Wednesday, 3 July 2024
ฮาโลวีน

เชียงใหม่ – เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ชวนขนหัวลุก! ในวันฮาโลวีน พร้อมรับส่วนลด 50% สองวันสุดท้าย 30-31 ตุลาคมนี้

สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จัดกิจกรรมสร้างสีสันในวันฮาโลวีน ชวนกันมาขนหัวลุกกับ เหล่า Monster reptile และผีสาวแสนสวย พร้อมรับส่วนลด 50% สองวันสุดท้าย วันที่ 30-31 ตุลาคมนี้

นายสายสิทธิ์ เจตสิกทัต ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร กล่าวเชิญชวนน้องๆ หนูๆ มาร่วมสนุกกับกิจกรรมสร้างสีสันในวันฮาโลวีน ชวนกันมาขนหัวลุกกับเหล่า Monster reptile สัตว์ประหลาดเลื้อยคลาน หน้าตาประหลาด แต่แฝงไว้ด้วยความน่ารัก  พร้อมการแสดงจากผีสาวแสนสวย ที่จะมาสร้างบรรยากาศความสยองขวัญในสไตล์ซาฟารี ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกและเรียนรู้ในสถานที่เปิดโล่ง รับอากาศบริสุทธิ์  ที่มั่นใจได้กับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายใต้มาตรฐาน SHA 

สำหรับการสร้างสีสันในวันฮาโลวีน จะจัดขึ้นในวันที่ 30-31 ตุลาคม นี้ เวลา 17.30-20.30 น.  พบกับ Monster reptile สัตว์ประหลาดเลื้อยคลาน อาทิ เตกู  อีกัวน่าหลากสี งูคอร์นเสนค เป็นต้น โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด และพบกับการแสดงแดนซิ่งโชว์จากเหล่าผีสาวแสนสวย ในรอบเวลา 18.15 น. และ 19.40 น. ซึ่งผู้ที่สนใจจะต้องจองเข้าชมผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้นที่ www.chiangmainightsafari.com (จำกัด รอบละ 250 คน)  และโปรดสวมหน้ากากอนามัยตลอดการเข้าใช้บริการ

‘ถนนข้าวสาร’ เตรียม 7 ทางออก รองรับนทท.งานฮาโลวีน มั่นใจ!! สถานที่ปลอดภัย ไม่ซ้ำรอยอิแทวอนแน่นอน

(31 ต.ค. 65) ที่ถนนข้าวสาร เขตพระนคร นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร กล่าวถึงมาตรการความปลอดภัยในการจัดงานฮาโลวีน ที่ถนนข้าวสารวันที่ 31 ต.ค.นี้ ว่า เนื่องจากถนนข้าวสารมีการจัดงานเทศกาลฮาโลวีนในทุก ๆ ปีอยู่แล้วก่อนการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้นความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยของพื้นที่จึงมีความพร้อม โดยได้มีการประสานงานกับเขตพระนคร ตำรวจ สน.ชนะสงคราม ตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ อปพร. ทั้งเรื่องรถพยาบาล จุดคัดกรองสำหรับตรวจอาวุธและความปลอดภัยต่าง ๆ ซึ่งจะมีตัวสแกนทั้งหัวถนนและท้ายถนน

และจากเหตุการณ์สลดที่เกิดขึ้นในงานเทศกาลฮาโลวีน ที่อิแทวอน เกาหลีใต้ ที่ผ่านมาจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น ทำให้ตนกลับมาทบทวนเรื่องเส้นทางการออกจากพื้นที่ในโซนของถนนข้าวสารมีกี่จุด ตรงไหนบ้าง ซึ่งจากเดิมจะให้ออกแค่เพียง 2 ทาง คือ หัว-ท้ายของถนน เมื่อสำรวจแล้วพบว่า จะมีทางออกจากพื้นที่ถนนข้าวสารได้เพิ่มอีกรวมเป็นทั้งหมด 7 เส้นทาง ซึ่งในวันนี้ (31 ต.ค.) ก่อนเริ่มงานจะมีการนำป้ายประชาสัมพันธ์ทางออกมาติด ซึ่งป้ายประชาสัมพันธ์นั้นมี 3 ภาษา คือ ไทย-อังกฤษ-จีน เพื่อให้นักท่องเที่ยวเห็นและสามารถออกจากพื้นที่ได้หากเกิดเหตุไม่คาดคิด

