Tuesday, 2 July 2024
สินค้าแพง

สำรวจซีอีโอ ส.อ.ท. กังวลต้นทุนพลังงานพุ่ง คาดกดรายได้ลง 20% วอนรัฐลดค่าน้ำ-ไฟ 

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll จากผู้บริหาร ส.อ.ท. 160 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด หัวข้อ “สินค้าแพง ต้นทุนพุ่ง กระทบเศรษฐกิจไทยแค่ไหน?” พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่า ปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อราคาสินค้านั้น มาจากราคาน้ำมันและพลังงานโลกปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้ง ปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และค่าระวางเรือที่อยู่ในระดับสูง ทำให้รายได้ผู้ประกอบการลดลง 10-20% และคาดการณ์ว่าแนวโน้มต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมใน 3-6 เดือนข้างหน้า จะยังคงปรับเพิ่มขึ้นอีก 10-20%

ครม.เคาะงบกลาง 1,480 ล้านบาท ให้พาณิชย์แก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพง

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. อนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 1,480 ล้านบาท ให้กระทรวงพาณิชย์ใช้แก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพง ผ่านโครงการพาณิชย์ ลดราคา ช่วยประชาชน ปี 65 มีระยะเวลาดำเนินการ 90 วัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและเพิ่มช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในราคาประหยัด 

สำหรับรูปแบบของโครงการฯ จะเป็นการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพให้แก่ประชาชนในราคาประหยัด คือ 1.จำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางจำหน่าย ทั้งบริเวณร้านสะดวกซื้อ ห้างท้องถิ่น หรือตลาด พื้นที่สาธารณะหรือลานอเนกประสงค์และสถานีบริการน้ำมัน รวมจำนวนไม่น้อยกว่า 3,000 จุด ตามแหล่งชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และภูมิภาค รวมถึงการจำหน่ายผ่านรถโมบายไม่น้อยกว่า 50 คัน ตามแหล่ง ชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งเปิดจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ เช่น สินค้าเกษตร เนื้อไก่ ไข่ไก่ สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น จากสมาคม/ผู้ค้าปลีก/ค้าส่ง/ซัพพลายเออร์ในพื้นที่ เพื่อจำหน่ายในจุดจำหน่าย

‘สร้างอนาคตไทย’ ถอดรหัสเงินเฟ้อพุ่ง 7.10% ชี้!! ข้าวของที่เห็นว่าแพง ยังจะแพงต่อไปอีก

(7 มิ.ย.65) นายสันติ กีระนันทน์ ทีมเศรษฐกิจพรรคสร้างอนาคตไทย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม หนึ่งในคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า... 

ขอเขียนยาวหน่อยนะครับ ... ต้องอ่านให้จบครับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นถึง 7.10% สูงสุดในรอบ 13 ปี !!! 

ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ได้ชี้แจงว่า เงินเฟ้อทั่วไป เดือน พ.ค. 2565 เท่ากับ 106.62 สูงขึ้น 7.10% สูงสุดในรอบ 13 ปี สาเหตุหลักมาจากราคาพลังงานและอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้น และหากพิจารณากลุ่มอาหารกลุ่มเดียว ก็จะพบว่า ราคาสูงขึ้นถึง 6.18% และยังสรุปว่า เดือนมิถุนายน 2565 นี้ อัตราเงินเฟ้อก็ยังมีแนวโน้มขยายตัว 

แปลความง่าย ๆ ว่า ข้าวของที่เราเห็นว่าแพงในขณะนี้ ยังจะแพงต่อไปอีกครับ !!!

ในวันพุธที่ 8 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็จะมีการประชุม ซึ่งก็ต้องจับตาดูว่าจะมีท่าทีอย่างไรต่อภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมานั้น กนง. ได้พยายามชี้แจงว่า ภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นนั้น จะเป็นภาวะชั่วคราวเท่านั้น และจะปรับตัวดีขึ้น จึงจะไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายโดยให้เหตุผลว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ในความเห็นข้างต้นของธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น ผมได้แสดงความไม่เห็นด้วยมาอย่างต่อเนื่อง (ย้ำครับว่า ผมไม่เห็นด้วย !!!) 

ด้วยเหตุผลสำคัญคือ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของคนในประเทศไทยที่อยู่ในระดับสูงนั้น อัตราเงินเฟ้อหรือพูดง่าย ๆ เป็นภาษาชาวบ้านว่า ข้าวของแพงขึ้นนั้น จะทำร้ายคนส่วนใหญ่ของประเทศอย่างรุนแรง เพราะความเหลื่อมล้ำในระดับสูงนั้น แสดงถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศยังยากจนอยู่มาก ข้าวของแพงขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ประกอบกับระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงมากเกือบ 100% ของ GDP 

อย่างในขณะนี้นั้น รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย จะมีการทำงานสอดประสานกันอย่างไรเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของคนกลุ่มนี้ ... คำถามนี้เป็นคำถามใหญ่ และเป็นสิ่งที่นโยบายการคลัง (โดยรัฐบาล คือ กระทรวงการคลัง) และนโยบายการเงิน (โดยธนาคารแห่งประเทศไทย) ต้องมีการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง มิฉะนั้นแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะอยู่อย่างไร

'โรงงานปิดตัว-คนตกงานเพิ่ม-ราคาอาหารพุ่ง' ต่างชาติกังวล แล้วคนไทยรู้สึกบ้างหรือยัง?

