Tuesday, 2 July 2024
หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง

สอ.รฝ.ให้การต้อนรับทหารใหม่​ ทำหน้าที่เป็นรั้วของชาติอย่างภาคภูมิใจ

เมื่อวันอังคารที่ 3 มกราคม 2566 นาวาเอก ศุภสิทธิ์ บูรณะโอสถ รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (รอง ผบ.สอ.รฝ.) รักษาราชการผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็น​ประธาน​ในพิธีต้อนรับทหาร​ใหม่​ ผลัดที่ 3/65  ณ ลานอเนกประสงค์ กองบัญชาการ​ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมีคณะผู้บังคับบัญชาของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ร่วมให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ การต้อนรับทหารใหม่ทุกนายที่เปรียบเสมือนน้องคนเล็กสุดท้องได้เข้ามาสู่รั้ว สอ.รฝ. และเป็นครอบครัวเดียวกัน เพื่อให้น้องทหารใหม่ทุกนาย มีความภาคภูมิใจที่จะมาทำหน้าที่เป็นรั้วของชาติในการปฏิบัติหน้าที่กับหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ซึ่งทหารใหม่ทุกนายจะได้รับการฝึกอบรม เพิ่มเติมความรู้ทักษะต่าง ๆ สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นทหารต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ซึ่งภายหลังจากฝึกเสร็จจะแยกย้ายไปปฎิบัติหน้าที่รับใช้ชาติกับหน่วยขึ้นตรงของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ในภารกิจที่สำคัญต่าง ๆ ต่อไป

ต้อนรับทหารใหม่ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ผลัดที่ 1/66

พลเรือตรี ศุภสิทธิ์ บูรณะโอสถ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นประธานในพิธีต้อนรับทหารใหม่หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ผลัดที่ 1/66 ณ ลานอเนกประสงค์ กองบัญชาการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมีคณะผู้บังคับบัญชาของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ร่วมให้การต้อนรับ  

ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ต้องการให้ทหารทุกนายอยู่ร่วมกัน รักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง มีความสมัครสมานสามัคคี มีระเบียบวินัยที่ดี มีความเป็นอยู่อย่างพอเพียง ซึ่งเมื่อมาอยู่กับหน่วยบัญชาการต่อสู้และรักษาฝั่งแล้วจะได้รับการดูแลเอาใจใส่โดยใกล้ชิดจากผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ 

ทั้งนี้ การต้อนรับทหารใหม่ เปรียบเสมือนน้องคนเล็กสุดท้อง ที่ได้เข้ามาสู่รั้วหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง และเป็นครอบครัวเดียวกันนั้น เพื่อให้น้องทหารใหม่ทุกนาย มีความภาคภูมิใจที่จะมาทำหน้าที่เป็นรั้วของชาติ ในการปฏิบัติหน้าที่กับ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ซึ่งทหารใหม่ทุกนายจะได้รับการฝึกอบรม เพิ่มเติมความรู้ทักษะต่าง ๆ สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นทหารต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ซึ่งภายหลังจากฝึกเสร็จจะแยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติ กับหน่วยขึ้นตรงของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ในภารกิจที่สำคัญต่าง ๆ ต่อไป

สอ.รฝ. จัดกำลังพล 100 นาย ร่วม ไทยออยล์ ตรวจสอบคราบน้ำมันชายหาดบางพระ

วันที่ 5 ก.ย.66 เวลา 13.00 - 17.00 น. กองทัพเรือ โดยหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) จัดกำลังพลจากกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 12 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 1 จำนวน 100 นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ไทยออยล์ ดำเนินการตรวจสอบคราบน้ำมัน และเก็บขยะบริเวณชายหาดบางพระ ระยะทาง 4 กม.  จากกรณีเหตุน้ำมันดิบชนิด ARUB Light Crude รั่วไหล บริเวณทุ่นรับน้ำมันของ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2566 ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี ผลการตรวจสอบไม่พบคราบน้ำมันบริเวณชายหาดบางพระ

สอ.รฝ.จัดพิธีส่งกำลังพลชุดผลัดเปลี่ยนหน่วยเฉพาะกิจ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง

พลเรือตรี ศุภสิทธิ์ บูรณะโอสถ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นประธานในพิธีส่งกำลังพลชุดผลัดเปลี่ยนหน่วยเฉพาะกิจ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง โดยมีผู้บังคับบัญชาหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งร่วมพิธีฯ 