นายสง่า กล่าวต่ออีกว่า เนื่องจากลักษณะทางกายภาพของถนนข้าวสารกับถนนเส้นที่เกิดอุบัติเหตุในย่านอิแทวอนนั้น เท่าที่ทราบมีลักษณะต่างกันเพราะพื้นที่ที่เกิดเหตุมีลักษณะลาดชันตามภูมิประเทศซึ่งเป็นภูเขา และความกว้างของถนนประมาณ 4-6 เมตร เท่านั้น ต่างจากสภาพของถนนข้าวสารซึ่งเป็นถนนลักษณะราบและไม่มีฟุตปาธ อีกทั้งยังมีความกว้างของถนนกว่า 14 เมตร ยาว 400 เมตร

ส่วนเรื่องความปลอดภัยในสถานบันเทิง ที่ผ่านมาได้เรียกประชุมผู้ประกอบการให้ตรวจตราร้านของตนเองอยู่เสมอตามนโยบายของราชการที่กำชับมาเรื่องความปลอดภัยในสถานบันเทิง รวมทั้งซักซ้อมหากเกิดเหตุเพื่อความปลอดภัย อีกทั้งเจ้าหน้าที่เขตพระนครได้ออกตรวจสถานบันเทิงในข้าวสารอยู่เป็นประจำ จึงไม่น่ากังวลและขอให้มั่นใจในความปลอดภัย

สำหรับประมาณการณ์นักท่องเที่ยวที่จะมาในงานฮาโลวีนปีนี้ นายสง่า ระบุว่า คาดว่าจะมีประมาณ 20,000 คน ซึ่งไม่น่าเป็นห่วงนัก เนื่องจากในช่วงเทศกาลสงกรานต์ถนนข้าวสารยังเคยรองรับนักท่องเที่ยวมาแล้วกว่า 50,000 คน


ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/1631633/ 

'บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก' บุกตรวจผับนอมินีต่างชาติในคืนฮาโลวีน 7 แห่ง คาดโทษตำรวจท้องที่ละเลยบกพร่อง ลงโทษสถานหนัก

เซอร์ไพรส์คืนฮาโลวีน 'บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก' นำกำลัง 200 นาย สุ่มตรวจค้นสถานบันเทิงนายทุนต่างชาติเป็นนอมินี 7 แห่งทั่ว กทม.คาดโทษท้องที่ละเลยบกพร่องต้องรับผิดชอบ

เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 1 พ.ย.พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.(ปป.) และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. (สส.) พร้อมชุดปฏิบัติการ บช.น., บช.สอท., บช.ปส., บช.สตม. พิสูจน์หลักฐาน และ บช.ทท.กว่า 200 นาย เข้าตรวจค้น ผับ บาร์ สถานบริการซึ่งคาดว่าเป็นของนายทุนต่างชาติ และนอมินีพร้อมกัน 7 จุด ทั่วกรุงเทพมหานคร โดยมีสถานบันเทิงขนาดใหญ่ อาทิ ร้าน แอสการ์ด (Asgard) บาร์โฮส ย่านห้วยขวาง และสถานบันเทิงเบบี้เฟส ย่านเอกมัย โดยใช้เวลาปฏิบัติการประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่คณะรอง ผบ.ตร. ทั้ง 2 นาย จะเดินทางมาสรุปผลปฏิบัติการที่ร้านแอสการ์ด บาร์โฮส แยกเหม่งจ๋าย

