Tuesday, 2 July 2024
องคมนตรี

องคมนตรี เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการ รายอกีตอ ตอน 100 ปี หลักรัฐประศาสโนบายล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 น้อมนำ สืบสาน สู่การปฏิบัติ เพื่อเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใน จชต. มีจิตสำนึกการเป็นข้าราชการที่ดี

ที่ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดยะลา ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดงานจัดแสดงนิทรรศการ รายอกีตอ ตอน 100 ปี หลักรัฐประศาสโนบาย ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 น้อมนำ สืบสาน สู่การปฏิบัติ โดยมี พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี เป็นประธานเปิดกิจกรรม มี พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และประชาชนในพื้นที่ร่วมกิจกรรม และให้การต้อนรับ

กิจกรรม รายอกีตอ ตอน 100 ปี หลักรัฐประศาสโนบาย ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 น้อมนำ สืบสาน สู่การปฏิบัติ จัดขึ้นสืบเนื่องจาก พื้นที่ จชต. ที่ผ่านมา ได้รับพระกรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ จากบูรพกษัตริย์ไทยทุกพระองค์ โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระราชทานยุทธศาสตร์ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา และพัฒนา จชต. และได้รับการสืบสานโดย พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร ตลอดไป” นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อพื้นที่ จชต. ครั้นเสด็จเยือนพื้นที่ ขณะนั้นด้วยพระองค์ทรงคำนึงถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของประชาชน จึงพระราชทานหลักรัฐประศาสโนบาย สำหรับผู้ปฏิบัติงานราชการในมณฑลปัตตานี โดยพระราชหัตถเลขาที่ 3/74 และวันนี้ (6 กรกฎาคม 2566) บรรจบครบรอบ 100 ปี ศอ.บต. จึงจัดกิจกรรมเพื่อเทิดพระเกียรติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณบูรพกษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ที่ทรงมีคุณูปการต่อ จชต. เพื่อสร้างการรับรู้คุณูปการอันใหญ่หลวงของบูรพกษัตริย์ไทย ผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ เพื่อสื่อสารให้ข้าราชการตระหนักถึงความสำคัญและน้อมนำหลักรัฐประศาสโนบายสู่การปฏิบัติ พร้อมจัดแสดงนิทรรศการรายอกีตอ ใน 5 จังหวัด และผลิตสื่อประชาสัมพันธ์สนับสนุนการจัดกิจกรรมทุกแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ยังมีการประกวดอนาชีดและกล่าวสุนทรพจน์ ภายใต้กิจกรรม 100 ปีหลักรัฐประศาสโนบาย อีกด้วย

สำหรับพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อ จชต. ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีลักษณะพิเศษทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ดังประจักษ์แจ้งในรัชสมัยของพระองค์ โดยการเสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ ทรงพระราชทานเครื่องประกอบ “ลูกเสือมณฑลปัตตานี” ขึ้นเป็นการเฉพาะ เพื่อให้สอดคล้องกับวัฒนธรรม การแต่งกายของชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ และทรงสืบสานกิจการรถไฟต่อจากรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของทางรถไฟสายมณฑลปัตตานี ที่นำพาความเจริญในด้านต่างๆ มาสู่พื้นที่ อีกทั้ง ได้พระราชทาน หลักรัฐประศาสโนบายสำหรับผู้ปฏิบัติราชการในมณฑลปัตตานี โดยพระราชหัตถเลขา ซึ่งเวียนบรรจบครบ 100 ปี ในวันนี้ โดยในข้อ 5 เป็นแนวทางที่สำคัญต่อการบริหารจัดการและพัฒนาเจ้าหน้าที่ของรัฐ จชต. โดยมุ่งให้คนดีเข้ามาพัฒนาบ้านเมือง ความว่า “ข้าราชการที่แต่งตั้งออกไปประจำตำแหน่งในมณฑลปัตตานีพึงเลือกเฟ้น แต่คนที่มีนิสัยซื่อสัตย์สุจริต สงบเสงี่ยมเยือกเย็น ไม่ใช่สักแต่ว่าไปบรรจุให้เต็มตำแหน่งหรือส่งไปเป็นทางลงโทษเพราะเลว เมื่อจะส่งไปต้องสั่งสอนชี้แจงให้รู้ลักษณะทางการอันจะพึงปฏิบัติระมัดระวังโดยหลักการที่กล่าวไว้ในข้อ 1 ข้อ 3 และข้อ 4 ข้างบนนั้นแล้ว ผู้ใหญ่ในท้องที่พึงสอดส่องฝึกฝนอบรมกันต่อๆ ไป ในคุณธรรมเหล่านั้นเนืองๆ ไม่ใช่แต่คอยให้พลาดพลั้งลงไปก่อน แล้วจึงว่ากล่าวลงโทษ”

