Thursday, 4 July 2024
สถานที่ท่องเที่ยว

สายมูต้องลอง ตามรอย ‘รัฐพะโค’ ในเมียนมา ขอพรตามคิด ลิขิตดังใจ

เชื่อได้ว่าใครที่ได้มีโอกาสบินมาเที่ยวเมียนมา มักจะไม่พลาดที่จะแวะเวียนมายัง ‘ย่างกุ้ง’ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เอย่า อยากบอกว่ามีอีกหมุดหมายหนึ่งที่ไม่อยากให้พลาด นั่นก็คือ ‘เมืองพะโค’ หรือ ‘เมืองหงสาวดี’ นั่นเอง 

นั่นก็เพราะในหงสาวดีมีจุดหมายหลักๆ 3 ที่ ซึ่งใครมาก็ต้องไป ได้แก่...พระราชวังบุเรงนอง / เจดีย์พระธาตุมุเตา และวัดพระนอนตาหวานชเวตาเลียว แต่ไม่หมดเท่านี้ในรัฐพะโค ยังอุดมไปด้วยสถานที่ที่น่าสนใจมากมายทั้งในเมืองพะโคเองและนอกเมืองพะโค ซึ่งวันนี้เอย่าขอปรับอารมณ์พาผู้อ่านมาทัวร์ชมหมุดหมายที่น่าสนใจ เผื่อใครสนใจจะตามรอย ก็มิว่ากัน…

เริ่มที่ ‘ศาลโบโบจี’ (Shwe Nyaung Bin) ตั้งอยู่บริเวณไฮเวย์มุ่งสู่เมืองพะโค เลยสุสานทหารสงครามโลกมาไม่ไกลนัก โดยศาลนี้ผู้คนชาวพม่ามีความเชื่อว่า ถ้าหากออกรถใหม่ต้องขับรถมาไหว้ขอพรที่นี่เพื่อเป็นสิริมงคลและความปลอดภัยในการขับขี่

ต่อมากับ ‘วัดกองมูดอว์’ (Kaung Mhu Daw Pagoda) ในเมืองตองอู วัดนี้เป็นวัดที่พระเจ้าบุเรงนอง ทรงสร้างขึ้นด้วยความเชื่อว่าถ้าสักการะแล้วจะได้ชัยชนะทุกครั้ง ในวัดมีรูปปั้นบุเรงนองสักการะพระธาตุอยู่ รอบฐานจะมีลานทรายเล็กๆ อยู่ โดยเชื่อว่าถ้าอธิษฐาน แล้วเดินวนในทราย3รอบ คำอธิษฐานจะเป็นผลสำเร็จ (เหล่านักธุรกิจชาวพม่าที่มาสักการะที่นี่จะนิยมเก็บทรายไว้ติดตัวเพื่อความเป็นมงคลในด้านชัยชนะ หากใครทำธุรกิจระหว่างประเทศแนะให้มาสักการะจะเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง)

‘ททท.’ รับเทรนสายมู ทำ E-Book โปรโมตสถานที่ 60 แห่งทั่วไทย หวังสร้าง Soft power เปิดตลาดกลุ่มใหม่ ดึงนทท.เข้าประเทศมากขึ้น

เมื่อวานนี้ (24 ก.ย.66) การท่องเที่ยวเชิงศรัทธากำลังเป็นที่สนใจในตลาดโลก ตามรายงานข้อมูลจาก Future Market Insight ในปี 2566 ได้รายงานว่า การท่องเที่ยวมีแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และคาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวเชิงศรัทธาจะสร้างมูลค่าเศรษฐกิจทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า

ททท. เล็งเห็นโอกาสจากกระแสการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณและการเติบโตของ ‘เศรษฐกิจสายมู’ ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ หันส่งเสริมกระแสการท่องเที่ยวสายมูในประเทศไทยสนับสนุนการจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ‘Connecting to Spiritual Thailand’ โปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับศรัทธาและวัฒนธรรม 60 แห่งสร้าง Soft power เปิดตลาดกลุ่มใหม่เพื่อดึงความสนใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจากหลากหลายประเทศ

ทั้งนี้ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ‘Connecting to Spiritual Thailand’ จัดทำขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจและอธิบายถึงความเชื่อ ของสถานที่ท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณต่างๆ แก่ชาวต่างชาติ ให้เข้าใจถึงประวัติความเป็นมาของความศักดิ์สิทธิ์และความศรัทธา รวมถึงประวัติศาสตร์ของสถานที่นั้น