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ปฏิบัติการในค่ำคืนนี้เป็นการทำงานร่วมกัน ระหว่างตำรวจฝ่ายป้องกันปราบปรามและตำรวจฝ่ายสืบสวน จากผลการปฏิบัติงาน ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ซึ่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนมาตั้งแต่คดีที่พัทยา โดยการทำงานจะเน้นไปที่เรื่องของยาเสพติด อาวุธปืน และ การปล่อยเด็กเข้าใช้บริการ อย่างที่เคยกล่าว ว่า 3 เรื่องนี้ เป็นหน้าที่ของสถานบันเทิงจะต้องเป็นผู้คัดกรองอยู่แล้ว ต้องไม่ให้มีเล็ดลอดเข้าไป หลังจากนี้เรื่องการกวดขันสถานบันเทิง เราจะทำงานบูรณาร่วมกันทั้งฝ่ายป้องกันปราบปรามและฝ่ายสืบสวน ใช้กำลังพลของทุกกองบัญชาการ รวมถึงปัญหาบุคคลต่างชาติที่เข้ามาทำงานในบ้านเรา โดยเฉพาะปัญหามาเฟียต่างชาติ หลาย ๆ แก๊ง

พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า ผลการปฏิบัติงานวันนี้ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย มีเพียงผลตรวจปัสสาวะนักท่องเที่ยวที่พบสารเสพติด ซึ่งอาจเป็นการเสพมาจากภายนอกสถานบันเทิง ในวันนี้ที่มี รอง ผบ.ตร.นำกำลังลงพื้นที่ ตรวจตราตามสถานบันเทิงถึง 2 คน ตนถือว่า พวกตนมาเปิดปฏิบัติการให้แล้ว หลังจากนี้ตำรวจท้องที่ก็ต้องทำงานกวดขันตามนโยบายด้วย หากตรวจพบภายหลัง ว่า ละเลยบกพร่อง เจ้าของท้องที่ก็ต้องรับผิดชอบ หากในภายหลังตรวจพบความผิด จำเป็นต้องลงโทษไม่มีการตักเตือน ในส่วนของสถานบันเทิงหากคุณทำผิดต้องปิด 5 ปี แอบเปิดเมื่อไหร่ ก็มีโทษจำคุก เนื่องจากเป็นนโยบายที่ท่าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการเอาไว้แล้ว เข้าใจว่า เราเพิ่งผ่านพ้นสถานการณ์ความลำบากมาจากโควิด 19 การลงตรวจสอบของตำรวจ ย่อมส่งผลกระทบในภาพรวมต่อสถานบันเทิง แต่เมื่อคุณมีอาชีพทำสถานบันเทิง คุณก็ต้องอยู่ในกรอบ ปฏิบัติตามกฎหมาย และช่วยสอดส่องดูแลไม่ให้มีสิ่งผิดกฎหมายด้วย

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ท่าน ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำและกำชับ ในมาตรการป้องกันและตรวจค้นสารเสพติด อาวุธ และเยาวชน ในสถานบริการอย่างเคร่งครัด วันนี้ก็มีการบูรณาการร่วมกันลงพื้นที่ตรวจค้นประมาณ 7 แห่ง ทั่วกรุงเทพมหานคร โดยใช้กำลังจาก บช.ปส., บช.สตม., บช.น., บช.ทท. และ ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ในแต่ละจุดที่ทำการตรวจค้น มีการนำน้ำยาตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ลงไปตรวจทดสอบประมาณ 300 ชุด ผลการตรวจสอบมีนักท่องเที่ยวฉี่สีม่วงเพียง 1-2 คน ซึ่งถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดี แต่อาจเป็นเพราะคืนนี้ แม้จะเป็นเทศกาลฮาโลวีน แต่เป็นวันธรรมดา ไม่ใช่วันหยุดทำให้นักท่องเที่ยวน้อยก็เป็นได้ 

ในส่วนของการสืบสวนที่ตนรับผิดชอบ หลังจากนี้ หากพบว่ามีสถานบันเทิงฝ่าฝืนกฎหมายกระทำความผิด ก็จะต้องขยายผลหาตัวเจ้าของกิจการมาดำเนินคดีต่อไป คดีผับศูนย์เหรียญ บ่อนศูนย์เหรียญ ที่ สน.ยานนาวา และ สน. สุทธิสาร ก็ยังต้องดำเนินการต่อคาดว่าภายใน 2-3 วัน จะมีการออกหมายจับ ผู้กระทำความผิดได้เกือบทั้งหมด หลังจากทำการเช็คเส้นทางของเงิน และช่องทางการติดต่อสื่อสารของผู้ร่วมขบวนการ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

