Thursday, 4 July 2024
วัคซีนเข็มกระตุ้น

คณะที่ปรึกษา WHO แนะคนสูงวัย ใครรับ 'ซิโนแวค-ซิโนฟาร์ม' ควรฉีดเข็มกระตุ้น

คณะที่ปรึกษาด้านวัคซีนขององค์การอนามัยโลก (WHO) ออกคำแนะนำในวันจันทร์ (11 ต.ค.) บุคคลที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอควรฉีดเข็มกระตุ้นวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับการอนุมัติจาก WHO นอกจากนี้แล้วยังระบุด้วยว่าผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไปที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคและซิโนฟาร์มของจีน ก็ควรได้รับเข็มที่ 3 เพิ่มเติมเช่นกัน

อย่างไรก็ตามคณะที่ปรึกษายุทธศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันขององค์การอนามัยโลก (Strategic Advisory Group of Experts on Immunization : SAGE) เน้นย้ำว่าพวกเขาไม่แนะนำฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับประชาชนทั่วไป แม้บางประเทศได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว

องค์การอนามัยโลกต้องการให้พักฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับประชาชนทั่วไปไปจนกระทั่งสิ้นปี เพื่อเป้าหมายฉีดวัคซีนเข็มแรกแก่ประชาชนในประเทศต่างๆ หลายสิบประเทศที่ขาดแคลนวัคซีนเสียก่อน

หน่วยงานของสหประชาชาติแห่งนี้วางเป้าหมายอยากเห็นทุกประเทศทั่วโลกฉีดวัคซีนประชากรของตนเองอย่างน้อยๆ 10% ในช่วงสิ้นเดือนกันยายน อย่างไรก็ตามมีถึง 56 ประเทศที่พลาดเป้าหมายดังกล่าว ผิดกับบรรดาชาติรายได้สูง ซึ่งมีเกือบ 90% ที่ทำได้ตามเป้า

คณะที่ปรึกษายุทธศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันขององค์การอนามัยโลกระบุว่าจะมีการทบทวนประเด็นฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแก่บุคคลทั่วไปในวันที่ 11 กันยายน

ปัจจุบันมีวัคซีนโควิด-19 หลายตัวที่ได้รับอนุมัติจากองค์การอนามัยโลกสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน ประกอบด้วยของไฟเซอร์-ไบออนเทค จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โมเดอร์นา ซิโนฟาร์ม ซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า เกือบทั้งหมดเป็นวัคซีน 2 เข็ม ยกเว้นของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน

ขณะเดียวกันองค์การอนามัยโลกอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินวัคซีนของภารัต ไบโอเทค แห่งอินเดียหรือไม่

คณะที่ปรึกษายุทธศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันขององค์การอนามัยโลก ได้จัดการประชุม 4 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อทบทวนข่าวสารและข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับวัคซีนโรคโควิด-19และโรคอื่นๆ

'หมอนิธิ' วอน!! 'ผู้สูงอายุ-เด็ก-ผู้ใหญ่'​ เร่งฉีดอย่างน้อย 3 เข็ม ก่อนเข้าสู่หลากเทศกาลติดง่ายในช่วงเดือนเมษายน

.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ได้ชี้ให้เห็นว่า สงคราม COVID-19 ครั้งนี้ ได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อโอมิครอนได้กลายมาเป็นสายพันธุ์หลักของประเทศไทย 'กลยุทธ์ต้องปรับ'​ โดยให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันตนเองไว้ว่า...

แม้ว่าจะไม่มีวัคซีนชนิดใดสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนนี้ได้ดีพอในทุกช่วงอายุ แต่การได้วัคซีนอย่างน้อย 3 เข็มก็สามารถป้องกันการเกิดอาการรุนแรงและการเสียชีวิตได้ดีมากๆ เหมือนกันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิดใด

"สำหรับสายพันธุ์โอมิครอน ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคเรื้อรังทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็ม ก่อนเข้าสู่เดือนเมษายนนี้ เพราะจะเป็นช่วงที่ประเทศไทยมีการเคลื่อนที่ของคนมาก เนื่องจากมีเทศกาลเช็งเม้งและสงกรานต์ เพราะประชากรในกลุ่มนี้จะมีโอกาสเสี่ยงในการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ หากได้วัคซีนแค่ 2 เข็ม หรือน้อยกว่านั้น

สถาบันวัคซีนฯ ออกแถลงการณ์ อย่าเข้าใจผิดปล่อยให้ติดเชื้อโอมิครอน เพราะไม่ได้สร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ ต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเท่านั้น จึงจะเกิดภูมิ

สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ออกแถลงการณ์ เรื่อง ความจำเป็นของการได้รับวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น ระบุว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ที่มีการระบุว่า ไม่มีความจำเป็นต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น การปล่อยให้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน มีความปลอดภัย และเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันโรคตามธรรมชาตินั้น

สถาบันมีความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับการส่งต่อข้อมูลที่มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนดังกล่าวอย่างมากในการนี้ สถาบันขอยืนยันว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในสถานการณ์ที่ไวรัสมีการกลายพันธุ์อย่างรวดเร็วนั้น มีความจำเป็นอย่างมากโดยการฉีค วัคชีนเข็มกระตุ้น ช่วยลดอาการป่วยที่รุนแรง ลดโอกาสการเสียชีวิต และลดโอกาสการเกิด ภาวะ Long COVID ในผู้ใหญ่ รวมถึงภาวะอักเสบทั่วร่างกายในเด็ก (Multisystem Inflammatory Syndrome in Children; Mis-C) จากการป่วยด้วยโควิด-19 ได้จริง

หลักฐานเชิงประจักษ์ชี้ว่า วัคชีนเข็มกระตุ้นสามารถลดอาการเหล่านี้ลงได้มากกว่าผู้ป่วยที่ไม่เคยฉีดวัคซีนเลย หรือ ฉีดวัคซีนแล้วแต่ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น มีการดำเนินการอย่างกว้างขวาง ทำให้มีรายงานยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิผล (Vaccine effectiveness) ของการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจำนวนมากจากหลายประเทศทั่วโลก

โดยในประเทศไทยได้มีการเก็บข้อมูลเพื่อศึกษาประสิทธิผลของวัคชีนที่ใช้ในประเทศด้วยเช่นกัน ผลการศึกษาในปัจจุบัน (ข้อมูลการประเมินประสิทธิผลวัคซีนจากการใช้จริง จ. เชียงใหม่ ช่วงเดือน มกราคม-มีนาคม 2565 ณ วันที่ 8 เมษายน 2565) ระบุว่า

ในสถานการณ์การระบาดของโอมิครอน การฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ไม่ป้องกันการติดเชื้อ แต่สามารถป้องกันการเสียชีวิตได้มากกว่า 85% และหากได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ในระยะเวลาที่เหมาะสม สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 34-68% และเพิ่มการป้องกันการเสียชีวิตได้ถึง 98-99% และเมื่อมีการมีวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 4 เมื่อครบกำหนดการเข้ารับวัคซีน พบว่า สามารถป้องกันการติดเชื้อได้สูงถึง 80-82% โดยยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 4

จากผลการประเมินประสิทธิผลวัคซีนจากการใช้จริงในระดับโลก ทำให้องค์การอนามัยโลกได้ออกประกาศสนับสนุนให้ประชาชน เข้ารับวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น เพื่อลดอัตราการป่วยหนัก และเสียชีวิตจากการคิดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ด้วยเช่นกัน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top