ขยายความหมายและเหตุผลว่าทำไมนักท่องเที่ยวชาวไทย ถึงให้ความศรัทธาและเดินทางไปบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ หรือสถานที่นั้นๆ ในแง่วัฒนธรรมที่หลอมรวมกลายเป็นวิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาค ของประเทศไทยที่น่าสนใจในความแตกต่างและความหลากหลาย สะท้อนถึงพหุวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันระหว่าง ความเชื่อกับศาสนานำมาเชื่อมโยงกับสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อสร้างประสบการณ์การเดินทางในเส้นทางแห่งความศรัทธาให้ นักท่องเที่ยว

โดยรวบรวมข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยวสายมูเตลูตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันรวม 60 แห่ง โดยเน้นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงทั้งในเมืองหลัก และจังหวัดเมืองรอง เพื่อส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนจากการท่องเที่ยวในเขตเมืองรองเพิ่มขึ้น โดยเน้นการนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจและมีคุณค่า พร้อมทั้งภาพถ่ายที่งดงามเพื่อให้ผู้อ่านได้สัมผัสประสบการณ์อย่างใกล้ชิด

โดยเนื้อหาประกอบด้วยการแนะนำสถานที่ด้วยภาพถ่ายประกอบแผนที่การเดินทาง และสร้างเนื้อหาบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อสร้างความเข้าใจในแต่ละสถานที่ และทำให้นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนในการไปเยี่ยมชมได้ง่าย ได้รับข้อมูลที่สร้างความเข้าใจที่มากขึ้นในแง่ประวัติศาสตร์และความเป็นมาว่าทำไมสถานที่นี้จึงถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ ประกอบกับรายละเอียดวิธีการเคารพบูชา การอธิษฐานขอพร หรือการภาวนาที่ถูกต้อง ณ สถานที่แต่ละแห่งนั้น

ทั้งนี้ สถานที่ท่องเที่ยวสายมูที่แนะนำภายใน E-book เล่มนี้ ได้แก่

ศาลหลักเมือง ศาลพระพรหมเอราวัณ วัดศรีมหามาเรียมมัน (วัดแขก) ศาลแม่นาคพระโขนง ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร
วัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
วัดสมานรัตนาราม วัดโพรงอากาศ (พระอาจารย์สมชาย) อุทยานพระพิฆเนศ องค์ยืน ในจังหวัดฉะเชิงเทรา
ปราสาทสัจธรรม พัทยา จังหวัดชลบุรี
วัดเจดีย์หอย จังหวัดปทุมธานี
วัดจุฬามณี จังหวัดสมุทรสงคราม วัดทับศิลา จังหวัดกาญจนบุรี วัดป่าพุทธาราม จังหวัดราชบุรี
ศาลพุ่มพวง จังหวัดสุพรรณบุรี
สวนสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์
พระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ และวัดพระธาตุดอยคำ จังหวัดเชียงใหม่
วัดบ้านปาง (วัดครูบาศรีวิชัย) จังหวัดลำพูน
ศาลหลักเมือง จังหวัดเชียงราย
อุทยานไทรงาม พิมาย จังหวัดนครราชสีมา
ศาลปู่พญานาค อนันตนาคราช จังหวัดมุกดาหาร
พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สะดือแม่น้ำโขง วัดภูทอก และถ้ำนาคา จังหวัดบึงกาฬ
คำโชนด จังหวัดอุดรธานี
วัดถ้ำเอราวัณ จังหวัดหนองบัวลำภู
ถ้ำพระยานคร เขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
หอพระอิศวร วัดเจดีย์ไอ้ไข่ หลวงปู่ทวด เกาะนุ้ยนอก จังหวัดนครศรีธรรมราช
วัดถ้ำเสือ จังหวัดกระบี่

'อ.ศศิน' เผย 'สร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง' อาจมีประโยชน์ แต่ยังมีโจทย์ 3 ข้อ ที่ยังไม่มีใครตอบ หากตัดสินใจจะสร้างจริงๆ

(7 ธ.ค. 66) นายศศิน เฉลิมลาภ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม อดีตประธานมูลนิธิ สืบนาคะเสถียร โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า...

#กระเช้าภูกระดึง โจทย์ที่ต้องตัดสินใจของประเทศไทย 3 ข้อ

ถ้าทำกระเช้าภูกระดึง จะมีสิ่งที่อาจเป็นประโยชน์หลายประการ...