ทั้งนี้ ในส่วนของ ศอ.บต. ได้วางกรอบ การบริหารจัดการและพัฒนาเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายพลเรือน ให้กับทุกส่วนราชการน้อมนำไปปฏิบัติ โดยกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนา บรรจุในหลักสูตรการฝึกอบรมเจ้าหน้ารัฐฝ่ายพลเรือนทุกหลักสูตร อาทิ หลักสูตร การอบรมเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายพลเรือนก่อนเริ่มปฏิบัติงานใน จชต. หลักสูตรผู้นำรุ่นใหม่ใน จชต. เป็นต้น เพื่อน้อมนำหลักรัฐประศาสโนบาย สู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

(สุรินทร์) มทบ.25 ร่วมให้การต้อนรับองคมนตรี ตรวจเยี่ยมเรือนจำอำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์

วันที่ 25 ตุลาคม 2566 เวลา 10.00 น. พลตรี ชินวิช เจริญพิบูลย์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 มอบหมายให้ พันเอกบุญส่ง พรมนิล รองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 25 ร่วมให้การต้อนรับ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รองประธานคณะกรรมการมูลนิธิราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และคณะ ตรวจเยี่ยมเรือนจำอำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ โดยมี นายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมทั้งนายแพทย์ สันติชัย  ตันติรัตนานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ พันตำรวจเอก ธรรมนูญ  ฉิมวงษ์  รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ นายวิรัตน์ แดงเถิน ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอรัตนบุรี  และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ในอำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ ร่วมให้การต้อนรับ

โครงการ “ราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” เป็นโครงการที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานความช่วยเหลือทั้งแก่ผู้ต้องขังและประชาชนทั่วไป ให้สามารถเข้าถึงบริการทางสาธารณสุข

ปุรุศักดิ์  แสนกล้า  ข่าว/ภาพ

กระบี่-องคมนตรี ติดตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่จังหวัดกระบี่

เมื่อวานนี้ 26 ต.ค.2566 พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมด้วย พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี ในฐานะ รองประธานอนุกรรมการฯ และคณะ ได้เดินทางไปติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดกระบี่ โดยมี นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมและรายงานความคืบหน้าในการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำหริในพื้นที่

โอกาสนี้หน่วยงานต่าง ๆ ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะ แนวทางแก้ปัญหา ของ องคมนตรี ในการเดินทางตรวจติดตามครั้งที่ผ่านมา อาทิ สำนักงานชลประทานที่ 15 กรมชลประทาน ได้รายงานความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหยา อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลปลายพระยา อำเภอปลายพระยา ที่ยังประโยชน์เรื่องน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค แก่ราษฎรในพื้นที่ 4 หมู่บ้าน ของ ตำบลปลายพระยา จำนวน 800 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร 3,932 ไร่ โดยปัจจุบัน กรมชลประทาน ได้พัฒนาอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ด้วยการสร้างถนนรอบอ่าง ระยะทาง 7,800 เมตร เตรียมก่อสร้างท่อส่งน้ำให้กับราษฎรในพื้นที่ หมู่ที่ 3 และ หมู่ที่ 9 ตำบลปลายพระยา บางส่วน จำนวน 200 ครัวเรือน ที่ยังคงขาดแคลนน้ำ รวมถึงเตรียมก่อสร้างสถานีสูบน้ำและระบบท่อส่งน้ำ และได้ขยายเขตไฟฟ้าให้แก่ราษฎร หมู่ที่ 1 ต.ปลายพระยา ที่อาศัยอยู่ด้านเหนือของอ่างเก็บย้ำคลองหยาฯ ซึ่งอดีตไม่มีไฟฟ้าใช้ ทั้งนี้หากโครงการแล้วเสร็จจังหวัดกระบี่ เตรียมขยายผลโครงการโดยการส่งเสริมเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ต่อไป