จากข่าว ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ศรีนครินทร์ ของกลุ่มเซ็นทรัล รีเทล ซึ่งตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ ได้เตรียมปิดให้บริการถาวร โดยเปิดให้บริการวันสุดท้ายในวันที่ 20 ส.ค. 2567 หลังเปิดให้บริการพร้อมกับศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ มานานถึง 30 ปี ยักษ์ใหญ่ห้างสรรพสินค้า ปิดสาขา ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ บริหารต้นทุนดำเนินการ ในภาวะเศรษฐกิจซบเซา

แต่...ข่าวการปิดโรงงาน เดือนละ 113 โรงงาน ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ย่อมไม่ใช่การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์

ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 88.5 ปรับตัวลดลงจาก 90.3 ในเดือนเมษายน 2567 เมื่อพิจารณาองค์ประกอบของดัชนีฯ พบว่า ปรับตัวลดลงทุกองค์ประกอบ ทั้งยอดขายโดยรวม ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ 

ทั้งนี้ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลงเป็นผลมาจากกำลังซื้อในประเทศที่ยังเปราะบาง เนื่องจากเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนรวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงและสัดส่วนหนี้เสีย (NPLs) ที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้การบริโภคสินค้าชะลอลง

ขณะที่ 5 เดือนแรกปีนี้ พบว่าปิดโรงงานไปแล้ว 561 โรงงาน หรือเฉลี่ย 113 โรงงานต่อเดือน แย่ลงกว่าปีที่ผ่านมา ตกงานแล้ว 15,342 คน

ซึ่งยอดคนตกงาน น่าจะเพิ่มขึ้นสูงมากกว่านี้ ข่าวจากย่านนิคมอุตสาหกรรม โรงงานที่ยังพอประคองตัวดำเนินธุรกิจได้ เริ่มทยอยปลดคนงาน เพื่อลดค่าใช้จ่าย หลายโรงงานแล้ว 

คนตกงาน ค่าครองชีพก็ยังสูง ร้านค้าเตรียมปรับขึ้นราคาอาหาร หลังราคาก๊าซหุงต้ม ขยับขึ้น 15-20 บาท ต่อถัง ทั้งที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ประกาศตรึงราคาก๊าซ สิ้นสุด มิถุนายน 2567 หรือ สิ้นเดือนนี้ ยังไม่สิ้นสุดมาตรการตรึงราคา ก็เริ่ม ‘เอาไม่อยู่’

ข่าวอภิปราย พรบ.งบประมาณ ปี 2568 ในสภา ยังไม่มีอะไรที่น่าสนใจมากนัก ยังไงงบประมาณปี 2568 ก็ต้องคลอด เพราะนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ยังรออยู่ 

แต่ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการแบงก์ชาติให้สัมภาษณ์สื่อนอก 'บลูมเบิร์ก เทเลวิชัน' (Bloomberg Television) ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของรัฐบาลที่จะให้ปรับกรอบเงินเฟ้อและลดดอกเบี้ย ชี้เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้เศรษฐกิจ รวมทั้ง ยังคงให้ข้อคิดเห็นท้วงติง เงินดิจิทัลวอลเล็ต ควรแจกเฉพาะกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 

ปิดท้ายด้วยข่าวตลาดหุ้นไทย สัปดาห์นี้ ปรับตัวมาแตะที่ 1,306.41 จุด มูลค่าซื้อขาย 56,556.18 ล้านบาท เด้งขึ้นมา +8.12 หลังช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา ต่ำกว่า 1,300 จุด ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นไทย ที่ต่ำสุดในรอบ 4 ปี 

หุ้นไทย 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา มาร์เก็ตแคปลด 4.5 ล้านล้านบาท ต่างชาติเทขาย 2.97 แสนล้านบาท ตลาดหุ้นไทยถูกต่างชาติขายต่อเนื่องเกือบ 3 แสนล้านบาท กดดัน MARKET CAP ตลาดหุ้นไทยลดลงจาก 20.57 ล้านล้านบาท เหลือ 16.06 ล้านล้านบาท ลดลงไปกว่า 4.5 ล้านล้านบาท ในช่วงเวลาสั้น ๆ และ SET INDEX ยังปรับตัวลดลงไปแล้วกว่า -22.1%

ต่างชาติกังวลกับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทย การเมืองในไทย แล้วประชาชนคนไทย เริ่มกังวลกันบ้าง หรือยัง...


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top