ประการแรก ธุรกิจที่สัมพันธ์กับอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน อาคารพาณิชย์ ที่มีคนครอบครองอยู่รอบ ๆ ภูเขาภูกระดึง และเส้นทางสู่ภูกระดึงจะคึกคัก ทั้งการเพิ่มมูลค่า การหมุนเวียนของเม็ดเงินต่าง ๆ ในการขยายกิจการเพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะมีมากขึ้น และหมุนเวียนมาเยือนเพื่อขึ้นลงกระเช้าไปที่ราบกว้างใหญ่บนยอดเขา ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้สองเท้าเดิน

ประการที่สอง ทำให้คนที่คิดว่าตัวเองขึ้นไม่ไหว ไม่มีเวลา และไม่กล้าขึ้น รวมถึงผู้มีข้อจำกัดเรื่องอายุและสภาพร่างกายมีโอกาสขึ้นไปได้

และกระเช้าไฟฟ้าอาจช่วยนำคนเจ็บป่วย บาดเจ็บ ขยะ ขนส่งข้าวปลาอาหาร เครื่องใช้ขึ้นไปได้ง่ายขึ้น

นี่เป็นเหตุผลง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน และไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้น

แต่…การสร้างกระเช้าภูกระดึง มีโจทย์ที่ไม่มีใครคิดจะตอบ 3 ข้อ 3 ระดับ...

#ระดับที่ 1 ภูกระดึงเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเดินขึ้นเขาที่เป็น Trekking trail ที่ดีที่สุดของประเทศ เมื่อประเมินจากระยะทางที่ไม่ไกลมาก แทบไม่มีอันตรายอะไรถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุจากความประมาท การจัดการที่ลงตัว มีค่าใช้จ่ายในการไปเที่ยวไม่แพง รวมถึงเมื่อขึ้นไปแล้วมีที่สวย ๆ ให้เดินเที่ยวมากมาย เรียกว่าคุ้มค่าเดินขึ้นและเดินเที่ยวสิ่งที่ว่ามาทำให้ภูเขาลูกนี้ทำหน้าที่มอบความรักธรรมชาติ ให้เราได้ซึมซับความงามทั้งจากธรรมชาติและมิตรภาพระหว่างทาง รวมถึงการเรียนรู้ที่บังเกิดขึ้นมากมายระหว่างความอดทนตอนเดินขึ้น สถานที่แบบนี้ในไทยมีที่เดียวคือ 'ภูกระดึง' ส่วนที่อื่น ๆ มีถนนขึ้นถึง หรือเดินไกลเกินไป เดินไปถึงแล้วก็ไม่มีอะไรให้ดูมากนัก

ดังนั้น เมื่อมีกระเช้า ความท้าทายให้ไปถึงเรื่องที่ว่ามา ย่อมสู้ความสบายเย้ายวนจากการขึ้นกระเช้าไม่ได้

คนจะเดินขึ้นก็คงมีน้อยยิ่งกว่าน้อย

พวกที่เลือกเดินจึงเป็นคนที่รักธรรมชาติมากมายอยู่แล้ว คนที่ขึ้นกระเช้าไปก็ไม่ได้ซึมซับอะไร ไม่ต่างจากการขับรถขึ้นภูเรือ ดอยอินทนนท์ หรือภูเขาอื่น ๆ ที่กลับมาแล้วไม่มีความหมายอะไร ภูกระดึงทำหน้าที่นี้ให้ประเทศไทยมากว่า 50 ปี ตั้งแต่รุ่นปู่จนถึงปัจจุบัน

การมีกระเช้าหมายถึงเราเลิกใช้ฟังก์ชันนี้ของภูกระดึงแล้ว จะเทียบไปคงเหมือนเปลี่ยนวัด โบสถ์ วิหาร เป็นบอร์ดนิทรรศการพุทธศาสนา

นี่คือเรื่องที่ผู้มีอำนาจตัดสินใจจะเลือกทิ้งคุณค่าจากสิ่งนี้ไปหรือไม่

#ระดับที่ 2 จากผลการศึกษาและการออกแบบระบบกระเช้า คาดว่ามีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย (เช่นตัดต้นไม้ไม่กี่ต้น) แต่ผลที่ตามมาหลังจากมีกระเช้า ยังไม่มีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม

เช่นเมื่อคนจำนวนมากขึ้นไปข้างบนแล้วจะต้องสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีผลกระทบสิ่งแวดล้อมแน่ ๆ เช่น อาคารกลางแหล่งธรรมชาติ

ที่สำคัญคือ ถนนหนทางข้างบนที่ต้องรองรับผู้มาเยือนที่ไม่เตรียมตัวไป ‘เดิน’ และไม่พร้อมจะรับรู้ทั้งนั้นว่าทำไมไม่มีรถวิ่งไปชมที่ท่องเที่ยวที่ห่างจากสถานีกระเช้าหลายกิโลเมตรในแต่ละที่