‘นายกฯ’ ห่วง ‘คนไทย’ ช่วง ‘เทศกาลฮาโลวีน’ ที่ถนนข้าวสาร วอนปชช. ‘มีสติ-ระวังตัว-เลี่ยงที่แออัด’ ป้องกันซ้ำรอยอิแทวอน

(30 ต.ค. 66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นห่วงคนไทยในทุกพื้นที่ ในช่วงการเฉลิมฉลองเทศกาล Halloween พร้อมเตือนคนไทยหลีกเลี่ยงการเฉลิมฉลองในสถานที่แออัด

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ด้วยคืนพรุ่งนี้ (31 ต.ค.) เป็นวัน Halloween สถานบันเทิงจะจัดงานเฉลิมฉลอง หน่วยงานต่างๆ จึงมีมาตรการคำแนะนำป้องกัน ดูแลความปลอดภัยคนไทย ยกตัวอย่าง เช่น ตำรวจท่องเที่ยว ได้ออกคำแนะนำทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้กับนักท่องเที่ยว ดังนี้ 1.วางแผนการเดินทางล่วงหน้า เพื่อให้รู้ว่าจะเดินทางไปอยู่ตรงไหน จะได้รู้จักเส้นทางก่อน และควรดูพยากรณ์อากาศด้วย 2.หากเป็นสถานที่ปิด ควรดูทางออกฉุกเฉิน และควรมีเพื่อนไปด้วยอย่างน้อย 1 คน

3.หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด เพื่อป้องกันเรื่องการถูกล้วงกระเป๋าจากมิจฉาชีพ และการเบียดเสียดกับคนอื่น 4.ดื่มอย่างมีสติ อย่าทิ้งตัว และดื่มไม่ขับ 5.อย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ หรือมาตรการรักษาความปลอดภัยของสถานที่นั้น ๆ หากมีเหตุฉุกเฉิน สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน หมายเลข 1155 ตำรวจท่องเที่ยว โดยสถานที่หลัก ๆ ที่มีคนเป็นห่วงมากก็คือ ถนนข้าวสาร เพราะมีลักษณะของพื้นที่คล้ายกับอิแทวอน สาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมเมื่อปีที่แล้ว

นายชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ได้ออกประกาศ เรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับคนไทยในสาธารณรัฐเกาหลี โดยขอให้คนไทยในสาธารณรัฐเกาหลีระมัดระวังการเข้าไปในสถานที่ที่คนพลุกพล่าน พยายามหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมเฉลิมฉลองในเทศกาล Halloween ที่อาจจัดขึ้นในสถานที่ต่าง ๆ ของสาธารณรัฐเกาหลีในปีนี้ หรือหากจะเข้าร่วมงาน ก็ขอให้ระมัดระวังในการไปรวมตัวยังสถานที่ที่มีผู้คนแออัด หรือมีฝูงชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากที่อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้ เช่น การล้มทับกันของฝูงชนที่เบียดเสียดกัน

ทั้งนี้ หากรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ก็ขอให้รีบหาทางหลบออกมาจากสถานที่ดังกล่าวโดยเร็ว หากคนไทยต้องการความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายกงสุลของสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโซล โทรศัพท์ +82 10-6747-0095 หรือ +82 10-3099-2955

“นายกรัฐมนตรี ห่วงใยคนไทยที่ต้องการเข้าร่วมช่วงการเฉลิมฉลอง ขอให้เที่ยวอย่างมีสติ เตรียมการเดินทาง เข้าร่วมกิจกรรมอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงบริเวณแออัด พื้นที่คนพลุกพล่าน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุไม่คาดฝัน” นายชัย กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top