หน่วยเฉพาะกิจฯ ที่จะผลัดเปลี่ยนกำลังพล จำนวน 10 หน่วย มีกำลังพล จำนวน 254 นาย เพื่อไปผลัดเปลี่ยนกำลัง ตามวงรอบการปฏิบัติราชการ ของหน่วยเฉพาะกิจที่หน่วยบัญชาการ ต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ณ กองบัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ได้ให้โอวาทและแนวทางในการไปปฏิบัติราชการ โดยขอให้กำลังพลร่วมแรง ร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง อดทน และมีระเบียบวินัย การไปปฏิบัติราชการในพื้นที่ต่างๆ ยังมีความเสี่ยงในการปฏิบัติงาน ขอให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังอย่าอยู่ในความประมาท ขอให้มีสติอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งต้องปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต หลีกเลี่ยง การกระทำในสิ่งใดๆ ที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบกฎเกณฑ์ หรือผิดกฎหมายบ้านเมือง และให้เชื่อฟังผู้บังคับบัญชาโดยเคร่งครัด และที่สำคัญพึงระลึกอยู่เสมอว่า ท่านคือทหารหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง หากประสบปัญหาระหว่างการปฏิบัติงาน ให้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบโดยทันที เพื่อสนับสนุนและแก้ไขปัญหาให้ต่อไป 

พร้อมทั้ง ขอให้กำลังพลและครอบครัว จงประสพแต่ความสุข ความเจริญ  มีสุขภาพ พลานามัยที่สมบูรณ์ กำลังใจเข้มแข็ง ที่จะไปปฏิบัติราชการเพื่อนำความเจริญมาสู่ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ และประเทศชาติต่อไป

พร้อมรับมือ สอ.รฝ.เตรียมกำลังพล อุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ เพื่อบรรเทาสาธารณภัย

เมื่อวันที่ 11 ต.ค.66 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) เตรียมความพร้อมกำลังพล อุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ ด้านบรรเทาสาธารณภัย ร่วมพิธีตรวจความพร้อมจาก พลเรือโท สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ณ บริเวณหน้ากองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี นาวาโท ศิวดล แปลงแดง ผู้บังคับกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 11 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นหัวหน้าชุดรับตรวจความพร้อม ประกอบด้วย กำลังพล 30 นาย ชุดค้นหาและกู้ภัย (USAR) จำนวน 15 นาย พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ รถผลิตน้ำดื่ม รถครัวสนาม รถพยาบาล พร้อมเจ้าหน้าที่พยาบาล 

ทั้งนี้ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง จัดกำลังพล อุปกรณ์และยุทโธปกรณ์จากหน่วยต่าง ๆ ประกอบกำลังเป็นหน่วยบรรเทาสาธารณภัย หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ที่มีขีดความสามารถในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ ตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ เพื่อเป็นการเน้นย้ำ สร้างการตระหนักรู้ ในหน้าที่ของกำลังพลของหน่วยบรรเทาสาธารณภัย และยุทโธปกรณ์ ที่ได้รับการตรวจทดลอง รวมทั้งซ่อมบำรุง เพื่อให้พร้อมในการบรรเทาภัยพิบัติ ตามที่กองทัพเรือ ได้สั่งการให้หน่วยต่าง ๆ เตรียมการรับคำสั่งการปฏิบัติในช่วงฤดูมรสุม ให้ความช่วยเหลือประชาชน และผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ อีกทั้งยังมีขีดความสามารถในการฟื้นฟูหลังเกิดภัยพิบัติ ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า กำลังพลของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท และเตรียมความพร้อมที่จะปฏิบัติได้ทันทีเมื่อมีการสั่งการ เพื่อเป็นกำลังหลักของกองทัพเรือ พร้อมจะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายได้อย่างแท้จริง

พังงา หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ส่งชุดครูฝึกฯ ฝึกทบทวน USAR TEAM

ที่ กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งและกองพันรักษาฝั่งที่ 11 ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา พลเรือโท สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3,นาวาโท ศักรินทร์ ซื่อสงวน ผู้บังคับกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 ,นาวาโท กัณฑภณ ศุกระรงคะ ผู้บังคับกองพันรักษาฝั่งที่ 11,นาวาโท พุทธพร สุขอนันต์ รองผู้บังคับการ กองฝึกช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาสาธารณภัยทางทะเลและชายฝั่ง และชุดครูฝึกค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง(USAR TEAM)ได้ฝึกการอบรมทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติฝึกทบทวน USAR TEAM 