รวมถึงการจำกัดคนค้างแรม การจัดการขยะ ต่าง ๆ ภายใต้สถานภาพความเป็นอุทยานแห่งชาติ ที่มีข้อจำกัดเรื่องกฎหมาย กำลังคน งบประมาณในการดูแลให้คงสภาพธรรมชาติ

เราพร้อมจะปล่อยให้ที่สวย ๆ ข้างบนพังไปอีกที่ใช่หรือไม่

#ระดับที่ 3 ถ้ามีคนขึ้นไปจำนวนมาก เราพร้อมเปลี่ยนพื้นที่อนุรักษ์อันอุดมด้วยธรรมชาติไปรองรับการบริการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวข้างบนในอนาคตเลยหรือไม่

หากนโยบายวันข้างหน้าจะเอาอย่างนั้น ยกเลิกพื้นที่อุทยานแห่งชาติไปเลย

นี่คือเรื่องที่ต้องตัดสินใจตามกระเช้ามาในระดับท้ายสุด

รัฐบาลนี้ต้องตอบทั้ง 3 คำถามก่อนตัดสินใจ ผมรอฟังอยู่ ก่อนตัดสินใจขึ้นกระเช้าไปทำลายภูกระดึงเดิม ๆ ด้วยกัน

พบลายมือปริศนา ที่ ‘สะพานนากาเมกุโระ’ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ดราม่ากันสนั่น ชาวเน็ตสวมวิญญาณโคนัน สันนิษฐาน อาจเป็นคนไทย 

(8 เม.ย.67) เป็นดราม่าที่กำลังมาแรง เมื่อมีคนไทยไปเที่ยวที่สะพานนากาเมกุโระ สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของโตเกียว ซึ่งช่วงซากุระบาน จะมีนักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปจำนวนมาก

โดยดราม่าที่ว่านี้ เริ่มจากนักท่องเที่ยวไทยรายหนึ่ง ถ่ายภาพราวสะพานจุดชมวิวซากุระสุดลูกหูลูกตา แต่กลับพบว่า ที่ราวสะพานมีร่องรอยการเขียน ว่า “Beer   Mayvy 2024” ผู้โพสต์ได้ระบุว่า “ วันนี้ผมไปถ่ายรูปที่ Nakameguro แล้วเจอกับสิ่งนี้ครับ อยากรู้เหมือนกันว่าชาติไหน?”

คอมเมนต์ที่เข้ามาต่างวิพากษ์วิจารณ์และสันนิษฐานว่า ชื่อ เบียร์ นั้น อาจจะเป็นคนไทยหรือไม่ เพราะถือเป็นการตั้งชื่อเล่นที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยพอสมควร รวมถึงแสดงความไม่พอใจ ว่า การกระทำแบบนี้เป็นการทำลายสถานที่ท่องเที่ยวไม่ว่าที่ไหนก็ไม่ควรทำ

ดูเหมือนว่า ข้อสันนิษฐานของชาวเน็ตนั้นค่อนข้างจะถูกต้องว่า ผู้เขียนดูเหมือนว่าจะเป็นคนไทยจริงๆ เนื่องจาก มีคนไปค้นหาและพบว่า เจ้าของลายมือนี้ เคยไปเขียนที่สะพานนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2022 และโพสต์ภาพดังกล่าวลงในโซเชียลด้วย

โดยโพสต์เจ้าของลายชื่อ เบียร์รักเมวี่ ได้โพสต์ภาพราวสะพาน พร้อมเขียนข้อความว่า “แล้วเราก็กลับมาที่สะพานนี้อีกครั้ง แต่ชื่อที่เขียนไว้มันหายไปแล้ว 2024 เราก็เขียนใหม่ เดี๋ยวปี 2025 เราจะกลับมาดูใหม่ #ความทรงจำ2022”

หลังจากมีคนขุดโพสต์นี้ขึ้นมาก็เรียกว่าทัวร์ลงอย่างหนักและงงว่าทำไมจึงเขียนลงไปแบบนั้นซึ่งมีชาวเน็ตให้เบาะแสอีกว่าปัจจุบันเจ้าของลายมือเบียร์รักเมวี่ได้ปิดเฟซบุ๊กไปแล้ว

‘ไทย’ ติดอันดับ 2 ประเทศที่มีสถาปัตยกรรม สวยที่สุดในเอเชีย ชี้!! ‘บ้านจิม ทอมป์สัน-ปราสาทสัจธรรม’ เป็นสถานที่ยอดนิยม

