานร่วม 10 ปี แต่ไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแลแก้ไข

ความเดือดร้อนรำคาญเกิดจากแก๊งซิ่งรถมอเตอร์ไซค์ ที่พอดึก ๆ จะมีกลุ่มวัยรุ่นนำรถจักรยานยนต์มาซิ่งแข่งกันบนถนนสายหลัก ช่วงตั้งแต่หน้าโรงพยาบาลหัวไทร ไปวนกลับตรงวงเวียน วนแล้ววนอีกกันอยู่คืนละหลาย ๆ รอบ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนกำลังพักผ่อน สี่ทุ่ม ห้าทุ่ม เที่ยงคืน ตีหนึ่งตีสอง

วัยรุ่นแก๊งซิ่งเหล่านี้มาจากหลายตำบล บางวันก็มีจากต่างอำเภอเข้ามาสมทบ นัดหมายกันผ่านกลุ่มไลน์ บางคันก็จะมีสก๊อยติดสอยห้อยตามมาด้วย

ชาวบ้านเคยร้องเรียนทางอำเภอ ทางตำรวจให้เข้ามาแก้ไขปัญหา แต่เสียงร้องของชาวบ้าน เหมือนเสียงนกเสียงกา ไม่เคยได้รับการแก้ไข ผ่านนายอำเภอมาแล้วหลายคน ผ่านผู้กำกับมาก็หลายคน ผ่านผู้ว่าฯ ผู้การฯ มาไม่รู้กี่คนต่อกี่คน แต่ปัญหาก็ยังอยู่

‘บำบัดทุกข์ บำรุงสุข’ คือคำขวัญของฝ่ายปกครอง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย แต่ทุกข์ชาวบ้านในตลาดหัวไทรสิบกว่าปี ยังไม่เคยได้รับการเยียวยาแก้ไข

ทราบว่า…เช้าของวันที่ 21 ธันวาคม นายอำเภอได้เชิญชาวบ้าน (คนเดียว) ไปให้ข้อมูล ซึ่งจริง ๆ เรียกผู้กำกับ สารวัตรสืบสวนสอบสวน สารวัตรปราบปรามไปสอบถามก็น่าจะมีข้อมูลมากพอ ถ้ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีข้อมูล แสดงว่า ที่ผ่านมา ‘เอาหูไปนา เอาตาไปไร่’ ทุกข์ของชาวบ้าน ไม่ใช่ทุกข์ของเรา ยิ่งตอนหลังศูนย์ราชการ ทัังที่ว่าการอำเภอ โรงพัก ย้ายออกไปอยู่นอกชุมชน ยิ่งห่างไกลชาวบ้าน ห่างไกลปัญหา

จริง ๆ ก็ไม่น่าจะยากส่งตำรวจไปตั้งป้อม หรือตั้งจุดสกัด แจ้งผู้ปกครองให้ทราบถึงพฤติกรรมของลูก หรืออาจจะทำทัณฑ์บนไว้ทั้งลูก และผู้ปกครอง

หวังว่าที่เขียนมาจะได้รับทราบกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และนำมาสู่การแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนของชาวบ้าน จะได้นอนหลับสนิทเสียที และเรื่องแค่นี้คงไม่ต้องถึง มท.1 อนุทิน ชาญวีรกูล หรอกนะ แต่ถ้าปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข อาจจะถึงเสี่ยหนูนะ

‘ศาลฯ’ พิพากษาลงโทษ!! ‘พ่อแม่เด็กแว้น’ พระสมุทรเจดีย์ 10 คน สั่งปรับรายละหมื่น ฐานปล่อยปละละเลยไม่ดูแลบุตรหลานให้ดี

(22 ก.พ. 67) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยกรณีมีการปิดถนนแข่งรถพื้นที่ สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ที่ผ่านมานั้น พนักงานสอบสวนได้ส่งฟ้องผู้ต้องหาไปแล้ว 22 ราย ศาลฯ พิพากษาปรับคนละ 10,000 บาท จำคุก 3 เดือน โทษจำคุกรอลงอาญา นอกจากนี้ ยังได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาที่เป็นเด็กและเยาวชนไว้ได้อีกจำนวน 10 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจในส่วนของพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการส่งตัวเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดต่อศาลเยาวชนและครอบครัวเพื่อให้ศาลดำเนินการตรวจสอบการจับกุม และเข้าสู่กระบวนการบังคับตามมาตรการพิเศษแทนการดำเนินคดีอาญา เนื่องจากเป็นเด็กและเยาวชน และความผิดมีอัตราโทษไม่เกิน 5 ปี 

โดยศาลจะกำหนดแผนแก้ไขบำบัดฟื้นฟู ให้เด็กและเยาวชนที่กระทำผิดร่วมกับพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด ต้องปฏิบัติตามแผนแก้ไขบำบัดฟื้นฟูนั้น เพื่อให้โอกาสเด็กในการที่จะกลับมาเป็นคนดีของสังคม ไม่กลับไปกระทำผิดซ้ำอีก แต่หากเด็กเยาวชนและบิดามารดาไม่ปฏิบัติตามแผนแก้ไขบำบัดฟื้นฟูที่กำหนด เด็กก็จะถูกดำเนินคดีตามปกติ จะมีประวัติการกระทำผิดติดตัวไป ซึ่งต้องใช้เวลาในการปฏิบัติตามแผนพอสมควร 

อย่างไรก็ตาม สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กนั้น นอกจากจะต้องปฏิบัติตามแผนแก้ไขบำบัดฟื้นฟูที่ศาลกำหนดแล้ว ยังจะต้องถูกดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พนักงานสอบสวนสามารถแจ้งข้อกล่าวหาแก่บิดา มารดา หรือผู้ปกครองของเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด ส่งฟ้องศาลได้เลยทันที เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียกพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กเยาวชนทั้ง 10 ราย มาแจ้งข้อกล่าวหา ‘ส่งเสริม หรือ ยินยอม ให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำความผิด’ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 26 (2) ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กทั้ง 10 ราย พิพากษาปรับคนละ 10,000 บาท จำเลยรับสารภาพ ลดกึ่งหนึ่งเหลือปรับรายละ 5,000 บาท ซึ่งนี่เป็นกรณีตัวอย่างสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองทุกท่านที่ปล่อยปละละเลยไม่ดูแลบุตรหลาน ปล่อยให้ออกมารวมตัวแข่งรถในทางในเวลายามวิกาล สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด ครบวงจร ในทุกคดี

พล.ต.ท.สำราญ กล่าวอีกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้คณะทำงานป้องกันและปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. ขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ทั้งการโพสต์ชักชวน เชิญชวน บนสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ก็ดี ทั้งการรวมตัวบนท้องถนนก็ดี โดยประชาชนสามารถแจ้งเหตุร้ายที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top