นอกจากนี้ ได้มีการรายงานความคืบหน้า โครงการปลูกข้าวเพื่อบริโภคครบวงจรในนิคมสหกรณ์อ่าวลึก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ , โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าทุ่งทะเล อันเนื่องมาจากพระราชดำริ , โครงการอ่างเก็บน้ำบางกำปรัด อันเนื่องมาจากพระราชดำริ , โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเขียว อันเนื่องมาจากพระราชดำริ , โครงการทำนบดินคลองสังกาอู้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ , โครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มขนาดเล็ก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มขนาดเล็ก 

ในช่วงบ่าย องคมนตรี และคณะฯ เดินทางไปยัง โครงการอ่างเก็บน้ำบางกำปรัด อันเนื่องมาจากพระราชดำริ พื้นที่หมู่ที่ 6 บ้านโคกหาร ตำบลโคกหาร อำเภอเขาพนม ซึ่งเป็นโครงการชลประทานขนาดกลาง มีความจุน้ำ 16 ล้านลูกบาตรเมตร ที่ช่วยสนับสนุนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค แก่ ราษฎร หมู่ที่ 2,3,4,5,6,7,9 และหมู่ที่ 10 ตำบลสินปุน หมู่ที่ 1,2,3,4,5 และหมู่ที่ 6 ตำบลโคกหาร อำเภอเขาพนม จานวน 1,200 ครัวเรือน และพื้นที่การเกษตร จานวน 16,909 ไร่ แต่ทั้งนี้ยังคงมีราษฎร หมู่ที่ 4 บางส่วน และหมู่ที่ 7 ตำบลโคกหาร  หมู่ที่ 3 บางส่วน หมู่ที่ 7 และหมู่ที่ 10 ตำบลสินปุน ยังขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภค-บริโภค และทำการเกษตร กรมชลประทาน จึงได้ดำเนินโครงการช่วยเหลือด้วยการสร้างระบบท่อส่งน้ำ จาก อ่างเก็บน้ำบางกำปรัดอันเนื่องมาจากพระราชดาริ เพื่อขยายพื้นที่ส่งน้ำให้กับราษฎร ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษา สำรวจ และออกแบบ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2567 และจะเสนอขอสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างจาก สำนักงาน กปร. ในปี พ.ศ. 2568 วงเงินงบประมาณ 35 ล้านบาท ต่อไป

จังหวัดกระบี่ มีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวม 17 โครงการ ที่เกิดจากพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่มี จำนวน 8 โครงการ โครงการพัฒนาสิ่งแวดล้อม 3 โครงการ โครงการส่งเสริมอาชีพ 1 โครงการ โครงการพัฒนาแบบบูรณาการและโครงการพัฒนาด้านอื่น ๆ จำนวน 5 โครงการ ซึ่งได้สร้างประโยชน์สุขให้แก่ราษฎรเสมอมา...

'พีระพันธุ์' โพสต์ยินดี 'ลุงตู่' ได้รับแต่งตั้งเป็นองคมนตรี เชื่อ!! ท่านจะเป็นกำลังสำคัญของสถาบันสูงสุดของชาติ

(30 พ.ย. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความยินดีกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นองคมนตรีวานนี้ (29 พ.ย.2566) โดยระบุว่า…

เมื่อคืนผมดีใจมากพอทราบข่าวพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ให้เป็นองคมนตรี ผมรีบติดต่อท่านทันทีเพื่อแสดงความยินดีกับตำแหน่งใหม่และภารกิจใหม่อันมีเกียรติยศและมีความสำคัญยิ่งทั้งต่อตัวท่านเอง ต่อประเทศ และต่อสถาบันหลักของชาติ