(3 มิ.ย.67) ประเทศไทย มีสถานที่ท่องเที่ยว ตึกรามบ้านช่อง และสถาปัตยกรรมสวยๆ มากมาย ทั้งคนไทยและต่างชาติต่างก็อยากเดินทางเข้ามาชมด้วยตัวเอง ซึ่งความสวยงามของสถาปัตยกรรมในไทยนี้ ล่าสุดก็เพิ่งได้รับการจัดอันดับให้ติดอยู่ในรายชื่อ 10 อันดับประเทศที่มีสถาปัตยกรรมสวยที่สุดในเอเชีย

InsidersMonkey เว็บไซต์ด้านการเงินของสหรัฐอเมริกา มีการจัดอันดับประเทศที่มีสถาปัตยกรรมสวยที่สุดในทวีปเอเชียประจำปี 2024 โดยสถาปัตยกรรมในเอเชียนั้นมีชื่อเสียงเป็นพิเศษในด้านการผสมผสานระหว่างการออกแบบร่วมสมัย และเทคนิคของสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม จากการมอบรางวัลด้านสถาปัตยกรรมในหลายๆ รางวัล ก็ปรากฏว่ามีสถาปนิกชาวเอเชียได้รับรางวัลเป็นจำนวนมากในแต่ละปี รวมถึงอาคารและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในเอเชีย ก็ได้รับรางวัลด้วยเช่นกัน

โดยการคัดเลือกและจัดอันดับประเทศที่มีสถาปัตยกรรมสวยที่สุดในทวีปเอเชียประจำปี 2024 ทางเว็บไซต์ InsidersMonkey มีการเก็บรวบรวมข้อมูล งานวิจัย การจัดอันดับต่างๆ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2023 ของแต่ละประเทศ จากสมมติฐานคือประเทศที่มีสถาปัตยกรรมที่ดีจะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้จำนวนมาก ซึ่ง 10 อันดับประเทศที่มีสถาปัตยกรรมสวยที่สุดในเอเชีย ประจำปี 2024 มีดังนี้

1. จีน - Wang Shu สถาปนิกชาวจีน ได้รับรางวัล Pritzker Prize ในปี 2012 นอกจากนี้ จีนยังได้รับการยอมรับอย่างล้นหลามใน International Architecture Awards ประจำปี 2023 โดยกวาดรางวัลมาแล้วกว่า 19 รางวัล สถานที่ที่ได้รับรางวัล ได้แก่ Guangzhou Julong Bay Civic Center, Radisson Collection Resort Hotel และ Zhuji Historical Memorial Hall รวมถึง พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งพระราชวังต้องห้ามเป็นอาคารสถาปัตยกรรมจีนที่ได้รับคะแนนสูงสุดใน Trip Advisor

2. ไทย - หนึ่งในประเทศในเอเชียที่มีสถาปัตยกรรมที่ดีที่สุด Trip Advisor มีสถานที่ติดอันดับยอดนิยมหลายแห่งในประเทศ เช่น บ้านจิม ทอมป์สัน และปราสาทสัจธรรม นอกจากนี้ พัทยา ยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 7 ของ Trip Advisor ในปี 2567

3. ญี่ปุ่น - ตั้งแต่ปี 2010 ถึง 2024 สถาปนิกชาวญี่ปุ่นได้รับรางวัล Pritzker Prize เป็นเวลา 5 ปี นอกจากนี้ โตเกียวยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมประจำปี 2024 ใน Trip Advisor เมืองนี้ยังติดอันดับจุดหมายปลายทางด้านวัฒนธรรมสิบอันดับแรกที่จัดอันดับโดยบริษัทในญี่ปุ่น

4. มาเลเซีย - ตึกแฝดปิโตรนาสในกัวลาลัมเปอร์ มีรีวิวมากกว่า 30,000 รายการใน Trip Advisor

5. อินเดีย - ทัชมาฮาลในอินเดียเป็นหนึ่งในอาคารทางสถาปัตยกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นอาคารสถาปัตยกรรมอันดับหนึ่งในเอเชียโดย Trip Advisor จากรีวิวและการให้คะแนน

6. ฮ่องกง - Trip Advisor ให้คะแนนพระใหญ่เทียนถาน เป็นอาคารทางสถาปัตยกรรมที่ดีที่สุดอันดับที่ 6 ในเอเชีย จัดอันดับตามรีวิวของนักท่องเที่ยว และยังได้รับรางวัล Travellers Choice Award ในปี 2023 อีกด้วย

7. มาเก๊า - สถาปัตยกรรมของมาเก๊าได้รับอิทธิพลจากจีนและโปรตุเกส สถานที่สำคัญทางสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียง เช่น ซากโบสถ์เซนต์ปอล มาเก๊าทาวเวอร์ และแกรนด์ลิสบัว