เป็นการพัฒนาศักยภาพการกู้ชีพและแนะนำอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยโดยระบบเชือกขั้นพื้นฐาน และการบำรุงรักษาอุปกรณ์,ระบบบัญชาการณ์เหตุการณ์ และการปฏิบัติงานค้นหาและกู้ภัย,การใช้เปลตะกร้าและเปลSked, การค้นหาและกู้ภัยอย่างรวดเร็ว( ASR3 )การค้นหาทางกายภาพ,เทคนิคการตัดเจาะ,เทคนิคการเคลื่อนย้ายวัตถุหนักออกจากผู้ประสบภัยและการทำระบบเชือกในแบบต่างๆผู้เข้าฝึกในครั้งนี้จำนวน 36 คน การอบรมครั้งนี้อบรมตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2566ถึง 2 ธันวาคม2566 รวมเป็นระยะเวลา 11 วันและวันนี้มีการตรวจเยี่ยม ชมการสาธิตต่างๆ การกู้ภัยให้กับ ชุด USAR TEAM ของกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 และมีหน่วยงานต่างๆเข้าชม การสาธิตครั้งนี้ด้วย

นาวาโท ศักรินทร์ ซื่อสงวน ผู้บังคับกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 กล่าวว่า การจัดตั้งทีมค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search and Rescue: USAR) มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาขีดความสามารถสำหรับเป็นทรัพยากรส่วนหนึ่งของโครงสร้างการสนับสนุนในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) ในส่วนงานด้านการค้นหาและกู้ภัยหรือ สปฉ.9โดยมีกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ซึ่งจะถูกสถาปนาขึ้นเพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการค้นหาและกู้ภัยของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติเมื่อเกิดสาธารณภัยระดับ 3และ 4 และ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินท้องถิ่น ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อำเภอ และศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด สำหรับสาธารณภัยระดับ 1 และ 2 ดังที่ระบุไว้ในแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2558 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ ผบ.ทร. และหน่วยควบคุมทางยุทธการโดย ผบ.ทรภ.3 ที่ต้องการมีหน่วยที่จะใช้งานในการค้นหาและช่วยชีวิตในเขตเมืองในภาวะวิกฤติ นอกจากกำลังพลของ ทร.ปกติที่ได้เข้าช่วยเหลือประชาชนทุกครั้งเมื่อเกิดความเดือดร้อนต่างๆ ที่กระทำในทันทีที่มีภัย  ดังนั้น สอ.รฝ.จึงได้จัดให้มีชุดครูฝึก USAR 

เพื่อมาทบทวนและเพิ่มขีดความสามารถให้กับกำลังพลชุด USAR ในพื้นที่ ได้เกิดความมั่นใจในการดำเนินการเมื่อมีภัยเกิดขึ้นในพื้นที่ และ ชุด USAR ที่เป็นกำลังพลของ พัน.สอ.22 และ พัน.รฝ.11ที่จัดเตรียมไว้สำหรับใช้สนับสนุนงานการค้นหาและช่วยชีวิตในเขตเมืองที่สามารถใช้ทำงานร่วมสนับสนุนการช่วยชีวิตประชาชน เมื่อเกิดภัยได้อย่างทันทีที่ได้รับการร้องขอจากจังหวัดภูเก็ต และพังงา เพื่อให้การค้นหาและช่วยชีวิตใน เขตเมืองในพื้นที่ภูเก็ต พังงา มีประสิทธิภาพและทันท่วงที และมีกำลังพลที่รับการฝึกจัดจากกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 และกองพันรักษาฝั่งที่ 11 หน่วยละ 1 ทีม ๆ ละ 18 นาย ประกอบด้วยนายทหารสัญญาบัตร 1 นาย และนายทหารประทวน จำนวน 17 นาย โดยได้รับการสนับสนุนทีมครูฝึกจาก สอ.รฝ. ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 18 ภูเก็ต ร่วมกับ สำนักงานบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพังงาและทีมกู้ภัยทางสูงจาก เซาท์เทิร์น โรปทีม (Southern Rope Team)ตัวแทนจาก ระนองและพังงา

สำหรับผู้เข้ารับการอบรมในครั้งนี้จัดการอบรมภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 3 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือครั้งนี้เป็นการอบรมครั้งที่ 2 และครั้งนี้ทางกองพันรักษาฝั่งที่ 11เป็นชุดออกปฏิบัติงานหลักร่วมกับกองพันต่อสู้อากาศยาน ที่22 

ในการฝึกและสาธิตครั้งนี้กองพันรักษาฝั่งที่ 11 กรมรักษาฝั่งที่1จัดชุดค้นหาและกู้ภัยในเขตเมืองหรือชุด USAR TEAM โดยให้กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นหน่วยรับผิดชอบจัดกำลังพลเป็นชุด USAR TEAM ในการบัญชาการณ์เหตุการณ์และพร้อมให้การช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ เมื่อได้รับการแจ้งจากทัพเรือภาคที่ 3


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top