ผมดีใจมากเพราะมีคนดีอีกคนหนึ่งได้รับโอกาสนี้ โดยเฉพาะเมื่อท่านไม่ใช่เพียงเป็นแค่คนดีจริงๆเท่านั้น แต่เป็นคนดีที่มีความสามารถมีความรอบรู้ในการบริหารและการพัฒนาบ้านเมืองเป็นที่ประจักษ์ ที่สำคัญที่สุดคือเป็นผู้มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีวิต

ผมเชื่อมั่นและมั่นใจว่าท่านจะเป็นกำลังสำคัญของสถาบันสูงสุดของประเทศในการสร้างความมั่นคงและนำพาบ้านเมืองไปสู่ความร่มเย็นและความเจริญมากยิ่งขึ้น ผมขอแสดงความยินดีกับท่านเป็นที่สุดครับ ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha’

นอกจากนี้ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ เคยเป็นสมาชิกพรรคอยู่ ก็ได้แสดงความยินดี กับพล.อ.ประยุทธ์ ด้วยเช่นกัน โดยนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ขอแสดงความยินดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นบุคคลที่มีความเหมาะสม เพราะได้ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติมานาน สร้างคุณูปการให้กับสังคม และประชาชนไว้อย่างมากมาย

โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ในฐานะที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยทำงานร่วมกับพรรคมาระยะหนึ่ง พวกเราได้เห็นความตั้งใจจริงในการเข้ามาทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และประชาชนคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เมื่อวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้พ้นจากการเมืองไปแล้ว พร้อมทั้งได้รับโปรดเกล้าฯ ดำรงตำแหน่งองคมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จะได้ใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ทำงานสนองพระเดชพระคุณในตำแหน่งองคมนตรีต่อไป

‘อนุทิน’ ส่งข้อความร่วมยินดี ‘บิ๊กตู่’ ได้รับการแต่งตั้งเป็นองคมนตรี เผย ‘อดีตนายกฯ’ ขอบคุณ-ฝากฝังทุกคนช่วยกันทำงานเพื่อบ้านเมือง

(1 ธ.ค. 66) ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นองคมนตรี ว่า…

“ยินดีกับท่านด้วย เพราะเคยทำงานด้วยกันมาก่อนในฐานะร่วมรัฐบาลเดียวกัน ได้ส่งข้อความไปยินดีกับท่านแล้ว และท่านตอบกลับมาว่า ขอบคุณ และให้ช่วยกันทำงานเพื่อบ้านเมือง ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อท่าน”

‘เทพไท’ เผย ‘ลุงตู่’ ลงจากหลังเสืออย่างสง่างาม ปิดฉากทางการเมืองไทย พร้อมขึ้นหิ้งสู่ ‘องคมนตรี’

(3 ธ.ค. 66) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก ‘เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง’ ดังนี้…

ลุงตู่ ลงจากหลังเสือ อย่างสง่างาม

หลังจากผมได้โพสต์เพลง ‘สดุดีลุงตู่’ ในสื่อโซเชียลช่องยูทูปได้ไม่นาน ปรากฏว่า มียอดผู้เข้าชม 1 แสนคนภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และรวมจากสื่อทุกช่องทาง มียอดผู้เข้าชมนับล้านวิว ในเวลาเพียง 1 วันเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กระแสความนิยมในตัวลุงตู่ ยังมีอยู่ไม่น้อย ไม่ได้ลดต่ำลงไปเลย และไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้นำประเทศ ซึ่งมาจากการรัฐประหาร ผ่านการเลือกตั้ง เข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และสุดท้ายได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เป็น ‘องคมนตรี’ ถือว่าเป็นเกียรติอันสูงสุด

การได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นองคมนตรี ของพลเอกประยุทธ์ในครั้งนี้ นับว่าเป็นการวางมือทางการเมืองแบบเด็ดขาด ถือได้ว่าได้ก้าวลงจากตำแหน่งแบบสง่างามหรือสมูทที่สุด