8. เวียดนาม - ได้รับการกล่าวถึงหลายครั้งในงานประกาศรางวัลสถาปัตยกรรมนานาชาติประจำปี 2023 สถานที่ชนะเลิศ ได้แก่ บ้านชุมชน Calm Casamia พิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผา Bat Trang และโรงเรียน Lung Vai

9. เกาหลีใต้ - เป็นจุดหมายปลายทางมาแรงดันอับสองของ Trip Advisor ในปี 2024 สถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกกล่าวถึง ได้แก่ หอคอย N Seoul พิพิธภัณฑ์พระราชวังเคียงบกกุง และพระราชวังชังด็อกกุง ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก

10. ไต้หวัน - มีตึกที่โดดเด่นคือ ตึกไทเป 101 ซึ่งเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในไต้หวัน ได้รับรางวัล Travellers' Choice Award จาก Trip Advisor ในปี 2023

เปิด ‘10 สถานที่’ ที่มีผู้คนไปเยือนน้อยที่สุด สอดแทรกความงาม - ควรค่าแก่การท่องเที่ยว

การท่องเที่ยวถือเป็นปัจจัยสำคัญของการใช้ชีวิตยุคใหม่ และส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ มากมายหลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส สเปน อินเดีย กรีซ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนหลายล้านคนต่อปี ในขณะที่จุดหมายปลายทางอื่น ๆ มีนักท่องเที่ยวน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด ในทุกปี ‘กรุงเทพมหานคร’ ประเทศไทย เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมมากที่สุดในโลก ประมาณ 22 ล้านคน และ ‘กรุงปารีส’ ประเทศฝรั่งเศส ตามมาเป็นอันดับสอง ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 17.4 ล้านคนต่อปี

อย่างไรก็ตาม มีจุดหมายปลายทางที่มีความถี่ไม่มากนัก และมีปัจจัยหลายประการที่ทำให้จุดหมายปลายทางเหล่านี้ได้รับความนิยมอย่างจำกัด ตัวอย่างเช่น เกาะต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายทั่วมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งอาจเผชิญกับความท้าทายในเรื่องของระยะทางไกล ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงและใช้เวลานานกว่าจะเดินทางไปถึง หรือประเทศอื่น ๆ ที่แม้จะอยู่ใกล้ แต่ก็อาจทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้าถึงได้เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไปหรือขาดสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ รวมทั้งปัญหาจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ยังด้อยพัฒนาอาจเป็นอุปสรรคในด้านการคมนาคมขนส่งและขนาดที่เล็ก ทำให้มีการจำกัดจำนวนของนักท่องเที่ยว 

นอกจากนี้ บางประเทศ เช่น เกาหลีเหนือ ถูกมองว่าการไปเยือนมีความเสี่ยง ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่แท้จริงที่เกิดจากความไม่มั่นคงทางการเมืองหรือความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่ เช่น โซมาเลีย

สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละประเทศที่ดึงดูดนั้นไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์กับความสมบูรณ์ของประสบการณ์การเดินทางเสมอไป นอกเหนือจากประเทศที่ก่อให้เกิดข้อกังวลด้านความปลอดภัยแล้ว ประเทศที่ไม่ค่อยมีคนไปเยือนนั้นมักจะสามารถรักษาความงาม ความเงียบสงบ ได้อย่างแท้จริง 

Tuvalu เป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวน้อยที่สุดในโลก เพียง 3,700 คนในปี 2023 โดย Tuvalu เป็นประเทศหมู่เกาะอันเงียบสงบในมหาสมุทรแปซิฟิก ตามรายงานของนิตยสาร CEOWORLD ประเทศนี้มีประชากรเพียง 12,000 คน การท่องเที่ยวของประเทศมุ่งเน้นไปยังเรื่องราวของน้ำทะเลสีฟ้าสวยงาม ชายหาดที่มีต้นปาล์มพลิ้วไหว การดำน้ำตื้น และการดำน้ำลึก แนวปะการัง ทะเลสาบ และแหล่งที่อยู่อาศัยทางทะเลในพื้นที่อนุรักษ์ขนาด 33 กม.² (12.74 ไมล์²) ซึ่งเป็นที่ที่เต่าทะเลเจริญเติบโต ทำให้ที่นี่มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ชายหาดเหล่านี้เหมาะสำหรับการปิกนิก เดินเล่นสบาย ๆ ล่องเรือยอร์ช ทัวร์มอเตอร์ไซค์ เยี่ยมชมร้านเบเกอรี่ในท้องถิ่น เยี่ยมชมหอสมุดแห่งชาติ และสถานที่ประวัติศาสตร์จากยุคสงครามโลกครั้งที่สอง

หมู่เกาะ Marshall (Marshall Islands) มีนักท่องเที่ยวเพียง 6,100 คนในปี 2023 หมู่เกาะภูเขาไฟแห่งนี้ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ระหว่างฟิลิปปินส์และฮาวาย มีชื่อเสียงจากหาดทรายสีขาวบริสุทธิ์ น้ำทะเลใสดุจคริสตัล และสิ่งมีชีวิตทางทะเลและพืชพรรณที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งรวมถึงปะการังมากกว่า 160 สายพันธุ์ หมู่เกาะ Marshall มีประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สองที่สำคัญเนื่องจากเคยเป็นฐานทัพของญี่ปุ่นก่อนที่จะกลายเป็นสถานที่สำหรับทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ เช่นเดียวกับ Tuvalu หมู่เกาะ Marshall กำลังตกอยู่ในสภาวะอันตรายอันเนื่องมาจากน้ำทะเลที่สูงขึ้น อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เกาะ Niue ตั้งอยู่ในแปซิฟิกใต้และเป็นหนึ่งในประเทศที่เล็กที่สุดในโลก ด้วยสภาพภูมิประเทศเป็นเกาะปะการังยกสูงที่ต้อนรับนักท่องเที่ยว 10,200 คนในปี 2023 สิ่งที่ทำให้ Niue มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือการไม่มี “ผู้คนที่พลุกพล่าน คิวที่ยาวเหยียด สัญญาณไฟจราจร หรือชีวิตที่วุ่นวาย” นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ว่ายน้ำ ดำน้ำตื้น ดำน้ำลึก พายเรือคายัค ทัวร์ ATV ขับเคลื่อน 4 ล้อ และเดินป่าแบบสบาย ๆ ผ่านภูมิประเทศต่าง ๆ เช่น ชายหาด ป่าฝน สวน และฟาร์มวานิลลา มีเที่ยวบินเข้าและออกจากเกาะ Niue เพียงสัปดาห์ละเที่ยวบินเดียว ดังนั้นจึงต้องวางแผนการเดินทางให้เหมาะสม

Kiribati เป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นประเทศเดียวที่ตัดผ่านซีกโลกทั้งสี่ มีนักท่องเที่ยวเพียง 12,000 คนในปี 2023 เป็นจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยมสำหรับการตกปลา เล่นกระดานโต้คลื่น สำรวจสถานที่สำคัญในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง และดูนก เกาะเล็กเกาะน้อย และเกาะปะการังทั้ง 33 เกาะของประเทศ เปิดโอกาสให้ดำน้ำลึกและดำน้ำตื้นในพื้นที่คุ้มครองทางทะเลเกาะฟีนิกซ์ ซึ่งเป็นเกาะพื้นที่คุ้มครองทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก Kiribati เป็นจุดหมายปลายทางที่ยังคงความเป็นธรรมชาติแต่ยังไม่ได้รับการพัฒนา ซึ่งเหมาะสำหรับนักเดินทางผู้หลงใหลในการสำรวจและการผจญภัยนอกเส้นทางที่ไม่มีใครเคยรู้จัก สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติ Kiribati ยืนยันว่า Kiribati เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการทำความเข้าใจกับประเทศ Kiribati ไม่ใช่เพียงเพื่อแวะผ่านเท่านั้น

Micronesia ตั้งอยู่ระหว่างหมู่เกาะ Marshall และ Palau มีนักท่องเที่ยว 18,000 คนในปี 2023 เป็นประเทศเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกอีกแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยเศษซากของสงครามโลกครั้งที่สอง ชายหาดที่มีแสงแดดส่องถึง เหมาะสำหรับการตกปลาและเล่นกระดานโต้คลื่น และสัมผัสความมหัศจรรย์ทางทะเลที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านแนวปะการังระดับโลกและซากเรืออับปางในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เส้นทางเดินป่าตัดผ่านภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยความงามอันเขียวชอุ่ม ในขณะที่ใจกลางเมืองใน Micronesia เต็มไปด้วยสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่มีชีวิตชีวา