ก่อนหน้านี้ หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ผู้นำที่มาจากการรัฐประหาร เมื่อลงจากตำแหน่ง หรือที่เรียกกันว่าลงจากหลังเสือ อาจจะถูกเสือแว้งกัดได้ แต่กรณีของลุงตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ได้ลงจากตำแหน่งอย่างมีเกียรติ และส่งไม้ต่อให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจากขั้วอำนาจใหม่ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยทุกประการ นับว่าเป็นนิมิตหมายใหม่ ที่รัฐบาลเก่ากับรัฐบาลใหม่เปลี่ยนผ่านอำนาจ ส่งมอบงานกันอย่างมีไมตรีต่อกัน ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน

การที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี ในครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่า ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกแล้ว ปิดฉากทางการเมืองอย่างเป็นทางการ ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ‘ขึ้นอยู่บนหิ้ง’ แล้ว คงไม่ลงมาเกลือกกลั้วกับการเมืองอีกแน่นอน

ผมขอแสดงความชื่นชมยินดีกับตำแหน่งองคมนตรีของลุงตู่อีกครั้งหนึ่ง หวังว่าท่านคงได้นำความรู้ความสามารถ ความซื่อสัตย์สุจริต และความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติต่อไป

แต่งตั้ง ‘องคมนตรี’ คุณสมบัติที่มิใช่แค่ ‘คนเก่ง-ผลงานดี’ ก็ได้ดำรงตำแหน่ง แต่ต้อง ‘ซื่อสัตย์-ไว้ใจได้’ คอยเป็นผู้ช่วยเหลืองานข้างกายพระมหากษัตริย์

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกท่านหนึ่ง ชื่อบัญชี @flukepatsmile ได้โพสต์คลิปตอบกลับความคิดของผู้ใช้ติ๊กต็อกอีกท่านหนึ่ง ที่ได้มาแสดงความคิดถึงการตั้งแต่งอดีตนายกรัฐมนตรี ‘พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ ขึ้นเป็น ‘องคมนตรี’ ระบุว่า…

“ปกติครับ เห็นมีอยู่แค่ไม่กี่คนที่เป็นนายกฯ แล้วไม่ได้เป็นองคมนตรี เช่น คุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์ เพราะว่าโดนรัฐประหาร”

โดยเจ้าของบัญชี ได้ตอบกลับว่า…

“ผมคิดว่าคุณอคติไม่หาข้อมูลนะครับ คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วได้เป็นองคมนตรี มีอยู่ไม่ถึง 5-6 คนเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากนะครับ เพราะนายกรัฐมนตรีในประเทศเรา ที่เคยมีมานั้น มีอยู่ประมาณ 30 คน ถามว่าทุกคนจะได้เป็นองคมนตรีหมดเลยเหรอครับ?

มันเป็นไปไม่ได้นะครับ มันเป็นหลักการที่ไม่สมเหตุสมผลครับ

การจะแต่งตั้งใครเป็นองคมนตรีนั้น เกิดจากการที่พระมหากษัตริย์ท่านทรงไว้ใจ จึงทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งขึ้น เพื่อให้องคมนตรีคอยช่วยเหลืองาน คอยเป็นที่ปรึกษาให้กับพระมหากษัตริย์

การที่คุณจะเลือกใครสักคนมาเป็นที่ปรึกษา มาอยู่ใกล้ชิดนั้น คุณก็ต้องเลือกคนที่ซื่อสัตย์ คนที่คุณไว้ใจ คนที่คุณเชื่อถือ ถูกไหมครับ? ไม่ใช่แค่เพียงเพราะว่าคนคนนั้นเขามีแค่ผลงานดีอย่างเดียว หรือว่ามีตําแหน่งที่สูงอย่างเดียว

และตั้งแต่อดีต หากองคมนตรีทําผิดพลาด ก็เปรียบเหมือนเสนาบดีทําผิดพลาดครับ เพราะจะส่งผลเสียไปถึงตัวของพระมหากษัตริย์ด้วย

เพราะฉะนั้น นับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา เวลาแต่งตั้งใครเป็นเสนาบดี หรือแต่งตั้งองคมนตรี พระมหากษัตริย์ท่าจะทรงเลือกคนที่ซื่อสัตย์ คนที่ไว้ใจได้ คนท่านที่คิดว่า จะไม่ทําให้พระองค์ท่านเสื่อมเสียครับ

ดังนั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วจะได้ขึ้นเป็นองคมนตรีนะครับ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top