หมู่เกาะ Montserrat จะต่างจากหมู่เกาะแปซิฟิก โดยเป็นประเทศแรกที่มีผู้เยี่ยมชมน้อยภายนอกภูมิภาคนี้ ตั้งหมู่เกาะนิ้งอยู่ในแคริบเบียนทางตะวันออกของอเมริกากลาง มีนักท่องเที่ยว 19,300 คนในปี 2023 ซึ่งครั้งหนึ่ง Montserrat เคยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม แต่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงด้วยการระเบิดของภูเขาไฟในปี 1995 ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายครั้งใหญ่ โดยเฉพาะต่อเมืองหลวงอย่างกรุง Plymouth หายนะครั้งนี้ทำให้ประชากรประมาณสองในสามของเกาะ Montserrat ต้องย้ายไปอยู่ประเทศอื่น โดยเฉพาะสหราชอาณาจักร ในขณะที่ภูเขาไฟของเกาะยังคงคุกรุ่นอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วสงบนิ่งมาตั้งแต่ปี 2010 tพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนใต้ของ Montserrat ยังคงเป็นเขตหวงห้าม    

หมู่เกาะ Solomon อดีตอาณานิคมของอังกฤษ อยู่ทางตะวันออกของปาปัวนิวกินี ในปี 2023 มีนักท่องเที่ยวประมาณ 29,000 คน หมู่เกาะประกอบด้วยเกาะมากกว่า 900 เกาะ แม้ว่าเสน่ห์ของการดำน้ำ การดำน้ำตื้น และการพายเรือคายัคจะมีอยู่ค่อนข้างมาก แต่ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่หลงเหลือจากสงครามโลกครั้งที่สองก็ยังเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ

Sao Tome and Principe ตั้งอยู่ในอ่าวกินีนอกชายฝั่งตะวันตกของแอฟริกากลาง ในปี 2023 มีนักท่องเที่ยวประมาณ 34,900 คน เป็นประเทศเกาะที่มีความสวยงามที่ไม่มีใครเทียบได้ ประกอบด้วยหมู่เกาะสองแห่งที่ล้อมรอบเกาะหลัก ประเทศนี้ถือเป็นกลุ่มแอฟริกาที่เล็กเป็นอันดับสอง โดยมีความหนาแน่นของประชากร 187 คนต่อตารางกิโลเมตร (4858o/ตารางไมล์) กรุง Sao Tome เมืองหลวงมีประชากรประมาณ 58,000 คน

Comoros หมู่เกาะภูเขาไฟที่อยู่นอกชายฝั่งแอฟริกาตะวันออก มีนักท่องเที่ยวมาเยือนเพียง 45,000 คนในปี 2023 ตั้งคั่นกลางระหว่างมาดากัสการ์และชายฝั่งโมซัมบิก มีความแตกแยกทางการเมืองระหว่างสหภาพ Comoros และ Mayotte ซึ่งเป็นหน่วยงานโพ้นทะเลของฝรั่งเศส ความวุ่นวายทางการเมืองได้ขัดขวางการเติบโตของการท่องเที่ยว เพราะทำให้หมู่เกาะนี้มีโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ค่อนข้างจำกัด

Guinea Bissau ครั้งหนึ่งเคยเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส ตั้งอยู่ระหว่างเซเนกัลและกินี เป็นที่ซ่อนขุมทรัพย์แห่งประวัติศาสตร์ ชายหาดอันบริสุทธิ์ ป่าอันเขียวชอุ่ม และสัตว์ป่า ในปี 2023 มีนักท่องเที่ยวมาเยือน 52,000 คน อย่างไรก็ตาม ความไม่มั่นคงทางการเมืองและความท้าทายทางเศรษฐกิจกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการท่องเที่ยว คำแนะนำอย่างเป็นทางการสะท้อนถึงข้อควรระวัง โดยอ้างอิงถึงการเก็บกวาดทุ่นระเบิดและข้อกังวลด้านความปลอดภัยเป็นระยะ ๆ แม้จะมีอุปสรรคเหล่านี้ แต่ในปัจจุบันความสงบสุขได้แผ่ขยายไปทั่วประเทศ ทำให้เกิดความหวังสำหรับการท่องเที่ยวในอนาคตที่น่าจะสดใสยิ่งขึ้น

สำหรับบ้านเรา แม้ว่าปัจจุบัน ‘กรุงเทพมหานคร’ จะเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมมากที่สุดในโลก มากถึง 22 ล้านคน แม้การเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมมากที่สุดในโลกจะยากมากแล้ว แต่การรักษาตำแหน่งเมืองที่มีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมมากที่สุดในโลกนั้นยากยิ่งกว่า ดังนั้นพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนต้องร่วมมือและร่วมใจกันเพื่อเสริมสร้างความพึงพอใจให้กับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ‘ความปลอดภัย’ ‘การบริการ’ ‘สิ่งอำนวยความสะดวก’ และสำคัญที่สุดคือ ‘อัธยาศัยที่ดีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมิตรภาพและน้ำใจไมตรี’


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top